IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Closed TopicStart new topic
> ปิ๊งรักกับหนุ่มกามเทพ, หมวด : เรื่องยาว / ประเภท : รักโรแมนติก
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 6 2013, 05:10 PM
โพสต์ #1


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง








หมวด : เรื่องยาว ประเภท : รักโรแมนติก


....................................


...หนึ่งกามเทพหนุ่ม กับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ที่ฝ่ายหญิงรักฝ่ายชายข้างเดียว
กามเทพหนุ่มจึงได้รับภารกิจมาทำให้ความรักของเธอสมหวัง
แต่เมื่อเขาเริ่มช่วยเธอไปเรื่อยๆ เขากลับเริ่มหลงรักเธอเข้าซะนี่
แล้วแบบนี้เขาจะช่วยเธอสำเร็จไหม? แล้วเธอจะรู้สึกชอบเขาบ้างไหม?
เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป โปรดติดตามได้ใน
ปิ๊งรักกับหนุ่มกามเทพ!...


....................................


ฝากเล็กน้อยจากผู้เขียน...นี่เป็นนิยายรักโรแมนติกเรื่องแรกจากผู้เขียน
ก็ไม่รู้ว่าจะถูกใจนักอ่านทุกท่านไหม
แต่ก็จะพยายามเขียนให้ดีที่สุด ^^


ปล. หนึ่ง พยายามจะไม่ดองนะคะ 555 เพราะว่ามีเปอร์เซนต์ดองมีสูงมากๆ =W=
ปล. สอง ขอให้นักอ่านทุกท่านสนุกสนานกับนิยายของผู้เขียน (ที่ไม่ค่อยได้เรื่องได้ราว?) นะคะ :D

ปล. สาม ถ้าชอบก็กดดาวให้ด้วยนะคะ ขอขอบพระคุณเป็นอย่างสูงค่ะ


....................................


วิจารณ์เรื่องนี้ได้ ที่นี่!!






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 6 2013, 08:44 PM
โพสต์ #2


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง มีหญิงสาวในชุดนักศึกษานั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหินอ่อนตามลำพัง ภายใต้ร่มเงาต้นไม้ใบหนา บดบังแสงแดดอันร้อนแรงของเดือนมีนาคมได้เป็นอย่างดี เธอกำลังนั่งมองรูปถ่ายของใครคนหนึ่ง (จะเรียกว่านั่งมองเฉยๆ คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ แต่ถ้าเรียกว่านั่งเพ้อหรือนั่งคิดถึงคนในรูปถ่ายจะเหมาะมากกว่า) เธอนั่งมองรูปนี้มาได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว โดยไม่ทำอะไรเลย ไม่ใช่ว่าเธอโดดเรียนหรอกนะ แต่เพราะว่าวันนี้เป็นวันสอบวันสุดท้าย และเธอก็สอบเสร็จแล้ว ในระหว่างที่เพื่อนๆ ของเธอยังสอบอยู่ เธอจึงมานั่งคอยเพื่อนๆ ที่นี่ และเมื่อไม่มีอะไรให้ทำ นอกจากคอย คอย และคอย เธอจึงหยิบรูปถ่ายใบนี้ (ใบที่เธอนั่งเพ้ออยู่นั่นแหละ) ขึ้นมา แล้วก็นั่งเพ้ออยู่จนถึงตอนนี้ จนกระทั่ง...

....."ดาว ดาว อ้อ นั่งอยู่นี่เอง" เสียงเพื่อนของเธอคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้เธอรีบเก็บรูปถ่ายแทบไม่ทัน

....."มีอะไรเหรอ วรรณ เรียกซะเสียงดังเชียว" เธอรีบถามกลบเกลื่อนอาการเมื่อครู่ แต่มันก็ไม่รอดพ้นสายตาของเพื่อนเธออีกคนหรอกนะ

....."เมื่อกี้เธอนั่งดูรูปอะไรอยู่เหรอ เห็นท่าทางเคลิ้มเชียว" มาริสาถามพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

....."ปะ-เปล่า ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่รูปที่ฉันกับเธอสองคนถ่ายเมื่อตอนเป็นนักศึกษาใหม่ไง" เธอหมายถึงรูปที่ถ่ายกันเมื่อตอนอยู่ปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยแห่งนี้

....."ว่าแต่ว่า พวกเธอยังไม่บอกฉันเลยนะว่าที่เรียกฉันเนี่ยมีอะไรเหรอ"

....."ก็ปีนี้พวกเราต้องไปค่ายทัศนศึกษาน่ะ อาจารย์เพิ่งบอกพวกฉันเมื่อตอนสอบเสร็จ" จิตรวรรณ หรือ "วรรณ" เป็นคนตอบ

....."ว้า ปิดเทอมนี้ก็คงไม่ว่างแล้วล่ะสิ ว่าจะกลับไปเยี่ยมป้าอุ่นสักหน่อย" เธอหมายถึงคนที่เลี้ยงดูเธอมาตั้งแต่เด็กๆ ถึงแม้ว่าป้าอุ่นจะไม่ใช่ป้าแท้ๆ แต่เธอก็เคารพเหมือนญาติที่สำคัญคนหนึ่ง เนื่องจากเธอไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน และที่สำคัญเธอไม่มีพ่อแม่แล้วด้วย เธอจึงรักและเคารพป้าอุ่นมากๆ

.....เธอมีชื่อจริงว่า ดารกา เลิศไพบูลย์ หรือเรียกสั้นๆ ว่า ดาว เธอมีใบหน้าที่งดงามมาก แต่น่าเสียดาย เพราะเธอไม่ค่อยชอบแต่งหน้า แต่งตัว เธอจึงดูเหมือนผู้หญิงธรรมดาๆ ที่ไม่โดดเด่นคนหนึ่ง ตอนนี้เธอเรียนมหาวิทยาลัยอยู่ปีสองแล้ว เธอไม่รู้ว่าพ่อแม่เป็นใคร เพราะตั้งแต่จำความได้ เธอก็อยู่กับป้าอุ่นมาตลอด แต่เธอก็มีสร้อยล็อกเก็ตรูปพ่อแม่ของเธอ ที่เธอสวมอยู่ที่คอไม่เคยถอดเลย จนดูเหมือนว่ามันเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งบนร่างกายเธอไปแล้ว เธอพยายามถามป้าอุ่นตลอดว่า ทำไมพ่อแม่ถึงทิ้งเธอไปหรือพ่อแม่เธอเป็นอะไรไป จึงอยู่กับเธอไม่ได้ แต่ไม่ว่าจะถามเท่าไหร่ ป้าอุ่นก็ไม่เคยตอบเธอสักที บอกเพียงแต่ว่า 'พ่อแม่ของคุณหนูเป็นคนดี แต่คุณหนูจะไม่ปลอดภัย ถ้าป้าบอกเรื่องพ่อแม่ของคุณหนู' นี่ก็เหมือนกันไม่รู้ว่าทำไมป้าอุ่นจึงเรียกเธอว่า "คุณหนู" ตลอดเวลา แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไร อาจจะเป็นเพราะป้าอุ่นอยากให้เธอเป็นคุณหนูก็ได้กระมัง

....."แล้วเราจะไปทัศนศึกษากันที่ไหนเหรอ" เธอถาม

....."มันก็ไม่เชิงทัศนศึกษาหรอกนะ ฉันว่ามันเป็นค่ายอาสามากกว่า แล้วทำไมต้องมีชื่อพวกเราในใบรายชื่อด้วยนะ" จิตรวรรณบ่น แต่ก็ไม่จริงจังเท่าไหร่นัก

....."ยังไงเหรอ"

.....เมื่อเห็นว่าจิตรวรรณไม่ตอบ มาริสาจึงตอบแทนว่า "ก็เราต้องไปสร้างโรงเรียนให้เด็กชนบทน่ะ เธอก็รู้ว่ายายวรรณไม่ค่อยชอบเด็กเท่าไหร่ ใช่ไหม แล้วมันก็เป็นการสุ่มคนไปด้วย ซึ่งเราสามคน -ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายนะ- มีรายชื่อในการสุ่มครั้งนี้ครบทั้งสามคนเลย"

....."อ้อ แล้วทำไมต้องบอกว่าโชคดีหรือโชคร้ายด้วยล่ะ มีอะไรอีกงั้นเหรอ"

....."มันอาจจะเป็นโชคร้ายของพวกฉัน แต่ว่ามันอาจจะเป็นโชคดีของเธอ" จิตรวรรณบอก เมื่อเห็นดารกายังทำหน้างง เธอจึงขยายความว่า "ก็ในรายชื่อค่ายอาสาครั้งนี้ มีชื่อรุ่นพี่คนนั้นอยู่น่ะสิ"

.....ไม่ต้องบอกว่ารุ่นพี่คนนั้นชื่ออะไร ดารกาก็รู้ได้ไม่ยาก เพราะรุ่นพี่ที่เธอสนใจมีอยู่คนเดียวเท่านั้น นั่นก็คือ วรุตม์ หัตถทรัพย์ ผู้เป็นบุคคลในรูปถ่ายที่เธอนั่งเพ้อ ก่อนที่เพื่อนของเธอจะเรียกเธอนั่นเอง

.....เธอหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ก็รีบบอกเพื่อนว่า "บ้า โชคดงโชคดีอะไร ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชายสักหน่อย"

....."งั้นเหรอจ๊ะ ถ้าไม่คิดอะไรทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ" มาริสาเย้า

....."นั่นสิ หน้าแดงใหญ่เลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า" จิตรวรรณเสริม หลังจากที่หายอารมณ์บูดแล้ว

....."พวกเธอสองคนอ่ะ แกล้งฉันอยู่เรื่อย ฉันไม่พูดด้วยแล้ว" แล้วดารกาก็เดินจากไป ทิ้งให้เพื่อนสองคนหัวเราะไล่หลังตามมา


***



.....ไกลขึ้นไปจากมหาวิทยาลัย ท่ามกลางหมู่เมฆบนท้องฟ้า มีอาณาจักรแห่งหนึ่งลอยอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆเหล่านี้ เป็นอาณาจักรที่สวยงาม เหมือนวิมานในอากาศที่คนส่วนใหญ่วาดฝันไว้

....."นี่ ลูกแม่ แม่มีภารกิจมาให้ทำ อยากทำไหมล่ะ" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งที่แม้จะมีอายุเกือบห้าสิบปีแล้ว แต่ก็ยังคงความสวยงามสง่าไว้ไม่เปลี่ยนไปเลย กำลังพูดกับลูกชายของนาง

.....ลูกชายของนางชื่อ กานต์ เขาเป็นกามเทพหนุ่มที่หล่อเหลามาก มีตาสีดำคมกริบ กามเทพสาวหลายๆ ตนต่างก็อยากเป็นเจ้าของหัวใจกามเทพหนุ่มผู้นี้ แต่เป็นเพราะตาคู่นี้นี่แหละ ที่ทำให้เหล่ากามเทพสาวนึกกลัวเขาด้วยเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังเป็นกามเทพหนุ่มที่หัวใจยังไร้เจ้าของอยู่ แต่เขาก็ไม่สนหรอก เขาอยากทำภารกิจมากกว่า อยากจะรู้ว่าความรักมันเป็นยังไง เพราะตอนนี้เขายังคงไม่เข้าใจว่า มีความรักแล้วมันดียังไง บางคนอาจจะมีความสุข แต่บางคนก็เจ็บปวด สงครามทั้งหลายในยุคก่อน ส่วนใหญ่ก็เกิดมาจากความรักทั้งนั้น แล้วมันดีตรงไหนเนี่ย ไอ้คำว่าความรัก

.....เมื่อท่านแม่เสนอภารกิจให้ทำ เขาก็ยินดี ยังไงๆ กามเทพทุกตนก็ต้องทำภารกิจนี้อยู่แล้ว ก็ถ้าไม่ทำจะเรียกพวกเขาว่ากามเทพทำไม ในเมื่อกามเทพคือทูตแห่งความรัก เขาก็ควรทำหน้าที่นี้ให้ดีที่สุด อีกอย่างกามเทพทุกตนจะได้รับภารกิจแค่ครั้งเดียวในชีวิต ถ้าเขาปฏิเสธครั้งนี้ไป เขาก็ไม่รู้ว่าจะได้ทำอีกเมื่อไหร่ ดังนั้นเขาจึงตอบตกลงกับท่านแม่ทันที 'อยากรู้ด้วยว่า ความรักมันเป็นยังไง แล้วมนุษย์คู่ไหนกันนะ ที่เขาได้ไปทำหน้าที่ให้' เขาคิด

....."ว่าแต่ท่านแม่ ลูกต้องไปช่วยใครเหรอ ผู้ชายหรือผู้หญิง" เขาถาม

....."ผู้หญิงจ้า สวยด้วยน้า" ท่านแม่แหย่

....."ผู้หญิงอีกแล้ว ทำไมผู้หญิงถึงได้มีความรักกันทุกวี่ทุกวันนะ" เขาบ่น เพราะว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน เพื่อนกามเทพของเขาก็ไปช่วยผู้หญิงเหมือนกัน

....."คงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนไหวง่ายมั้งจ๊ะ" ท่านแม่ตอบพลางยิ้มอย่างอ่อนโยน

....."หวังว่าเธอคนนี้คงจะไม่เพ้อจนเกินไปนะ" เขาพึมพำ แล้วรับรูปถ่ายและที่อยู่ของคนที่เขาต้องไปช่วยมาจากท่านแม่

....."โห ยังเรียนหนังสืออยู่ด้วยนะเนี่ย" เขาร้อง "ทำไมมนุษย์มีความรักกันไวจัง"

....."เรื่องของความรักนะลูก ไม่จำเป็นต้องมีเวลา ไม่จำเป็นว่าจะต้องเรียนอยู่หรือเรียนจบแล้ว เรื่องอายุก็ไม่จำเป็นเช่นกัน แค่ว่ามันเกิดขึ้นจากความรู้สึกไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ทุกคนก็มีความรักด้วยกันทั้งนั้น ดูอย่างแม่กับพ่อสิ ชอบกันมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว พอได้เรียนด้วยกัน ทำงานด้วยกัน ก็เลยเกิดเป็นความรัก แล้วจึงแต่งงานกัน จนมีลูกอย่างลูกไงจ๊ะ" ท่านแม่พยายามอธิบาย แต่ก็รู้ว่าลูกเธอยังคงไม่เข้าใจอยู่ดี 'คงต้องรอให้มีความรักเองแล้วล่ะมั้ง จึงจะเข้าใจ' เธอคิด

....."งั้นผมไปปฏิบัติภารกิจเลยแล้วกันนะครับ จะได้รีบกลับมาหาท่านพ่อกับท่านแม่ไวๆ" เขารีบเอาใจท่านแม่โดยการหอมแก้มท่านทั้งสองข้าง

....."จ้า แต่ว่าไม่ต้องรีบหรอกนะ ลูกจะได้เรียนรู้คำว่าความรักด้วยไง" ท่านแม่ยิ้มให้ลูกชาย ซึ่งเป็นยิ้มที่สวยงามมาก

....."ครับ ท่านแม่" ตอบรับแล้วเขาก็จากไป ปล่อยให้ท่านแม่ยืนยิ้มอยู่ตนเดียว

....."ลูกไปแล้วหรือคุณ" ชายผู้เข้ามาใหม่พูดขึ้น หลังจากที่กานต์ไปได้สักพักแล้ว

....."ค่ะ หวังว่าลูกคงจะได้รู้จักความรักสักทีนะคะ"

.....แล้วชายผู้เข้ามาใหม่ก็กอดหญิงคนเดียวที่อยู่ในห้อง (และในหัวใจของเขาตลอดมา) จากด้านหลัง แล้วกระซิบเบาๆ ที่หูของเธอว่า "เหมือนที่ผมรู้จักเพราะคุณใช่ไหม"


________________________________________________________________________


มีการแก้ไขนิดหน่อย (คงไม่หน่อยมั้ง...) โดยการเอาเครื่องหมายคำถามออก
แล้วก็ปรับแต่งบางประโยคให้มันดูดีขึ้น (จะมากแค่ไหนก็ไม่รู้...)
ถ้าแก้อะไรอีกจะมาบอกนะคะ
ขอขอบคุณทุกท่านที่มาติมาชมค่ะ
#เรียบเรียงประโยคใหม่






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 7 2013, 08:34 PM
โพสต์ #3


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....หลังจากที่กานต์ดูที่อยู่ที่ได้รับมาจากท่านแม่แล้ว เขาก็หายตัวไปตามที่อยู่นั้นทันที แต่ว่าเมื่อเขามาปรากฏตัว เขากลับแปลกใจ เพราะอะไรน่ะหรือ ก็นี่มันไม่เหมือนสถานที่สำหรับการอยู่อาศัยเลยน่ะสิ มันเป็นห้องๆ หนึ่งที่เล็กมาก เขาลองพิจารณาดูว่า ภายในห้องนี้ประกอบด้วยอะไรบ้าง ที่เห็นอย่างแรกเลยก็คือ กระจก ถัดลงมาจากกระจกก็เป็นอ่างล้างมือ เมื่อหันไปมองข้างหลังก็เจออ่างอาบน้ำ 'เอ๊ะ! อ่างอาบน้ำเหรอ งั้นนี่ก็...' ยังคิดไม่ทันเสร็จก็มีหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องน้ำ เธอใช้กิ๊บตัวใหญ่รวบผมไว้ข้างหลัง ป้องกันไม่ให้มีผมหลุดลุ่ยลงมาระต้นคอ และกำลังจะถอดเสื้อ เมื่อเธอเหลือบไปเห็นเขาเข้า

.....'เอาล่ะสิ อีกไม่กี่วินาที เธอต้องกรี๊ดแน่' เขาคิดอย่างหัวเสีย และก็เป็นไปตามคาด เพราะดารกากรี๊ดจริงๆ เขาจึงรีบใช้มือปิดปากเธอ แต่เธอก็ดิ้นสุดแรงเพื่อให้หลุดจากมือของเขา เขาจึงรวบตัวเธอเข้ามากอดไว้ แล้วกระซิบที่หูเธอว่า "เงียบก่อน ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก"

....."เป็นอะไรหรือเปล่า ดาว!" มาริสาตะโกนถามมาจากข้างนอกประตูห้อง

.....ดารกาเหลือบตาดูชายหนุ่มนิดนึง เมื่อเห็นเขาส่งสายตาประมาณว่า 'อย่าบอกเรื่องของเขา' มาให้อย่างน่ากลัว เธอก็รีบตอบเพื่อนของเธอว่า "ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ สา สาไปเก็บของต่อเถอะ"

....."ไม่มีอะไรแน่เหรอ ทำไมร้องกรี๊ดซะดังลั่นเชียว" มาริสายังไม่หายสงสัย

....."ไม่มีอะไรจริงๆ จ้า" ดารกายืนยันเพื่อให้เพื่อนคลายความสงสัยลง แต่เมื่อยังได้ยินเสียงมาริสาเดินไปมาอยู่ตรงหน้าประตู เธอก็เลยโกหกเพื่อนว่า "ฉันก็แค่ แค่ เอ่อ เห็นจิ้งจกน่ะ ตัวมันโตมากเลย ฉันเลยตกใจนิดหน่อย"

....."ว้าย! จิ้งจกเหรอ งั้นเธอรีบเอามันออกไปไกลๆ เลยนะ อย่าให้ฉันเห็นเลย ฉันคงหัวใจวาย" คราวนี้เป็นเสียงจิตรวรรณ ที่เดินมาเรียกมาริสาให้ไปจัดของต่อได้ยินเข้าพอดี เธอทำท่าขยะแขยง "ไปเหอะ ยายสา ปล่อยให้ดาวเขาจัดการกับจิ้งจกไปเถอะ"

.....เมื่อเพื่อนๆ ของเธอกลับไปเก็บของต่อกันหมดแล้ว เธอก็รีบหันมาสำรวจชายหนุ่มทันที แต่เพราะเธอเงยหน้าเร็วเกินไป แล้วเขาก็ก้มหน้ามองเธออยู่ก่อนแล้ว เป็นผลให้จมูกของเขาโดนแก้มเธอเล็กน้อย เธอรีบก้มหน้าที่มีสีชมพูระเรื่อลง แล้วพูดกับชายหนุ่มเบาๆ ว่า "จะปล่อยได้หรือยังล่ะ กอดอยู่ได้"

....."ก็ได้ ถ้าเธอไม่โวยวายขึ้นมาอีกรอบ" เขาพูดเป็นปกติธรรมดามาก ทั้งๆ ที่เกิดอุบัติเหตุเล็กน้อยขึ้นเมื่อกี้ เขาควรจะพูดว่า "ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ" อะไรแบบเนี้ย แต่ก็นั่นแหละ 'ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด เป็นเพราะเธอเงยหน้าขึ้นมาเร็วทำไมล่ะ ช่วยไม่ได้นี่นะ' เขาคิด

....."โอเค ฉันไม่โวยวายแล้ว" ดารกาตอบอย่างเสียไม่ได้ 'คนอะไร ไม่เป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย' เธอคิดต่อในใจ

.....หลังจากที่เธอเป็นอิสระ เขาก็ลอบพิจารณาดูเธอ โดยไม่ให้เธอรู้ 'ผู้หญิงอะไร้ ทำไมถึงแต่งตัวได้เชยได้ขนาดนี้เนี่ย หน้าตาก็ดูดีอยู่หรอก แต่ให้เป็นแบบนี้มันก็ไม่ไหวเหมือนกันนะ สงสัยคงเพราะเป็นแบบนี้แน่ๆ ผู้ชายคนนั้นจึงไม่ชอบ ท่านแม่เลยต้องส่งเขาให้ลงมาช่วยเธอ เฮ้อ จะช่วยได้มั้ยเนี่ย สภาพแบบนี้ คงยาก' เขาวิจารณ์เธออยู่ในใจ พร้อมกับคิดถึงภารกิจของกามเทพตนอื่นๆ ว่าจะเหมือนของเขาบ้างไหม

....."นี่ นาย นาย ได้ยินฉันไหมเนี่ย" ดารกาเรียกเป็นรอบที่สองแล้ว แต่ก็ดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้ยินเธออยู่ดี เธอเลยลองเรียกเขาอีกรอบดู คราวนี้เธอไปเรียกที่ข้างหูของเขาเลย "นี่ ได้ยินฉันไหม"

.....ได้ผล เขาหลุดออกจากภวังค์ทันที พร้อมกับตอบว่า "ได้ยินแล้ว มีอะไรล่ะ เรียกอยู่ได้"

....."มีอะไรงั้นเหรอ ฉันควรเป็นคนถามนายมากกว่านะว่า นายเข้ามาอยู่ในห้องน้ำได้ยังไง เพราะตั้งแต่ฉันเข้าหอมา ฉันยังไม่เห็นมีผู้ชายคนไหนเคาะประตู แล้วก็ขอเข้าหอนอนของฉันกับเพื่อนฉันเลยนะ นายเข้ามาทางไหนน่ะ" ดารกาถามอย่างสงสัย แล้วก็สันนิษฐานกับตัวเองเบาๆ ว่า "หรือว่าจะปีนเข้ามา คงไม่หรอกมั้ง หออยู่สูงเกินไป ปีนไม่ได้หรอก หรือว่าจะแอบเข้ามาก่อนอยู่แล้ว แต่เอ๊ะ ก็คงไม่ได้อีก เพราะว่าไม่มีกุญแจ หรือว่าจะ...สะเดาะกุญแจเข้ามา" เธอทำตาโต

....."นี่ หยุดคิดอะไรแบบนั้นเลยนะ กามเทพอย่างฉันไม่มีวันทำอย่างนั้นเด็ดขาด" เขารีบพูดขึ้นทันที ก่อนที่เธอจะคิดอะไรเกินเลยยิ่งกว่านี้ "แล้วฉันก็ไม่ได้พิศวาสอะไรเธอด้วย ก็แค่ต้องมาช่วยเธอเท่านั้นแหละ"

....."ช่วยเหรอ ช่วยอะไรล่ะ ฉันมีอะ-" ดารกาพูดแค่นั้น แล้วก็ร้องออกมาว่า "เมื่อกี้นายพูดว่านายเป็นอะไรนะ ใช่ ใช่กามเทพหรือเปล่า"

....."พูดค่อยๆ หน่อยสิ เดี๋ยวพวกเพื่อนเธอก็แห่กันมาหรอก" เขาเตือนพลางทำตาดุ

....."เอ้อ ขอโทษที แต่ว่า เมื่อกี้นายพูดว่ากามเทพอย่างฉันใช่มั้ย" ดารกาลดเสียงลง แต่ยังคงคาดคั้นเขาต่อ

....."ใช่แล้ว ฉันเป็นกามเทพ เพื่อมาช่วยให้เธอสมหวังในความรักไง"

....."กามเทพเนี่ยนะ ไม่ ฉันไม่เชื่อหรอก นายอย่ามาล้อเล่นดีกว่า กามเทพมันก็มีแต่ในเรื่องเล่า ตำนาน หรือนิทานแค่นั้นแหละ มันไม่มีจริงหรอกน่า" ดารกาพูดอย่างไม่อยากเชื่อ

....."โอ๊ย ทำไมฉันต้องมาช่วยคนอย่างเธอด้วยนะ" เขาบ่น เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย "มีแต่คนดีใจกันทั้งนั้น ที่ได้เห็นกามเทพตัวจริง เธอนี่ยังไง เห็นกามเทพตัวจริงกลับไม่ดีใจ แล้วก็มาหาว่าฉันหลอกเธออีก ถ้าฉันรู้ว่าเธอเป็นแบบนี้นะ ฉันปฏิเสธท่านแม่เรื่องภารกิจนี้ดีกว่า"

....."ถ้านายเป็นกามเทพจริง นายก็ต้องมีปีกสิ ไม่เห็นนายจะมีปีกเลย" ดารกาพูดอย่างไม่อยากเชื่ออยู่ดี

....."ถ้าฉันจะทำให้เธอเชื่อได้ล่ะก็ โอเค เธอดูให้ดีๆ เลยนะ"

.....เมื่อเขาหลับตาลง แล้วลืมขึ้นอีกครั้ง ปีกก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนหลังของเขา ตอนแรกก็เห็นรางๆ แล้วก็ชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปีกนุ่มดุจขนนกสีขาวชัดเจน ดารกาเดินอ้อมไปดูข้างหลังว่ามันออกมาจากหลังของเขาจริงๆ ไม่ใช่ต่อกับเสื้อของเขา เธอเริ่มลองดึงปีกของเขา เพื่อดูว่ามันจะหลุดออกมาไหม แต่เธอดึงแรงเกินไปจนเขาร้องโอ๊ยออกมาเบาๆ

....."นี่เธอคิดจะทำอะไรน่ะ ฉันเจ็บนะ"

....."ขอโทษ ฉันไม่ได้ตั้งใจ ก็แค่อยากพิสูจน์น่ะว่าเป็นของจริง" ดารการีบพูดอย่างสำนึกผิด "แต่ว่ากามเทพเก็บปีกได้ด้วยเหรอ ฉันนึกว่าจะต้องมีปีกอยู่ตลอดเวลาซะอีก" เธอขมวดคิ้ว

....."ปีกไม่ได้สำคัญขนาดนั้นซะหน่อย แล้วฉันก็ไม่ค่อยชอบปีกอยู่แล้ว คิดว่าเก็บมันไว้น่าจะดีกว่า ทำไมเธอช่างสงสัยจัง" เขาส่ายหน้าอย่างระอากับความช่างสงสัยของเธอ

....."ไม่ใช่เรื่องอะไรของนายสักหน่อย แต่ฉันก็เชื่อแล้วล่ะนะว่านายเป็นกามเทพ แล้วกามเทพเนี่ยมีชื่อหรือเปล่าล่ะ"

....."มีสิ ถ้าไม่มีคงได้สับสนกันหมดแน่ เวลาจะเรียกทำภารกิจหรือพูดคุยกัน ฉันชื่อว่า กานต์" เขาบอกแต่ก็อดประชดประชันนิดหน่อยไม่ได้ "ส่วนเธอก็คือ ดารกา เลิศไพบูลย์ สินะ"

....."นายรู้ชื่อฉันได้ไงน่ะ" ดารกาถามอย่างตกใจ

....."ก็รู้น่ะสิ ไม่งั้นฉันจะมาช่วยเธอได้ยังไง ถ้าไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ทำอะไร อยู่ที่ไหน" กานต์ตอบอย่างเซ็งๆ

....."อ้อ อื้อ เรียกฉันว่าดาวเฉยๆ ก็ได้นะ แล้วที่นายบอกว่ามาช่วยเนี่ย ช่วยเรื่องอะไรล่ะ" ดารกายังคงถามต่อไป

....."จะให้กามเทพช่วยเรื่องอะไรดีล่ะ หางานให้ทำเหรอ นี่เธอจะบ้าหรือเปล่าเนี่ย ถามฉันมาได้ เป็นกามเทพก็ต้องมาช่วยเรื่องความรักสิ เฮ้อ" กานต์เริ่มหงุดหงิดขึ้นมาอีกแล้ว 'ทำไมเธอช่างไม่รู้อะไรเอาเสียเลยนะ' เขาคิดอย่างเหนื่อยใจ

....."แต่ว่าฉันยังไม่ได้รักใครเลยนี่" ดารกาเถียง แต่คำพูดต่อมาก็เบาซะจนต้องเงี่ยหูฟัง "ก็ยังไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่อ่ะนะ" แล้วเธอก็นึกถึงวรุตม์ขึ้นมา

....."นั่นไง เพราะเป็นแบบนี้เนี่ยแหละ เธอเลยไม่สมหวังสักที" กานต์พูด "เธอจะยอมรับความช่วยเหลือจากฉันไหมล่ะ"

....."ถ้าฉันไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากนาย นายจะทำอะไรฉันหรือเปล่าล่ะ"

....."ไม่ทำอะไรหรอก ก็แค่ทำให้เธอจำอะไรเรื่องที่ฉันพูดกับเธอเมื่อกี้ไม่ได้ รวมถึงตัวฉันเองด้วย"

....."หมายความว่ากามเทพก็ยังคงเป็นเรื่องเล่า ตำนาน หรือเป็นนิทานต่อไปใช่ไหม"

....."ใช่แล้ว ว่าไง จะยอมรับความช่วยเหลือจากฉันไหม" กานต์ถามคำถามเดิมอีกครั้ง

....."โอเค ฉันยอมรับความช่วยเหลือจากนาย" ดารกาตอบตกลง เมื่อเห็นว่ากานต์มองเธออย่างสงสัย ที่ทำไมเธอตอบตกลงง่ายจัง เธอก็เลยชี้แจงว่า "ก็ไม่มีโอกาสบ่อยนักหรอก ที่จะได้เจอกามเทพตัวจริงน่ะ" แล้วเธอก็ส่งยิ้มให้แบบเด็กๆ

.....กานต์เผลอยิ้มตอบไปนิดเดียว (นิดเดียวจริงๆ นะ) แล้วเขาก็รีบพูดว่า "งั้นเธอฟังแผนของฉันนะ ฉันจะไปเข้าค่ายกับเธอด้วยในฐานะพี่ชายของเธอ"

....."พี่ชาย!"

....."ใช่ พี่ชาย ลูกชายของป้าอุ่น คนที่เลี้ยงดูเธอน่ะ"

....."นี่ นายมีประวัติของฉันหมดเลยหรือไงเนี่ย" ดารกาถามอย่างสงสัย (อีกแล้ว)

....."ใช่" กานต์ตอบ แล้วพูดต่อในใจว่า 'รวมทั้งส่วนที่เธอยังไม่รู้ด้วย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของเขาที่จะต้องบอก' "ทีนี้จะฟังต่อได้หรือยัง" เมื่อเห็นดารกาพยักหน้า เขาก็อธิบายต่อว่า "เธอไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปนะ เดี๋ยวฉันเตรียมให้ แล้วฉันจะมาหาเธออีกทีวันพรุ่งนี้ อ้อ อีกอย่างเธอเรียกฉันว่าพี่กานต์นะ ส่วนฉันจะเรียกเธอว่าน้องดาว เอ ไม่ ไม่ ฉันเรียกเธอว่าดาวเฉยๆ ดีกว่า ฉันไปก่อนนะ"

.....เมื่อเขาพูดจบ ร่างของเขาก็หายไปเลย จนดารกาไม่มีโอกาสได้ถามว่า "ทำไมไม่ต้องเอาเสื้อผ้าไปล่ะ" แต่เธอก็ติดใจได้ไม่นาน เพราะตอนนี้เธอได้เข้าไปอยู่ในอ่างอาบน้ำแล้ว 'รีบอาบดีกว่า เดี๋ยวพวกนั้นได้สงสัยกันพอดีว่า ทำไมฉันอาบน้ำนานกว่าปกติ' เธอคิด

.....หลังจากอาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เธอก็เจอเพื่อนถามคำถามที่เธอคิดก่อนหน้านั้นจริงๆ

....."ทำไมวันนี้เธออาบน้ำนานจัง ฉันคิดว่าเธอปล้ำกับจิ้งจกไปแล้วนะเนี่ย" จิตรวรรณเอ่ยพลางยิ้มทะเล้น

....."ก็นิดหน่อยน่ะ มันไม่ยอมออกจากห้องน้ำ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฉันล้อเล่น ก็แค่วันนี้รู้สึกร้อนกว่าปกติ ฉันเลยแช่น้ำให้เย็นฉ่ำไปเลยไง" ดารกาพูดแล้วยิ้มทะเล้นตอบเหมือนจิตรวรรณเปี๊ยบ

....."เธอสองคนนี่หยอกกันไปหยอกกันมา เดี๋ยวก็จัดของไม่เสร็จกันหรอก มะรืนนี้ก็จะออกเดินทางกันแล้วนะ" มาริสาเอ่ยยิ้มๆ

....."จ้า" ดารกาและจิตรวรรณตอบพร้อมกัน

.....แล้วทั้งหมดก็ไปจัดของใส่กระเป๋าเดินทางกันต่อ โดยที่ดารกาไม่ได้บอกเพื่อนสองคน ว่าจะมีเพื่อนร่วมทางไปด้วยอีกคน 'เดี๋ยวค่อยบอกพรุ่งนี้ก็ได้มั้ง ไม่เสียหายอะไรหรอก อีกอย่าง ให้นายกามเทพนั่นบอกเองจะดีกว่า สากับวรรณจะได้ไม่ต้องคาดคั้นอะไรเธอตอนนี้ด้วย'


________________________________________________________________________


มีการแก้ไข (อีกแล้ว) เหตุผลก็เหมือนตอนแรกเลยค่ะ
แล้วก็แก้ชื่อตัวละครใหม่ เนื่องจากพิมพ์ผิด






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 9 2013, 03:15 PM
โพสต์ #4


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....บ้านที่วรุตม์อาศัยอยู่นั้น เป็นบ้านหลังมหึมา เขาเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ตอนอายุได้ห้าขวบ ตอนนี้เขาก็อายุได้ยี่สิบเอ็ดปีแล้ว มันเป็นบ้านของเพื่อนของพ่อเขา พ่อของเขาบอกว่า "ตอนที่ธุรกิจของพ่อกับเพื่อนพ่อกำลังแย่ (พ่อกับเพื่อนพ่อเป็นหุ้นส่วนธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่) เพื่อนของพ่อก็ดูเหมือนจะเสียสติ แล้วจู่ๆ ก็มีอาการบ้าคลั่ง เลยยิงภรรยาและตัวเองตาย ซึ่งพ่ออยู่ในเหตุการณ์ด้วย ก่อนตายเขาได้สั่งเสียกับพ่อว่า ฝากบ้านหลังนี้กับธุรกิจด้วย" นั่นก็เลยเป็นเหตุผลให้ครอบครัวของเขาเข้ามาอยู่ที่นี่ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และตอนนี้เขาก็กำลังจัดของใส่กระเป๋าเดินทางขนาดย่อม สำหรับเดินทางไปค่ายทัศนศึกษาของมหาวิทยาลัยพรุ่งนี้

....."ลูกจะไปจริงๆ เหรอจ๊ะ ลูกไม่จำเป็นต้องไปก็ได้นะ ให้พ่อของลูกพูดกับทางมหาวิทยาลัยให้" เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อวรุตม์จัดของเกือบเสร็จแล้ว

....."ไม่เป็นไรหรอกครับแม่ ชายอยู่ได้ แล้วชายก็แค่ดวงไม่ดีโดนอาจารย์สุ่มรายชื่อได้ก็เท่านั้นเอง" วรุตม์พูดพลางยิ้มให้แม่

....."ถ้างั้นแม่ก็ไม่ว่าอะไร แต่ถ้ามีอะไรที่ชายไม่ชอบใจก็บอกแม่ได้นะ" ผู้เป็นแม่เดินเข้ามากอด

.....วรุตม์กอดตอบ แล้วก็หอมแก้มของแม่ด้วย "ครับแม่"

....."ชายต้องไปคุมรุ่นน้องใช่ไหม" ผู้เป็นแม่หรือนงนุชถาม "ท่าทางเรียบร้อยอย่างนี้ ชายจะคุมรุ่นน้องอยู่ไหมเนี่ย ฮื้อ" เธอหยิกแก้มลูกชายเล่นอย่างเบามือ

....."ก็ต้องดูกันไปก่อนว่า รุ่นน้องจะดื้อแค่ไหน ถึงชายจะเรียบร้อย แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ชายก็เปลี่ยนบทได้เหมือนกันนะครับ" วรุตม์พูดพลางทำหน้าขึงขัง จนนงนุชต้องหัวเราะออกมา

....."งั้นแม่ไม่กวนลูกและ โชคดีนะจ๊ะ" นงนุชว่าแต่ก่อนที่เธอจะออกจากห้องลูกชายไป เธอก็หันกลับมาถามวรุตม์ "ว่าแต่ชายจะเอารถไปหรือจะไปกับรถตู้ของมหา'ลัยล่ะ"

....."ชายว่าชายจะเอารถไปครับ จะได้ไม่รบกวนคนอื่น แล้วชายก็จะไปเจอทุกคนที่ค่ายเลย" วรุตม์ตอบ แล้วนงนุชก็เดินออกไป

.....เมื่อนงนุชเดินลงมาข้างล่างก็เจอสามีของเธอรออยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับที่สามีเธอเปิดปากพูดว่า "นี่คุณ ลูกจะไปจริงๆ เหรอ ค่ายแบบนั้นน่ะ ไปสร้างโรงเรียนให้เด็กชนบท ฮึ ไม่รู้เด็กพวกนั้นจะเลวทรามแค่ไหน" เขาทำหน้าไม่พอใจและโมโห "แค่เราให้เงินช่วยไปก็พอ ไม่ต้องให้ลูกไปหรอก"

....."ไม่เอาน่าคุณ ลูกบอกว่าลูกอยู่ได้ ก็ต้องได้สิคะ อีกอย่างถือว่าลูกได้ทำบุญด้วยนะ" นงนุชส่ายหน้าอย่างขำๆ ที่เห็นพ่อห่วงลูกมากเกินไป

....."ก็ได้" เขาพูดแค่นั้น แล้วก็เดินออกไปจากบ้านเลย


***



.....ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!

.....เสียงเคาะประตูหน้าห้องดังขึ้น ทำให้สามสาวที่กำลังช่วยกันเลือกเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปค่ายหยุดเลือกทันที แล้วหันมามองหน้ากันอย่างงงๆ ว่าใครกันที่มาเคาะประตูห้องของพวกเธอ

....."นี่เธอไม่ได้สั่งอะไรมากินใช่ไหม" จิตรวรรณถามมาริสา

....."เปล่านี่ แล้วเธอล่ะ ดาว" มาริสาตอบแล้วหันไปถามดารกาต่อ

....."ฉันก็เหมือนกัน" ดารกาตอบพลางส่ายหน้า

....."งั้นใครมา เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะว่าใครมา" จิตรวรรณบอก แล้วลุกออกไปเปิดประตู

....."เดี๋ยวก่อน" ดารกาเรียก แต่ไม่ทันแล้ว ประตูเปิดออกเผยให้เห็นชายหนุ่มรูปหล่อยืนอยู่หน้าห้อง ในมือถือกระเป๋าเดินทางขนาดกลางมาด้วย (เธอลืมไปเลยว่าเมื่อวานนี้นายกามเทพบอกว่าจะมาหา เธอนึกว่าเขาจะไม่มาแล้วนะเนี่ย เพราะนี่มันก็เย็นมากแล้ว เธอคิดอย่างลืมนึกถึงไปเลยจริงๆ)

....."เอ่อ คุณครับ ผมขอเข้าไปหน่อยได้ไหมครับ" กานต์ถามจิตรวรรณที่ไม่เอ่ยปากพูดอะไรออกมาเลย มัวแต่ยืนตะลึงงันมองเขาอยู่ตรงนั้นมาได้สักพักแล้ว

....."ดะ-ได้ค่ะ" จิตรวรรณตอบตะกุกตะกัก แล้วเบี่ยงตัวหลบให้กานต์เข้ามาในห้อง

....."ต้องขอโทษแทนเพื่อนฉันด้วยนะคะ ที่ทำกิริยามารยาทไม่สุภาพแบบนั้น" มาริสาเอ่ย แล้วกระซิบกับจิตรวรรณว่า "เป็นไง เห็นคนหล่อหน่อยถึงกับทำอะไรไม่ถูกเลยเหรอ"

....."ก็แหม มันไม่ชินนี่นา" จิตรวรรณตอบเสียงเบามาก แล้วถามชายหนุ่มคนเดียวในห้อง หลังจากตั้งสติได้แล้วว่า "คุณมาหาใครเหรอคะ"

....."มาหาดาวครับ" กานต์ตอบสั้นๆ

....."ดาวเหรอคะ อ้าว! ดาวหายไปไหนแล้ว เมื่อกี้ยังอยู่ด้วยกันเลยนี่นา" มาริสาพูดอย่างงงๆ

....."คงไปเข้าห้องน้ำมั้งครับ" กานต์พูดเรียบๆ แล้วก็เริ่มส่งกระแสจิตไปบอกดารกาว่า 'ออกมาเถอะ เธอรับความช่วยเหลือจากฉันไปแล้วนะ'

.....เมื่อดารกาที่หลบเข้ามาอยู่ในห้องน้ำ ตั้งแต่เห็นเขายืนอยู่ที่หน้าประตูห้องแล้วได้ยินเข้าก็ตกใจ 'เอากับเขาสิ สื่อสารทางจิตได้ด้วยแฮะ คงต้องออกไปแล้วล่ะเรา' เธอคิดอย่างละเหี่ยใจ ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำและเดินออกไป

....."งั้นเหรอคะ" มาริสาเอ่ยอย่างแปลกใจ เมื่อเธอเห็นดารกาเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็รีบเรียกให้มาหาเธอโดยเร็ว

....."มีอะไรเหรอ" ดารกาถาม แล้วแสร้งทำเป็นว่าเธอเพิ่งเห็นชายหนุ่มโดยการพูดว่า "อ้าว พะ-พี่กานต์ มาหาดาวมีอะไรเหรอคะ"

.....เพื่อนสองคนของเธอมองหน้ากันอย่างแปลกใจ แล้วหันกลับมาดูเธอที่คุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าอย่างสนิทสนมต่อ 'หวังว่านายกามเทพคงอธิบายให้เพื่อนของเธอเข้าใจนะ' เธอคิด แต่ความคิดของเธอก็ต้องพังทลาย เพราะว่าเขาไม่ได้อธิบายอะไรเลย นอกจากพูดกับเธอคนเดียวเท่านั้น

....."พี่เอาเสื้อมาให้ ไปก่อนนะ แล้วเจอกันวันพรุ่งนี้" พูดเสร็จด้วยสีหน้านิ่งๆ แล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป โดยไม่ลืมวางกระเป๋าเดินทางที่เขาเอามาด้วยไว้ข้างๆ เธอ

.....เมื่อเธอหันกลับมาก็เจอเพื่อนสองคนทำสีหน้าอยากรู้มากๆ แล้วก็รอให้เธออธิบายออกมา แต่เธอกลับทำเฉไฉโดยการบอกว่า "ฉันเอากระเป๋านี่ไปรวมกับของฉันก่อนนะ"

....."เดี๋ยว" เพื่อนของเธอร้องออกมาพร้อมกัน ก่อนที่มาริสาจะพูดขึ้นว่า "บอกมาเดี๋ยวนี้เลยว่า ชายหนุ่มสุดหล่อคนเมื่อกี้นี้ เขาเป็นใคร ทำไมถึงได้ดูสนิทกับเธอนัก แล้วเขาเอาเสื้อผ้ามาให้เธอทำไม ทำไมเธอต้องหลบหน้าเขาด้วย แล้ว-"

....."พอ พอ พอ ฉันบอกแล้วก็ได้" ดารการีบพูดขึ้น ก่อนที่คำถามจะหลุดออกมามากกว่านี้ "จะให้ฉันเริ่มตรงไหนก่อนดีล่ะ"

....."เอาเป็นว่าเขาชื่ออะไร แล้วก็เป็นอะไรกับเธอ" จิตรวรรณแนะ

....."เขาชื่อกานต์ เป็นพี่ชายของฉันน่ะ" ดารกาบอกพลางยิ้มแห้งๆ

....."พี่ชาย! ทำไมฉันไม่เคยรู้เลยล่ะว่า เธอมีพี่ชาย" มาริสาถามพลางทำหน้าสงสัย

....."ใช่ๆ นั่นสิ" จิตรวรรณพยักหน้าอย่างเห็นด้วย

....."เขาไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของฉันหรอก เขาเป็นลูกของป้าอุ่นน่ะ" ปากพูดตอบเพื่อน แต่ในใจดารกากำลังขอโทษขอโพยป้าอุ่น ที่เธอลากเข้ามาในการอธิบายถึงที่มาที่ไปของกานต์

....."ลูกชายป้าอุ่น แล้วทำไมฉันถึงไม่เคยเห็นเขาเลยล่ะ ตอนที่ไปเยี่ยมป้าอุ่นกับเธอน่ะ" มาริสายังคาดคั้น

.....'เอาล่ะสิ จะโกหกยังไงดีล่ะทีนี้' เธอคิดไม่ตก 'ถ้าฉันฆ่ากามเทพขึ้นมาจะผิดไหมเนี่ย'

.....'ผิด' มีเสียงดังขึ้นในจิตของเธอ 'หนอย เงียบไปเลยนะนาย ไม่ช่วยกันก็เงียบๆ ไปเลย' แล้วเธอก็มีความคิดขึ้นอย่างหนึ่ง ก่อนจะตอบเพื่อนของเธออย่างอ่อนหวานว่า "ก็พี่กานต์เขาไปทำงานแบกหามอะไรที่ต่างจังหวัดน่ะ ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเขาเท่าไหร่หรอกนะ" เธอตอบเพื่อนพลางยิ้มในใจ 'เป็นไง โอเคไหม อาชีพนาย' เมื่อกานต์ได้ยินดังนั้นก็เงียบไปเลย (เงียบจริงๆ) เธอเลยนึกว่าเขาในใจต่อไปว่า 'เอ๊ะ! นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ให้ตายสิ'

....."ทำงานแบกหาม คนหล่อมาดผู้ดีคนนั้นอ่ะนะ" จิตรวรรณพูดอย่างไม่อยากเชื่อ

....."ก็ฉันบอกแล้วไงว่าฉันไม่ค่อยรู้เรื่องของเขาเท่าไหร่" ดารกาบอกพลางคิดในใจว่า 'หรือว่านายกามเทพนั่นจะโกรธ'

....."เออๆ แล้วเรื่องเสื้อผ้ากับที่บอกว่าเจอกันวันพรุ่งนี้ล่ะ" มาริสาถามอีก

....."ป้าอุ่นเขาคงฝากให้พี่กานต์เขาเอามาให้มั้ง แล้วป้าอุ่นก็ให้พี่เขาตามมาดูแลฉันน่ะ ป้าอุ่นคงเป็นห่วง" ดารกาตอบแบบเลี่ยงๆ แล้วเปลี่ยนเรื่องว่า "แล้วพวกเธอสองคนเลือกเสื้อกันเสร็จแล้วเหรอ"

....."เออ นั่นสิ ฉันยังเลือกไม่ได้เลย แล้วเธอล่ะ" จิตรวรรณพูด แล้วหันไปถามมาริสาด้วย

....."ฉันก็ยังเหมือนกัน งั้นเราไปเลือกกันต่อเถอะ" มาริสาตอบ แล้วเธอกับจิตรวรรณก็พากันไปนั่งเลือกเสื้อ ที่ก่อนหน้านี้พวกเธอกำลังเลือกกันอยู่ ก่อนที่กานต์จะมาขัดจังหวะ

.....'เฮ้อ รอดไปได้อย่างหวุดหวิด เลยเรา' เธอคิด 'นี่ นาย นายกามเทพ ยังอยู่หรือเปล่า ถ้าฉันทำให้นายโกรธ ฉันก็ขอโทษด้วยนะ' เธอสื่อสารกับกามเทพหนุ่มอย่างสำนึกผิดจริงๆ แต่ก็ไม่วายพูดกับตัวเองเบาๆ ว่า "ก็แค่อยากแกล้งนิดๆ หน่อยๆ ก็เท่านั้นเอง" แล้วเธอก็หัวเราะออกมาเบาๆ

.....กานต์ที่กำลังจะบอกว่าไม่เป็นไร ก็เลยเงียบไม่พูดอะไร ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอา 'เหมือนเด็กจริงๆ เล้ย จะสำเร็จไหมเนี่ย ภารกิจของฉัน'




________________________________________________________________________


มีการแก้ไข (อีกครั้ง) เหมือนสองตอนแรกเลย คือ การเอาเครื่องหมายคำถามออก
แล้วก็เปลี่ยนภาษาพูดให้เป็นภาษาเขียน (อันนี้ผู้เขียนค่อนข้างมึน)
จะพยายามเขียนให้ดีที่สุดนะคะ อย่าเพิ่งเลิกอ่านกันล่ะ!
#แก้คำผิดนิดหน่อย
#ปรับบทพูดและบทบรรยาย
(ใครอยากติเชิญติได้เลยนะ ผู้เขียนอยากเห็นว่าข้อผิดพลาดมีมากมายขนาดไหน
อีกอย่าง...ท่าทางผู้เขียนคนนี้จะโรคจิตซะแล้วล่ะ ชอบให้คนติ)






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 10 2013, 06:23 PM
โพสต์ #5


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."ฉันดูเป็นไงมั่งอ่ะ เธอ"

....."โอเคแล้ว ดูดีสุดๆ"

....."ทำไมฉันโชคร้ายอย่างนี้เนี่ย"

....."เอาน่า ก็แค่ไปสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ เอง"

.....เสียงพูดคุยของนักศึกษาที่จะไปค่ายดังเซ็งแซ่ไปทั่ว บ้างก็แข่งกันพูด บ้างก็พูดกับตัวเอง ภายใต้บรรยากาศยามเช้าที่ดวงตะวันยังโผล่พ้นฟ้าไม่เต็มดวงดี เป็นยามเช้าที่สดใสและอากาศไม่ค่อยร้อนเท่าไหร่ ประกอบกับความตื่นเต้นที่จะได้ไปค่ายครั้งนี้ ทำให้ทุกคนดูตื่นตัวกันเต็มที่ แต่ก็มีบางคนยังไม่หายจากอาการง่วงนอน...

....."ฮะ ฮ้าว~"

....."นี่ ยายวรรณ แกหาวมาได้สี่ห้ารอบแล้วนะ แมลงบินเข้าปากไปหมดแล้วมั้ง" มาริสาบ่นเพื่อนสาวที่หาวไม่ยอมหยุดเสียที ตั้งแต่เดินมาสมทบกับทุกคนที่หน้ามหาวิทยาลัย

....."ก็มันง่วงนี่นา ทำไงได้ล่ะ" พูดจบจิตรวรรณก็หาวอีกรอบ

....."เออ แล้วนี่ดาวหายไปไหนล่ะ" มาริสาเลิกสนใจอาการอันไม่สมควรแก่การเป็นกุลสตรีของเพื่อนสาว แล้วถามหาดารกาแทน

....."เมื่อกี้เห็นพี่อะไรนะ อ้อ! พี่กานต์ลากตัวไปคุยด้วยน่ะ เดี๋ยวก็ตามมาเองแหละ" จิตรวรรณบอกอย่างไม่ใส่ใจ ตอนนี้เธอเริ่มหายจากอาการง่วงนอนแล้ว เธอจึงสำรวจทุกคนที่จะต้องไปค่ายด้วยกันอย่างสนใจ

.....การไปค่ายครั้งนี้ คือ การไปทัศนศึกษา (หรือเรียกอีกอย่างว่าค่ายอาสานั่นแหละ ไม่รู้จะต้องเรียกให้ดูดีทำไม จิตรวรรณคิด) ที่ชนบทเพื่อเรียนรู้การดำเนินชีวิตอย่างพวกเขา และอีกอย่างก็เป็นการช่วยเหลือเด็กๆ ที่นั่นไปในตัวด้วย โดยการสร้างโรงเรียนให้ ซึ่งมีคนที่ต้องไปค่ายจำนวนทั้งหมดสิบสามคน เป็นรุ่นพี่สามคน รุ่นน้องเก้าคน และอาจารย์หนึ่งคน อาจารย์ท่านนี้เป็นอาจารย์ที่สอนคณะสังคมสงเคราะห์ เพราะฉะนั้นแล้ว ใจดี มีเมตตาแน่นอน ตอนนี้ดูเหมือนจะมากันครบแล้ว เธอลองนับ (เอ๊ะ! ขาดไปหนึ่งคนนี่) แล้วเธอจึงนึกทบทวนดูว่า ใบรายชื่อที่เธออ่านตอนสอบเสร็จนั้นมีใครบ้าง หลังจากที่ตรวจสอบดูเรียบร้อยในใจ เธอก็รู้ว่า รุ่นพี่ที่เพื่อนของเธอแอบชอบนี่เองที่ยังไม่มา

....."นี่ สา พี่ชายคนนั้นน่ะ เขาไม่ไปด้วยเหรอ" เธอถาม แล้วก็คิดต่อในใจ 'คงจะไม่ไปด้วยแน่ๆ เลย มีพ่อรวยก็ดีอย่างนี้ ช่วยได้เสมอ ถ้าอยากปฏิเสธอะไรขึ้นมา'

....."พี่ชายคนไหน" มาริสาทำหน้างงนิดหน่อย แล้วก็ร้องว่า "อ้อ ใช่พี่วรุตม์หรือเปล่า พี่เขาไม่ไปกับเราหรอก-"

....."ว่าแล้ว แล้วอย่างนี้ดาวไม่เสียใจแย่เลยเหรอเนี่ย" จิตรวรรณพูดอย่างเห็นใจเพื่อนสาว ที่ตอนนี้ยังไม่โผล่หน้ามาสักที

....."ฟังฉันให้จบก่อนสิยะ" มาริสาแหว "ที่พี่เขาไม่ไปกับเราก็เพราะว่า พี่เขาเอารถไปเองน่ะสิ แล้วทำไมเธอถึงสนใจพี่เขาขึ้นมาล่ะ ร้อยวันพันปีไม่เห็นสนใจใคร"

....."ก็ไม่มีอะไรหรอกน่า" จิตรวรรณตอบโดยไม่ขยายความอะไร ก่อนจะถามหาเพื่อนสาวอีกคน "แล้วนี่ดาวไปอยู่ไหนนะ ใกล้ถึงเวลารถออกแล้วด้วย"

.....ห่างจากหน้ามหาวิทยาลัย เข้าไปในทางเดินด้านในเล็กน้อย มีคนสองคนกำลังเถียงกันอยู่อย่างไม่มีใครยอมใคร จนใครคนหนึ่งเริ่มเบื่อ

....."นี่เธอ ถ้าเธอไม่ไปกับฉัน ฉันจะไม่ช่วยเธอแล้วนะ" ชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีดำขลับพูดขึ้นอย่างหงุดหงิด

....."ก็ใครขอให้นายมาช่วยล่ะ" ดารกาเถียงอย่างไม่ยอมแพ้ ตอนที่เธอเดินออกจากหอไปกับเพื่อนของเธอ เขาก็ดันลากแขนเธอมาคุยกัน (หรือเถียงกัน) อยู่ที่นี่ ด้วยเรื่องอะไรน่ะเหรอ ก็เรื่องที่ว่าให้เธอไปกับเขา เขาจะได้ไม่ต้องไปนั่งรถตู้ที่ทางมหาวิทยาลัยจัดให้กับเธอ หรือเพื่อที่เขาจะได้อธิบายถึงแผนการฉบับย่อของเขาให้เธอฟัง จะได้ไม่เป็นการเสียเวลา เขาพยายามหว่านล้อมให้เธอไปกับเขาด้วยรถที่เขาเนรมิตขึ้นมา ซึ่งเป็นรถที่เหมือนกับรถเก๋งธรรมดาทั่วๆ ไป ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากรถจริงๆ สักเท่าไหร่ แต่ตอนนี้เธอไม่สนใจอะไรทั้งนั้น นอกจากเถียงให้ชนะเขาอย่างเดียว นอกจากนี้เขายังบอกกับเธออีกว่า เขาจะได้คุยกับเธอได้สะดวกหน่อย ไม่ต้องพูดกันทางจิตให้เหนื่อย อันที่จริงเหตุผลของเขามันก็ฟังขึ้น (มันดีเลยต่างหากล่ะ) แต่เธอก็ไม่อยากไปกับเขาอยู่ดี เพราะเธอไม่ค่อยอยากจะเสวนากับบุคคลหน้านิ่งสักเท่าไหร่ ดูเหมือนเธออยู่กับคนไร้อารมณ์ยังไงก็ไม่รู้สิ 'มีหน้าเดียวหรือไงนะ' เธอคิด

....."ก็ไม่ได้อยากช่วยหรอกนะ แต่รับปากกับท่านแม่ไปแล้วนี่สิ เลยต้องช่วย" กานต์โต้กลับทันที เมื่อเห็นว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่มีทางยอมไปด้วยแน่ๆ เขาก็เลยใช้ไม้ตาย "จะไปดีๆ หรือจะให้ฉันอุ้มไปล่ะ" เขาบอกพลางขยับตัวเข้าไปหาดารกา

....."หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ! หยุด! หยุดเลยนะ ไปด้วยก็ได้" เธอพูดแล้วสะบัดหน้าหนี ก่อนจะหันกลับมาขอร้องพลางทำแววตาอ้อนๆ "แต่ว่า ฉันขอไปบอกเพื่อนฉันก่อนนะ พวกนั้นจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง"

.....เมื่อกานต์เห็นแววตาอ้อนๆ ของเธอนั้น หัวใจของเขาก็เต้นผิดไปจังหวะหนึ่ง แต่เขาก็ไม่สนใจ แล้วตอบออกไปว่า "ก็ได้ แต่เร็วๆ หน่อยนะ"

.....เมื่อได้ยินดังนั้น ดารกาก็รีบวิ่งไปหาเพื่อนที่หน้ามหาวิทยาลัยทันที ก่อนจะบอกกับเพื่อนๆ ว่า เธอไปด้วยไม่ได้ เนื่องจากพี่ชายรูปหล่อทำตามคำสั่งของป้าอุ่นดีมาก เธอเลยต้องไปกับเขาแทน แต่เธอก็บอกต่ออีกว่า เดี๋ยวเจอกันที่ค่ายเลย เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นห่วง เธอพูดจบก็โบกมือลา

.....'ทำตัวเหมือนเด็กจริงๆ เลย' กานต์คิด โดยไม่ทันรู้ตัว เขายิ้มออกมา ซึ่งเป็นยิ้มที่สามารถละลายหัวใจของสาวๆ ได้ในพริบตาเลยทีเดียว


***



.....ดารกาเดินทางมากับกานต์ได้ประมาณครึ่งทางแล้ว ไม่มีใครพูดอะไรออกมาเลย บรรยากาศในรถตอนนี้ค่อนข้างอึดอัดมาก ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะต่างคนต่างเงียบ คนหนึ่งเงียบเพราะไม่อยากพูด อีกคนหนึ่งเงียบเพราะไม่อยากเป็นฝ่ายเปิดปากสนทนาขึ้นมาก่อน แต่ความอดทนของทั้งสองคนนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด คนหนึ่งมีความอดทนสูงมาก ในขณะที่อีกคนหนึ่งเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว และขณะที่ความอดทนกำลังจะหมดลงอยู่รอมร่อนั้น รถก็หยุด...

....."ไหนนายบอกว่า จะอธิบายแผนการระหว่างที่ฉันมากับนายไง" ดารกาเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น

....."เธอแต่งตัวแบบนี้ คิดว่าเขาจะชอบหรือไง" กานต์พูด โดยไม่สนคำถามของดารกา

....."ทำไม ฉันก็แต่งตัวแบบนี้เป็นปกติอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นจะเสียหายตรงไหนเลย" ดารกาเถียง แล้วก้มลงดูตัวเอง เธอใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นลายขวางสีน้ำตาลสลับขาว และใส่กางเกงขายาวสีดำ

....."ไม่เสียหาย แต่ก็ไม่ค่อยเหมือนผู้หญิง" กานต์ตอบ แล้วเสริมว่า "ไม่น่ารักด้วย ทรงผมนี่ก็ใช้ไม่ได้" เขาชี้ไปที่ผมของดารกา

.....วันนี้ดารกามัดผมสีดำของเธอแบบลวกๆ ทำให้มีผมหลุดลุ่ยลงมาปรกใบหน้าและต้นคอขาวนวลของเธอ "ก็ฉันไม่ค่อยชอบทำผมเหมือนวรรณ แล้วก็ไม่ได้ชอบแต่งตัวเหมือนสา นายจะพูดอะไร ก็พูดๆ มาเลยดีกว่าน่า อย่าเสียเวลามาวิจารณ์ฉันเลย" เธอพูดอย่างโกรธๆ

....."จะไม่ให้วิจารณ์ได้ไง ก็เธอไม่ใส่ใจตัวเองแบบนี้ แล้วเขาคนนั้นจะชอบเธอได้ยังไง" กานต์พูดอย่างใจเย็น แล้วยื่นเสื้อกับกระโปรงให้ "ใส่นี่แทนเถอะ"

....."อะไรนะ! กระโปรงเหรอ ไม่เอาอ่ะ ฉันไม่ใส่" ดารการ้องและปัดมือกานต์ออก

....."เธอต้องใส่ ถ้าอยากให้เขาชอบเธอ" กานต์พูดและยื่นเสื้อกับกระโปรงให้เธออีกครั้ง พลางทำหน้าดุ

.....เมื่อดารกาเห็นเขาทำหน้าแบบนั้น ก็เริ่มกลัวขึ้นมานิดหน่อย ปกติแล้วดารกาไม่ใช่คนขี้กลัว แต่ที่เธอกลัวเขานั้นเป็นเพราะว่า นัยน์ตาของเขาต่างหาก 'กามเทพอะไร ตาดุชะมัด' เธอคิดและยอมรับเสื้อกับกระโปรงที่อยู่ในมือของเขามา ก่อนจะถามขึ้นว่า "จะให้เปลี่ยนที่ไหนล่ะ"

....."ข้างหน้ามีปั๊มน้ำมัน เธอเปลี่ยนที่ห้องน้ำในนั้นก็ได้" กานต์บอกก่อนเริ่มออกรถอีกครั้ง เพียงไม่นานรถก็มาจอดตรงทางเดินข้างห้องน้ำของปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง

.....ดารกาลงไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องน้ำ ระหว่างที่กานต์รอ เขาก็ลงมายืนคอยนอกรถ เพราะเริ่มมีอาการเมื่อยจากการนั่งขับรถมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นดารกาออกมาจากห้องน้ำ เขาก็ต้องอึ้งเล็กน้อย เนื่องจากตอนนี้เธออยู่ในชุดที่ดูน่ารักชุดหนึ่ง เป็นเสื้อแขนกุดสีส้มอ่อนๆ มีระบายรอบแขน กับกระโปรงสีขาวมีจีบน้อยๆ ที่ยาวประมาณหัวเข่า เธอดูเรียบร้อยและน่ารักขึ้นมาก ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ยังดูเหมือนเด็กกะโปโลอยู่เลย

....."เอ่อ มีอะไรหรือเปล่า ทำไมมองฉันอย่างนั้นล่ะ" ดารกาถามขึ้น ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์

....."ไม่มีอะไรหรอก" กานต์ตอบ แล้วพูดต่อด้วยเสียงเบาที่ดารกาไม่ได้ยินว่า "ก็แค่...น่ารักขึ้นนะ"

....."ไปกันต่อได้หรือยังล่ะ ป่านนี้พวกนั้นไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้" ดารกาหมายถึงคนที่ไปค่ายทางรถตู้ของมหาวิทยาลัย

....."ยัง หันหลังมาหน่อยสิ" กานต์ตอบ แล้วจับเธอหมุนให้หันหลังมาทางเขา จากนั้นก็เริ่มแกะยางมัดผมที่อยู่บนศีรษะของเธอ

....."นายจะทำอะไรน่ะ" ดารกาถามอย่างไม่ไว้ใจ

....."อยู่นิ่งๆ สิ จะมัดผมให้ใหม่" กานต์ตอบ แล้วเริ่มมัดผมให้ดารกาใหม่ โดยรวบผมเธอจากข้างหูของเธอมาถักเป็นเปียทั้งสองข้าง แล้วนำมามัดรวมกันที่กลางศีรษะ ปล่อยผมที่เหลือให้สยายยาวตามธรรมชาติ แล้วเขาก็หมุนตัวเธอกลับมาให้หันหน้ามาทางเขา เขาดูจะภูมิใจมากที่ทำให้ดารกากลายเป็นผู้หญิงน่ารักและอ่อนหวานได้ (แต่นั่นเป็นแค่ภายนอกนะ) "เธอจะต้องทำตัวให้น่ารัก อ่อนหวานเข้าไว้นะ แผนมีแค่นี้แหละ" เขาบอก

....."แค่นี้เนี่ยนะ!" ดารการ้องอย่างไม่อยากเชื่อ "ให้ตายสิ รู้อย่างนี้ฉันน่าจะเถียงนายให้มากกว่านี้ดีกว่า จะได้ไม่ต้องมากับนาย แล้วก็ให้นายมาวิจารณ์การแต่งตัวและทรงผมของฉันแบบนี้"

....."ถ้าเธอคิดว่า เขาจะชอบเธอที่มีลักษณะก่อนที่ฉันจะเปลี่ยนแปลงเธอ เธอก็คงไม่มีทางสมหวังแน่นอน" กานต์พูดอย่างมั่นใจ

.....ดารกาเงียบเพราะรู้ว่ามันเป็นความจริง ดังนั้นเธอจึงได้แต่ทำท่ากระฟัดกระเฟียด แล้วไปขึ้นรถเพื่อออกเดินทางต่อ การเดินทางครั้งนี้เงียบยิ่งกว่าการเดินทางมาจากมหาวิทยาลัยเสียอีก ไม่มีใครพูดอะไรอีกเลยจนกระทั่งถึงจุดหมายปลายทางของค่ายทัศนศึกษา


***



....."ยายวรรณ แกเป็นอะไรน่ะ ไม่สบายหรือเปล่า" เสียงมาริสาถามขึ้นอย่างเป็นห่วง ภายในรถตู้ที่พวกเธอใช้เดินทาง ผู้คนส่วนใหญ่รู้สึกกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้ไปค่ายครั้งนี้ แต่เพื่อนของเธอกลับมีลักษณะเหมือนคนป่วย

....."ไม่เป็นไรหรอก อีกนานไหมกว่าจะถึงค่ายน่ะ ฉันอยากออกไปสูดอากาศข้างนอกรถแล้ว" จิตรวรรณตอบอย่างอ่อนเพลีย

.....หลังจากนั้นไม่นานรถก็ขับเข้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีบ้านเรือนไม่กี่หลังและบ้านเรือนทุกหลังก็สร้างมาจากไม้ ตอนนี้รถหยุดแล้ว นักศึกษาต่างพากันออกไปนอกรถ เสียงอาจารย์เพียงคนเดียวที่มาด้วยตะโกนมาจากข้างนอกว่า "รีบๆ หน่อย เดี๋ยวไม่ทันอาหารกลางวันนะ"

....."สา วรรณ อยู่ไหนน่ะ" เสียงดารกาเรียกเพื่อนทั้งสองดังขึ้น

....."ดาว! ฉันอยู่บนรถ เธอมาช่วยฉันหน่อยสิ" มาริสาตะโกนบอกเพื่อนสาว

....."มีอะไรเหรอ" ดารกาที่ตอนนี้ขึ้นมาบนรถแล้วถามขึ้น "ทำไมยังไม่ลงไปกันล่ะ"

....."ก็วรรณไม่รู้เป็นอะไรน่ะสิ เหมือนจะไม่สบาย" มาริสาบอกและสังเกตเห็นว่าดารกาดูแปลกไป ทั้งทรงผมและเครื่องแต่งกาย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ 'เอาไว้ค่อยถามทีหลังแล้วกัน' เธอคิด

....."ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า" จิตรวรรณพูดขึ้น "แค่เวียนหัวนิดหน่อยเอง" แล้วเธอก็พยายามเดินลงมาจากรถ โดยมีมาริสาและดารกาตามหลังมาอย่างห่วงๆ

....."เอาล่ะครับ ก่อนอื่น ครูต้องขอแนะนำรุ่นพี่ที่จะดูแลพวกเธอในการมาค่ายครั้งนี้ก่อน" อาจารย์พูดขึ้นเมื่อเห็นนักศึกษามารวมกันครบแล้ว "นี่คือพี่เอก" เขาชี้ไปทางนักศึกษาคนซ้ายสุดในกลุ่มสามคน ที่ยืนแยกออกมาจากกลุ่มใหญ่ "พี่เก่ง" คนที่อยู่ตรงกลาง "และพี่ชาย" คนขวาสุด ซึ่งได้รับเสียงกรี๊ดไปมากกว่าอีกสองคน หลังจากนั้นอาจารย์ก็อธิบายว่า ต้องทำอะไรบ้างในการมาค่ายครั้งนี้

.....ในระหว่างที่ฟังอาจารย์อธิบายอยู่นั้น จิตรวรรณก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา เธอเริ่มทรงตัวไม่อยู่ ทว่าก่อนที่เธอจะล้มลงไป ก็มีใครคนหนึ่งมารับตัวเธอเอาไว้ สายตาเธอพร่าเลือน แต่ก็มองออกว่าเขาคือวรุตม์ แล้วเธอก็สลบไป

....."ยายวรรณ/วรรณ" มาริสาและดารการ้องขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะรีบตามวรุตม์ที่อุ้มเพื่อนของเธอออกไป



________________________________________________________________________


ตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ขอไม่แยกโค้ดสีนะคะ
ถ้าอ่านแล้วลายตา ผู้เขียนก็ต้องขอกราบอภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
#แก้สำนวน + เปลี่ยนแปลงเนื้อหาเล็กน้อย






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 12 2013, 12:17 AM
โพสต์ #6


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."น้องเขาเป็นอะไรมากไหมครับ คุณหมอ" วรุตม์ถามนายแพทย์ ผู้ที่กำลังตรวจร่างกายจิตรวรรณอยู่

.....เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ตอนที่ฟังอาจารย์อธิบายเรื่องต่างๆ อยู่นั้น วรุตม์ได้สังเกตเห็นหญิงสาวรุ่นน้องคนหนึ่งท่าทางไม่ค่อยดี ใบหน้าซีดขาวมาก เมื่อรุ่นน้องคนนั้นทำท่าจะล้มลงไปกองกับพื้น เขาก็รีบเข้าไปรับร่างของเธอเอาไว้ ก่อนจะอุ้มมาที่บ้านไม้หลังหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนเป็นที่พักมากกว่า เนื่องจากมีห้องหลายห้อง ทว่าภายในห้องไม่กว้างขวางเท่าไหร่สมกับที่อยู่ชนบท หลังจากเขาวางเธอไว้บนฟูกหลังหนึ่งแล้ว เขาก็ไปตามนายแพทย์ประจำหมู่บ้านมาดูแลอาการเธอทันที

....."ไม่เป็นอะไรแล้วครับ พักผ่อนนิดหน่อยก็หาย" นายแพทย์ตอบ ก่อนจะเสริมขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวอีกสองคนทำหน้าอยากจะขอความมั่นใจมาทางตน "แค่ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอเองครับ ไม่ได้ร้ายแรงอะไร"

.....แล้วนายแพทย์ก็เดินออกจากห้องไป ภายในห้องจึงเหลือแค่เพียงวรุตม์กับรุ่นน้องอีกสามคนที่เขายังไม่รู้จักชื่อ คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาหน้าตาแล้วก็ท่าทางน่ารักดี ดูเหมือนจะเขินอยู่นิดหน่อยด้วย ส่วนอีกคนที่อยู่ข้างๆ น้องคนนี้ก็ดูน่ารักแต่ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ ส่วนอีกคนก็คือคนที่เขาอุ้มเข้ามาที่ห้องนี้ และตอนนี้ก็ยังหลับอยู่ 'หน้าเหมือนตุ๊กตาเลย' เขาคิด

....."พวกเราต้องขอบคุณพี่ชายมากเลยนะคะ ที่ช่วยอุ้มยายวรรณแล้วก็ตามหมอมาดูอาการให้น่ะค่ะ" รุ่นน้องคนที่นั่งอยู่ริมสุดเอ่ย

....."ไม่เป็นไรหรอกครับ ในฐานะรุ่นพี่ต้องดูแลรุ่นน้องให้ดีที่สุดอยู่แล้ว" เขาตอบก่อนจะถามขึ้น "ว่าแต่น้องๆ ชื่ออะไรกันบ้างเหรอครับ"

....."ฉันชื่อมาริสา จะเรียกว่าสาเฉยๆ ก็ได้ค่ะ" รุ่นน้องคนเดิมบอกพลางชี้ไปที่คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขา ซึ่งไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาเลย แล้วพูดขึ้นว่า "ส่วนนี่ดารกาหรือดาวค่ะ พี่จำดาวไม่ได้เหรอคะ"

.....ดารกาเงยหน้าขึ้นมามองมาริสาทันที ทว่ามาริสาจับแขนสองข้างของเธอ แล้วหมุนตัวเธอให้หันไปมองวรุตม์ เธอพยายามหลบตาเขา แต่แล้วเขาก็ร้องขึ้นมาว่า

....."อ้อ! น้องคนนั้นนั่นเอง น้องคนที่พี่เตะฟุตบอลไปโดนหัวใช่ไหม"

....."ใช่แล้วค่ะ แล้วพี่ก็ให้รูปพี่กับดาว เพื่อเป็นการขอโทษด้วยไงคะ" มาริสาบอกอีก ยังไม่ยอมปล่อยแขนของดารกาให้เป็นอิสระ "ดาวเขายังเก็บรูปพี่ไว้อย่างดีเลย ใช่ไหมดาว"

.....ดารกาพยักหน้าน้อยๆ พลางนึกถึงรูปถ่ายที่เธอนั่งเพ้อในวันสอบเสร็จนั่นเอง และตอนนี้ในใจก็กำลังบอกเพื่อนว่าให้หยุดพูดเสียที แต่ดูเหมือนว่าคำขอของเธอจะไม่เป็นผล เพราะมาริสายังสนทนาเรื่องเธอต่อไป อย่างเช่น "ดาวเขาเป็นแฟนคลับพี่เลยนะคะ" และ "ดาวเขาปลื้มรุ่นพี่มากเลยที่เป็นสุภาพบุรุษตลอดเวลา" ระหว่างที่ฟังเพื่อนสาธยายเรื่องของเธออยู่นั้น จู่ๆ มาริสาก็หยุดอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยและล้มมาทางเธอ ทำให้เธอต้องหลบ แต่นั่นก็เท่ากับว่าเธอต้องเอนตัวไปด้านข้าง ตอนนี้เธอจึงมาอยู่ในอ้อมแขนของวรุตม์โดยไม่ได้ตั้งใจ

....."เป็นอะไรหรือเปล่าครับ" วรุตม์ถาม ก่อนจะรีบปล่อยตัวดารกาออกจากอ้อมแขนทันที

.....ดารกาที่ตอนนี้กำลังหน้าแดงมาก แล้วก็เขินอย่างมากด้วย ทำได้แค่เพียงเอ่ยตอบเสียงเบาหวิวว่า "ไม่เป็นอะไรค่ะ" แล้วเธอก็รีบหันไปหาเพื่อนของเธอ พลางส่งสายตาถามว่า "เธอทำอะไร" ทว่าเมื่อลองมองด้านข้างของมาริสา เธอกลับเห็น...เห็น...เห็นนายกามเทพหนุ่มนั่นนั่งอยู่ตรงนั้น พร้อมกับส่งยิ้มมาให้เธอด้วย ซึ่งเธอมองว่ามันเป็นยิ้มที่กวนประสาทมาก 'ให้ตายสิ ต้องเป็นฝีมือของนายกามเทพแหงๆ' เธอนึกเคืองที่เขาทำอะไรไม่ปรึกษาเธอเลยสักนิด

....."ฉันล้มได้ยังไงนะ เหมือนมีมือใครมาผลัก" มาริสาพูดกับตัวเองเบาๆ แล้วหันไปมองด้านข้างของเธอ 'ว่างเปล่า ไม่มีใครเลยแฮะ สงสัยฉันจะคิดมากไปเอง' เธอคิด ก่อนจะหันกลับไปหาเพื่อนอีกครั้ง

....."ถ้าไม่มีอะไรแล้ว พี่คงต้องขอตัวก่อนนะครับ" วรุตม์บอกเตรียมตัวจะลุกขึ้น เมื่อลุกขึ้นยืนแล้ว เขาก็หันมาบอกอีกว่า "พวกน้องนอนห้องนี้เลยก็ได้นะครับ เพราะที่นี่คือที่ที่พวกน้อง และพวกพี่ต้องอาศัยอยู่ตลอดการเข้าค่ายครั้งนี้ ขอให้โชคดีนะครับ" พูดจบแล้วเขาก็เดินออกจากห้องไป

.....เมื่อในห้องเหลือสามสาวอยู่กันตามลำพัง เสียงคนที่น่าจะหลับอยู่ก็ดังขึ้น

....."อะแฮ่ม อะแฮ่ม เป็นไงจ๊ะ หน้าแดงเชียว เพื่อนสาวของเรา"

....."วรรณ/ยายวรรณ" เพื่อนสาวสองคนของจิตรวรรณส่งเสียงดังขึ้นพร้อมกัน ก่อนจะพากันก้มลงกอดเธอทันที จนเธอต้องร้องออกมาว่า

....."เบาๆ หน่อยสิพวกเธอ ฉันเจ็บนะ"

....."ขอโทษทีจ้า" ดารกาเอ่ยพลางยิ้มกว้างอย่างดีใจ ที่เห็นเพื่อนเธอไม่เป็นอะไรมาก

....."เป็นไง ได้อยู่ใกล้ๆ พี่ชาย ถึงกับเขินเลยเหรอ" จิตรวรรณเอ่ยอย่างล้อๆ "แล้วฉันก็เห็นนะว่า เมื่อกี้เธอเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายด้วย"

.....ดารกาเริ่มหน้าแดงขึ้นมาอีกแล้ว หลังจากที่เมื่อกี้เธอลืมเรื่องนั้นไปชั่วขณะ เพราะสนใจเพื่อนของเธอมากกว่า ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "มันเป็นอุบัติเหตุน่า โดยใครบางคนแถวนี้แหละ" เธอหมายถึงนายกามเทพที่ตอนนี้กำลังนั่งหน้านิ่งจ้องมองเธออยู่ 'กามเทพอะไร นิ่งได้นิ่งดี แล้วเมื่อกี้ที่ยิ้มนั่นก็คงเป็นอะไรที่เผลอสุดๆ ล่ะมั้ง ไม่รู้ว่าอยากทำภารกิจหรืออยากแกล้งฉันกันแน่' เธอคิดอย่างหงุดหงิดใจเป็นที่สุด

.....หลังจากที่ได้ยินประโยคหลังของดารกา มาริสาก็กลับคิดว่าเพื่อนสาวคงหมายถึงเธอ เธอจึงแก้ตัวว่า "ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ มันล้มไปเอง ฉันยังงงกับตัวเองอยู่เลยว่าล้มไปได้ยังไง"

....."ฉันไม่ได้-" ก่อนที่คำพูดจะหลุดออกมามากกว่านี้ ดารกาก็นึกขึ้นได้ว่า นายกามเทพไม่ได้ปรากฏตัวให้ใครเห็นนอกจากเธอ ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนคำพูดใหม่ว่า "ฉันไม่ถือสาหรอกน่า อย่าไปสนใจเลย เราไปเอาของกันเถอะ"

....."เออนี่ เธอว่าเธอมากับพี่กานต์ไม่ใช่เหรอ แต่ฉันยังไม่เห็นพี่กานต์เลยนะ เขาไปไหนแล้วล่ะ" มาริสาถามขึ้นอย่างนึกขึ้นได้ว่า ดารกาไม่ได้มาค่ายพร้อมกับพวกเธอ

....."พี่กานต์กลับไปแล้วน่ะ เห็นว่ามีธุระด่วนเลยรีบกลับไป" ดารกาโกหกอย่างแนบเนียน จะได้ตัดปัญหาไปเลยว่า กานต์ไม่อยู่ที่นี่ นายกามเทพนั่นก็จะได้ไม่มากวนเธอในฐานะ "พี่ชาย" ด้วย "ไปเอาของกันได้หรือยังล่ะ" เธอถามซ้ำ

.....ทั้งจิตรวรรณและมาริสาตอบว่า "ยัง"

....."ทำไมล่ะ" ดารกาถามพลางเอียงคอทำหน้าสงสัย

....."บอกพวกฉันมาก่อนสิว่า ทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนรสนิยมกะทันหันแบบนี้" มาริสาพูด ก่อนจะสำรวจเพื่อนสาวอีกรอบ ตอนนี้เธอไม่ต้องห่วงจิตรวรรณแล้ว เลยสังเกตเพื่อนได้ตามที่ใจต้องการ 'ปกติแต่งตัวเชยๆ ก็น่ารักอยู่แล้ว ยิ่งแต่งตัวแบบนี้ยิ่งน่ารักเข้าไปใหญ่' เธอคิด

....."เอ่อ พี่กานต์ให้ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนี้น่ะ" ดารกาตอบก่อนจะเสริมขึ้นอีกว่า "พี่กานต์เขาอยากเห็นฉันแต่งตัวแบบนี้บ้างก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรหรอก"

....."ถ้าอย่างนั้นฉันคงต้องไปขอบคุณพี่กานต์ของเธอแล้วล่ะ ที่ทำให้เพื่อนของฉันดูน่ารักได้ขนาดนี้" จิตรวรรณพูดขึ้นหลังจากที่สำรวจดารกาเรียบร้อยแล้วเช่นกัน

....."คราวนี้จะไปเอาของกันได้หรือยังล่ะ" ดารกาถามขึ้นเป็นครั้งที่สาม และครั้งนี้เพื่อนของเธอสองคนก็พยักหน้าตกลง

.....จากนั้นทั้งสามคนก็ไปเอาสัมภาระที่พวกเธอแบกกันมา นำมากองไว้ที่ห้องนี้ ก่อนจะพากันออกไปสำรวจหมู่บ้านที่พวกเธอต้องอาศัยอยู่ตลอดสองสัปดาห์ เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีบ้านเรือนไม่กี่หลัง ขณะที่สำรวจกันอยู่พวกเธอก็พบชาวบ้านของหมู่บ้านแห่งนี้ พวกเขามีอัธยาศัยดีมาก ต้อนรับพวกเธอได้เป็นอย่างดี ไม่มีอะไรให้วิตกกังวลว่าพวกเธอจะอยู่กับพวกเขาไม่ได้ ระหว่างที่พวกเธอเดินกันไป พูดคุยกันไป พระอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยต่ำลงหลังเนินเขา พวกเธอจึงตัดสินใจกลับที่พัก พลางนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ทานอะไรเลยตั้งแต่ตอนกลางวัน พวกเธอจึงรู้สึกหิวขึ้นมาทันที

....."ไปหาอะไรกินกันเถอะ พวกเรา" มาริสาเอ่ย พร้อมกับเดินนำไปข้างหลังที่พัก ที่นั่นมีโต๊ะไม้ยาวประมาณหกฟุตตั้งอยู่ในลานโล่ง แล้วก็มีเก้าอี้ไม้ไม่มีพนักพิงเท่ากับจำนวนคนที่มาค่ายอยู่ข้างใต้โต๊ะ ทว่าบัดนี้มีคนนั่งทานอาหารอยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว พวกเธอจึงรีบไปรับอาหารจากแม่ครัวที่คอยเสิร์ฟอยู่หน้าโต๊ะ แล้วรีบลงมือรับประทานอาหารทันที


***



.....เป็นเวลากลางดึกแล้ว แต่ดารกาก็ยังนอนไม่หลับ ถึงที่นี่จะมีบรรยากาศสบายน่านอนแค่ไหน แต่เธอก็ยังนอนไม่หลับอยู่ดี ผิดกลับเพื่อนสองคนของเธอที่ตอนนี้เข้าสู่ห้วงนิทราไปนานแล้ว เธอลุกขึ้นนั่งอย่างเงียบเชียบ พยายามไม่ทำให้เพื่อนของเธอตื่น ล้วงล็อกเก็ตออกมาจากข้างในเสื้อแล้วเปิดฝาออก แม้จะมองเห็นไม่ชัดในความมืด แต่เธอก็รู้ว่านั่นคือรูปพ่อแม่ของเธอ เธอนั่งมองอยู่ประมาณหนึ่งนาที ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก เธอสัมผัสได้ถึงอากาศหนาวเย็นของที่นี่ทันทีที่ออกมาจากห้องพัก เธอจึงห่อไหล่เข้าหากัน ก่อนจะสังเกตเห็นใครคนหนึ่งนั่งอยู่ที่บันไดทางขึ้นที่พัก เมื่อเธอรู้ว่าเป็นใครก็จะหันหลังกลับ ทว่าใครคนนั้นเรียกเธอไว้

....."อ้าว น้องดาว นอนไม่หลับเหรอครับ" วรุตม์ถามพลางลุกขึ้นเดินมาหาเธอ แล้วก็ชวนเธอไปนั่งที่ที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้

....."ค่ะ พอดีมันแปลกที่ เลยนอนไม่ค่อยหลับค่ะ" เธอตอบ เสียงสั่นเล็กน้อย

....."หนาวเหรอครับ เอ้านี่" วรุตม์ถาม แล้วเขาก็ถอดเสื้อคลุมออก นำมาคลุมให้ดารกาแทน

....."ขอบคุณค่ะ แล้วพี่ชายไม่หนาวเหรอคะ" เธอถามกลับ แต่ก็รู้สึกอุ่นขึ้นเมื่อเสื้อคลุมสัมผัสตัวเธอ

....."ไม่เป็นไรหรอกครับ มีน้องดาวมาคุยเป็นเพื่อนก็ดีเหมือนกัน" วรุตม์ชวนสนทนา "ตอนนั้น ตอนที่พี่เตะฟุตบอลไปโดนน้อง พี่นึกว่าน้องดาวจะโกรธพี่เสียอีก"

.....ดารกาไม่กล้าตอบออกไปหรอกว่า ตอนที่ลูกบอลโดนหัวของเธออย่างจังนั้น เธอทั้งเจ็บทั้งโกรธ ทว่าเมื่อเห็นวรุตม์วิ่งมาเอาลูกบอล เธอก็โกรธไม่ลง เพราะวรุตม์เป็นรุ่นพี่ที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่อยู่ปีหนึ่งแล้ว เธอจึงได้แต่ตอบออกไปว่า "ก็มันเป็นอุบัติเหตุนี่คะ ดาวรู้ว่าพี่ชายไม่ได้ตั้งใจหรอก"

....."น้องดาวนี่เป็นคนมีเหตุมีผลดีนะครับ" วรุตม์เอ่ยอย่างชื่นชม

....."แหะ แหะ" ดารกาหัวเราะแห้งๆ ก่อนเอ่ยต่อว่า "ดาวไม่ได้เป็นคนมีเหตุมีผลขนาดนั้นหรอกค่ะ"

....."อย่างนั้นเหรอครับ ตอนนี้พี่เริ่มง่วงนอนแล้วล่ะ งั้นพี่ขอตัวไปนอนก่อนนะครับ ระวังไม่สบายล่ะ อากาศที่นี่ยิ่งเย็นๆ อยู่" พูดจบวรุตม์ก็กระชับเสื้อคลุมให้แนบตัวดารกามากยิ่งขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน ทว่าเดินไปได้ก้าวเดียว เขาก็หันกลับมาพูดว่า "น้องดาวน่ารักขึ้นกว่าตอนนั้นมากเลยนะครับ" แล้วเขาก็จากไป ปล่อยให้ดารกาหน้าสีอมชมพูระเรื่อนั่งอยู่ตรงนั้นตามลำพัง

....."เป็นไง แผนของฉันได้ผลไหมล่ะ บอกแล้วว่า ถ้าเธอดูแลตัวเองดีๆ แต่งตัวให้มันน่ารัก เขาก็ชอบเองแหละ"

.....ดารกาที่ตอนนี้กำลังเคลิ้มถึงคำชมของวรุตม์อยู่นั้น เมื่อได้ยินเสียงนายกามเทพอารมณ์ก็ขุ่นลงทันที แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับเขาที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอว่า "ฉันยังไม่ได้เอาคืนนายเลยนะ ที่แกล้งฉันตอนกลางวันน่ะ"

....."แกล้งที่ไหน ช่วยต่างหากล่ะ" กานต์ตอบเสียงราบเรียบ

.....จนถึงเวลานี้ นามกามเทพก็ยังหน้านิ่งได้ใจ จนดารกาหงุดหงิดต้องเอ่ยขึ้นมาว่า "นายจะทำหน้าอื่นบ้างไม่ได้หรือไง แต่เอ..." เธอทำหน้านึก ก่อนจะพูดขึ้นว่า "เมื่อตอนกลางวัน นายยิ้มด้วยนี่นะ แต่มันเป็นยิ้มที่กวนประสาทมากกก" เธอลากเสียง

....."อะไร ใครยิ้ม ฉันเนี่ยนะ ไม่มีทาง" กานต์พูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ 'ต้องเป็นตอนนั้นแน่ๆ เลย แต่ไม่นึกว่าเธอจะเห็นนะเนี่ย แล้วยังบอกว่าเป็นยิ้มที่กวนประสาทอีก ไม่น่าช่วยเลยเรา' เขาคิดแล้วส่ายหน้าไปมา

....."ใช่ นายยิ้ม" ดารกายืนยัน พลางขู่กานต์ต่อด้วยว่า "ถ้าคราวหน้านายทำอะไรไม่ปรึกษาฉันก่อนล่ะก็ น่าดู" แล้วเธอก็ลุกขึ้นยืนจะหันหลังกลับ ทว่าเธอลืมไปว่าที่ที่เธอนั่งอยู่มันเป็นบันได เธอเลยสะดุดเท้าตัวเองหงายหลังจะล้ม แต่ดีที่กานต์รับตัวเธอไว้ได้ก่อน หลังของเธอเลยชนกับอกของเขา แล้วเขาก็อุ้มเธอขึ้นมา กลัวว่าเธอจะหลุดมือแล้วล้มลงไปจริงๆ

....."นายจะทำอะไรน่ะ ฉันเดินเองได้ ปล่อยฉันลงนะ!" ดารกาโวยวายเสียงดัง พลางทุบอกกานต์ไปด้วย

....."เงียบๆ สิ เดี๋ยวคนก็ตื่นกันหมดหรอก" กานต์ยังคงนิ่งสงบเหมือนเดิม "แล้วก็เลิกทุบอกฉันได้แล้ว ฉันเจ็บนะ"

....."ก็ได้ แต่วางฉันลงได้หรือยังล่ะ" เธอพูดเสียงเบาลง แต่ยังคงไม่วายบอกให้เขาปล่อยเธอลง คราวนี้ทำตาอ้อนด้วย

....."ถึงหน้าห้องพอดี" กานต์พูดแค่นั้น ก่อนจะวางเธอลง เขาพยายามไม่มองหน้าเธอ หลังจากที่เธอทำตาอ้อนใส่เขาเมื่อกี้ หัวใจเขาก็เต้นผิดจังหวะไปนิดนึง 'อีกแล้ว นี่ฉันเป็นอะไรของฉันนะ' เขาคิดในใจ พยายามที่จะไม่ใส่ใจมัน แล้วเดินกลับออกไปหน้าที่พัก ทว่าก็ต้องหยุด เมื่อได้ยินเสียงดารกาถามขึ้น

....."นายพักที่ไหนล่ะ"

....."ก็แถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่จำเป็นต้องนอนก็ได้" กานต์ตอบก่อนออกเดินอีกครั้ง ระหว่างที่เดินออกไปนั้น เขาได้ยินเสียงดังตามมาด้านหลังว่า "ใครว่าฉันห่วงนาย นายกามเทพบ้า"


***



.....ดารกาลืมตาตื่นขึ้นมาตอนเช้าตรู่ เพราะได้ยินเสียงไก่ขัน เธอยังง่วงนอนอยู่เลย เนื่องจากเมื่อคืนนี้เธอนอนดึกมาก ทว่าเมื่อหันไปมองด้านของเธอก็เห็นว่า เพื่อนของเธอได้ตื่นขึ้นแล้วเช่นกัน พวกเธอจึงผลัดกันทำกิจวัตรประจำวันในตอนเช้า (เก็บที่นอน ล้างหน้า แปรงฟัน อาบน้ำ แต่งตัว) ก่อนอาบน้ำ เธอจะต้องเตรียมชุดที่จะใส่ในวันนี้ เธอจึงนึกขึ้นได้ว่าเธอไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย เธอจึงไปหยิบจากกระเป๋าที่กานต์เอามาให้ แล้วพยายามรื้อค้นชุดแบบที่เธอชอบใส่ แต่รื้อจนหมดกระเป๋าแล้ว เธอก็ยังไม่เจอแบบที่เธอต้องการเลย เธอจึงได้แต่นั่งเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน 'มีแต่แบบน่ารักๆ หวานๆ ทั้งนั้นเลย แหวะ!' เธอคิดอย่างสะอิดสะเอียน แล้วตัดสินใจเลือกชุดที่พอจะทนได้ นั่นก็คือ เสื้อแขนสั้นที่คอเสื้อมีระบายลูกไม้น่ารักกับกางเกงสามส่วนสีชมพู ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไป

....."โอ้โห! เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเราเนี่ย วันนี้แต่งตัวได้น่ารักมากเลย" มาริสาพูดขึ้นอย่างแปลกใจ "เมื่อวานก็ทำเราตะลึงไปแล้ว วันนี้ก็ยังทำให้เราตะลึงอยู่อีก"

.....ดารกาไม่สนใจคำพูดของเพื่อนสาว ได้แต่นึกเคืองนายกามเทพนั่นในใจ

....."ไม่ต้องมัดผมหรอก ดาว ปล่อยไว้อย่างนั้นแหละ น่ารักดี" จิตรวรรณพูดแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่าเพื่อนสาวจะมัดผมแบบลวกๆ อีกแล้ว ทว่าดารกาไม่ฟัง เพราะฉะนั้นเธอจึงยึดที่มัดผมมาจากดารกาซะเลย พลางทำท่าไม่สนใจที่ดารกาแบมือขอที่มัดผมคืน ก่อนจะชวนเพื่อนๆ ออกไปทานข้าวเช้า

....."วรรณนะวรรณ" ดารกาพูดได้แค่นั้น เพราะทั้งมาริสาและจิตรวรรณต่างพร้อมใจกันออกจากห้อง ปล่อยให้เธอยืนหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่คนเดียว

....."อ้า มากันพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วนะ" อาจารย์เพียงคนเดียวที่มาด้วยพูดขึ้น เมื่อเห็นว่านักศึกษามานั่งทานอาหารเช้ากันครบแล้ว "วันนี้ครูจะแจ้งเรื่องการสร้างโรงเรียน-"

.....อาจารย์ยังพูดไม่ทันจบ นักศึกษาคนหนึ่งก็โวยวายขึ้น "สองอาทิตย์จะสร้างทันเหรอครับอาจารย์"

....."ใช่ๆ นั่นสิ" นักศึกษาคนอื่นๆ ต่างพึมพำอย่างเห็นด้วย

....."ฟังให้จบก่อนสิ" อาจารย์หันมาดุ ก่อนจะพูดต่อ "ความจริงแล้วเราไม่ได้มาสร้างโรงเรียน แต่มาปรับปรุงโรงเรียนต่างหาก โรงเรียนที่นี่ค่อนข้างทรุดโทรมอยู่นิดหน่อย ครูเลยอยากให้พวกเธอปรับปรุงให้มันน่าอยู่น่าเรียนขึ้น ครูขอแค่นี้ทำได้ใช่ไหม"

....."ได้ครับ/ได้ค่ะ" นักศึกษาทุกคนตอบอย่างพร้อมเพรียงกัน

....."เอาล่ะ ถ้าพวกเธอทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ครูจะพาไปดูโรงเรียน แล้วจะให้แบ่งกลุ่มงานกันรับผิดชอบ" หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มลงมือรับประทานอาหาร ก่อนจะค่อยๆ ทยอยออกไปรอกันหน้าที่พักเพื่อไปดู "โรงเรียน"

....."โรงเรียน" ของที่นี่มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับโรงเรียนทั่วไป ด้านหน้ามีสนามหญ้าไว้ให้เด็กๆ เล่นกีฬา เดินเข้าไปด้านในอีกเล็กน้อยก็เจออาคารเรียน ซึ่งเป็นอาคารเรียนหลังเดียวของโรงเรียนแห่งนี้ อาคารเรียนที่ว่าเป็นอาคารไม้ มีชั้นเดียว นับดูแล้วมีทั้งหมดหกห้อง แต่ละห้องไม่กว้างมากนัก พอให้คนประมาณยี่สิบคนนั่งเรียนได้ สภาพของอาคารเรียนหลังนี้ทรุดโทรมอย่างที่อาจารย์ว่า เพราะมีไม้ผุพังตามพื้นอาคาร และสีที่ทาไว้บางส่วนลอกหลุดออกมาจากผนังไม้ ทำให้ดูเหมือนอาคารร้างมากกว่าอาคารเรียน แต่นั่นก็คือหน้าที่ที่พวกเธอต้องทำให้มันดูเหมือนอาคารที่น่าเรียนอีกครั้ง

....."ที่นี่แหละ ที่พวกเธอต้องมาปรับปรุง" อาจารย์เอ่ยเมื่อเดินมาหยุดที่หน้าอาคารเรียนแล้ว และพาใครคนหนึ่งที่ดูภูมิฐานแม้จะอยู่ในชนบทมาด้วย "จะแบ่งหน้าที่กันอย่างไรก็แล้วแต่พวกเธอเลยนะ อยากจะเบิกงบก็ให้บอกครูมาได้เลย อ้อ นี่คือครูใหญ่ของที่นี่จ้ะ" เขาชี้ไปที่คนที่ดูภูมิฐานคนนั้น

....."สวัสดีค่ะ/สวัสดีครับ" นักศึกษาทำความเคารพ

....."สวัสดีครับ ถ้ามีอะไรให้ผมช่วยก็บอกนะครับ" ครูใหญ่คนนั้นพูดพลางยิ้มให้นักศึกษา

....."ค่ะ/ครับ" นักศึกษารับคำ แล้วอาจารย์กับครูใหญ่ก็เดินจากไป ปล่อยให้นักศึกษาจัดการแบ่งงานกันเอาเอง

....."เอาล่ะครับ หลังจากที่พวกพี่ปรึกษากันเมื่อสักครู่ พวกพี่คิดว่าจะแบ่งน้องๆ ออกเป็นสามกลุ่ม ซึ่งหัวหน้ากลุ่มก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือพวกพี่ๆ นั่นเอง แต่ละกลุ่มจะมีสมาชิกสี่คน เพราะฉะนั้นจำนวนคนครบพอดี กลุ่มแรกพี่จะให้จัดการเรื่องซ่อมแซมส่วนต่างๆ ที่ชำรุด กลุ่มสองให้จัดการเรื่องทาสี ส่วนกลุ่มสุดท้ายจะให้จัดการเรื่องการตกแต่งห้องเรียน ไหนใครอยากทำอะไร บอกพวกพี่มาได้เลย"

.....หลังจากที่ได้ฟังพี่เก่งพูด กลุ่มของดารกาก็เลือกที่จะทาสี เพราะคิดว่าคงสนุกดี ส่วนหัวหน้ากลุ่มที่ดารกาจับสลากได้ก็คือวรุตม์ ทว่าดารกาไม่แปลกใจที่จับได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นเพราะนายกามเทพนั่นช่วยต่างหาก (เธอเห็นเขาป้วนเปี้ยนตอนเธอจับสลากอยู่น่ะ)

.....'ไม่ขอบคุณฉันหน่อยเหรอ' กานต์พูดกับเธอผ่านทางจิต

.....'ไม่จำเป็น เพราะฉันไม่ได้ขอ' ดารกาตอบกลับด้วยเสียงห้วนทางจิตเช่นกัน

.....'ไม่ต้องก็ได้ เพราะมันเป็นภารกิจของฉัน' กานต์ตอบราบเรียบ ก่อนจะหายไป

.....'ขนาดพูดกันทางจิตก็ยังนิ่ง โอ๊ย! นายกามเทพนี่มีชีวิตหรือเปล่าเนี่ย!' เธอคิดอย่างปวดสมอง 'เมื่อไหร่นายกามเทพนั่นจะไปซักทีนะ จะบ้าตายอยู่แล้ว'

.....หนึ่งวันต่อมา กลุ่มของดารกาก็ลงมือปฏิบัติงาน คือการทาสีอาคารเรียน หลังจากที่เลือกกันได้แล้วว่าจะทาสีอะไรดี ซึ่งสีที่พวกเธอเลือกคือสีฟ้า โดยทาส่วนที่ผนังหรือพื้นไม้ไม่ได้เสียหายอะไรก่อน แล้วค่อยไปทาส่วนที่กลุ่มซ่อมแซมซ่อมเสร็จแล้วทีหลัง เหตุการณ์ดูเหมือนจะผ่านไปด้วยดี แต่ว่าก็มีบ้างที่ดารกาขัดใจ เนื่องจากนายกามเทพไม่ยอมปล่อยให้เธอเป็นอิสระเลย ไม่ว่าจะเรื่องทรงผม เครื่องแต่งกาย (ต้องน่ารักอ่อนหวานเท่านั้น) แล้วก็ยังมีเรื่องอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาจงใจให้เกิดขึ้นอีก เพื่อวรุตม์จะได้มาช่วยเธอทัน ทว่านั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอหงุดหงิดใจ เพราะเธอรู้สึกดีทุกครั้งที่ได้อยู่ใกล้วรุตม์ แล้ววรุตม์ก็ดูเหมือนจะชอบเธอมากขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนนี้ เธอต้องขอบคุณนายกามเทพอย่างไม่เต็มใจ (แต่เขาก็ช่วยเธอจริงๆ นั่นแหละนะ)

.....ทว่าภารกิจของกานต์ก็ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้นหรอกนะ เพราะได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ก่อนที่นักศึกษาทุกคนจะเดินทางกลับไม่กี่วันนี่เอง...


________________________________________________________________________


รับรองได้เลยว่าตอนนี้มีที่ให้ติเยอะแน่ๆ และก็เป็นตอนที่ยาวที่สุดด้วย
เนื่องจากผู้เขียนอยากให้เรื่องการเข้าค่ายมันจบในตอนเดียว จะได้ไปไขเรื่องราวเรื่องอื่นต่อ
และที่สำคัญผู้เขียนตันแล้วค่ะ ไม่รู้จะเขียนอะไรแล้ว...
ตอนนี้รู้สึกอยากจะกินของหมักของดอง (ฮะ) คือพูดง่ายๆ เลยนะคะ อยากจะดองนิยายเรื่องนี้แล้วค่ะ
ปัญหารุมเร้า ประเดประดังเข้ามาจนไม่อยากจะแต่งต่อแล้วล่ะ...

#แก้โค้ดสีของ '.....'






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 17 2013, 12:00 PM
โพสต์ #7


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."นายวีร์ นายจะต้องเจอกับจุดจบ!!!"

....."ใครพูดน่ะ แล้วจุดจบอะไร" กรวีร์พูดพลางมองหาต้นเสียง

.....ขณะนี้เป็นเวลาตีสองแล้ว เขากำลังนอนหลับอยู่ แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้น เขาจึงลุกขึ้นนั่งและมองหาตัวคนพูด ทว่าก็ไม่พบใคร พบแต่ภรรยาที่นอนอยู่ข้างเขาไม่กระดุกกระดิกเลย 'สงสัยคงจะหูฝาด' เขาคิด ก่อนจะล้มตัวลงนอนอีกรอบ ทว่ามีเสียงเรียกเขาด้วยสำเนียงเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง และพูดเหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยนดังขึ้น...อีกครั้ง

....."นายวีร์ นายจะต้องเจอกับจุดจบ!!!"

.....กรวีร์ตกใจมาก เมื่อเห็นว่าที่ปลายเตียงมีใครยืนอยู่ (ถ้าจะให้ถูกต้องลอยอยู่) ในสภาพที่ขมับเป็นรูและมีเลือดโชก ที่บัดนี้เลือดได้แห้งกรังหมดแล้ว หลังจากนั้นร่างที่อยู่ข้างหน้าเขาหนึ่งช่วงตัวก็ค่อยๆ ชี้มือมาทางเขาช้าๆ เขาลุกพรวดขึ้นอีกครั้ง หันกลับไปมองภรรยา เธอยังหลับสนิทอยู่ เขาโล่งอก ก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบแต่ซ่อนความหวาดกลัวว่า "อะ-ไอ้ภพ! กะ-แกตายไปแล้ว! แกจะมาหาฉันอีกทะ-ทำไม!"

....."นายวีร์ นายจะต้องเจอกับจุดจบ!!!" โดยไม่คาดฝัน ร่างที่พูดอยู่เมื่อครู่ก็เคลื่อนเข้ามาใกล้กรวีร์ ยกมือขึ้นแล้วก็...บีบคอกรวีร์!

....."อย่าาาา!!" กรวีร์กรีดร้องสุดเสียงพลางดิ้นพล่าน เพื่อให้คอหลุดออกมาจากมือที่กำลังประทุษร้ายเขาอยู่

....."คุณคะ! คุณ เป็นอะไรไปคะ!" เสียงภรรยาร้องเรียกก่อนจะเขย่าแขนกรวีร์อย่างแรง

.....กรวีร์หายใจหอบฮืดฮาด มองดูรอบๆ ตัวเอง ตอนนี้ห้องนอนเปิดไฟสว่างแล้ว เมื่อเขาเห็นว่าภรรยาเขย่าแขนเขาอยู่ เขาก็เอื้อมมือไปแกะมือเธอออกก่อนจะถามว่า "ผะ-ผมเป็นอะไรไปเหรอ"

....."ก็คุณนอนดิ้นพราดๆ แล้วก็ร้องว่าอย่า อย่าอยู่นั่นแหละ ฉันเลยตื่นขึ้นมา" ภรรยาเอ่ยอย่างหงุดหงิด 'ทำคนตื่น แล้วยังไม่รู้ตัวอีก' เธอคิด

....."ก็เมื่อกี้ผมเห็น-" กรวีร์ชะงัก แล้วเปลี่ยนเรื่อง "เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่ฝัน...ฝันร้ายน่ะ นอนต่อเถอะ"

....."คุณนี่น้า ฝันร้ายเป็นเด็กๆ ไปได้" ภรรยาของเขาพูดอย่างไม่ติดใจ พลางเอื้อมมือไปปิดไฟ แล้วล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เพียงไม่กี่นาทีเธอก็หลับไป

....."ไม่มีวัน ไม่มีวันที่ฉันจะเจอกับจุดจบของฉัน ไม่มีวัน!" กรวีร์ย้ำกับตัวเองเบาๆ อย่างหนักแน่น ก่อนจะล้มตัวลงนอนข้างภรรยาและพยายามข่มตานอนหลับอีกครั้ง หลังจากที่ฝันเห็นใครคนหนึ่งที่เขาไม่อยากฝันเห็นมากที่สุด

.....เมื่อสองสามีภรรยานอนหลับไปแล้ว ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงหายใจของพวกเขาเท่านั้น ทว่าหากลองเงี่ยหูฟังในความเงียบสงบนี้ ทุกคนคงจะได้ยินเสียงพูดเพียงประโยคสั้นๆ และแผ่วเบาว่า "ไม่มีใครทำชั่ว แล้วได้ดีหรอก...นายวีร์"


***



.....ดารกากำลังช่วยตกแต่งห้องเรียนกับนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ทำหน้าที่นี้ (เธอมาอาศัยอยู่ที่ชนบทแห่งนี้ได้สิบสองวันแล้ว อีกสองวันเธอก็จะได้กลับบ้านไปหาป้าอุ่นเสียที) เพื่อนอีกสองคนของเธอก็กำลังช่วยด้วยเหมือนกัน

....."ยายวรรณ แกยกแจกันให้ดีๆ หน่อยสิ เดี๋ยวมันก็หล่นแตกหรอก" มาริสาเตือนจิตรวรรณ พวกเธอสองคนกำลังช่วยกันยกแจกันใบใหญ่และหนักมากไปไว้ที่มุมห้อง เพื่อเป็นส่วนประกอบในการจัดตกแต่งห้องเรียนให้สวยงามยิ่งขึ้น เมื่อเอาไปวางเสร็จแล้ว ดารกาก็เดินเข้ามา ในมือมีดอกไม้ช่อโตมาด้วย เธอนำดอกไม้ในมือทั้งหมดใส่ลงไปในแจกัน ปรับแต่งอีกนิดหน่อย เธอก็ปัดมือ แล้วเอ่ยว่า "โอเคแล้วล่ะ ออกไปข้างนอกกันเถอะ"

....."อื้อ ไปหาอะไรกินกัน" จิตรวรรณพูดก่อนเดินนำออกไป

.....ดารกาและมาริสาจึงได้แต่ส่ายหน้าให้กับความอยากอาหารของเพื่อน แล้วพากันเดินออกไปข้างนอก พวกเธอสามคนกำลังจะเดินพ้นอาคารเรียนที่ปรับปรุงซ่อมแซมเสร็จเรียบร้อยอยู่แล้ว ทว่ามีเสียงเรียกดังขึ้นหยุดพวกเธอเอาไว้เสียก่อน "นี่พวกเธอ ช่วยหยิบกระเป๋าที่อยู่ตรงนั้นให้หน่อยได้ไหม"

....."ได้สิ" มาริสาตอบกลับไปก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนๆ ของเธอว่า "ทำไมต้องเอาไปวางในที่ที่อันตรายแบบนั้นด้วยนะ" เธอหมายถึงริมอาคารด้านขวาสุด ที่เพิงของอาคารเรียนไม่สามารถซ่อมแซมได้ เนื่องจากไม้เก่าและผุมากเกินไป ถ้าจะปรับปรุงใหม่ต้องรื้อออกมาทั้งแผง ซึ่งเป็นการเสียเวลา นักศึกษาที่รับผิดชอบงานส่วนนี้จึงปล่อยทิ้งไว้อย่างเดิม โดยบอกแค่ว่า "อย่าไปเดินแถวนั้นก็แล้วกัน ไม้จะได้ไม่หล่นลงมาใส่ตัวน่ะ"

....."เถอะน่า ไปหยิบให้เขาเถอะ จะได้รีบๆ ไปให้ไกลจากแถวนี้" จิตรวรรณบอกแล้วหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ใต้เพิงนั่นขึ้นมา

....."วรรณ! ระวัง!" ดารการ้อง พลางพุ่งเข้าไปผลักตัวเพื่อนออก พร้อมกับที่มีเสียงดังตุ้บให้ได้ยิน นั่นเป็นเสียงของไม้ที่กำลังร่วงหล่นลงมาทับตัวเธอ ก่อนที่เธอจะสลบไปใต้ไม้กองนั้น

....."โอ๊ย!" จิตรวรรณร้องอย่างเจ็บปวด เนื่องจากไม้ส่วนหนึ่งที่ล่วงลงมากระแทกกับไหล่ของเธอ จนมีเลือดซึมออกมานอกเสื้อ ทว่าเธอไม่สนใจสีแดงฉานของโลหิต เมื่อเห็นดารกานอนจมกองไม้อยู่

....."ดาว! ดาว! ตื่นขึ้นมาสิ!" จิตรวรรณเขย่าตัวเพื่อน หลังจากที่เธอกับมาริสาช่วยกันยกกองไม้ออกไปจากตัวดารกาหมดแล้ว ก็เผยให้เห็นเลือดที่ไหลออกมาจากศีรษะของดารกา ตามตัวมีบาดแผลเล็กน้อย ดีที่ไม้ผุพังมากแล้ว จึงทำอันตรายอะไรไม่ได้มากนัก

.....นักศึกษาที่อยู่ใกล้ต่างพากันมามุงดูทันที ที่ได้ยินเสียงร้องของจิตรวรรณ ก่อนจะพูดแทรกกันเสียงดังไปหมด

....."เกิดอะไรขึ้น"

....."เธอเป็นอะไรหรือเปล่า"

....."นายไม่น่าเอากระเป๋าไปวางที่นั่นเลย"

....."ก็ฉันไม่รู้นี่ว่ามันจะเกิดเรื่องแบบนี้"

........

....."เกิดอะไรขึ้น! น้องวรรณ" วรุตม์พูดขึ้นทันทีที่วิ่งมาถึงสถานที่เกิดเหตุ "ที่ไหล่น้องมีเลือดออกด้วย แล้วน้องดาว..." วรุตม์หยุดพูดเมื่อเห็นสภาพของดารกา

....."วรรณไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ แต่ว่าดาว ดาว..." จิตรวรรณพูดได้แค่นั้นก็ร้องไห้โฮออกมา วรุตม์จึงส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอเช็ดน้ำตา "ขอบคุณค่ะ" เธอพูดเสียงอู้อี้

....."พี่จะพาน้องดาวไปที่พักนะ น้องสองคนไปตามหมอให้พี่ด้วย" วรุตม์อุ้มดารกาขึ้นมา กึ่งเดินกึ่งวิ่งไปทางที่พัก ซึ่งห่างไกลจากโรงเรียนอยู่พอสมควร จิตรวรรณและมาริสารีบไปตามหมอทันทีที่ได้รับคำสั่ง

....."น้องดาว น้องดาว ได้ยินพี่หรือเปล่า" วรุตม์ส่งเสียงเรียก หลังจากวางร่างดารกาบนฟูกของเธอ ที่ศีรษะของเธอยังมีเลือดไหลออกมาอยู่ ทว่าไม่มากเท่าเมื่อครู่ก่อน แต่ดารกาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เขารอได้สักพัก ก็ได้ยินเสียงประตูเปิด เขาหันไปมอง เห็นนายแพทย์คนเดิมที่รักษาจิตรวรรณเมื่อวันแรกของการมาค่ายเดินเข้ามา "เชิญเลยครับคุณหมอ" เขาพูดอย่างเร่งรีบ

.....จิตรวรรณนั่งลงข้างๆ วรุตม์ ไหล่ของเธอที่มีเลือดออกอยู่เมื่อครู่ได้รับการทำแผลเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงร้องไห้อยู่ พลางโทษตัวเองว่า เป็นเพราะเธอ ดารกาถึงต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ ขณะที่เธอคร่ำครวญอยู่นั้น วรุตม์ก็เอามือของเขามากุมมือของเธอ พลางส่งสายตาบอกว่า "น้องดาวจะต้องไม่เป็นอะไร" มาให้

.....มาริสาที่ยืนอยู่เพียงคนเดียวในห้อง เริ่มสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติระหว่างจิตรวรรณกับวรุตม์ ทว่าเธอก็ไม่ได้หาคำตอบเพิ่มเติม ได้แต่เฝ้ามองนายแพทย์ทำแผลให้ดารกาอย่างเงียบๆ

....."หมอทำแผล แล้วก็ห้ามเลือดให้แล้ว แต่หมอไม่แน่ใจว่าสมองของเธอเป็นอะไรมากหรือเปล่า อุปกรณ์ที่นี่ก็ไม่มีด้วยสิ" นายแพทย์เงยหน้าขึ้นมาบอกแก่คนทั้งสาม

....."อาการร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอครับ" วรุตม์ถาม

....."ศีรษะของเธอโดนไม้กระแทกแรงมาก หมอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าร้ายแรงขนาดไหน" นายแพทย์เอ่ยอย่างไม่มั่นใจ "ทางที่ดีน่าจะส่งตัวไปรักษาที่ที่พร้อมกว่านี้ดีกว่านะครับ"

....."งั้นผมพาน้องดาวไปเอง" วรุตม์เอ่ยก่อนจะอุ้มดารกาขึ้นมา

....."ให้วรรณไปด้วยนะคะ ที่ดาวเป็นแบบนี้ก็เพราะวรรณ" จิตรวรรณเอ่ยขึ้น ก่อนจะลุกขึ้นยืน เมื่อเห็นว่าวรุตม์พยักหน้ายอมให้ไป

....."เดี๋ยวสาอยู่รายงานเหตุการณ์ให้อาจารย์ฟังเองค่ะ" มาริสาพูดพลางหันไปขอบคุณคุณหมอ

.....เมื่อทุกคนแยกย้ายกันออกจากห้องไปหมดแล้ว แทนที่ห้องจะว่างเปล่าไร้ผู้คน กลับมีใครยืนนิ่งอยู่กับที่ตรงมุมห้อง เขามีใบหน้าซีดเซียว ก่อนจะพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักว่า "ธะ-เธอ ปะ-เป็นไปได้ยังไง เราก็คอยตามดูอยู่ตลอดเวลานี่นา..."


***



....."ท่าทางภารกิจนี้จะยุ่งมากกว่าที่คิดเอาไว้นะคะ" เสียงของหญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้น

....."นั่นสิ ที่รัก" ชายผู้เป็นที่รักของเธอเอ่ยตอบอย่างเห็นด้วย พลางให้กำลังใจลูกชายว่า "หวังว่าลูกของเราคงผ่านมันไปได้นะ"

....."ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เราไม่คาดคิดเสียก่อนนะคะ" หญิงคนเดิมพูด ราวกับรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะดำเนินไปเป็นเช่นไร...



________________________________________________________________________

สำหรับตอนนี้ก็ประมาณครึ่งเรื่องแล้ว ไวไหมคะ
ผู้เขียนไม่ดองแล้วน้า จะแต่งต่อให้จบเลยค่ะ ฝากติดตามต่อไปด้วยนะคะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 19 2013, 01:29 PM
โพสต์ #8


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....วรุตม์ขับรถพาดารกามารักษาตัวที่โรงพยาบาลมีชื่อแห่งหนึ่ง ซึ่งใหญ่โตหรูหราไม่เหมือนกับโรงพยาบาลทั่วไป มันดูเหมือนกับโรงแรมระดับห้าดาวมากกว่า ตอนนี้เขากับจิตรวรรณกำลังรอผลการรักษาของดารกาอยู่ ในขณะที่รอมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว จิตรวรรณก็เริ่มร้องไห้ออกมาอีก จนเขาต้องกอดปลอบเธอพลางเอ่ยขึ้นว่า "น้องดาวจะต้องไม่เป็นอะไรนะครับ อย่าร้องไห้เลยนะ"

....."ตะ-แต่ว่า หมอยังมะ-ไม่ออกมาเลย ดาวจะเป็นอะไรมะ-มากหรือเปล่า กะ-ก็ไม่รู้" จิตรวรรณพูดตะกุกตะกัก เพราะกำลังสะอื้นไห้อยู่

....."น้องดาวต้องไม่เป็นอะไรสิ" วรุตม์พูดอย่างดุๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนลง "แล้วก็เลิกร้องไห้ได้แล้วนะครับ คนดี เลิกร้องนะ ถ้าน้องดาวตื่นขึ้นมาเห็นน้องวรรณร้องไห้ แล้วคิดเอาเองว่าพี่ทำร้ายน้องวรรณล่ะก็ พี่ก็แย่สิครับ"

.....วรุตม์พยายามทำให้จิตรวรรณรู้สึกดีขึ้น โดยการพูดติดตลกออกมา ซึ่งดูเหมือนจะได้ผลดีด้วย เพราะเธอหัวเราะออกมาเบาๆ เขาจึงคลายกอดเธอพลางใช้มือเช็ดน้ำตาให้เธอด้วย

....."พี่ชาย ไม่เป็นไรหรอกค่ะ วรรณเช็ดเองได้" จิตรวรรณพูดอย่างเขินๆ แล้วถามขึ้นว่า "พี่ชายอ่อนโยนกับผู้หญิงทุกคนแบบนี้เลยหรือเปล่าคะ"

....."ก็...ไม่รู้สิ แต่พี่เพิ่งเคยเช็ดน้ำตาให้ผู้หญิงคนแรกเลยนะเนี่ย" วรุตม์พูดพลางยิ้ม

.....เมื่อจิตรวรรณได้ยินคำพูดและเห็นรอยยิ้มของวรุตม์ ใบหน้าเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นมา ก่อนจะเตือนตัวเองว่า 'ไม่ได้นะ นี่เธอคิดอะไรอยู่ พี่ชายคือคนที่ดาวชอบ เธอจะต้องไม่คิดกับพี่ชายแบบนั้น' เธอหันมองไปทางอื่น ไม่นานก็เห็นนายแพทย์เดินออกมาจากห้องที่เพื่อนของเธอหายตัวเข้าไปได้สี่สิบนาทีแล้ว

.....นายแพทย์คนนั้นพูดขึ้นว่า "คนไข้ไม่เป็นอะไรแล้วครับ สมองไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไร ไม่มีอะไรร้ายแรง เดี๋ยวผมจะย้ายให้คนไข้ไปอยู่ห้องพักผู้ป่วยนะครับ ถ้าคนไข้ฟื้นแล้วให้พยาบาลไปตามหมอแล้วกัน ตอนนี้หมอต้องขอตัวก่อน" พูดจบเขาก็เดินจากไป

....."เห็นไหม น้องดาวไม่เป็นอะไรจริงๆ ด้วย" วรุตม์พูดพลางหันไปมองจิตรวรรณ

.....จิตรวรรณจึงพยักหน้าอย่างดีใจที่เพื่อนของเธอไม่เป็นอะไรจริงๆ


***



....."นั่นเสียงใครทะเลาะกันน่ะ" ดารกาถาม

.....เธอได้ยินเสียงคนทะเลาะกันมานานแล้ว และพยายามหาว่าเสียงมาจากทางไหน เมื่อคิดว่าหาเจอแล้ว เธอก็เดินตามเสียงมาหยุดอยู่หน้าประตูบานกว้าง ที่มีลวดลายสลักเสลาเอาไว้อย่างวิจิตรตระการตา ที่หน้าประตูบานนี้ เธอพบเด็กหญิงคนหนึ่ง อายุประมาณสามขวบ ยืนหันหลังให้เธอ กำลังฟังเสียงคนทะเลาะกันหลังบานประตูที่เธอยืนอยู่นี้ เด็กหญิงคนนั้นกำลังร้องไห้ แม้จะไม่ได้ยินเสียงสะอื้น เธอก็รู้ เพราะตัวของเด็กหญิงสั่นสะท้านจนตัวโยน ราวกับเจอลมพายุ แต่ทว่าที่นี่ไม่มีลม และร่างของเด็กหญิงที่ยืนโงนเงนอยู่ขณะนี้ก็กำลังจะล้มลง

....."คุณหนู! คุณหนูมาทำอะไรที่นี่คะ" เจ้าของเสียงเรียกที่วิ่งออกมาจากห้องนั้นรับร่างของเด็กหญิงไว้ได้ทัน แล้วอุ้มขึ้นมา เธอดูเหมือนวิ่งหนีใครสักคนในห้อง

.....เด็กหญิงกอดรอบคอของคนที่เรียกเธอว่าคุณหนู ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงไม่สบายใจว่า "หนู หนู ได้ยินเสียงพ่อทะเลาะกับใครไม่รู้ เลยออกมาดู"

.....ดารกาตกใจที่ได้ยินเสียงเรียกก่อนที่เด็กหญิงจะตอบ 'นั่นมัน...เสียงป้าอุ่นนี่' แล้วเธอก็ต้องตกใจอีกรอบ เมื่อเห็นใบหน้าของเด็กหญิงที่หันหน้ามาทางเธอ 'คิ้ว ตา จมูก ปาก เหมือน เหมือนกันเกินไปแล้ว!' เธอพยายามหาร่องรอยที่แตกต่าง ทว่าไม่มีส่วนไหนเลยที่ผิดเพี้ยนไปจากเธอ เพราะนั่นคือใบหน้าของเธอเองในวัยเด็ก!


***



.....'นี่ เธอ ดารกา เธอได้ยินฉันไหม ได้ยินแล้วก็ตอบด้วย อย่าเงียบไปเฉยๆ แบบนี้สิ' กานต์พยายามเรียกดารกาทางจิตอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะเธอไม่ตอบเขาเลย ตั้งแต่ที่เธอบาดเจ็บหมดสติไป เขาพยายามปลุกเธอโดยการเรียกแบบนี้มานานมากแล้ว และตอนนี้เขาก็ต้องดีใจสุดขีด เมื่อเธอตอบรับเสียงเรียกของเขาแล้ว

.....'ได้ยินแล้วน่า เงียบๆ หน่อย ฉันปวดหัว' ดารกาสื่อสารตอบอย่างอ่อนเพลีย เธอลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ และเห็นกานต์ยืนอยู่ทางฝั่งซ้ายของเธอ เขาดูจะดีใจมากที่เห็นเธอฟื้นขึ้นมาได้ เหมือนเขาจะยิ้มให้เธอด้วย 'คงไม่หรอกมั้ง เพิ่งฟื้นขึ้นมา สายตาเลยเล่นตลกมากกว่า' เธอบอกกับตัวเองอย่างนั้น ทว่าเธอก็รู้สึกดีที่มีเขาอยู่ข้างๆ เธอเสมอ 'เอ๊ะ! นี่เราเป็นอะไรไป เราไปรู้สึกดีกับเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาก็แค่ไม่อยากให้ภารกิจของเขาล้มเหลวมากกว่า เลยตามดูเธออย่างนี้' เธอส่ายหน้า 'ไม่ไหวแฮะ เดี๋ยวนี้ชักจะชินที่มีนายกามเทพอยู่ด้วยซะแล้วสิ'

....."ดาว! ดาวฟื้นแล้วค่ะ พี่ชาย" จิตรวรรณร้องเรียกอย่างดีใจ ก่อนจะโถมตัวลงไปกอดเพื่อนที่เป็นผู้ป่วยอย่างแรง "ดาวไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม หายแล้วใช่ไหม"

.....เมื่อดารกาได้รับสัมผัสอันแรงไม่น้อยของเพื่อน เธอก็ร้องออกมาว่า "เบาๆ ก็ได้ ฉันหายใจไม่ออกแล้วนะ"

....."อื้อ อื้อ ขอโทษทีนะ" จิตรวรรณเอ่ยพลางคลายกอดให้ "ยังเจ็บอยู่อีกไหม"

....."นิดหน่อยน่ะ แต่ปวดหัวมากกว่า" ดารกาตอบ พยายามลุกขึ้นนั่ง

....."ค่อยๆ นะครับ" วรุตม์พูด แล้วสอดหมอนเข้าไปด้านหลังของดารกา เพื่อให้เธอนั่งได้สะดวกขึ้น

....."เอ่อ ขอบคุณค่ะ พี่ชาย" ดารกาเอ่ย เพิ่งสังเกตว่ามีคนอื่นนอกจากเพื่อนของเธออยู่ในห้องด้วย "แล้วนี่ดาวอยู่ที่ไหนคะ"

....."โรงพยาบาลน่ะ" จิตรวรรณตอบ "เธอช่วยฉันไว้ เลยต้องมานอนเจ็บอยู่แบบนี้ ฉันขอโทษนะ ที่ไม่ระวังตัวให้ดี ทำให้เธอต้องมาเจ็บแทน"

....."มันเป็นอุบัติเหตุน่า อย่าโทษตัวเองสิ" ดารกาบอก เธอไม่อยากให้เพื่อนไม่สบายใจ "เราเป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อนอยู่แล้ว ใช่ไหม"

.....จิตรวรรณพยักหน้า เมื่อไม่มีใครพูดอะไรออกมาแล้ว วรุตม์จึงเอ่ยขึ้นว่า "เดี๋ยวพี่ไปตามหมอก่อนนะ" ก่อนจะเดินออกไป

.....เพียงไม่นาน วรุตม์ก็เดินเข้ามาพร้อมกับนายแพทย์ที่มีหน้าตาและท่าทางใจดี

....."เป็นอย่างไรบ้างครับ ยังเจ็บหรือปวดหัวอยู่หรือเปล่า" นายแพทย์ถาม ก่อนจะสำรวจบาดแผลของดารกา ตอนนี้ที่ศีรษะของดารกามีผ้าพันแผลพันอยู่

....."ไม่เจ็บและก็ไม่ปวดเท่าไหร่แล้วค่ะ" ดารกาตอบ ให้นายแพทย์คนนั้นตรวจบาดแผลต่อไป

....."อืม ไม่เป็นอะไรแล้วล่ะครับ พักผ่อนอีกสักวันก็ออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว" นายแพทย์ตอบ ก่อนจะหันไปพูดกับวรุตม์ "หากคนไข้เป็นอะไร ตามผมได้ทุกเมื่อนะครับ ผมขอตัวก่อน"

....."ครับ" แล้ววรุตม์ก็เดินออกไปส่งนายแพทย์ที่หน้าห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาใหม่พร้อมกับใครอีกคน

....."น้องดาวครับ มีคนมาเยี่ยม"

.....ดารกาหันมามองหน้าผู้เข้ามาใหม่ แล้วก็ต้องแปลกใจ 'นายกามเทพนี่นา'

....."สวัสดีค่ะ พี่กานต์" จิตรวรรณเอ่ยทักทาย

....."สวัสดีครับ" กานต์ตอบ "ดาวเป็นอย่างไรบ้างครับ"

....."ไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะค่ะ หมอให้นอนพักคืนนึง แล้วก็กลับบ้านได้ค่ะ" จิตรวรรณบอก "วรรณว่าวรรณจะอยู่เฝ้าดาวเอง"

....."ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่อยู่เฝ้าเองดีกว่า" กานต์พูดแทรกขึ้น "แม่พี่ให้มาดูแลดาวน่ะครับ"

.....เมื่อดารกาได้ยินดังนั้น เธอก็ส่งสายตาไม่พอใจไปให้กานต์ทันที 'เมื่อไหร่เธอจะหลุดพ้นจากนายกามเทพนี่สักทีนะ'

....."เอ่อ งั้นเหรอคะ ถ้าอย่างนั้น ฉันขอตัวก่อนนะดาว" จิตรวรรณพูด หลังจากเจอสายตาของกานต์ที่แปลเป็นคำพูดได้ว่า "ผมขออยู่กับดาวตามลำพัง"

....."พี่ก็ต้องขอตัวด้วยเช่นกัน" วรุตม์พูด "พรุ่งนี้พี่จะมารับนะ"

....."ค่ะ พี่ชาย ขับรถดีๆ นะคะ" ดารกาพูดก่อนโบกมือให้

.....หลังจากที่จิตรวรรณกับวรุตม์ออกไปแล้ว ดารกาจึงต้องเผชิญหน้ากับกานต์ตามลำพัง ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่นาน แล้วดารกาก็ถามขึ้นว่า "นายเป็นห่วงฉันเหรอ"

....."เอ่อ...เปล่าหรอก แค่ไม่อยากให้ภารกิจของฉันต้องล้มเหลวน่ะ" กานต์ตอบออกไปอย่างนั้น ทั้งที่ในใจตอบตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง 'ใช่ เป็นห่วง ห่วงมากๆ ด้วย' แต่จะด้วยเหตุผลกลใดก็ไม่ทราบเหมือนกัน เขารู้สึกเป็นห่วง อยากปกป้องเธอมากเหลือเกิน และอาการแบบนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ เมื่อเขาอยู่ใกล้เธอ

.....ดารการู้สึกเสียใจที่ได้ยินคำตอบของกานต์ แต่เธอก็ฝืนยิ้มให้ แล้วพูดว่า "ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ตายง่ายๆ อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ฉันขอพักผ่อนก่อนนะ"

.....กานต์เฝ้ามองจนดารกาหลับไป เขาห่มผ้าให้เธอและสัญญากับตัวเองในใจว่า จะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นกับเธออีกเป็นอันขาด ขณะที่เขาเฝ้ามองเธออยู่ตรงนั้น เขาก็ก้มตัวลงเหนือตัวเธอ ก่อนจะจุมพิตหน้าผากเธออย่างแผ่วเบา...


***



....."พี่ชายส่งวรรณแค่นี้ก็ได้นะคะ เดี๋ยววรรณเดินขึ้นไปคนเดียวได้ค่ะ" จิตรวรรณเอ่ย หลังจากที่วรุตม์ขับรถมาส่งเธอที่หน้าหอพักมหาวิทยาลัย

....."ไม่ได้หรอก ถ้าน้องวรรณเกิดเป็นอะไรขึ้นมา เพื่อนของน้องวรรณก็มาว่าพี่พอดี" วรุตม์พูด ก่อนจะเลียนเสียงดารกาว่า "พี่ชายดูแลวรรณไม่ดี ทำให้เพื่อนของดาวไม่สบาย"

....."ฮ่า ฮ่า ฮ่า" จิตรวรรณหัวเราะออกมาก่อนจะเตือนวรุตม์ "พี่ชายอย่าไปทำอย่างนี้ให้ดาวเห็นนะคะ เดี๋ยวดาวเขาจะเสียใจ"

....."พี่ไม่ทำให้น้องดาวเห็นหรอก เพราะพี่ไม่อยากเห็นน้องดาวเสียใจแน่" วรุตม์เอ่ยอย่างจริงจัง

.....จิตรวรรณรู้สึกเจ็บแปลบในใจ แต่เธอก็พยายามไม่รู้สึกอะไรกับมัน ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าลงว่า "วรรณอยากอาบน้ำ แล้วก็พักผ่อนแล้วล่ะค่ะ"

....."งั้นเราไปกันเถอะครับ" วรุตม์บอก

.....เมื่อทั้งสองขึ้นมาถึงห้องที่จิตรวรรณอาศัยอยู่ จิตรวรรณก็พูดขึ้นว่า "พี่ชายกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ" จากนั้นเธอก็เปิดประตูแล้วเดินเข้าห้องไป

.....วรุตม์ได้แต่มองตามอย่างเป็นห่วง เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า จะห่วงเธอทำไม ในเมื่อเธอก็เป็นแค่รุ่นน้องคนหนึ่ง...


***



.....เบื้องบนท้องนภา มีสามีภรรยาคู่หนึ่ง กำลังดูลูกแก้วสีใส ที่ตอนนี้มีภาพของอาณาจักรเบื้องล่างฉายอยู่ภายใน

....."คุณคะ ฉันว่าภารกิจของลูกนี่ ไม่มีทางสำเร็จแน่เลย"

....."ผมว่าเราเรียกลูกกลับมาดีไหม"

....."แต่ฉันว่าลูกคงไม่กลับมาหรอก เพราะตอนนี้..."

....."คุณกำลังจะบอกผมว่า ลูกของเรากำลังมี...ความรักใช่ไหม"

....."ค่ะ"

.....ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างกังวลใจ ไม่ใช่พวกเธอห้ามไม่ให้ลูกมีความรัก แต่เป็นเพราะกฎของกามเทพต่างหาก กฎที่เรียกได้ว่าเป็นข้อห้ามของกามเทพทุกตน กฎที่ว่านั่นก็คือ กามเทพทุกตนห้ามมีความรักกับมนุษย์



________________________________________________________________________






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 21 2013, 02:07 PM
โพสต์ #9


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."นี่ นาย นาย หลับอยู่หรือเปล่า"

....."หือ อะไร มีอะไรเหรอ"

.....หลังจากที่ดารกานอนหลับพักผ่อนเพียงพอแล้ว เธอก็ลืมตาตื่นขึ้นมาก่อนจะพบว่า ศีรษะของกานต์ฟุบอยู่บนเตียงคนป่วยของเธอ เขากุมมือเธออยู่ด้วย เธอพยายามแกะมือของเขาออก ทว่าเขากลับกุมมือของเธอแน่นขึ้น แล้วเงยหน้าขึ้นมามองเธอด้วยสายตาห่วงใย เธอจึงปล่อยให้เขาทำแบบนั้นต่อไปพลางลอบอมยิ้มในใจ 'นายกามเทพทำแบบนี้ก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ' เธอคิดก่อนที่จะรีบส่ายหน้าห้ามความคิดนั้น 'ไม่! ไม่! ไม่! นายกามเทพไม่ได้น่ารักซะหน่อย น่ารำคาญต่างหาก'

....."เป็นอะไรไปน่ะ ปวดหัวเหรอ" กานต์ถามขึ้น พลางยกมืออีกข้างที่ว่างอยู่มาแตะหน้าผากของดารกา เมื่อเห็นว่าเธอส่ายหน้าแรงขนาดนั้น

.....ดารกาผงะกับการกระทำอันอ่อนโยนของกานต์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ปะ-เปล่า ไม่ได้ปวดหัว แค่สงสัยอะไรนิดหน่อย"

....."เรื่องอะไรล่ะ" กานต์ถาม

....."นายเป็นห่วงฉันเหรอ ฉันขอความจริงนะ" ดารกาพูด แล้วสบตาของกานต์

.....กานต์จ้องตอบ ทว่าเพียงไม่นาน เขาก็หลบ ก่อนจะยอมรับอย่างไม่เต็มเสียง "ชะ-ใช่ ฉันเป็นห่วงเธอ"

.....ดารกาหัวใจเต้นรัวเร็วและแรง ราวกับมีกลองรัวกระหน่ำอยู่ในใจ ทว่าเธอยังมีอีกเรื่องที่ยังสงสัย สงสัยมานานแล้ว ตั้งแต่เธอประสบอุบัติเหตุจนหมดสติ แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามใคร เพราะเธอไม่คิดว่าจะมีใครรู้ นอกจากป้าอุ่นเท่านั้น ที่รู้ประวัติความเป็นมาของเธอ เรื่องที่เธอสงสัยคือเรื่องความฝันของเธอเอง ความฝันที่เธอติดตาติดใจมากว่า ทำไมเธอในวัยเด็กถึงอยู่ในบ้านที่หรูหราขนาดนั้น แล้วป้าอุ่นก็ยังอยู่ในความฝันกับเธออีกด้วย 'ต้องมีอะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้แน่ๆ อาจจะเป็นเรื่องของพ่อแม่ก็ได้' เธอคิดอย่างมีความหวังและลองเสี่ยงถามนายกามเทพดูว่า เขารู้ประวัติความเป็นมาของเธอมากน้อยแค่ไหน 'อย่างน้อยนายนี่ก็เป็นกามเทพ น่าจะรู้อะไรอยู่บ้างล่ะน่า'

....."นายบอกว่านายรู้ประวัติของฉันใช่ไหม" ดารกาถามพลางนึกถึงตอนที่เธอเจอเขาครั้งแรก ตอนนั้นเขาบอกกับเธอว่า เขารู้ประวัติของคนที่ต้องทำภารกิจให้

....."ใช่ เธอถามทำไมน่ะ" กานต์ตอบและถามเธอกลับ เขาเริ่มสงสัยตงิดๆ ขึ้นมาแล้วว่า เธอต้องการถามเขาไปเพื่ออะไร 'หรือว่าเธอไปรู้อะไรเข้านะ' เขาคิดอย่างไม่แน่ใจ

....."แล้วนายรู้มากแค่ไหนล่ะ มากกว่าที่ฉันรู้จักตัวเองไหม" ดารกาซัก

....."ก็...เธออยากจะรู้เรื่องอะไรกันแน่" กานต์ไม่ตอบแต่ถามเธอกลับอีกครั้ง

....."ฉันอยากรู้ว่าพ่อแม่ฉันเป็นใคร ชื่ออะไร แล้วทำไมเขาไม่อยู่กับฉัน นายตอบฉันได้ไหม" ดารการัวคำถามใส่กานต์ทันที ทำเอากานต์อึ้งไปชั่วขณะ ก่อนเขาจะตอบเธออย่างที่ทำให้เธอไม่พอใจเป็นอันมากว่า

....."ฉันบอกเธอไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่ภารกิจของฉัน"

....."ไม่ใช่ภารกิจของนาย! แสดงว่านายรู้ แต่ไม่บอกฉันเพราะไม่ใช่ภารกิจของนาย!" ดารกาพูดเสียงดัง ใบหน้าเข้มขึ้นด้วยความโกรธ "อ้อ! แล้วทำไมนายไม่ทำให้ภารกิจของนายสำเร็จลุล่วงไปด้วยดีล่ะ แทนที่นายจะมานั่งเฝ้าฉันแบบนี้ เปลี่ยนให้พี่ชายมาเฝ้าฉันไม่ดีกว่าเหรอ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกนะ เพราะฉันคิดว่าภารกิจของนายคงไม่มีทางสำเร็จหรอก เพราะ...เพราะ..." แต่เธอก็หาเหตุผลไม่ได้ว่า ทำไมเธอถึงบอกเขาเช่นนั้น เธอจึงเงียบแล้วหลับตา เป็นการบอกว่าการสนทนาได้สิ้นสุดลงแล้ว

.....กานต์ปล่อยมือของดารกา ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเบา แต่เขารู้ว่าเธอได้ยิน "เรื่องบางเรื่อง ถ้าไม่รู้เสียจะปลอดภัยกว่านะ"

.....ดารกาลืมตาขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง พลางคิดอย่างเสียใจว่า เขาคงเป็นห่วงเราเหมือนป้าอุ่น ถึงไม่ยอมบอกเรื่องของเธอ แล้วเธอยังไปโมโหใส่เขาอีก เธอคงจะรู้สึกผิดไปอีกนานแน่ ถ้าเธอไม่ทำสิ่งที่ถูกต้อง นั่นก็คือ "ขอโทษนะ" เธอพูด

....."ไม่เป็นไรหรอก เธอมีสิทธิ์ที่จะโกรธฉันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นไม่ต้องขอโทษฉันหรอก" กานต์เอ่ย "เธอนอนต่อเถอะ พรุ่งนี้เธอก็จะได้กลับไปหาคนที่เธออยากเจอแล้วนี่"

....."ป้าอุ่นเหรอ ว้าว! ฉันจะได้กลับไปหาป้าอุ่นแล้ว งั้นฉันนอนแล้วนะ" ดารกาเอ่ยอย่างอารมณ์ดี พลางหลับตานอนอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอหลับไปจริงๆ

.....'ปรับเปลี่ยนอารมณ์ได้ไวจังแฮะ ช่างเหมือนเด็ก เด็กที่ดื้อมากซะด้วย' กานต์คิดในใจพลางส่ายหน้า ก่อนจะคลี่ยิ้มอย่างสบายใจที่เธอไม่คิดถึงเรื่องนั้นแล้ว เขากุมมือของเธอเอาไว้อีกครั้ง ราวกับจะรับประกันว่า เขาจะไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเธออีกอย่างที่เขาให้สัญญากับตัวเองเอาไว้


***



....."น้องดาว พี่มารับแล้ว น้องวรรณกับน้องสาก็มาด้วยนะ" เสียงวรุตม์ดังขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะเข้ามาอยู่ในคลองสายตาของดารกาเสียอีก

....."ดาว! ฉันดีใจจังเลยที่เธอไม่เป็นอะไร ฉันเป็นห่วงเธอมากเลยนะ ตอนที่ต้องอยู่ค่ายคนเดียวน่ะ" มาริสาพูดขึ้น พลางเฝ้ามองคุณหมอถอดผ้าพันแผลที่พันรอบศีรษะของดารกาออก บาดแผลของดารกาเหลือแค่รอยถลอกรอบแผลนิดหน่อยเท่านั้น แต่ไม่นานก็น่าจะหาย เมื่อคุณหมอออกจากห้องไปแล้ว เธอก็เข้าไปกอดเพื่อนสาวทันทีให้หายคิดถึง ก่อนจะผละออกมา

....."เอ้อนี่ดาว แล้วพี่กานต์ไปไหนแล้วล่ะ" จิตรวรรณถาม เมื่อไม่เห็นคนเฝ้าไข้ให้เพื่อนของเธอเมื่อคืนนี้

....."ก็ไปทำงานแล้วน่ะสิ" ดารกาตอบ เธอเองก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาหายไปไหน ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้า เขาก็ไม่อยู่ให้เธอเห็นแล้ว

....."พี่กานต์ของเธอนี่งานเยอะจริงนะ มาให้เห็นแค่แป๊บเดียวแล้วก็ไป" มาริสาพูด

....."เอ้อ พี่ขอถามอะไรหน่อยนะครับ พี่กานต์ของน้องดาวเนี่ยคือใครเหรอครับ" วรุตม์เอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากฟังการสนทนามาได้สักพัก

....."อ้อ! พี่ชายคงยังไม่รู้ พี่กานต์เป็นพี่ชายของดาวน่ะค่ะ" จิตรวรรณตอบอย่างนึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ได้บอกเรื่องของกานต์ให้วรุตม์ทราบเลย

....."คงเป็นพี่ที่รักน้องน่าดูเลยนะครับ มาเฝ้าไข้ให้น้องดาวทั้งคืนเลย" วรุตม์แสดงความเห็น

.....ดารการู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมากับความเห็นอันธรรมดาของวรุตม์ เธอจึงรีบเอ่ยขึ้นเพื่อเปลี่ยนเรื่องเสีย "ดาวขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะคะ จะได้ออกจากโรงพยาบาลเสียที"

....."เชิญเลยครับ ที่บ้านน้องดาวคงอยากเห็นหน้าน้องดาวจะแย่แล้วล่ะครับ" วรุตม์พูดก่อนหลีกทางให้ดารกาเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้า

.....เมื่อดารกาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ทั้งหมดก็ออกจากโรงพยาบาล โดยมีวรุตม์ทำหน้าที่เป็นคนขับรถพาดารกาไปส่งที่บ้าน เธอคอยบอกทางให้เขาเป็นระยะๆ อีกสี่สิบนาทีต่อมา ทั้งหมดก็มาถึงบ้านที่ดารกาอาศัยอยู่ เป็นบ้านเช่าขนาดเล็ก มีสองชั้น นอกบ้านปลูกต้นไม้ดูร่มรื่น ถึงแม้บ้านของเธอจะไม่ใหญ่โตเทียบเท่าบ้านของพวกผู้ลากมากดี แต่ทุกคนที่มาที่นี่ต่างก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของสถานที่ที่เรียกว่า "บ้าน" ได้อย่างแท้จริง

....."ดาวขอเชิญทุกคนเข้าไปนั่งเล่นในบ้านก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับ" ดารกาเชิญชวน หลังลงมาจากรถของวรุตม์แล้ว

....."ฉันเข้าอยู่แล้ว อยากกินอาหารฝีมือป้าอุ่นของเธออีกจัง" จิตรวรรณพูดพลางทำหน้าชวนฝัน

....."ใช่ๆ ฉันก็อยากเหมือนกัน" พูดจบมาริสาก็ทำหน้าชวนฝันตามเพื่อนสาวไปอีกคน

....."แหม พวกเธอ มาบ้านฉันแต่ล่ะที เป็นต้องอยากกินอาหารฝีมือป้าอุ่นทุกทีสิน่า" ดารกาบ่น ทว่ากลับมีสีหน้ายิ้มแย้ม ก็ป้าอุ่นของเธอน่ะ ทำอาหารเลิศรสขนาดไหนยากที่จะบอกได้ แต่ทุกคนที่ได้ลองชิมลองทานแล้ว เป็นต้องอยากทานอีกรอบ กิจการหรือร้านข้าวแกงของป้าอุ่นเลยอยู่มาได้จนถึงขณะนี้ ในขณะที่ร้านอื่นๆ ต้องปิดตัวลงหรือไม่ก็เปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแทน แต่ร้านข้าวแกงนี้เป็นเพียงร้านเล็กๆ และป้าอุ่นก็เป็นผู้ดูแลเพียงคนเดียว แทนที่จะร่ำรวย ฐานะของเธอจึงอยู่ในระดับปานกลาง ไม่เลวร้าย แต่ก็ไม่ดีพอ บางครั้งดารกาก็โดนเพื่อนๆ บางคนในมหาวิทยาลัยดูถูกอยู่เหมือนกัน

....."เห็นน้องๆ พูดกันแบบนี้ พี่ชักอยากจะทานฝีมือของ...ป้าอุ่นใช่ไหมครับ...บ้างแล้วล่ะ" วรุตม์เอ่ยขึ้น

....."งั้นก็...ยินดีต้อนรับค่ะ เชิญทุกคนเข้าบ้านได้เลย" ดารกากล่าวพลางหัวเราะไปด้วย

....."ป้าอุ่นขา ป้าอุ่นอยู่ที่ไหนคะ" ดารกาส่งเสียงเรียกทันทีที่เข้ามาในบ้าน ก่อนจะนำเพื่อนสาวและวรุตม์ไปนั่งคอยที่ห้องรับแขก ซึ่งเป็นดูเหมือนจะเป็นทั้งห้องรับแขก ห้องนั่งเล่น และห้องทานอาหารเลยทีเดียว เนื่องจากมีโทรทัศน์ โซฟา และโต๊ะรับประทานอาหารอยู่ในห้องนี้ทั้งหมด เมื่อทุกคนนั่งกันเรียบร้อยแล้ว เธอก็ออกไปตามหาป้าอุ่นที่ห้องชั้นบน ซึ่งมีอยู่สองห้องเท่านั้น ห้องแรกเป็นห้องนอนของป้าอุ่น และอีกห้องเป็นห้องนอนของเธอ

....."ป้าอุ่นอยู่นี่เอง" ดารกาเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามาในห้องของเธอ หลังจากที่ตามหาป้าอุ่นไม่เจอในห้องของป้าอุ่น "วันนี้ป้าอุ่นมีแขกนะคะ ป้าอุ่นต้องแสดงฝีมือการทำอาหารให้เต็มที่เลย"

.....เมื่อป้าอุ่นได้ยินเสียง "คุณหนู" เธอก็รีบหันมาสวมกอดหญิงสาวทันที ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "คุณหนูจะกลับมาบ้าน ทำไมไม่บอกป้าก่อนล่ะคะ ป้าจะได้เตรียมอาหารอร่อยๆ ไว้ให้ นี่ป้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แล้วเมื่อกี้คุณหนูบอกว่าป้ามีแขก ใช่คุณจิตรวรรณกับคุณมาริสาหรือเปล่าคะ" หลังพูดจบ เธอก็ผละออกมาจากดารกา ก่อนจะถามขึ้นใหม่อย่างตกใจว่า "คุณหนู! หัวคุณหนูไปโดนอะไรมาคะ"

....."ไม้หล่นใส่น่ะค่ะ แต่ตอนนี้ไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ" ดารกาตอบพลางทำหน้าไม่เป็นอะไรจริงๆ "ส่วนแขกของป้าอุ่นก็สองคนนั้นแหละค่ะ แต่ว่า...ยังมีอีกหนึ่งคนนะคะ เป็นรุ่นพี่ของดาวเองค่ะ"

....."งั้นเหรอคะ ตอนนี้ก็เที่ยงครึ่งแล้ว ตายล่ะ ป้าต้องรีบไปทำอาหารให้ทานแล้วล่ะค่ะ ก่อนที่คุณหนูกับเพื่อนๆ ของคุณหนูจะหิวตายซะก่อน" พูดจบป้าอุ่นก็รีบร้อนออกจากห้องไป

.....ดารกาจึงกลับไปหาทุกคนที่รออยู่ข้างล่าง แล้วบอกให้คอยป้าอุ่นที่ไปทำอาหารให้ทาน ก่อนจะคุยเรื่องสัพเพเหระกัน ไม่นานหลังจากนั้น ป้าอุ่นก็นำอาหารใส่ถาดเข้ามา กลิ่นหอมโชยเตะจมูกของทุกๆ คน ดารการีบเข้าไปช่วยป้าอุ่นจัดโต๊ะทันที อาหารที่ป้าอุ่นทำนั้น ได้แก่ แกงส้ม แกงเขียวหวาน ยำหมูยอ และที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับดารกาก็คือ ไข่เจียวหมูสับ

....."ป้าอุ่นคะ นี่ไงคะ แขกอีกคนของป้าอุ่น นอกจากเพื่อนของดาว" ดารกาเอ่ยพลางชี้มือมาที่วรุตม์ ตอนนี้ทุกคนนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันที่โต๊ะรับประทานอาหารแล้ว โดยมีป้าอุ่นนั่งตรงข้ามกับดารกา วรุตม์นั่งข้างเธอ จิตรวรรณนั่งถัดจากป้าอุ่น และมาริสานั่งถัดจากจิตรวรรณอีกที

.....วรุตม์ยกมือไหว้ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนอบน้อม "สวัสดีครับ ผมชื่อวรุตม์ หรือเรียกสั้นๆ ว่าชายก็ได้ครับ"

....."ยินดีที่ได้รู้จักจ้ะ" ป้าอุ่นรับไหว้ ก่อนจะทำหน้าสงสัยว่า ทำไมเธอถึงคุ้นหน้าคุ้นตาของวรุตม์ แต่ก่อนที่เขาจะจับสังเกตเธอได้ เธอก็เอ่ยให้ลงมือทานอาหารกันเสียก่อน "ทานอาหารกันเถอะจ้ะ พวกหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลยไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวก็หิวตายกันพอดี"

....."ค่า อาหารของป้าอุ่น พวกหนูชอบมากๆ " จิตรวรรณพูด แล้วทุกคนก็ลงมือรับประทานอาหารกัน

.....ผ่านไปสามสิบนาที หลังจากที่ช่วยกันเก็บโต๊ะ ล้างจานกันแล้ว ทั้งหมดก็ไปนั่งคุยกันที่เดิม ครั้งนี้ป้าอุ่นอยู่คุยกับเด็กๆ ด้วย ซึ่งเธอเป็นคนเริ่มชวนสนทนาก่อน โดยถามถึงเรื่องค่ายทัศนศึกษา "แล้วที่ไปเข้าค่ายกัน เป็นยังไงกันมั่งคะ เหนื่อยไหม"

....."จะว่าเหนื่อย มันก็เหนื่อยแหละค่ะ แต่ว่ามันก็สนุกดีเหมือนกันนะคะ ได้ไปช่วยปรับปรุงโรงเรียนให้พวกเขา เป็นอะไรที่แปลกใหม่ดี ได้ลองทำอะไรใหม่ๆ น่ะค่ะ" มาริสาพูด

....."เหรอคะ ป้านึกว่าพวกหนูจะไปสร้างโรงเรียนให้เสียอีก แต่จากที่ฟังเมื่อกี้ แค่ปรับปรุงใช่ไหมคะ" ป้าอุ่นถามอย่างแปลกใจ เพราะจำได้ว่าดารกาเขียนจดหมายมาบอกก่อนไปเข้าค่ายว่า จะไปสร้างโรงเรียนให้เด็กๆ ชนบท

....."ใช่ค่ะ อาจารย์อยากทำให้การเข้าค่ายมันดูโหดขึ้นมั้งคะ เลยหลอกพวกหนูว่าให้ไปสร้างโรงเรียน" จิตรวรรณพูดขึ้นบ้าง ก่อนจะหันไปหาวรุตม์ "แล้วพี่ชายไม่รู้เรื่องอะไรเลยเหรอคะ รุ่นพี่น่าจะรู้เรื่องมากกว่ารุ่นน้องนะ เพราะต้องเป็นคนคุมรุ่นน้องนี่คะ"

....."พี่ก็เพิ่งรู้พร้อมๆ กับพวกน้องนั่นแหละครับ อาจารย์ไม่ได้บอกอะไรพวกพี่เลย" วรุตม์ตอบ

....."นี่ดาว ทำไมนั่งเงียบไปล่ะ ไม่เห็นพูดอะไรมั่งเลย" มาริสาหันไปถามเพื่อนสาวที่ตอนนี้นั่งทำหน้านิ่ง คิ้วขมวด ราวกับไม่ได้ฟังเรื่องที่พวกเธอกำลังคุยกัน

....."เอ่อ ก็พวกเธอเล่นพูดแข่งกัน จนฉันไม่รู้จะพูดอะไรนี่" ดารกาพูดแก้เก้อ เธอกำลังนึกถึงนายกามเทพอยู่ว่า ตอนนี้ไปอยู่เสียที่ไหนไม่เห็นมาให้เธอเห็นหน้าตั้งแต่เช้าแล้ว

....."ป้าอุ่นคะ หนูอยากรู้ว่าลู-" จิตรวรรณยังเอ่ยออกเสียงคำว่า "ลูก" ไม่ทันจบ ดารกาก็เอื้อมมือมาปิดปากเธอเสียก่อน แล้วเอ่ยต่อเสียเองว่า "วรรณเขาอยากรู้ว่า มีรูปดาวตอนเด็กๆ ไหมน่ะค่ะ ป้าอุ่น วรรณเขาอยากเห็น"

....."อะ-เอ่อ ใช่ค่ะ ตามที่ดาวบอกเลย หนูอยากเห็นว่าตอนเด็กๆ เพื่อนของหนูจะน่ารักเหมือนตอนนี้ไหม" จิตรวรรณเอ่ยตามน้ำ หลังจากที่เธอแกะมือเพื่อนของเธอออกจากปากเธอแล้ว ก่อนจะกระซิบเบาๆ ให้เพื่อนเธอได้ยินเพียงคนเดียวว่า "ฉันไม่ได้อยากจะดูรูปเธอเสียหน่อย ฉันอยากรู้เรื่องพี่กานต์ต่างหาก"

.....ดารกาแกล้งไม่สนใจ ก่อนที่ป้าอุ่นจะพูดขึ้นว่า "ได้สิคะ ป้ามีรูปคุณหนูตอนเด็กเยอะเลย เดี๋ยวป้าไปเอามาให้ดู"

....."เมื่อกี้ป้าอุ่นเรียกน้องดาวว่า คุณหนู ใช่ไหมครับ" วรุตม์ถาม ทำหน้าสงสัย หลังจากที่ป้าอุ่นลุกออกไปจากห้องแล้ว

....."ใช่ค่ะ พี่ชาย ป้าอุ่นเรียกดาวอย่างนี้มาตั้งแต่ดาวจำความได้แล้วล่ะค่ะ" ดารกาตอบพลางยิ้ม

....."แปลกจัง แล้วนี่พี่ยังไม่เจอพ่อแม่น้องดาวเลย ท่านไม่อยู่บ้านเหรอครับ" วรุตม์ถามต่อ

.....ดารกามีสีหน้าเศร้าลงทันที จนมาริสาที่ฟังอยู่ต้องเอ่ยตอบแทน "ดาวเขาอยู่กับป้าอุ่นมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วล่ะค่ะ อยู่กับป้าอุ่น...คนเดียว"

....."เอ้อ พี่ต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ถามอะไรอย่างนั้น น้องดาวไม่โกรธพี่นะ" วรุตม์พูดขึ้นอย่างสำนึกผิด

....."ดาวไม่โกรธพี่ชายหรอกค่ะ ก็พี่ชายไม่รู้มาก่อนนี่นา ดาวจะไปโกรธพี่ชายทำไมกันคะ" ดารกาพูดก่อนกลับมามีสีหน้ายิ้มแย้มอีกครั้ง ทำให้วรุตม์ต้องยิ้มตามไปด้วย

.....จิตรวรรณนั่งฟังดารกากับวรุตม์พูดกันอย่างเจ็บแปลบในใจนิดๆ ทว่าเธอรีบปัดอาการนั้นออกไป ก่อนจะคิดว่า 'ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ' แต่เธอก็นั่งคิดได้ไม่นาน เนื่องจากเธอยังสงสัยเรื่องที่ดารกาทำเหมือนไม่ให้เธอถามเรื่องของกานต์ เธอจึงเอ่ยถามว่า "ดาว ทำไมเธอไม่ให้ฉันถามป้าอุ่นเรื่องพี่กานต์"

....."เอ่อ...เอ่อ..." ดารกาคิดหาเหตุผลไม่ทัน ขณะที่เธอกำลังจะจนมุม เธอก็ได้ยินเสียงที่เธออยากได้ยินดังขึ้นว่า 'บอกไปว่าป้าอุ่นน้อยใจที่ฉันไม่ยอมกลับบ้านมาหาแก แกเลยไม่อยากได้ยินชื่อหรืออะไรก็ตามที่เกี่ยวกับลูกชายของแก' เธอจึงบอกเพื่อนของเธอตามที่เสียงนั้นบอกกับเธอ "ก็ป้าอุ่นเขาน้อยใจ ที่พี่กานต์ไม่ยอมกลับบ้านมาหาเลย มัวแต่ไปทำงานอยู่นั่นแหละ ป้าอุ่นก็เลยไม่อยากให้ใครเอ่ยถึงพี่กานต์อีก"

....."อ้อ! เป็นแบบนี้นี่เอง ถ้าเธอห้ามฉันไม่ทัน ฉันคงเห็นป้าอุ่นในแบบที่ฉันไม่เคยเห็นแน่ๆ" จิตรวรรณเอ่ยอย่างไม่ติดใจสงสัยอะไร ดารกาจึงรู้สึกโล่งอกที่เรื่องนี้ผ่านไปได้ ทีนี้ก็จะไม่มีใครเอ่ยชื่อของกานต์ในบ้านหลังนี้แล้ว

....."แล้วพวกเธอไม่อยากกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อแม่มั่งเหรอ ป่านนี้พวกท่านคงรออยู่นะ" ดารกาพูด

....."นั่นสิ เรากลับกันเถอะ ฝากลาป้าอุ่นให้ด้วยนะ ดาว แล้วก็บอกป้าอุ่นด้วยว่า เราจะมาทานอาหารที่นี่อีก พวกฉันไปล่ะ" มาริสาพูดก่อนจะโบกมือลาเพื่อน

....."พี่ก็ต้องกลับก่อนเหมือนกันนะครับ เอาไว้พี่จะมาหาน้องดาวอีกนะ" วรุตม์พูด ก่อนจะเดินตามสองสาวออกไป

.....ถ้าเป็นเมื่อก่อน ดารกาคงจะยิ้มดีใจจนหน้าบานไปแล้วที่วรุตม์พูดแบบนี้กับเธอ ทว่าในตอนนี้เธอกลับไม่ดีใจขนาดนั้น เพียงแต่รู้สึกดีใจธรรมดาที่จะมีคนมาหาบ้างก็เท่านั้น และขณะนี้ เวลานี้ เธอกลับรู้สึกดีใจที่เห็นนายกามเทพยืนอยู่ตรงหน้าเธอมากกว่าสิ่งอื่นใด เธอเอ่ยถามขึ้นว่า "นายไปอยู่ไหนมาน่ะ ฉันต้องขอบคุณนายมากนะที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้นี้"

....."ก็อยู่ข้างๆ เธอนั่นแหละ ฉันแค่ไม่ให้เธอเห็นก็เท่านั้นเอง" กานต์ตอบก่อนจะทำหน้าสงสัย แล้วถามว่า "เมื่อกี้เธอเพิ่งขอบคุณฉันเหรอเนี่ย เป็นอะไรมากหรือเปล่า อาการกำเริบขึ้นมาหรือไง" เขาขยับเข้าไปหาดารกาแล้วจับตรงที่เธอเป็นแผลอย่างเบามือ ทันใดนั้นรอยถลอกที่เคยมีอยู่ก็หายไป ราวกับว่าไม่เคยเกิดบาดแผลใดๆ กับเธอมาก่อนเลยสักนิดเดียว

....."นายก็ ฉันอุตส่าห์พูดขอบคุณนายอย่างจริงใจเลยนะนี่ มาหาว่าฉันเสียสติไปได้" ดารกาพูดอย่างงอนๆ แล้วยกมือขึ้นมาจับตรงที่กานต์จับเมื่อกี้ ก่อนจะร้องขึ้นว่า "นายทำอะไรกับแผลของฉันน่ะ กระจกอยู่ไหนนะ" เธอมองหากระจกไปรอบห้อง จนเจอมันตั้งอยู่มุมหนึ่ง เป็นกระจกบานเล็กเท่าฝ่ามือ เธอหยิบมันขึ้นมาให้ตรงกับสายตาตัวเอง ก่อนที่เธอจะต้องแปลกใจ เพราะตรงหน้าผากของเธอที่ควรจะมีแผลอยู่ มันกลับไม่มี แผลหายไปอย่างไร้ร่องรอย "นายทำอะไรกับมันอ่ะ บอกฉันหน่อยสิ" เธอถามกานต์อีกรอบ

....."ก็แค่ใช้วิธีการรักษาของกามเทพก็เท่านั้นเอง" กานต์ตอบพลางยิ้มเล็กน้อย ที่เห็นดารกาจ้องกระจกจนจะทะลุอยู่แล้ว ก่อนจะเอ่ยอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงคนเดินมา "ป้าอุ่นของเธอกลับมาแล้วล่ะ ฉันไปก่อนนะ"

....."อื้อ" ดารกาพูดอย่างไม่สนใจ เธอสนใจแต่ว่า เป็นกามเทพนี่ดีจังเลย รักษาแผลให้หายได้ในพริบตา

....."อ้าว! เพื่อนของคุณหนูไปไหนกันแล้วล่ะคะ" เสียงของผู้ที่หอบอัลบั้มรูปภาพเข้ามาดังขึ้น เรียกให้ดารกาหลุดออกจากภวังค์

....."อ๋อ กลับกันไปหมดแล้วล่ะค่ะ ดาวต้องขอโทษแทนเพื่อนๆ แล้วก็พี่ชายด้วยนะคะ ที่ไม่ได้อยู่ลาป้าอุ่น แต่ทุกคนบอกว่าจะมาหาดาวกับป้าอุ่นอีกค่ะ แถมยังบอกอีกว่าให้ป้าอุ่นทำอาหารไว้รอด้วย ทุกคนชอบฝีมือการทำอาหารของป้าอุ่นมากๆ ค่ะ"

....."ว้า ทุกคนอดเห็นรูปคุณหนูตอนเด็กเลย แต่ไม่เป็นไร เอาไว้คราวหน้าก็ได้" ป้าอุ่นพูดก่อนจะวางอัลบั้มรูปทั้งหมดลงบนพื้น

....."ป้าอุ่นคะ ถ้าหนูจะถามเรื่องพ่อแม่ ป้าอุ่นจะบอกหนูไหมคะ" ดารกาถาม เมื่อมีโอกาสได้อยู่กับผู้เลี้ยงดูเธอตามลำพัง

....."ไม่ค่ะ คุณหนูไม่รู้เรื่องจะปลอดภัยกว่า" ป้าอุ่นยังยืนยันคำตอบเดิม "แต่ป้าอยากถามคุณหนูจังว่า รุ่นพี่คุณหนูที่ชื่อวรุตม์ เขาเป็นใคร ทำไมป้าถึงคุ้นหน้าเขานัก"

....."พี่ชายเหรอคะ พี่ชายก็เป็นรุ่นพี่คนหนึ่งที่ดาวปลื้ม" ดารกาพูดก่อนจะเสริมขึ้นอีก เมื่อเห็นป้าอุ่นเอียงคอสงสัยกับสิ่งที่เธอพูด "คือ ปลื้ม...ปลื้มแบบรุ่นน้องปลื้มรุ่นพี่น่ะค่ะ แต่ป้าอุ่นเพิ่งเคยเจอพี่ชายครั้งแรกนี่คะ ป้าอุ่นจะคุ้นหน้าพี่ชายได้ยังไงกัน"

....."ถ้าคุณหนูชอบรุ่นพี่คนนั้น ป้าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ" ป้าอุ่นพูดอย่างรู้ทันหญิงสาว "แต่ก่อนหน้านั้น ลองบอกชื่อนามสกุลให้ป้ารู้ได้ไหมคะ ป้าอาจจะรู้จักพ่อแม่ของเขาก็ได้ ถึงได้คุ้นหน้าเขามาก"

....."ก็อาจจะจริงนะคะ แต่ดาวว่าป้าอุ่นน่าจะรู้จักพ่อแม่ของพี่ชาย ตามหน้าหนังสือพิมพ์มากกว่า เพราะครอบครัวของพี่ชายรวยมาก พ่อของพี่ชายทำธุรกิจโรงแรมขนาดใหญ่น่ะค่ะ พี่ชายมีชื่อจริงว่า วรุตม์ หัตถทรัพย์"

.....หลังจากที่ป้าอุ่นได้ยินดารกาบอก เธอก็ทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก่อนเปลี่ยนเป็นใบหน้าซีดเผือด แล้วเอ่ยออกมาอย่างเบาที่สุด แม้แต่ดารกาที่ยืนอยู่ตรงหน้ายังไม่ได้ยิน "ไม่...ไม่จริง...เป็นไปไม่ได้ เรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้น"

....."ป้าอุ่นคะ ป้าอุ่นเป็นอะไรไปคะ ป้าอุ่นไม่สบายหรือเปล่า ให้ดาวพาไปพักผ่อนที่ห้องไหมคะ" ดารกาเอ่ยอย่างตกใจที่เห็นท่าทางป้าอุ่นเป็นแบบนั้น เธอจะเข้าไปช่วยพยุงเพื่อเดินไปส่งที่ห้อง แต่ป้าอุ่นก็พูดขึ้นมาก่อนว่า "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ป้าแค่เพลียนิดหน่อยก็เท่านั้นเอง" จากนั้นป้าอุ่นก็เดินออกไป ปล่อยให้ดารกายืนงงอยู่คนเดียว

....."ป้าอุ่นเป็นอะไรไปนะ ไม่เคยเห็นมีท่าทางแบบนี้เลย" เธอพึมพำก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอีกคน

....."ดารกา ทำไมเธอต้องมีชีวิตที่น่าเศร้าแบบนี้ด้วยนะ" เสียงใครบางคนพูดขึ้น หลังจากที่หญิงสาวเดินออกจากห้องไปไม่นาน เขาเฝ้ามองเธอด้วยสายตาเศร้าหมอง ก่อนจะบอกกับตัวเองว่า เขาจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดจนกว่าภารกิจของเขาจะเสร็จสิ้น หรือก่อนที่เขาจะจากไป



________________________________________________________________________


สำนวนตอนที่แล้วไม่แปร่ง แต่ตอนนี้คงกลับมาแปร่งอีกแล้วล่ะค่ะ (หัวเราะ)
สำหรับตอนนี้ก็อาจจะยาวหน่อยนะคะ
นางเอกของเราได้กลับมาอยู่บ้านแล้ว ทีนี้เรื่องราววุ่นๆ คงเกิดขึ้นเยอะแน่ๆ (ยิ้ม)
ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 23 2013, 12:48 PM
โพสต์ #10


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....กรวีร์ฝันอีกแล้ว ฝันเรื่องเดิม ร่างในฝันก็พูดด้วยคำพูดเดิม ทว่าเขาพยายามที่จะไม่ใส่ใจ แต่มันก็ไม่ได้ช่วยทำให้เขาสบายใจขึ้นเลยแม้แต่น้อย เขากลับยิ่งเป็นกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ (หรือว่ามันยังมีเรื่องอื่นที่เขายังทำลายไม่หมดนะ กรวีร์คิด)

.....เช้าวันรุ่งขึ้น เขาจึงเรียกลูกน้องคนสนิทมาสอบถามเรื่องที่เขายังค้างคาใจ ลูกน้องของเขาคนนี้ทำงานให้เขามานานตั้งแต่เขากับเพื่อนของเขายังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งบัดนี้ก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนเจ้านายใหม่ และลูกน้องคนนี้ก็เป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ความหลังของเขากับเพื่อนของเขา

....."มีอะไรให้รับใช้หรือครับ" เสียงลูกน้องคนนั้นเอ่ย เป็นเสียงที่ฟังทุ้มลึกดูไม่เหมาะกับวัยของเขาเลย เขามีอายุประมาณห้าสิบปลายๆ แล้ว ทว่ายังดูแข็งแรงอยู่ทุกส่วนสัด อาจจะเสียเปรียบเรื่องส่วนสูงบ้าง แต่ก็ยังเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนในสถานที่ที่เขาทำงานอยู่ เขาค่อนข้างแปลกใจกับท่าทางของเจ้านาย ที่เรียกเขามาหาเป็นการส่วนตัวแบบนี้ ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งนั้น เขาก็ไม่โดนเรียกอย่างวันนี้อีก (หวังว่าเจ้านายของเขาคงไม่ทำอะไรแบบวันนั้นอีกนะ เขาคิด)

....."ในเมื่อฉันเรียกนายมาพบแบบนี้ ฉันก็จะไม่อ้อมค้อมล่ะนะ" กรวีร์พูด "ฉันอยากจะรู้ว่านายทำงานให้ฉันเรียบร้อยดีไหม ขอความจริงนะ สิทธิ์"

.....สิทธิ์ตกใจที่จู่ๆ เจ้านายเขาก็พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา แม้กรวีร์จะไม่บอกว่าเป็นงานอะไร แต่เขาก็ย่อมรู้ เจ้านายเขาจะต้องหมายถึงเรื่องเมื่อสิบหกปีที่แล้วแน่นอน ทว่าอาการตกใจของเขาถูกซ่อนเอาไว้ภายใต้ใบหน้าสงบเสงี่ยมอย่างมิดชิด ก่อนจะเอ่ยปากตอบว่า "เรียบร้อยครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดเลยครับ"

....."จริงรึ" กรวีร์ต้องการความมั่นใจ

....."ครับ ไม่มีอะไรผิดพลาดจริงๆ ครับ" สิทธิ์ยืนยันคำตอบเดิม

....."แสดงว่าฉันคิดมากไปเอง" กรวีร์เอ่ยเสียงเบา ก่อนจะกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ "ที่ฉันเรียกนายมาพบไม่ใช่ถามแค่เรื่องนั้นเรื่องเดียว ยังมีอีกเรื่องที่ฉันอยากให้นายทำ นายตามสืบให้หน่อยได้ไหมว่า ลูกชายฉันออกไปหาใครแทบทุกวัน ปกติไม่เห็นออกจากบ้านเมื่อปิดเทอม"

....."ได้ครับ" สิทธิ์รับงาน

....."นายไปได้แล้วล่ะ เดี๋ยวตามลูกชายฉันไปไม่ทัน" กรวีร์พูด เมื่อได้ยินเสียงสตาร์ทรถ

....."ครับ" สิทธิ์พูดพลางโค้งตัวทำความเคารพ แล้วเดินออกไป

....."ถ้ารู้ว่าไปติดผู้หญิงที่ไหนที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้านะ แม่นั่นตาย!!!" กรวีร์อาฆาตมาดร้าย


***



....."น้องดาว สบายดีไหมครับ" วรุตม์พูด เมื่อเห็นดารกาเดินมาหาที่ประตูรั้ว

....."สบายดีค่ะ" ดารกาตอบก่อนจะเปิดประตูรั้วให้วรุตม์เข้ามาข้างในบ้าน "พี่ชายมาหาดาวเกือบทุกวันเลย พ่อแม่ไม่สงสัยบ้างหรือไงคะ"

....."ก็มีบ้าง พี่จึงบอกพวกท่านว่ามาหาเพื่อน พวกท่านก็หายสงสัยแล้ว" วรุตม์บอกก่อนถามดารกาว่า "แล้วนี่ป้าอุ่นไม่อยู่เหรอครับ"

....."ไม่อยู่หรอกค่ะ ไปร้านตั้งแต่เช้าแล้ว" ดารกาตอบพลางรินน้ำใส่แก้วให้วรุตม์

....."อ้อ เหรอครับ พี่ว่าจะมาฝากท้องที่นี่สักหน่อย ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันมาเลย" วรุตม์พูดพลางอมยิ้ม

....."ว้า ป้าอุ่นไม่อยู่ อยู่แต่ดาว พี่ชายคงต้องทานฝีมือดาวแล้วล่ะค่ะ" ดารกาพูดก่อนจะหัวเราะออกมา "แต่ดาวก็ไม่เชื่อหรอกว่าพี่ชายจะแค่มาฝากท้อง ดาวว่าต้องมีเรื่องอื่นอีกแน่ๆ เลย"

....."ฮ่า ฮ่า ฮ่า น้องดาวนี่รู้ทันพี่จริงๆ ใช่แล้วล่ะครับ พี่อยากจะมาบอกว่าอีกสองวันเป็นวันเกิดของพี่ พ่อแม่พี่จัดงานให้ทุกปี ปีนี้พี่ก็เลยจะเชิญน้องดาวไปด้วย ไปให้ได้นะครับ" วรุตม์บอกพลางคิดถึงรุ่นน้องอีกคนที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้ เขาไม่กล้าไปชวนเธอด้วยตัวของเขาเอง จึงได้แต่หวังว่าดารกาคงจะชวนไปด้วย

....."จริงเหรอคะ พี่ชาย ดาวจะไปให้ได้เลยค่ะ" ดารกาพูดพลางทำตาโต "เอาไว้ดาวจะชวนสากับวรรณไปด้วยนะคะ พี่ชายคงไม่ขัดข้อง"

....."โอ้ ไม่เลยครับ มีคนมาเยอะๆ สนุกดี" วรุตม์พูดพลางยิ้มกว้างในใจอย่างเบิกบาน

....."แล้วนี่พี่ชายจะอยู่ที่นี่ต่อหรือว่า จะกลับเลยล่ะคะ" ดารกาถาม

....."น้องดาวบอกว่าจะทำอาหารให้พี่ทานไม่ใช่เหรอ พี่ก็ต้องอยู่ต่อสิครับ" วรุตม์พูด ใบหน้ายิ้มแย้ม

....."พี่ชายแน่ใจนะคะว่าจะทานฝีมือดาว ถ้าพี่ชายต้องเข้าโรงพยาบาลอย่ามาโทษดาวน้า" ดารกาพูดลากหางเสียงเล็กน้อย

....."พี่เชื่อว่าน้องดาวทำอร่อยไม่แพ้ป้าอุ่นแน่นอน" วรุตม์พูดพลางทำหน้าเชื่อมั่นเต็มที่

....."งั้นพี่ชายนั่งรอดาวแป๊บนะคะ ดาวไปเข้าครัวก่อน" พูดจบแล้วดารกาก็เดินไปเข้าครัวตามที่พูด วรุตม์จึงไปนั่งรอที่โต๊ะรับประทานอาหารที่เขามักมานั่งทานอาหารบ่อยๆ ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

.....หลังจากที่ดารกาทำอาหารเสร็จและทั้งคู่ก็ทานกันเรียบร้อยแล้ว ดารกาจึงเดินออกมาส่งวรุตม์ที่หน้าบ้าน ก่อนกลับวรุตม์ได้เอ่ยกับดารกาว่า "เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าน้องดาวต้องทำอาหารอร่อยเหมือนป้าอุ่น น้องดาวทำอร่อยมากๆ ครับ"

....."พี่ชายกำลังจะทำให้ดาวลอยนะคะ ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะ" ดารกาเอ่ยพลางยิ้มเขินที่ได้รับคำชม "โอ๊ย!"

....."น้องดาวเป็นอะไรไหมครับ" วรุตม์ถาม หลังจากที่รับตัวดารกาเอาไว้ในอ้อมแขน เนื่องจากเธอเดินสะดุดก้อนหินที่หน้าบ้าน เมื่อตอนจะหันตัวกลับ

....."ไม่เป็นไรค่ะ ดาวนี่ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยนะคะ" ดารกาพูดด้วยความอาย ก่อนจะกลับมายืนตามปกติ

....."แล้วเมื่อไหร่คนซุ่มซ่ามคนนี้จะมีคนดูแลสักทีล่ะครับ" วรุตม์ถามก่อนจะยิ้มกว้างออกมา "พี่จะได้ไม่ต้องมาห่วงน้องสาวที่น่ารักของพี่คนนี้ตลอดเวลา"

.....เมื่อดารกาได้ยินอย่างนั้นก็ถึงกับพูดไม่ออก ไม่ใช่เพราะว่าเธอเสียใจที่วรุตม์เห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว แต่เธอกลับรู้ใจตัวเองว่าเธอก็เห็นวรุตม์เป็นเพียงพี่ชายเท่านั้นเช่นกัน ก่อนเธอจะตอบวรุตม์อย่างคนอารมณ์ดีว่า "ก็ในเมื่อน้องสาวคนนี้ยังไม่มีใคร พี่ชายคนนี้ก็ต้องดูแลน้องสาวคนนี้ไปก่อนนะคะ"

....."ได้เลยครับ พี่จะดูแลน้องสาวคนนี้ให้ดีที่สุดเลย อีกสองวันเจอกันนะครับ" วรุตม์เอ่ยก่อนโบกมือลา หลังจากนั้นเขาก็ขับรถกลับบ้าน โดยไม่รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนแอบอยู่ในรถอีกคัน ที่จอดห่างจากบ้านของดารกาไปสองบ้าน ใครคนนั้นได้ถ่ายรูปของทั้งสองคนอย่างรวดเร็ว ก่อนจะไปสอบถามคนอื่นๆ เรื่องของผู้หญิงที่ลูกชายของเจ้านายของเขามาหา เมื่อได้เรื่องแล้ว เขาจึงกลับไปรายงานให้เจ้านายเขาฟัง ระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับอยู่นั้น เขาก็ได้พึมพำกับตัวเองว่า "ไม่น่าเลย คุณวรุตม์ คุณกำลังทำให้ผู้หญิงคนนั้นเดือดร้อน"


***



....."นาย นายกามเทพ นายอยู่ที่นี่ไหม" ดารกาเอ่ยเมื่อเข้ามาในห้องนอนของเธอแล้ว

....."อยู่" กานต์ตอบก่อนจะปรากฏตัวขึ้นทางด้านหลังดารกา

.....ดารการีบหันกลับมาหากานต์ ทว่าเขาอยู่ใกล้เธอเกินไป เธอจึงหันไปชนเขาก่อนจะทรงตัวไม่อยู่ จนพาเขาล้มไปบนเตียงของเธอ เธอล้มทับอยู่บนตัวเขาพอดี พยายามจะยันตัวลุกขึ้น แต่กานต์กลับเอามือขึ้นมากอดเธอ ไม่ให้เธอลุกไปไหนได้ ตอนนี้หน้าของเธอจึงแดงซ่านและอยู่ในอาการเขินสุดขีด

....."นะ-นาย ปะ-ปล่อยฉันสิ ฉะ-ฉันมีเรื่องจะบอกนายนะ" เธอเอ่ยติดๆ ขัดๆ พลางพยายามคิดว่า เขาคงไม่ได้ยินเสียงหรือสัมผัสได้ถึงหัวใจของเธอตอนนี้หรอกนะ เพราะตอนนี้หัวใจของเธอมันแทบจะกระโจนออกมานอกอกอยู่แล้ว ถ้าสมมติว่าเขาสัมผัสหรือได้ยินเสียงหัวใจของเธอจริง เขาก็ดูเหมือนจะไม่สนใจมัน ก่อนจะกอดเธอแน่นขึ้นอีก เธอจึงเริ่มดิ้นและทำร้ายร่างกายเขา โดยการทุบแขนและอกเขา แต่เธอก็ทำแบบนั้นไม่ได้มาก เนื่องจากยิ่งทำเขาก็ยิ่งรัดเธอแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนเธอต้องร้องออกมาว่า "นาย ปล่อยฉันก่อน ฉันหายใจไม่ออกแล้ว"

.....เท่านั้นแหละ กานต์จึงคลายอ้อมแขน ก่อนจะพยุงให้ดารกานั่งข้างๆ เขาบนเตียงของเธอเอง เขายิ้มกริ่มรู้สึกดีที่ได้อยู่กับเธอแบบนี้ตามลำพัง ไม่รู้พักนี้เขาเป็นอะไร แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าตัวเองยิ้มมากขึ้นเมื่อได้อยู่กับเธอ

....."นายนี่ ทำอะไรไม่รู้เรื่องเลย" ดารกาบ่น "แล้วยังมายิ้มให้ฉันอีก นายทำฉันแปลกใจมากขึ้นทุกที รู้ตัวบ้างไหมว่านายยิ้มมากกว่าเก่า ฉันดีใจนะที่นายเริ่มจะมีอารมณ์อื่น นอกจากอารมณ์นิ่งบ้างแล้ว แต่ถ้ายิ้มเพราะ...เพราะ...เอ่อ นายคงเข้าใจ ฉันอยากเห็นนายกลับไปเป็นแบบเดิมมากกว่า" เธอยกมือปิดแก้มที่ร้อนผ่าวขึ้นมาอีกแล้ว

....."เธอว่า เธอมีอะไรจะบอกฉันเหรอ" กานต์ถามแต่ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร แต่เขาอยากได้ยินจากปากของเธอมากกว่า

....."ฉันว่าภารกิจของนายคงไม่สำเร็จแล้วล่ะ เพราะฉันกับพี่ชาย เราเป็นแค่พี่น้องกัน" ดารกาตอบ

.....กานต์รู้สึกดีใจมากที่ได้ยินดารกาบอกกับเขาอย่างนั้น แต่เขาก็รู้สึกเศร้าใจด้วย เพราะถ้าคนที่เขาทำภารกิจให้เกิดเปลี่ยนใจหรือไม่ได้รักใครแล้ว กามเทพอย่างเขาก็จะต้องกลับอาณาจักรของตัวเอง ซึ่งเขาไม่อยากจากเธอไป ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ทำไมเขาจึงรู้สึกอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ตอนแรก เขาอยากจะกลับอาณาจักรจะตาย ทว่าตอนนี้เขาอยากอยู่

....."งั้นเหรอ" กานต์พูดออกมาได้เท่านั้นจริงๆ

....."อื้อ ในเมื่อฉันไม่ได้รักพี่ชายแล้ว นายยังจะต้องอยู่บนโลกมนุษย์อีกไหม" ดารกาถามอย่างใจหาย

....."ถ้าตามกฎของกามเทพแล้ว ฉันก็จะต้องกลับอาณาจักรของฉัน" กานต์ตอบสีหน้าเคร่งเครียด "แล้วฉันก็จะกลายเป็นแค่ความทรงจำของเธอ เราจะไม่ได้พบเจอกันอีกเลย"

....."เอ้อ แล้วนายจะกลับไปตอนไหนล่ะ ฉันจะได้หาอะไรให้นายเป็นการ...จากลา" ดารกาพูด หยาดน้ำใสคลอดวงตา เธอเงยหน้าขึ้น พยายามทำให้มันกลับเข้าไปข้างใน ก่อนเธอจะพูดขึ้นอีกว่า "เอาไว้เป็นที่ระลึกจากฉันด้วย"

.....กานต์ตอบคำถามของเธออย่างแผ่วเบาก่อนที่เขาจะหายตัวไปว่า "คงอีกสองสามวันน่ะ"


***



....."นี่ครับเจ้านาย รูปคนที่คุณวรุตม์ไปหาบ่อยๆ" สิทธิ์เอ่ยขึ้น หลังจากที่เข้ามาในห้องทำงานของเจ้านายเขาแล้ว

....."เป็นผู้หญิงจริงๆ ด้วยสินะ ชื่ออะไร ลูกเต้าเหล่าใคร มีหัวนอนปลายเท้าไหม บอกประวัติของเธอมา" กรวีร์ซัก

....."ชื่อดารกา เลิศไพบูลย์ครับ เป็นเด็กกำพร้า ถูกเลี้ยงดูโดยคนที่ชื่ออุ่น ซึ่งเป็นคนขายข้าวแกง" สิทธิ์บอกข้อมูลที่เขาได้มาแก่เจ้านายของเขาทั้งหมด ตอนที่ไปสอบถามคนละแวกนั้น เขาค่อนข้างตกใจที่ได้ยินนามสกุลของผู้หญิงในรูป ถึงแม้จะมีบางอย่างไม่ครบในนามสกุลนั้น แต่เขาก็อดรู้สึกแปลกใจไม่ได้ เขาจึงถามชื่อคนเลี้ยงดูเธอทันที เมื่อรู้ว่าไม่ใช่คนๆ เดียวกับที่เขารู้จัก เขาก็โล่งใจและตอนนี้เจ้านายของเขาก็เป็นเหมือนกับเขาตอนนั้นเลย

....."เลิศไพบูลย์! เลิศไพบูลย์เฉยๆ รึ ไม่มีอะไรต่อท้ายแน่รึ" กรวีร์ตะโกน ก่อนจะค่อยๆ ลดเสียงลง "แต่มันก็ไม่น่าเป็นไปได้หรอก ในเมื่อนายทำงานไม่พลาดนี่นา คงจะแค่คล้ายเท่านั้นแหละ ฮึ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ฉันคงไม่ต้องบอกหรอกนะว่า นายควรจะทำอะไร ไปทำอะไรก็ได้ให้นังเด็กนั่นเลิกยุ่งกับลูกชายฉัน ถ้านายจัดการไม่ได้ ฉันจะเป็นคนลงมือทำเอง"

....."ครับ ผมทำได้ครับ" สิทธิ์รีบตอบ เนื่องจากไม่อยากจะคิดว่า ถ้าเจ้านายของเขาลงมือจัดการเองแล้ว หญิงสาวคนนั้นจะเป็นอย่างไร คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ เขาไม่อยากเห็นใครเป็นอะไรอีก แค่ที่เขารู้และเคยทำมันก็มากพอแล้ว 'คุณวรุตม์ คุณจะรู้บ้างไหมว่า พ่อของคุณเคยทำอะไรเอาไว้' เขาคิด



________________________________________________________________________


ขอบอกตรงๆ เลยว่า คิดชื่อตอนนี้ไม่ออก
ไหนๆ นางเอกของเรื่องก็กำลังจะเจออันตรายอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ชื่ออันตรายไปเลยแล้วกันเนอะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 26 2013, 02:52 PM
โพสต์ #11


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....โลกมนุษย์มีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ทุกวัน เบื้องบนหมู่เมฆ อาณาจักรกามเทพก็มีเรื่องราวแบบนั้นเกิดขึ้นเช่นกัน

.....กามเทพชายหญิงคู่หนึ่งมักจะเฝ้ามองดูลูกแก้ว ที่แสดงความเป็นไปในโลกมนุษย์อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน พวกเขามองดูลูกชายของพวกเขาในสถานที่แห่งนั้น รับรู้ได้ถึงความเศร้า ความห่วงใยที่ลูกชายของพวกเขามีต่อมนุษย์หญิงคนหนึ่ง และมนุษย์หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะแสดงความเศร้าออกมาเช่นเดียวกัน ทั้งคู่ต่างเฝ้ามองเรื่องนี้ด้วยความกังวล และเป็นห่วงในตัวลูกชาย ในเมื่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้ไปทำ กลับทำไม่สำเร็จ เพราะความรู้สึกเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ลูกชายของพวกเขาจึงต้องกลับมา...กลับมายังอาณาจักรของตน

....."คุณว่าลูกของเราจะรู้ตัวเมื่อไหร่ว่ารักผู้หญิงคนนั้น" กามเทพหญิงถาม

....."ไม่รู้สิ แล้วคุณคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะรู้ตัวเมื่อไหร่ว่ารักลูกชายของเรา" กามเทพชายถามกลับ

....."บางทีพวกเขาอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็ได้ จนเมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจากไปแล้ว" กามเทพหญิงพูด "ฉันสงสารลูกของเราจัง กานต์เศร้ามากเลยนะคะ"

....."ความรัก บางทีมันก็น่าเศร้านะ" กามเทพชายเปรย "แต่ถ้าลูกของเรารักผู้หญิงคนนั้นมากจริงๆ และผู้หญิงคนนั้นก็รักลูกชายของเราด้วย ผมก็พร้อมที่จะช่วยลูก ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ผมกับคุณต้องเจ็บปวดมากก็ตาม"

....."นี่คุณคงไม่ได้หมายถึง...แต่ถ้ามันทำให้ลูกของเรามีความสุข ฉันก็มีความสุขค่ะ" กามเทพหญิงยิ้มออกมาจนได้

....."นั่นสินะ ถ้าลูกมีความสุข เราก็มีความสุข" กามเทพชายพูดก่อนจะสวมกอดกามเทพหญิงผู้เป็นที่รัก


***



....."ดาว ดาวเป็นอะไรไปน่ะ ทำไมดูไม่ร่าเริงเลย" มาริสาถามขึ้น เมื่อเข้ามานั่งในห้องรับแขกอเนกประสงค์ของเพื่อนสาวแล้ว เธอมักจะมาบ้านของดารกาพร้อมกับจิตรวรรณบ่อยๆ วันนี้ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน เธอสังเกตเห็นท่าทางไม่สดใสเหมือนเคยของเพื่อนสาว ตั้งแต่ตอนที่เพื่อนของเธอเดินออกมารับแล้ว

....."ฮะ ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่" ดารกาตอบพลางพยายามทำหน้าให้ดูสดใสขึ้น "เอ่อนี่ ฉันมีเรื่องจะบอกพวกเธอด้วยแหละ อยากรู้กันหรือเปล่า"

....."เรื่องอะไรล่ะ คงไม่ใช่เธอกลายเป็นคุณหนูขึ้นมาจริงๆ หรอกนะ" จิตรวรรณแหย่

....."บ้าน่า ถ้าเป็นจริงขึ้นมาก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่ต้องมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้" ดารกาพูด มีอาการกลุ้มเล็กน้อย

....."กลุ้มเรื่องอะไรล่ะ เธอทำพวกฉันอยากรู้แล้วนะ" จิตรวรรณเอ่ยพลางทำหน้าอยากรู้จริงๆ

....."ใช่เลย บอกพวกฉันมาหน่อยนะดาวว่าเธอกลุ้มเรื่องอะไร" มาริสาพูดขึ้นอย่างเห็นด้วย

....."ก็เรื่องของขวัญวันเกิดของพี่ชายน่ะสิ ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะให้อะไรพี่เขาดี" ดารกาตอบ "เออ เมื่อตอนเที่ยงพี่ชายมาหาฉัน แล้วก็บอกให้ฉันชวนเธอสองคนไปงานวันเกิดที่บ้านของพี่ชายด้วยนะ อีกสองวันน่ะ"

....."ว้าว! วันเกิดของพี่ชายเหรอ แต่ฉันว่าเธอไม่เห็นจะต้องกลุ้มเลย แค่ของขวัญวันเกิดเอง เราออกไปซื้อกันเลยดีไหม" มาริสาพูด

....."จะไม่ให้ฉันกลุ้มได้ไง ก็ฉันมันไม่ได้รวยเหมือนอย่างเธอสองคนนี่" ดารกาพูดขึ้นอย่างงอนๆ ที่เพื่อนลืมฐานะของเธอ

....."จริงด้วย ขอโทษทีจ้า ถ้าเธอมีอะไรให้ฉันช่วย บอกฉันได้นะ ฉันช่วยเต็มที่เลย ไม่ต้องเกรงใจ" มาริสารีบเอาใจเพื่อนสาว

....."ฉันไม่รบกวนพวกเธอหรอก ว่าแต่พวกเธอจะซื้ออะไรให้พี่ชายกันล่ะ" ดารกาถามก่อนจะกลับมายิ้มอีกครั้ง

....."ไปห้างเดี๋ยวก็รู้เองเนอะ วรรณ" มาริสาพูดพลางหันไปหาเพื่อนสาวอีกคน เมื่อไม่ได้รับการตอบรับ เธอจึงเรียกอีกครั้ง "วรรณ ยายวรรณ"

.....จิตรวรรณสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น "อะ-เอ่อ ฮะ เมื่อกี้เธอว่าอะไรนะ" เธอกำลังคิดหาของขวัญให้วรุตม์อยู่เหมือนกัน จนไม่ได้ยินเสียงมาริสาพูดเลย

....."ใจลอยไปถึงไหนเนี่ย ฉันบอกว่าไปถึงห้างเดี๋ยวก็หาของขวัญได้เองน่ะ จริงไหม" มาริสาทวน

....."อะ-อื้อ" จิตรวรรณพยักหน้ารับ ก่อนจะหันไปถามดารกา "เธอจะไปกับเราด้วยไหมล่ะดาว"

....."ไม่ล่ะ พวกเธอไปกันเถอะ ฉันว่าฉันคิดออกแล้วว่าจะให้อะไรพี่ชายดี" ดารกาตอบแล้วลุกขึ้นเดินออกไปส่งเพื่อนที่หน้าบ้าน วันนี้มาริสาขับรถมาเอง เลยไม่ต้องนั่งแท็กซี่กลับเหมือนทุกครั้งที่มาบ้านเธอ

....."พวกฉันไปแล้วนะ ถ้ามีปัญหาอะไร ให้ฉันช่วยได้นะ" มาริสาพูดขึ้นอีกครั้ง พลางเดินไปที่นั่งด้านคนขับ

....."ใช่แล้วดาว บอกฉันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ เพื่อความรักของเพื่อน พวกเราช่วยเต็มที่" จิตรวรรณรู้สึกเศร้าที่ต้องพูดประโยคนี้ แต่ดารกาเป็นเพื่อนที่เธอรักมาก เธอจึงต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้ เธอจะต้องไม่รักวรุตม์อย่างที่เพื่อนเธอกำลังรักเด็ดขาด

....."เออนี่ ฉันอยากจะบอกว่า..." ดารกายังพูดไม่ทันจบ มาริสาก็ขับรถออกไปจากบ้านเธอแล้ว เธอจึงได้แต่คิดต่อในใจว่า 'เอาไว้บอกทีหลังก็ได้ว่าเราไม่ได้รักพี่ชายแบบนั้น'

.....ระหว่างที่ดารกาจะเดินกลับเข้าบ้านนั่นเอง เธอก็เห็นซองจดหมายสีน้ำตาลลอดออกมาจากกล่องจดหมาย เธอหยิบมันขึ้นมาดู ไม่มีชื่อผู้ส่ง ทว่ามีแต่ชื่อผู้รับเขียนด้วยลายมือหวัดๆ ว่า "ถึง ดารกา เลิศไพบูลย์" เธอแปลกใจมากที่เห็นมัน เพราะเมื่อเช้าตอนที่เธอเดินออกมารดน้ำต้นไม้นั้น เธอยังไม่เห็นจดหมายซองนี้เลย (คงจะเพิ่งส่งมา ไม่ใช่สิ ไม่มีตราประทับไปรษณีย์ งั้นก็คงเป็นใครสักคนที่หย่อนมันลงมาเองล่ะมั้ง)

....."คุณหนู ป้ากลับมาแล้วนะคะ อ้าว! นั่นจดหมายใครคะ" เสียงป้าอุ่นดังขึ้นที่ด้านหลังของดารกา

.....ดารกาจึงหันกลับไปตอบป้าอุ่นว่า "ไม่รู้เหมือนกันสิคะ ไม่ได้บอกชื่อผู้ส่งไว้"

....."อะไรนะคะ! ไม่มีชื่อผู้ส่ง งั้นคุณหนูก็ไม่ควรเปิดอ่านนะคะ ไม่รู้มีอะไรซ่อนไว้ข้างในหรือเปล่า" ป้าอุ่นพูดทำหน้าขยาด

....."ไม่มีอะไรหรอกค่ะ น่าจะเป็นแค่กระดาษนะคะ ซองบางแล้วก็เรียบมาก คงไม่มีอะไรซ่อนไว้หรอกค่ะ" ดารกาตอบ หลังจากลูบซองจดหมาย และชั่งน้ำหนักในมือดูแล้ว

....."งั้นเหรอคะ แต่ป้าก็ไม่ไว้ใจอยู่ดี ทำไมต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ ด้วย" ป้าอุ่นพูดยังคงไม่ไว้ใจซองจดหมายในมือดารกา "แต่ถ้าคุณหนูเห็นว่าไม่มีอะไร ป้าก็ไม่ว่าหรอกค่ะ เราเข้าบ้านกันเถอะนะคะ คุณหนู"

.....ป้าอุ่นเดินเข้ามากอดเอวดารกา ก่อนจะพากันเดินเข้าบ้านไป โดยมีใครคนหนึ่งแอบดูอยู่ตลอดเวลาใกล้ๆ บ้านของหญิงต่างวัยทั้งสอง ใครคนนั้นเป็นคนเอาจดหมายไปหย่อนใส่กล่องจดหมายเอง ตอนที่เด็กสาวสองคนขับรถออกไป ซึ่งตอนนั้นดารกายืนหันหลังให้เขาอยู่ เธอจึงไม่สังเกตเห็นเขา เขาเฝ้ามองว่าดารกาจะเห็นมันไหม ทว่าเขากลับตกใจมาก เมื่อเห็นหน้าป้าอุ่น จนเขาต้องเอามือปิดปากไม่ให้มีเสียงร้องออกมา เฝ้าภาวนาว่าอย่าให้ใครเห็นเขาในตอนนี้เลย 'ทำไม ทำไมโชคชะตาถึงเล่นตลกกับเขาแบบนี้' เขาคิด


***



.....หลังจากที่ดารกาปิดประตูห้องนอนของเธอเรียบร้อยแล้ว เธอก็ลงมือแกะซองจดหมาย หยิบกระดาษข้างในออกมา กระดาษแผ่นนั้นถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ เหมือนกับที่เขียนบนซองจดหมาย ข้อความที่ปรากฏบนกระดาษอ่านได้ว่า

"อย่ายุ่งกับวรุตม์ ถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่"


.....ดารกาอึ้ง ทว่าไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวกับข้อความนั้น เธอคิดว่าคงเป็นแค่นักศึกษาหญิงที่หลงรักวรุตม์ส่งมาแกล้งเธอ และเธอก็ไม่ได้รู้สึกรักวรุตม์แบบนั้น เธอจึงไม่สนใจ แต่นายกามเทพกลับแย่งกระดาษที่เธอถืออยู่ไปอ่านเสียเอง เธอรู้สึกว่าเขาจะเครียดกับข้อความนั้นมากกว่าเธอเสียอีก

.....เมื่อกานต์อ่านจบ เขาก็นึกเป็นห่วงดารกาขึ้นมาทันที ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำ ติดอยู่ที่ว่าเขาไม่สามารถช่วยเธอได้ โชคชะตาของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ทุกคนจะต้องเลือกและยอมรับด้วยตัวเอง ไม่ว่ามันจะเป็นโชคชะตาที่แสนวิเศษหรือร้ายกาจมากก็ตาม ดารกาเองก็มีโชคชะตาของเธอเหมือนกัน เรื่องที่เป็นปริศนาสำหรับเธอมานาน คงจะใกล้เผยออกมาแล้วสินะ เขาหวังว่ามันคงจะไม่ทำร้ายจิตใจของเธอมากเกินไปนัก

....."ดารกา" กานต์เรียก

....."หือ นายมีอะไรหรือเปล่า" ดารกาขมวดคิ้ว เธอแปลกใจมากที่เขาเรียกเธอด้วยชื่อจริงของเธอ ไม่บ่อยหรอกที่กานต์จะเรียกเธอแบบนี้

....."เธอไม่ไปงานวันเกิดไม่ได้เหรอ" กานต์พูดด้วยน้ำเสียงนิ่งแฝงแววห่วงใย

....."ทำไมล่ะ พี่ชายอุตส่าห์ชวนทั้งที" ดารกาพูด รู้สึกแปลกใจมากขึ้นทุกที "ฉันจะออกไปหาของมาทำของขวัญให้พี่ชายอยู่แล้วด้วย"

....."แปลว่าเธอจะไปให้ได้" กานต์พูด "งั้นให้ฉันไปกับเธอนะ"

....."ไม่ว่าฉันจะไปไหน นายก็ตามฉันไปทุกที่อยู่แล้วนี่นา ฉันจะห้ามนายได้ยังไงล่ะ" ดารกาเอ่ยอย่างข้องใจก่อนจะคิดต่อว่า 'ทำไมจะต้องขออนุญาตด้วยนะ แปลก'

....."ไม่ใช่ไปในฐานะกามเทพ แต่ไปในฐานะมนุษย์ต่างหากล่ะ" กานต์ตอบ

....."เอ่อ งั้นเหรอ คงได้มั้ง พี่ชายคงไม่ว่าหรอก แล้วนายจะไปในฐานะมนุษย์ทำไมล่ะ" ดารกาสงสัย

....."ฉันก็แค่ อยากไปดูแลเธอเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะกลับบ้านของฉันน่ะ" กานต์เอ่ยออกมาได้อย่างยากเย็น และเขาต้องสะกดอารมณ์ที่อยากดึงดารกาเข้ามากอดเป็นอย่างมาก เขาพยายามที่จะไม่มองหน้าของเธอ มองดวงตาของเธอที่มักจะมีเรื่องสงสัยตลอดเวลา รวมทั้งเรื่องที่เขารู้สึก "บางอย่าง" กับเธอด้วย 'ทำไมเขาช่างรู้ตัวช้าอย่างนี้นะ' เขาคิดอย่างร้าวรานใจ ก่อนจะตัดใจว่า เขาจะไปจากเธอ หลังจากที่งานวันเกิดของวรุตม์เลิกแล้ว เขาไม่อยากเจ็บปวดใจไปมากกว่านี้ รีบไปเสียตั้งแต่เนิ่นๆ มันน่าจะดีกว่า เพราะไม่ว่ายังไงกามเทพกับมนุษย์มันก็เป็นได้แค่เส้นขนานเท่านั้น ไม่มีวันที่มาจะบรรจบกันได้ ไม่มีวันที่จะเกิดเรื่องแบบนั้น แม้เขาจะภาวนาอยู่ทุกวันว่าให้เกิดปาฏิหาริย์ขึ้นกับเขาก็ตามที

.....ดารกาในตอนนี้ก็ไม่แตกต่างจากกานต์สักเท่าไหร่ เธอรู้จักนายกามเทพได้แค่เดือนเดียวเอง แต่ทำไมเธอจึงรู้สึกหลายอย่างกับเขาเสียเหลือเกิน ตอนแรกก็ไม่ชอบขี้หน้า อยากจะให้เขาไปให้พ้นๆ ทั้งยังรู้สึกรำคาญที่ชอบมาป้วนเปี้ยนในที่ที่เธออยู่ บางครั้งก็รู้สึกโกรธที่เขาทำอะไรแล้วไม่บอกเธอก่อน ทว่ามันยังมีอีกความรู้สึกที่เธอพยายามซ่อนมันให้ไกลจากหัวใจของตัวเอง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ซ่อนมันไม่ได้สักที คงเป็นเพราะเธอ...รักเขา รักที่ไม่รู้ว่ารักไปแล้ว พอมารู้สึกตัวอีกที เขาก็จะจากเธอไป ทำไมเธอต้องรักนายกามเทพด้วยนะ รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นความรักที่เป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ยังรักเขาอยู่ดี เธอพยายามกลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลออกมา เมื่อความพยายามนั้นไม่เป็นผล เธอเลยเลือกที่จะก้มหน้าแทน ก่อนจะบอกเขาว่า "ก่อนจะถึงงานวันเกิดของพี่ชาย นายไม่ต้องคอยตามฉันนะ ฉันอยากอยู่คนเดียว"

....."เอ่อ ได้สิ แต่ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เรียกหาฉันได้ทางจิตเลยนะ ฉันจะมาช่วย" กานต์พูดพลางคิดว่า ไม่เจอหน้ากันสักพักก็คงจะดีเหมือนกัน แล้วเขาก็จากไป

....."เข้มแข็งหน่อยสิดาว เธอไม่ใช่คนอ่อนแอสักหน่อย" ดารกาบอกกับตัวเอง เธอกลับมาทำหน้ารื่นเริงอีกครั้ง ก่อนจะออกจากบ้านไปหาของที่เธอต้องการ

....."ป้าอุ่นคะ ดาวจะออกไปข้างนอกนะคะ ไปซื้อของนิดหน่อยน่ะค่ะ"

....."ค่า คุณหนู อย่ากลับดึกนะคะ" ป้าอุ่นตะโกนตอบกลับมาจากข้างหลังบ้าน เธอกำลังดูแลต้นไม้เป็นครั้งสุดท้ายของวัน

....."ไม่ดึกหรอกค่ะป้าอุ่น ดาวจะรีบกลับ" ดารกาตะโกนตอบกลับไป

.....เมื่อออกมาข้างนอก ดารกาก็เริ่มตระเวนซื้อของที่ต้องการทันที เธอเดินวนอยู่แถวบ้านเกือบชั่วโมง เมื่อเธอได้ของครบแล้ว --อันได้แก่ โหลแก้วรูปดาวขนาดเท่าฝ่ามือ กระดาษพับดาวหลากสี กล่องใส่ของขวัญ กระดาษห่อของขวัญ และสร้อยคอเงินแท้มีจี้รูปดาวพร้อมกล่อง ซึ่งอย่างหลังเธอหาอยู่นานกว่าจะเจอที่เธอถูกใจ ความจริงมันก็มีอันที่สวยกว่านี้มาก ทว่ามันแพงเกินไป จนเธอไปเจอสร้อยเส้นนี้จากร้านขายเครื่องประดับร้านหนึ่ง เป็นร้านเล็กๆ คนขายกำลังจะปิดร้านอยู่แล้ว แต่เธอสังเกตเห็นมันเสียก่อน เธอจึงได้มันมาด้วยราคาที่ไม่แพงนัก ตัวสร้อยเธอไม่สนใจ ทว่าเธอสนใจตัวจี้มากกว่า มันเป็นจี้รูปดาวทึบสีเงิน เหมาะสำหรับให้ทั้งผู้ชายและผู้หญิงใส่ได้ทั้งนั้น-- เธอจึงกลับบ้าน และเธอก็เห็นซองจดหมายที่กล่องจดหมายอีกแล้ว เธอมองหาคนแปลกหน้าที่น่าจะเป็นคนส่งมันมา แต่ก็ไม่พบใคร เธอเลยนำมันมาอ่านที่ห้องของเธอ คราวนี้ข้อความในจดหมายไม่ได้แสดงความข่มขู่ ทว่าผู้เขียนกลับขอร้องเธอ

....."อย่าไปงานวันเกิดของวรุตม์เลยนะ ฉันขอร้อง" ดารกาอ่านออกเสียงข้อความในจดหมาย ก่อนจะถามคำถามกับตัวเอง "ทำไมถึงไม่มีใครอยากให้เราไปงานวันเกิดของพี่ชายเลยนะ มันมีอะไรกันแน่เนี่ย แต่ไม่ว่ายังไงเราก็จะไปอยู่ดี ดารกาซะอย่าง ห้ามไม่ได้อยู่แล้ว"

.....หลังจากนั้นเธอก็วางของที่ซื้อมาทั้งหมดไว้บนเตียง โดยแยกกล่องใส่สร้อยออกจากของทั้งหมดไปวางบนโต๊ะเขียนหนังสือ ก่อนเธอจะไปอาบน้ำ แล้วออกมาอีกครั้งในชุดนอน เธอนั่งพับดาวจากกระดาษพับดาวที่เธอซื้อมาบนเตียง ท่าทางตั้งใจทำมาก เมื่อพับไปได้เศษหนึ่งส่วนสี่ของโหลแก้ว เธอก็เลิกและบอกกับตัวเองว่า ถึงเวลาพักผ่อนเสียที หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวัน เธอก็หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน


***



.....ย่างเข้าเช้าวันใหม่แล้ว จิตรวรรณก็ยังคิดไม่ออกว่าจะให้อะไรเป็นของขวัญวรุตม์ เมื่อวานนี้หลังจากที่เธอได้ฟังเรื่องราวจากดารกา เธอก็กลับมานอนคิดทั้งคืนแต่ก็ยังไม่มีอะไรในหัวสมองเลย เธอพักเรื่องของขวัญแล้วลงไปทานข้าวเช้าพร้อมกับพ่อแม่

.....ห้องรับประทานอาหารที่เธอกำลังเดินไปนั้นอยู่ที่ชั้นล่าง มันเป็นห้องทรงกลม ให้ความโอ่อ่าหรูหราแบบชาวตะวันตก พื้นเป็นพื้นไม้ขัดเงา มีโต๊ะทานอาหารทรงกลมอยู่ตรงกลางห้อง บนโต๊ะมีเชิงเทียนสวยงามตั้งอยู่ตรงกลาง แต่แสงที่ส่องสว่างรอบห้องอาหารห้องนี้ ไม่ได้มาจากเทียนที่อยู่บนเชิงเทียนแต่อย่างใด แสงนั้นมาจากโคมไฟระย้าคริสตัลที่ห้อยอยู่ด้านบนเพดานต่างหาก ไม่ต้องให้ใครบอกก็รู้ว่า เจ้าของบ้านนี้มีฐานะมั่งคั่งแค่ไหน

.....หลังจากทานไปได้สักพัก ลูกสาวเจ้าของบ้านก็ถามพ่อแม่ของเธอว่า ส่วนใหญ่แล้วของขวัญวันเกิดชิ้นไหนมักถูกใจผู้รับมากที่สุด ผู้เป็นบิดาเลยตอบว่า

....."ของขวัญทุกชิ้นที่ให้ด้วยใจนั่นแหละลูก ถูกใจผู้รับมากที่สุด"

....."ว่าแต่ลูกจะให้ใครล่ะ" ผู้เป็นแม่ถามขึ้นบ้าง

....."ก็...เพื่อนคนหนึ่งน่ะค่ะ พรุ่งนี้เป็นวันเกิดของเขาแล้ว แต่หนูยังไม่รู้จะให้อะไรดีเลยค่ะ" จิตรวรรณตอบ โดยดัดแปลงจากความจริงเล็กน้อย

....."เขาเหรอ เพื่อนผู้ชายใช่ไหม" แม่ถามอย่างจับผิด ก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาอีกว่า "ต้องเป็นคนสำคัญสำหรับลูกด้วยแน่เลย ไม่งั้นลูกสาวของแม่คงไม่คิดมากขนาดนี้"

.....จิตรวรรณมีอาการเขิน เมื่อได้ยินประโยคหลังของผู้เป็นแม่ ก่อนจะพูดอ้อมแอ้มว่า "ไม่ใช่สักหน่อย เอ่อ งั้นหนูขอตัวไปข้างนอกก่อนนะคะ" เธอเดินไปหอมแก้มพ่อกับแม่ แล้วออกจากห้องรับประทานอาหารไป

....."ลูกของเราโตเป็นสาวแล้วเหรอเนี่ย" ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้น

....."เด็กผู้หญิงโตเร็วเสมอ หวังว่าลูกคงเจอคนดีๆ นะคะ" ผู้เป็นแม่เอ่ยขึ้นบ้าง หลังจากนั้นทั้งคู่ก็ทานอาหารต่อ


***



....."จะซื้ออะไรให้พี่ชายดีน้า" จิตรวรรณเอ่ยกับตัวเอง เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง "ไม่รู้ด้วยสิว่าพี่ชายชอบอะไร"

.....หลังจากเดินขึ้นลงบันไดของห้าง เข้าร้านนู้นออกร้านนี้ เธอก็เริ่มเมื่อยจนต้องหาที่นั่งพัก เธอเอนตัวไปข้างหลังพลางหลับตา เมื่อลืมตาเธอก็สังเกตเห็นร้านตุ๊กตาร้านหนึ่งตรงหน้าเธอนี่เอง เธอจึงลองเดินเข้าไปดู ไม่คิดว่าจะมาซื้อตุ๊กตาให้กับวรุตม์สักนิด ทว่าเธอก็เดินเข้ามาแล้ว ที่นี่มีแต่ตุ๊กตาน่ารักๆ ทั้งนั้น เธอเดินลึกเข้าไปจนไปเจอตุ๊กตาเด็กผู้ชาย ความสูงประมาณครึ่งตัวของเธอ มันน่ารักมาก เธอหยิบมันขึ้นมา ก่อนที่จะได้ยินเสียงพนักงานขายแนะนำเจ้าตุ๊กตาตัวนี้ให้เธอฟัง

....."ตุ๊กตาตัวนี้เป็นคอลเลคชั่นใหม่สำหรับทางร้านเราเลยนะคะ เหมาะที่จะให้เป็นของขวัญวันเกิดแก่ใครสักคนมากๆ เลยค่ะ คุณลูกค้าไม่ต้องห่วงเลยนะคะ ทางร้านเรายินดีห่อของขวัญให้ด้วยค่ะ สำหรับราคาก็ไม่แพงนะคะ ประมาณสามพันห้าร้อยบาทเองค่ะ คุณลูกค้าสน-"

....."รบกวนห่อให้ด้วยนะคะ อ้อ! มีการ์ดขายไหมคะ อยากได้สักใบน่ะค่ะ ใส่ไว้ในมือเจ้าตัวนี้นะคะ" จิตรวรรณเอ่ยแทรกพนักงานขาย ก่อนจะยื่นตุ๊กตาให้ หลังจากที่รับตุ๊กตาไปแล้ว พนักงานหญิงคนนั้นก็พาเธอไปนั่งที่โต๊ะหน้าเคาน์เตอร์ หยิบการ์ดให้เธอ เธอจึงลงมือเขียนว่า

"ของขวัญสำหรับ...พี่ชายที่แสนดี
มีความสุขมากๆ นะคะ

จาก...จิตรวรรณ"


.....จิตรวรรณยื่นการ์ดที่เขียนเสร็จแล้วให้พนักงานหญิงคนเดิม เธอรับมันมาก่อนจะนำมาใส่ในมือของตุ๊กตา หลังจากนั้นเธอจึงห่อของขวัญให้ เมื่อเสร็จแล้ว จิตรวรรณก็จ่ายเงินให้เธอ ก่อนจะเดินลงไปที่ลานจอดรถเพื่อขับรถกลับบ้าน

....."หวังว่าพี่ชายคงจะชอบนะคะ" จิตรวรรณพูดขึ้นระหว่างขับรถ เธออยากเห็นวรุตม์มีความสุขมากที่สุด เธอยอมรับความจริงได้แล้วว่าคิดอย่างไรกับวรุตม์ แต่เธอก็พยายามตัดใจ โดยคิดว่าอะไรที่ทำให้เขามีความสุข เธอก็มีความสุขไปด้วย



________________________________________________________________________



อยากจะบอกว่า ของขวัญนี่เลือกนานมาก กว่าผู้เขียนจะคิดได้ ฮ่าๆๆ
หวังว่าผู้อ่านทุกท่านจะเห็นด้วยกับของขวัญนะคะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Apr 28 2013, 07:30 PM
โพสต์ #12


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....หลังจากที่กานต์แยกตัวจากดารกา เขาก็มาปรากฏตัวที่สวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ซึ่งมีต้นไม้อยู่ล้อมรอบพื้นหญ้าอันเขียวขจี ต้นไม้ทุกๆ สองต้นถูกคั่นด้วยม้านั่งสีขาว บริเวณที่เขายืนอยู่นี้ไม่มีผู้คนให้สังเกตเห็นเลย เขาพอใจมากที่เป็นอย่างนั้น และตอนนี้เขาพยายามทบทวนว่าความรู้สึกที่เขามีต่อดารกามันเกิดขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเขาต้องมาจากเธอไป เขาพยายามตัดใจจากเธอ แต่เมื่อทำอย่างนั้นมันก็ยิ่งทำให้เขาจำเธอได้มากขึ้น เขาจึงสลัดหัวไปมา ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้เธอได้บอกกับเขาว่า เธอจะหาของเป็นที่ระลึกให้เขา ดังนั้นเขาจึงเปลี่ยนมาคิดเรื่องหาของที่ระลึกให้เธอแทน

....."จะให้อะไรดีน้า" กานต์พูดพลางคิดถึงสิ่งที่สามารถเป็นของที่ระลึกได้ไปด้วย "ต้องเป็นอะไรที่เธอใช้มันได้ อยู่ติดตัวตลอดเวลา ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบอะไรนะ"

.....หลังจากที่เขานั่งนึกแล้วนึกอีก คิดแล้วคิดอีก เขาก็ได้ข้อสรุปว่า ไม่มีสิ่งไหนดีเท่าสิ่งนี้อีกแล้ว นั่นก็คือ สร้อยข้อมือ เขาคิดว่าผู้หญิงทุกคนชอบเครื่องประดับ อาจจะยกเว้นดารกา แต่เขาก็จะให้ ในตอนแรกเขาคิดจะให้สร้อยคอกับเธอ แต่เธอมีสร้อยล็อกเก็ตอยู่แล้ว เขาจึงเปลี่ยนใจมาให้สร้อยข้อมือแทน

.....เมื่อเขาคิดได้ว่าจะให้อะไรเป็นที่ระลึก เขาก็เริ่มออกแบบมันด้วยตัวของเขาเอง โดยใช้เวทมนตร์ของกามเทพสร้างกระดาษ ดินสอขึ้นมา แล้วเริ่มวาดแบบที่เขาอยากได้ เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ ทว่าเขาก็ไม่สนใจเรื่องนั้น เขาสนใจสิ่งที่เขาออกแบบมากกว่า

....."เฮ้อ เสร็จสักที ทำไมออกแบบมันยากอย่างนี้นะ แต่ว่า...ก็สวยใช้ได้เลยนะเนี่ย" กานต์พูด มองดูแบบที่อยู่บนกระดาษ มันเป็นสร้อยข้อมือที่ถักเป็นเปีย ทุกๆ สองช่วงเปียจะมีดาวดวงเล็กๆ แทรกอยู่ และที่ปลายสร้อยข้อมือด้านหนึ่งก็มีดาวดวงเล็กดวงน้อยหลายดวงห้อยอยู่ ราวกับโปรยลงมาจากฟากฟ้า ขนาดไม่ยาวเกินไปทว่ากำลังพอดี เขาชื่นชมมันอยู่ครู่หนึ่ง จึงเริ่มใช้เวทมนตร์กามเทพของเขาอีกครั้ง สร้างสรรค์มันขึ้นมาให้เป็นสร้อยข้อมือจริงๆ ไม่ใช่แค่รูปวาด

.....กานต์ตั้งใจทำมันมาก เขาเริ่มทำให้มันเป็นรูปเป็นร่างก่อน โดยสายสร้อยจะเป็นสีเงินที่ทำมาจากทองคำขาวที่ถูกทำให้แวววาวแล้ว ส่วนองค์ประกอบที่เป็นดาวทุกดวงจะมีสีเหลืองซึ่งทำมาจากทองคำ ถ้าเขาซื้อมาก็คงจะเสียเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียวสำหรับสร้อยข้อมือเส้นนี้ เมื่อทั้งหมดนั้นมารวมกันมันก็กลายเป็นสร้อยข้อมือที่สวยงามมากเส้นหนึ่ง เขาเพิ่มความสวยงามของมันอีก ด้วยการทำให้ดาวทุกดวงสุกสกาวตลอดเวลา ราวกับว่าดาวที่อยู่บนฟ้าได้ลงมาอยู่บนสร้อยข้อมือเส้นนี้แล้ว เขาเก็บมันใส่กล่องกำมะหยี่ไว้เป็นอย่างดี ไม่ให้ห่างจากตัวไปไหนเลย

.....หลังจากนั้นกานต์ก็เดินเล่นไปตามสวนสาธารณะบริเวณต่างๆ เขาไม่ค่อยได้สูดกลิ่นของต้นไม้ใบหญ้าบ่อยนัก เนื่องจากอาณาจักรกามเทพของเขามีแต่หมู่เมฆ ไม่มีต้นไม้ให้เห็น ยกเว้นแต่จะมีกามเทพตนไหนลงไปโลกมนุษย์แล้วนำต้นไม้กลับไปปลูกด้วย เขาคิดว่าสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้กับมนุษย์นั้นมีค่ามากๆ ทว่าน่าแปลกที่มนุษย์กลับไม่ค่อยเห็นค่าของมัน ทรัพยากรที่เคยอุดมสมบูรณ์ก็กลับลดลงอย่าน่าใจหาย 'มนุษย์ส่วนใหญ่นี่ไม่ไหวเลยแฮะ ไม่รักษาสิ่งที่ธรรมชาติมอบให้เลย' เขาคิด 'แต่ก็ยังดีที่มีคนหมู่มากสนใจที่จะรักษาสิ่งที่มีค่านี้อยู่เหมือนกัน'


***



....."ป้าอุ่นคะ พรุ่งนี้ตอนเย็นๆ ดาวจะไม่อยู่บ้านนะคะ ดาวกับเพื่อนของดาวจะไปงานวันเกิดของพี่ชายค่ะ" ดารกาเอ่ย หลังจากที่รับประทานอาหารเช้ากับป้าอุ่นเสร็จแล้ว

....."แล้วงานวันเกิดจัดที่ไหนเหรอคะ" ป้าอุ่นถาม เธอไม่ค่อยอยากให้ดารกาอยู่กับวรุตม์บ่อยนัก แต่เธอก็ห้ามไม่ได้ เพราะถ้าห้ามคุณหนูของเธอคงสงสัยเธอเป็นแน่

....."ที่บ้านของพี่ชายน่ะค่ะ" ดารกาตอบ

....."อะไรนะคะ! ทะ-ที่บ้าน" ป้าอุ่นตกใจจนเผลอตะโกนออกมาเสียงดัง ถ้าเธอจำไม่ผิดต้องเป็นบ้านหลังนั้นแน่ๆ หลังที่...

....."มีอะไรหรือเปล่าคะ ป้าอุ่น ทำไมต้องตกอกตกใจขนาดนั้น" ดารากาถาม รู้สึกตกใจไปด้วย

....."เอ่อ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ" ป้าอุ่นตอบ กลับมารักษาน้ำเสียงปกติไว้ได้ "ถ้าป้าอยากจะขอคุณหนูไม่ให้ไป คุณหนูจะทำตามที่ป้าขอได้ไหมคะ"

....."ป้าอุ่นก็เป็นเหมือนกันอีกคนหรือนี่" ดารกาพูดเบาๆ ไม่ให้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าได้ยิน ก่อนจะกลับมาพูดตามปกติว่า "ทำไมล่ะคะ ทำไมป้าอุ่นถึงไม่อยากให้ดาวไป"

.....ป้าอุ่นมีท่าทางกระอักกระอ่วน ก่อนจะพูดขึ้นว่า "ก็ป้า...ป้าไม่อยากให้คุณหนูกลับบ้านดึก"

....."โธ่! ป้าอุ่นคะ ดาวไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้วนะคะ ดาวดูแลตัวเองได้ค่ะ ป้าอุ่นไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก" ดารกาพูดพลางยิ้มเล็กน้อย

....."เอ้อ นั่นน่ะสินะคะ ป้าคงเป็นห่วงคุณหนูมากเกินไป" ป้าอุ่นพูด เธอคงห้ามดารกาไม่ได้จริงๆ ในใจก็ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมาเลย

....."งั้นดาวไปพับดาวก่อนนะคะ" ดารพูดก่อนจะเดินขึ้นห้องของเธอ

.....หลังจากที่เข้ามาในห้องแล้ว เธอก็เริ่มลงมือพับดาวต่อจากเมื่อคืนที่เธอพับค้างไว้ ใช้เวลาช่วงที่เหลือของวันพับดาวต่อให้เสร็จ อาจจะมีพักลงไปทานอาหารบ้าง นั่งเล่นนอกบ้านบ้าง ช่วยป้าอุ่นรดน้ำต้นไม้บ้าง แต่เธอก็พับดาวเสร็จจนได้เมื่อตอนกลางดึก เธอปิดโหลแก้วเมื่อดาวดวงสุดท้ายลงโหลไปแล้ว ก่อนจะใช้พู่กันเขียนข้อความบนโหลแก้วว่า

"ดาวขอมอบดาวโหลนี้
ให้กับพี่ชายที่แสนดีของดาวนะคะ

จาก...ดารกา (น้องดาวของพี่ชาย)"


.....จากนั้นเธอก็จัดการเอาโหลแก้วรูปดาวนี้ใส่ลงในกล่องของขวัญ ก่อนจะห่อด้วยกระดาษห่อของขวัญอีกที เมื่อเธอทำของขวัญสำหรับวรุตม์เสร็จแล้ว เธอก็หลับไปในชุดเดิมที่ใส่ในตอนเช้า อาจเป็นเพราะว่าเธอกลัวจะพับดาวให้เสร็จไม่ทัน เธอจึงขะมักเขม้นมากเกินไป จนตอนนี้เธอหลับสนิทอย่างยากที่ใครจะปลุกตื่นได้โดยง่าย

.....เมื่อดารการู้สึกตัวอีกที ก็เป็นเวลาแปดโมงเช้าแล้ว เธอค่อนข้างตกใจที่เธอตื่นสายขนาดนี้ เธอรีบอาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง ที่นั่นเธอเจอเพื่อนสาวสองคนของเธอกำลังคุยกับป้าอุ่นอยู่

....."ว่าไงจ๊ะ ทำไมตื่นสายจังล่ะวันนี้ เธอคงไม่ได้นั่งพับดาวทั้งคืนหรอกนะ" มาริสาทักก่อนจะยิ้มนิดๆ

....."หือ ป้าอุ่นบอกหรือเธอหลอกถามเนี่ย" ดารกาพูดอย่างรู้ทัน

....."ก็แหม ฉันอยากรู้นี่นาว่าเธอให้อะไรพี่ชาย" มาริสาตอบเสียงอ่อยๆ ก่อนจะพูดขึ้นใหม่ด้วยน้ำเสียงแหย่เพื่อนสาวเต็มที่ "เธอกลัวพี่ชายจะลืมเธอหรือไง เลยพับดาวให้พี่ชายเป็นของขวัญน่ะ"

.....ดารกากำลังจะเถียงมาริสากลับ ทว่าป้าอุ่นขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน "เพื่อนของคุณหนูกับคุณหนูยังไม่ได้ทานอะไรเลย ไม่หิวกันเหรอคะ อาหารป้าตั้งรอไว้ที่โต๊ะแล้วนะคะ"

....."หิวสิคะ ป้าอุ่น" จิตรวรรณตอบป้าอุ่นก่อนจะหันไปพูดกับดารกา "พวกฉันกำลังคิดว่าถ้าเธอไม่ยอมเดินลงมาข้างล่างภายในห้านาที ฉัน สา แล้วก็ป้าอุ่นคงไม่รอทานข้าวกับเธอแน่"

....."แต่ฉันก็ลงมาแล้วนี่เนอะ ไปทานข้าวกันเถอะ" ดารกาโอบไหล่เพื่อนสาวทั้งสองคนไปนั่งที่โต๊ะรับประทานอาหาร

.....หลังจากที่รับประทานอาหารเช้ากันเสร็จแล้ว มาริสากับดารกาก็ช่วยกันล้างจานที่พวกเธอทานกันเมื่อครู่ ส่วนจิตรวรรณไปช่วยป้าอุ่นดูแลต้นไม้นอกบ้าน เมื่อหญิงสาวทั้งสองคนทำหน้าที่กันเสร็จแล้ว มาริสาก็เอ่ยขึ้นว่า

....."ดาว ฉันถามอะไรหน่อยสิ เธอคิดอะไรกับพี่ชายหรือเปล่า"

....."วันนี้มาแปลกนะเนี่ย อยากรู้ไปทำไมกันล่ะ" ดารกาถาม ใจจริงก็อยากบอกเพื่อนสาวตรงหน้าเธอว่า เธอไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชายเกินเลยมากกว่าเป็นพี่เป็นน้องกัน แต่เธออยากรู้ว่าทำไมมาริสาถึงถามเธอแบบนี้ เพราะปกติเพื่อนเธอคนนี้จะไม่ค่อยถามเรื่องแบบนี้สักเท่าไหร่

....."เถอะน่า ตอบฉันมาก่อนเถอะ" มาริสาไม่บอกเหตุผล แต่กลับคะยั้นคะยอให้ดารกาตอบ

....."ถ้าฉันตอบ เธอจะบอกฉันไหมว่าเธอถามทำไม" ดารกาก็ไม่ยอมแพ้เพื่อนเธอเช่นกัน

....."เอ่อ ก็ได้ ฉันจะบอก แต่เธอต้องตอบคำถามฉันก่อน" มาริสาตกลง

....."ฉันไม่ได้คิดอะไรกับพี่ชาย" ดารกาบอกออกมาในที่สุด

....."จริงนะ" มาริสาพูด ท่าทางดีใจ

....."จริงสิ พี่ชายก็เห็นฉันเป็นแค่น้องเหมือนกัน" ดารกายืนยันให้เพื่อนสาวมั่นใจมากขึ้น "แล้วเธอจะบอกฉันได้หรือยังว่าเธอถามทำไม หรือว่าเธอ...เธอคิดกับพี่ชายแบบ..."

....."จะบ้าเหรอ!" มาริสาแหว "คนที่คิดน่ะ ยายวรรณต่างหาก"

....."ฮะ วรรณชอบพี่ชายเหรอ" ดารกาถามอย่างไม่อยากเชื่อ

....."อื้อ" มาริสาพยักหน้า

....."แล้วเธอรู้ได้ยังไงกันน่ะ ฉันไม่เห็นวรรณจะมีทีท่าอะไรแบบนั้นเลย" ดารกาถามอย่างแปลกใจ

....."ก็ฉันสังเกตเห็นยายวรรณมีอาการเหม่อหลายครั้งแล้ว เมื่อเธอพูดถึงเรื่องพี่ชาย แล้วฉันก็ยังเห็นยายวรรณทำหน้าเศร้าบ่อยๆ ตอนเธอกับพี่ชายคุยกันหรือหยอกล้อกันน่ะ" มาริสาเล่าก่อนจะทำหน้าสงสัย "แต่ฉันไม่รู้ว่าพี่ชายคิดอะไรกับวรรณหรือเปล่า ฉันไม่อยากเห็นยายวรรณเสียใจเลย"

....."มีทางเดียวที่จะรู้ได้ คือต้องถามพี่ชายเอง" ดารกาพูดพลางคิดตามเพื่อน เธอก็ไม่อยากเห็นจิตรวรรณเสียใจเหมือนกัน "เอ้อ ฉันลืมถามพวกเธอเลยว่า มาทำอะไรที่บ้านฉันแต่เช้า ฉันนึกว่าจะมากันตอนเย็นเสียอีก"

....."อ๋อ ฉันกับวรรณเอาเสื้อมาให้เธอใส่ไปงานน่ะ" มาริสาพูดก่อนจะเอ่ยต่ออีก เมื่อเห็นดารกาส่ายหน้าปฏิเสธ "ไม่ต้องปฏิเสธเลย ฉันรู้นะว่าเธอน่ะไม่มีชุดสวยๆ ใส่ไปงานแน่ พวกฉันสองคนเลยเอามาให้"

....."ดาว สา เสร็จหรือยัง" เสียงจิตรวรรณดังมาจากหน้าประตูห้องที่พวกเธอสองคนคุยกันอยู่

....."เสร็จแล้วจ้า" มาริสาตอบเมื่อเพื่อนสาวอีกคนเข้ามาในห้อง

....."ดีเลย ฉันเอาเสื้อไปไว้บนห้องของเธอแล้วนะ ดาว" จิตรวรรณพูด "ส่วนป้าอุ่นออกไปร้านแล้วนะ"

....."เหรอ งั้นพวกเราขึ้นไปลองชุดกันเลยเถอะ" มาริสาบอกก่อนจะเดินไปขึ้นห้องของดารกาพร้อมกับเพื่อนๆ ของเธอ

....."นี่! พวกเธอเอาอะไรมาให้ฉันใส่น่ะ ฉันไม่ใส่นะ!" ดารการ้องเสียงดังลั่นบ้าน เธอพยายามปัดมือมาริสาที่ยื่นชุดเดรสสั้นเหนือเข่าขึ้นมาเล็กน้อย จะไม่ให้เธอร้องเสียงดังแบบนั้นได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นอะไรที่เธอไม่ชอบเอามากๆ (หว๊าน หวาน แหวะ!)

....."เธอต้องใส่มันนะดาว ฉันอุตส่าห์เสียเงินเพื่อซื้อให้เธอใหม่เลยนะ" จิตรวรรณพูดพลางทำหน้าเศร้า เมื่อเห็นเพื่อนสาวยังไม่ยอมรับชุดนั้น "เธอไม่เห็นใจเพื่อนคนนี้เลยเหรอ ฉันก็อยากเห็นเธอในลุคนี้เหมือนกันนะ"

....."อะ-เอ่อ แต่เธอก็เคยเห็นฉันในลุคนั้นแล้วนี่" ดารกาเอ่ย ยังคงไม่ยอมรับชุดนั้นอยู่ดี

....."สา ดูดาวสิ ดาวไม่ยอมรับชุดของฉันล่ะ ฉันเศร้ามากๆ เลย" จิตรวรรณทำหน้าจะร้องไห้

....."โอ๋ โอ๋ โอ๋ อย่าร้องนะ" มาริสารีบเข้าไปกอดจิตรวรรณ ก่อนจะหันมาพูดกับดารกาว่า "เธออยากเห็นวรรณเสียใจเหรอ"

....."หยุดเลยนะพวกเธอสองคน อย่ามาเล่นละครตบตาฉันเลย" ดารกาเอ่ยเสียงเรียบ

....."โฮ ฉันไม่ได้เล่นละครนะ วรรณเสียใจ วรรณเสียใจ" จิตรวรรณพยายามบีบน้ำตา

.....ในที่สุดดารกาก็รับชุดนั้นมาจนได้ ก่อนจะพูดกับจิตรวรรณที่ตีหน้าเศร้าอยู่ว่า "ฉันล่ะอยากมอบรางวัลตุ๊กตาทองให้เธอจัง เล่นละครได้เก่งมากกก"

....."มันก็แน่ล่ะสิยะ ไม่งั้นเธอจะยอมรับชุดที่ฉันอุตส่าห์ซื้อให้เหรอ" จิตรวรรณเอ่ยยิ้มๆ พลางหันไปสบตากับมาริสา ก่อนที่ทั้งคู่จะหัวเราะออกมา "ฮ่า ฮ่า ฮ่า"

....."เออ ฉันขอบคุณสำหรับการเสียเงินของพวกเธอด้วยนะ" ดารกาบอก เธอเริ่มจะงอนเพื่อนทั้งสองคนของเธอแล้ว

....."โอ๋ อย่าเพิ่งงอนนะ" มาริสาง้อ "พวกฉันหวังดีอยากให้เธอมีชุดน่ารักๆ กับเขาบ้างก็เท่านั้นเอง อีกอย่างชุดนี้มันก็ออกแนวเรียบมากกว่าจะหวานด้วยนะ เธอไม่ต้องกังวลเลย"

....."และเพื่อให้พี่ชายชอบเธอมากขึ้นด้วย" จิตรวรรณเอ่ยเศร้าๆ ก่อนจะกลับมายิ้มอีกครั้ง

.....มาริสาสบตากับดารกา และก่อนที่ดารกาจะเอ่ยอะไรออกมา ก็มีเสียงเรียกดังมาจากนอกบ้านเสียก่อน

....."น้องดาวครับ อยู่หรือเปล่า นี่พี่ชายนะครับ"

....."อยู่ค่า" ดารกาตะโกนตอบเมื่อเดินลงมาถึงหน้าประตูบ้าน

....."ถ้าพี่จำไม่ผิด นี่คงเป็นรถของน้องสา" วรุตม์พูดพลางชี้มือไปที่รถอีกคัน ที่จอดอยู่หน้ารถของเขา

....."ใช่แล้วค่ะ สากับวรรณมาบ้านดาวตั้งแต่เช้าแล้วล่ะค่ะ" ดารกาตอบ ลอบสังเกตสีหน้าของวรุตม์เมื่อเธอเอ่ยชื่อจิตรวรรณ ทว่าเขาไม่แสดงอะไรออกมาให้เห็นเลย

....."น้องดาวไปแต่งตัวเลยดีกว่า พี่จะรับไปบ้านพี่ก่อนน่ะ" วรุตม์เอ่ยเมื่อเข้ามาในบ้านแล้ว

....."เพิ่งจะบ่ายเองนะคะ ไปทำไมตอนนี้คะ" ดารกาถามพลางเอียงคอสงสัย

....."บ้านพี่อยู่ไกล กว่าจะไปถึงก็ราวชั่วโมง แล้วพี่ก็อยากให้น้องดาวไปช่วยอะไรนิดหน่อยด้วย" วรุตม์บอก

....."ให้ดาวช่วยอะไรเหรอคะ" ดารกาถาม

....."คือ คือ น้องดาวอย่าบอกน้องวรรณนะ" วรุตม์พูดด้วยเสียงเบาจนดารกาต้องเงี่ยหูฟัง "พี่จะทำเซอร์ไพรส์น้องวรรณในวันเกิดของพี่น่ะครับ"

....."นี่พี่ชาย...อย่าบอกดาวนะว่า พี่ชายชอบวรรณ" ดารกาถาม อึ้งนิดๆ ที่จู่ๆ วรุตม์ก็มาบอกเธอ ถึงแม้จะไม่ได้เอ่ยเป็นคำพูดออกมา แต่ท่าทางของวรุตม์บอกอย่างนั้นแน่นอน

.....วรุตม์ยิ้มเขินที่โดนดารกาถามตรงๆ แบบนั้น แต่เขาก็ไม่หลบหน้าเธอสมกับที่เป็นลูกผู้ชาย เขาเอ่ยออกมาอย่างจริงจังและจริงใจว่า "ครับ พี่ชอบน้องวรรณ"

.....'วรรณคงดีใจมากแน่ๆ ถ้าได้ยินพี่ชายพูดแบบนี้' ดารกาคิดก่อนจะพูดออกมาว่า "งั้นดาวรีบไปแต่งตัวดีกว่า อ้อ! ยังมีอีกเรื่องที่ดาวยังไม่ได้บอกพี่ชาย คือ พี่กานต์จะไปงานวันเกิดพี่ชายด้วยนะคะ ไปได้ใช่ไหมคะ"

....."ได้สิครับ" วรุตม์ตอบก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง "แต่...เขาจะไปบ้านพี่ถูกเหรอครับ"

....."ไปถูกแน่นอนค่ะ ดาวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อแล้วนะคะ" ดารกาตอบก่อนจะเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนเสื้อ

....."พี่ชายมาเหรอดาว" มาริสาถามเมื่อเห็นดารกาเดินเข้ามาในห้อง

.....ตอนนี้ทั้งมาริสาและจิตรวรรณแต่งตัวเสร็จแล้ว โดยมาริสาอยู่ในชุดราตรีเกาะอกสั้นเหนือหัวเข่าขึ้นมาหนึ่งฝ่ามือ ช่วงบนมีสีส้มอ่อนๆ ช่วงล่างเป็นสีขาว ส่วนจิตรวรรณนั้น เมื่ออยู่ในชุดที่เธอใส่ ทำให้เธอดูเหมือนตุ๊กตามากๆ เนื่องจากเธอสวมใส่ชุดเดรสแขนตุ๊กตาสีชมพูหวานๆ ที่ยาวประมาณเข่า ตรงเอวมีริบบิ้นรัดเป็นโบว์ไว้ด้านหน้า ชายกระโปรงก็ตกแต่งด้วยโบว์เล็กน้อย

....."ใช่แล้วจ้า พี่ชายจะมารับฉันไปก่อน ให้ไปช่วยงานนิดหน่อยน่ะ" ดารกาตอบก่อนลากมาริสาออกมาคุยนอกห้อง "ฉันขอยืมตัวสาแป๊บนะ วรรณ เดี๋ยวคืนให้"

....."ไม่ต้องคืนเลยก็ได้นะ" จิตรวรรณพูด ทำให้มาริสาตาเขียวปั้ด "ฉันก็แค่ล้อเล่นเองน่า ไม่เห็นจะต้องโกรธขนาดนั้นเลย แล้วเธอมีอะไรเหรอถึงให้ฉันรู้ไม่ได้อ่ะดาว"

....."ความลับสำหรับเธอจ้า เดี๋ยวเธอก็รู้เองแหละ" ดารกาบอกก่อนจะหายตัวไปจากห้องของเธอพร้อมกับมาริสา

....."ว่าไง มีอะไรหรือเปล่า" มาริสาถาม

....."มีสิ ฉันมีข่าวดีจะบอกล่ะ" ดารกาพูดพลางทำหน้าดีใจสุดๆ

....."เรื่องอะไรล่ะ รีบๆ บอกมาเหอะน่า อย่ามัวอมพะนำอยู่เลย" มาริสาพูด

....."ก็...พี่ชายมารับฉันให้ไปช่วยเรื่องที่จะเซอร์ไพรส์วรรณน่ะ" ดารกาตอบ "เธอควรจะดีใจกับเพื่อนของเราได้แล้วนะว่า ไม่ได้รักเขาข้างเดียว"

....."จริงเหรอดาว! ว้าว! ฉันดีใจมากๆ เลย" มาริสาพูดขึ้นเสียงดังจนเกือบจะเป็นตะโกน ทำให้ดารกาต้องร้องเตือนว่า

....."เบาๆ หน่อยสิ เดี๋ยววรรณก็ได้ยินเข้าหรอก"

....."อุ๊ย! โทษทีนะ มันลืมตัว" มาริสาลดเสียงลง "ถ้าอย่างนั้นเธอคงต้องรีบไปแต่งตัวแล้วล่ะ ป่านนี้พี่ชายคงรอเธอนานแล้ว"

....."เออ จริงด้วย ฉันลืมไปเลย" ดารกาพูดอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้ ก่อนจะถามมาริสาอย่างจริงจังว่า "แต่ฉันต้องใส่ชุดที่พวกเธอเอามาให้จริงๆ เหรอ"

....."จริง" มาริสาตอบเสียงราบเรียบก่อนจะดันเพื่อนของเธอให้เข้าห้องน้ำ พร้อมกับหยิบชุดที่ดารกาต้องใส่ติดมือไปด้วย เธอปิดประตูให้เพื่อนสาว แล้วเดินมาหาจิตรวรรณ ซึ่งกำลังจัดแต่งผมอยู่ที่หน้ากระจกข้างหน้าต่าง

.....จิตรวรรณดัดปลายผมให้เป็นลอน สีผมของเธอเป็นสีน้ำตาลเข้ม เมื่อส่องกับแสงแดดจึงดูเหมือนเป็นสีทอง ยิ่งส่งให้จิตรวรรณเหมือนตุ๊กตามากยิ่งขึ้น เธอหันกลับมาหามาริสา เมื่อสังเกตเห็นเพื่อนสาวมองเธออยู่ทางด้านหลังจากเงาสะท้อนของกระจก

....."วันนี้เพื่อนฉันสวยมากเลย คงทำให้สาวๆ ในงานอิจฉามากแน่ๆ" มาริสาพูดขึ้นหลังจากที่มองเพื่อนสาวมาได้สักพักแล้ว

....."ไม่ขนาดนั้นหรอก เธอก็พูดเกินไป" จิตรวรรณพูดพลางส่ายหน้ายิ้มๆ

....."ฉันพูดจริงๆ นะ คืนนี้เธอต้องเป็นผู้โชคดีที่สุดในงานแน่นอน" มาริสาพูดก่อนจะอมยิ้มแบบมีเลศนัย

....."ฉันจะเป็นผู้โชคดีในงานได้ยังไง ก็ในเมื่องานนี้มันเป็นงานของพี่ชาย เธอนี่ พูดอะไรไม่เห็นรู้เรื่องเลย" จิตรวรรณเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ

....."จะเป็นหรือไม่เป็น เดี๋ยวคืนนี้เธอก็รู้เอง" มาริสาพูดก่อนจะทำผมของตัวเองบ้าง

.....ระหว่างที่มาริสากับจิตรวรรณกำลังสนทนากันอยู่นั้น คนที่อยู่ในห้องน้ำก็กำลังบ่นกระปอดกระแปดถึงคนที่ออกแบบชุดที่เธอจะต้องใส่ "ใครกันนะที่ออกแบบชุดนี้ออกมาได้ หวานซะไม่มี แค่เห็นก็เลี่ยนแล้ว นี่เรายังต้องมาใส่อีก โธ่ ไม่รู้ว่าตอนออกแบบคิดอะไรอยู่กันแน่ ถึงสร้างสรรค์ออกมาได้หวานอย่างนี้เนี่ย" แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะใส่มัน "ใส่ก็ใส่ มันก็แค่ชุดน่ะ...แค่ชุดเอง"

.....หลังจากแต่งตัวอย่างฝืนทนเสร็จแล้ว ดารกาก็ลองมองตัวเองในกระจก เธอสวมใส่ชุดเดรสสั้นสีฟ้าสดใส มีจีบรอบตัวซ้อนกันสองชั้น ที่รอบบ่าก็มีระบายผ้าสีเข้มดูสวยงาม เพิ่มทรวดทรงองเอวด้วยการใส่เข็มขัดที่ออกแบบให้เป็นเปียสีน้ำตาล มีสายโซ่รูปดาวห้อยอยู่ที่หัวเข็มขัดสีเงิน ส่วนเครื่องประดับเพียงชิ้นเดียวที่เธอใส่ก็ดูจะเข้ากับชุดนี้เสียด้วยสิ เธอเอื้อมมือไปจับล็อกเก็ตพลางคิดว่า อยากให้พ่อกับแม่มาเห็นเธอตอนนี้จัง ก่อนจะพูดกับตัวเองว่า

....."พอใส่แล้วก็ดูโอเค ไม่ค่อยหวานเท่าไหร่ รีบลงไปหาพี่ชายดีกว่า"

....."ว้าว! ดาวสวยมากๆ เลย มาให้ฉันทำผมให้นะ" จิตรวรรณพูดขึ้นทันทีที่เห็นเพื่อนเดินออกมาจากห้องน้ำ

....."เอ่อ จะดีเหรอ ฉันมัดผมธรรมดาก็ได้นะ ไม่อยากรบกวนเธอเลย ฉันเกรงใจ" ดารกาพูดอย่างชั่งใจ ความเกรงใจมันก็อยู่ ทว่าเธอรู้สึกว่าถ้าปล่อยให้จิตรวรรณทำผมให้ เธอจะต้องดูเป็นสาวน้อยผู้น่ารักมากกว่าตอนนี้แน่ เธอกำลังจะส่ายหน้าเมื่อจิตรวรรณลากเธอไปนั่งที่หน้ากระจก

....."ไม่ต้องเกรงใจหรอก ฉันไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว เธอก็รู้นี่ว่าฉันชอบทำผมมากแค่ไหน" จิตรวรรณพูดพลางลงมือทำผมให้เพื่อนสาว เธอเกล้าผมสีดำสลวยส่วนหนึ่งของดารกาขึ้นมามัด แล้วปล่อยส่วนที่เหลือให้สยายยาวไปตามแผ่นหลัง ก่อนจะหยิบที่ดัดผมขึ้นมาดัดผมเป็นลอนให้ เพียงเท่านี้ดารกาก็ดูสวยน่ารักขึ้นมาเป็นกอง

....."ขอบใจนะวรรณ ฉันออกไปกับพี่ชายก่อนนะ" ดารกาพูดก่อนจะเดินออกจากห้อง โดยไม่ลืมหยิบของขวัญทั้งสองกล่องใส่กระเป๋าสะพายไปด้วย

....."ดาวคงมีความสุขมากเลยเนอะสา" จิตรวรรณพูด มองส่งเพื่อนไปจนลับสายตา แล้วหันกลับมายิ้มกับเพื่อนอีกคน ซึ่งเป็นยิ้มที่จริงใจมากไม่มีอะไรแอบแฝงเลย เนื่องจากเธอรักเพื่อนสาวคนนี้ของเธอมากจริงๆ อยากให้มีรักที่สมหวังกับคนอื่นเขาบ้าง

....."จะไม่มีความสุขได้ยังไง ในเมื่อดาวกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อช่วยเพื่อน" มาริสาพูดออกมาอย่างเผลอตัว

....."ช่วยเพื่อน ใครเหรอ แล้วช่วยเรื่องอะไรล่ะ" จิตรวรรณถามอย่างสงสัยทันที

....."มะ-ไม่มีอะไรหรอก เรารออยู่ที่นี่จนกว่าจะถึงเวลางานเลยก็แล้วกันเนอะ" มาริสาเอ่ย

....."อื้อ เอาสิ" จิตรวรรณตอบ


***



....."ว้าว! น้องดาว น่ารักมากๆ เลยครับ" วรุตม์พูดเมื่อเห็นดารกาเดินเข้ามาในห้องรับแขก

....."พี่ชายชมกันซึ่งๆ หน้าแบบนี้ ดาวก็เขินแย่สิคะ" ดารกาเอ่ยพลางยิ้มเขิน

....."อ้าว! น้องดาวน่ารักจริงๆ นี่ครับ พี่ก็ต้องชมซิ หวังว่าน้องดาวคงจะไม่ทำให้หนุ่มๆ ในงานพี่หัวใจละลายหรอกนะ" วรุตม์ยังไม่เลิกชม

....."เรื่องอะไรดาวจะต้องไปทำอย่างนั้นด้วยล่ะค่ะ" ดารกาพูดก่อนจะหัวเราะออกมา "เรารีบไปกันเถอะค่ะ"

....."เชิญเลยครับ น้องสาวคนสวย" วรุตม์พูดก่อนจะยกแขนขึ้นมาให้ดารกาจับ

....."ด้วยความยินดีค่ะ พี่ชายสุดหล่อ" แล้วทั้งคู่ก็เดินหัวเราะกันออกไปขึ้นรถ

.....เมื่อมาถึงบ้านของวรุตม์ (ถ้าจะเรียกที่อยู่อาศัยนี้ว่าบ้านก็คงจะดูถูกมันเกินไป ความจริงแล้วมันคือคฤหาสน์ที่หรูหรามากต่างหาก) สิ่งแรกที่ดารการู้สึกได้ไม่ใช่ความใหญ่โตมโหฬารของคฤหาน์หลังนี้ แต่กลับเป็นความรู้สึกของเธอเอง เธอรู้สึกคุ้นที่แห่งนี้อย่างไรชอบกล เหมือนเธอเคยอาศัยอยู่ที่นี่มาก่อนอย่างนั้นแหละ ขณะที่เธอกำลังคิดอยู่นั้น วรุตม์ก็ได้เรียกเธอให้หลุดออกมาความคิดของเธอ เขาพูดขึ้นว่า

....."น้องดาวครับ ยินดีต้อนรับสู่บ้านของพี่นะครับ"

....."บ้านอะไรกันล่ะคะพี่ชาย นี่มันเรียกว่าคฤหาสน์ต่างหาก"

.....ดารกาและวรุตม์ลงมายืนอยู่บนสนามหญ้าภายในคฤหาสน์ สถานที่อยู่อาศัยแห่งนี้ถูกดูแลได้อย่างดีเยี่ยม บนพื้นสนามหญ้าไม่มีใบไม้ให้เห็นเลยสักใบ 'ที่นี่คงจะรักษาความสะอาดน่าดู' เธอคิดก่อนจะถามวรุตม์ว่า "พี่ชายจะให้ดาวช่วยอะไรล่ะคะ"

.....วรุตม์ไม่ตอบแต่กลับดึงมือดารกาไปด้านหลังบ้านแทน บริเวณนี้แตกต่างจากบริเวณก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เพราะที่นี่มีเสาไม้ค้ำยันโครงตาข่ายด้านบนอยู่หกต้น ตามเสาไม้และโครงตาข่ายด้านบนมีใบไม้แซมอยู่เต็มไปหมด มันดูสวยงามอย่างกับเธอยืนอยู่ใต้ผืนป่า ทว่าดารการู้สึกเหมือนมันยังขาดอะไรไปอีกอย่าง 'ดอกไม้นั่นเอง ที่นี่ยังไม่มีดอกไม้เลย' เธอคิด แล้วพูดออกมาตามความคิดนั้น "พี่ชายคะ ทำไมไม่มีดอกไม้เลยล่ะคะ มันจะดูสวยกว่ามากถ้ามีดอกไม้นะคะ"

....."นี่แหละเรื่องที่พี่อยากให้น้องดาวช่วย น้องดาวรู้ไหมว่าน้องวรรณชอบดอกอะไร" วรุตม์รีบบอกเรื่องที่เขาอยากให้เธอช่วยทันทีเมื่อเธอถามจบ

....."อ๋อ เรื่องนี้นี่เอง" ดารกาพูดก่อนจะถามขึ้นว่า "แล้วทำไมพี่ชายไม่ถามดาวตั้งแต่ที่บ้านล่ะคะ ไม่เห็นจะต้องให้ดาวมาเองเลย"

....."ก็พี่กลัวคนงานจะทำออกมาไม่ถูกใจน้องวรรณ พี่เลยจะให้น้องดาวคอยช่วยบอกพวกเขาน่ะ" วรุตม์ตอบ "น้องดาวเรียนเอกภูมิสถาปัตฯ* ด้วยไม่ใช่เหรอครับ พี่อยากเห็นฝีมือหน่อย"

....."งั้นได้เลยค่ะ ดาวจะช่วย" ดารกาพูดก่อนจะกอดอก "สำหรับดอกไม้ที่วรรณชอบก็คือ ดอกกุหลาบสีชมพูค่ะ"

....."ขอบคุณมากเลยครับ น้องดาว" วรุตม์พูด เขาหันไปเรียกคนงานให้ออกไปซื้อดอกไม้ตามที่ดารกาบอก

....."น้องดาวนั่งรอก่อนนะครับ"

....."ค่ะ" ดารกาพูดก่อนจะไปนั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆ ซุ้มแห่งนี้

.....เพียงไม่กี่นาที คนงานสิบคนก็หอบดอกกุหลาบก้านยาวสีชมพูหลายช่อเข้ามา พวกเขาระวังไม่ให้ดอกกุหลาบช้ำ ก่อนจะวางมันลงที่โต๊ะตรงหน้าดารกา วรุตม์สั่งให้คนงานนำดอกกุหลาบไปแซมตามใบไม้ที่อยู่บนเสาและโครงตาข่ายด้านบน ขณะที่พวกคนงานทำอย่างนั้น ดารกาก็คอยบอกพวกเขาไปด้วยว่า ควรจะวางในทิศทางไหน เธอวุ่นอยู่กับการเดินตรวจและคอยบอกพวกเขานานนับชั่วโมง จนในที่สุดที่แห่งนี้ก็สวยงามสมบูรณ์แบบไม่มีที่ติ เหมือนเธอเดินหลงเข้ามาท่ามกลางซุ้มดอกกุหลาบยังไงยังงั้น

....."โห! น้องดาว สวยมากๆ เลยครับ พี่ขอบคุณมากนะครับที่ทำให้พี่ได้ขนาดนี้" วรุตม์พูดอย่างซาบซึ้งในน้ำใจ

....."ดาวไม่ได้ทำเพื่อพี่ชายคนเดียวสักหน่อยนี่คะ ดาวทำเพื่อเพื่อนของดาวด้วยต่างหาก" ดารกาพูดพลางเช็ดเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผาก

....."น้องดาวเหนื่อยไหมครับ เข้าไปพักข้างในบ้านก่อนไหม" วรุตม์ถามอย่างเป็นห่วง เขาใช้ผ้าเช็ดเหงื่อให้เธอ

....."ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พี่ชายคอยให้พวกเขาพรมน้ำดอกกุหลาบไว้นะคะ ระวังมันจะเหี่ยว" ดารกาเตือน

....."ได้ครับ แต่แน่ใจเหรอว่าไม่อยากเข้าไปพักข้างใน" วรุตม์ถามอีก

....."แน่ใจค่ะ ดาวไม่อยากรบกวนพี่ชาย" ดารกาตอบ

.....วรุตม์จึงเลิกเชื้อชวนเธอ ทั้งคู่มองไปทางแผ่นฟ้าที่มีแสงสีส้มอมม่วงสาดส่องอยู่ พระอาทิตย์ใกล้ตกดินแล้ว และเวลางานก็กำลังจะเริ่มขึ้นในอีกไม่ช้าไม่นานนี้


***



....."งานวันนี้เป็นไงมั่งคะคุณ" นงนุชถามผู้เป็นสามี ที่เดินเข้ามาอย่างเนือยๆ "ทำไมดูคุณเหนื่อยจัง"

....."ก็เหมือนทุกวันนั่นแหละคุณ" กรวีร์ตอบ "เพียงแต่วันนี้มีเรื่องยุ่งนิดหน่อย แล้วเจ้าชายไปไหนแล้วล่ะ"

....."อยู่หลังบ้านน่ะค่ะกับผู้หญิงคนหนึ่ง เห็นคนงานเล่ากันว่าน่ารักมาก" นงนุชพูด

....."อย่าบอกนะว่าเป็นนังผู้หญิงคนนั้น ให้ตายสิทำไมดื้อด้านจังนะ" กรวีร์พูดขึ้นเบาๆ ใบหน้าถมึงทึง "หรือว่าสิทธิ์จะทำไม่สำเร็จ ไม่เป็นไร ได้เห็นหน้าก่อนจะไม่เจอกันตลอดชีวิตก็คงดีเหมือนกัน"

....."คุณพูดอะไรน่ะ ฉันไม่ได้ยินเลย" นงนุชถาม พยายามฟังสิ่งที่สามีของเธอพูด แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลยสักคำ

....."ไม่มีอะไรหรอก ผมไปอาบน้ำก่อนนะ จะได้ออกไปต้อนรับแขกด้วยกัน" กรวีร์พูดก่อนจะยิ้มให้ภรรยา เขาเดินขึ้นบันไดหลักบริเวณตรงกลางของคฤหาสน์ มันเป็นบันไดหินอ่อนสีขาวและมีราวบันไดทองเหลือง เมื่อขึ้นไปถึงขั้นบนสุด เขาก็แยกไปทางซ้าย ซึ่งเป็นทางที่ไปยังห้องของเขาเอง


________________________________________________________
*ภูมิสถาปัตยกรรม เป็นหนึ่งในสาขาวิชาของคณะสถาปัตยกรรม สาขานี้เน้นหนักด้านการปรุงแต่งสิ่งแวดล้อมของมนุษย์ และธรรมชาติให้มีความสมดุลซึ่งกันและกัน ศึกษาด้านสุนทรียภาพและการใช้สอยของเมืองและที่อยู่อาศัยของมนุษย์ รวมถึงออกแบบสวนสาธารณะ สวนสัตว์ การอนุรักษ์ธรรมชาติ ป่า ต้นน้ำ ตลอดจนการอนุรักษ์โบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์



________________________________________________________________________



ตอนนี้ดูแล้วไม่ค่อยมีอะไร แต่ทำไมมันยาวจัง ฮ่าๆๆ
ตอนต่อไปเตรียมมึนกับความจริงที่กำลังจะเผยออกมาได้เลย






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 1 2013, 02:09 PM
โพสต์ #13


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....ระหว่างที่ดารกากำลังช่วยวรุตม์อยู่นั้น มาริสากับจิตรวรรณก็ได้นั่งรอเวลาอยู่ในห้องของเพื่อนสาว ที่ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว เมื่อรออยู่นาน พูดคุยกันจนเบื่อ มาริสาก็เริ่มเดินดูห้องของเพื่อนเธอพลางคิดไปด้วยว่า ดารกาคงจะไม่ชอบอะไรที่ผู้หญิงหลายๆ คนเขาชอบกัน อย่างเช่นตุ๊กตา ในห้องนี้ไม่มีตุ๊กตาให้เธอเห็นสักตัว น้ำหอมก็ไม่มี เครื่องสำอางก็มีไม่มาก มีแค่แป้งพัฟกับลิปมัน แล้วก็มีผลิตภัณฑ์บำรุงหน้าและผิวนิดหน่อยเท่านั้น ในตอนที่เธอจะเดินกลับไปหาจิตรวรรณที่นั่งอยู่ปลายเตียง มือของเธอก็ได้ปัดไปโดนกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหัวเตียง ซึ่งการกระทำนั้นได้ทำให้มันร่วงลงมาพร้อมกับเสียงดังเพล้งของกระจกแตก

....."สา เธอทำอะไรน่ะ ดูซิ กรอบรูปแตกหมดแล้ว" จิตรวรรณเดินมาหาและหยิบกรอบรูปที่แตกขึ้นมา รูปที่อยู่ในกรอบรูปหล่นคว่ำลงไปอยู่ที่พื้น มองเห็นตัวหนังสือที่อยู่บนหลังรูป มันถูกเขียนขึ้นด้วยขนาดที่เล็ก เธอจึงไม่ทันสังเกตเห็นมัน

....."วรรณ ระวังโดนบาดนะ เอาวางลงเถอะ มันอันตราย" มาริสาบอกละล่ำละลัก

.....จิตรวรรณจึงวางมันลงไว้บนโต๊ะตามเดิม ก่อนที่จะหยิบรูปขึ้นมาดู เป็นรูปของชายหญิงสองคนที่ดูยังหนุ่มยังสาวอยู่ เธอจำได้ทันทีว่าเป็นพ่อแม่ของดารกา เนื่องจากเธอเคยเห็นรูปเดียวกันนี้ในล็อกเก็ตของเพื่อนสาวมาก่อน เธอพลิกไปดูข้างหลัง และเพิ่งสังเกตเห็นสิ่งที่เธอมองข้ามไปก่อนหน้านี้ มันเป็นข้อความ (เอ๊ะ! ไม่ใช่นี่ ชื่อคนต่างหากล่ะ) อ่านได้ว่า

"จักรภพและคคนางค์ เลิศไพบูลย์กิจ"


....."สา! สามาดูนี่สิ!" จิตรวรรณร้องเรียกเพื่อนที่อยู่ห่างจากเธอเพียงแค่ลมกั้น

....."อะไร เธอจะส่งเสียงดังทำไม ฉันอยู่ใกล้เธอแค่นี้เอง มันก็แค่ชื่อคนไม่ใช่เหรอ" มาริสาพูดอย่างแปลกใจ

....."เธอไม่รู้สึกเหรอว่าชื่อมันคุ้นๆ" จิตรวรรณถาม

....."เออจริงด้วยแฮะ แต่นี่มันรูปพ่อแม่ของดาวไม่ใช่เหรอ" มาริสาเอ่ยพลางเริ่มนึกว่าเธอรู้จักสองชื่อนี้ที่ไหน เมื่อทำท่าจะนึกได้ จิตรวรรณก็เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน

....."จักรภพนี่เป็นชื่อของคนที่เคยร่วมหุ้นกับพ่อของพี่ชายใช่ไหมน่ะ สา ส่วนคคนางค์ก็คือชื่อของภรรยาเขา"

....."ใช่แล้วล่ะวรรณ ทำไมชื่อของทั้งสองคนถึงได้เขียนอยู่บนหลังรูปพ่อแม่เพื่อนของเราล่ะ" มาริสาถามขึ้นอีก

.....ชื่อผู้ชายที่ปรากฏให้เห็นบนหลังรูปนี้ เป็นชื่อของคนที่เคยเป็นหุ้นส่วนของกรวีร์ หัตถทรัพย์หรือพ่อของวรุตม์นั่นเอง ประวัติก่อนตายของเขาไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ โดยกรวีร์พยายามที่จะปิดข่าวการตายของสามีภรรยาคู่นี้ จนคนภายนอกเข้าใจผิดคิดว่า พวกเขาไปอยู่ต่างประเทศ จะมีก็แต่คนภายในหรือสังคมไฮโซอย่างพวกเธอเท่านั้นที่รู้ข่าวการตายอย่างสยดสยองนี้ พ่อของเธอเล่าว่า จักรภพมีสติไม่ดีเมื่อรู้ว่าธุรกิจโรงแรมกำลังจะเจ๊ง เขามีอาการถึงขั้นบ้าคลั่งจนเผลอยิงภรรยาของตัวเองตาย เมื่อเขารู้สึกตัวว่าเขาทำอะไรลงไป เขาก็ร้องไห้คร่ำครวญ จากนั้นก็ยิงตัวตายตามภรรยาของเขาไป ตอนนั้นกรวีร์เศร้ามากที่เห็นเพื่อนยิงตัวตายต่อหน้าต่อตาตน กรวีร์จึงใช้เงินอย่างมหาศาลปิดข่าวไม่ให้ใครรู้ แต่มันก็คงปิดไม่ได้สนิทหรอก ไม่อย่างนั้นพ่อของเธอคงไม่มาเล่าให้เธอฟัง

.....เธอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวของสองคนนี้เข้ากับดารกา เพื่อนของเธอมีนามสกุลว่าเลิศไพบูลย์ แต่ไม่ใช่เลิศไพบูลย์กิจ ทว่าดารกาบอกว่าสองคนนี้คือพ่อแม่ของเธอ มาริสาเองก็ไม่เคยเห็นรูปของจักรภพและคคนางค์มาก่อน จึงไม่รู้ว่าสองคนที่อยู่ในรูปจะใช่พวกเขาหรือเปล่า แต่ถ้าใช่ เพื่อนของเธอคง...

....."อย่าบอกนะว่า ดาวเป็น...ลูกของพวกเขาน่ะ" จิตรวรรณเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ

....."ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่จากรูป ชื่อ และที่ดาวบอกมันก็ชวนให้คิดอย่างนั้นนี่นะ" มาริสาพูดพลางครุ่นคิด ถ้าดารกาเป็นลูกของพวกเขาจริงๆ ทำไมคนที่เลี้ยงดูเพื่อนของเธอมาอย่างป้าอุ่น ต้องปิดเรื่องนี้เป็นความลับด้วย แล้วยังมีเรื่องนามสกุลอีก ทำไมต้องปลอมแปลงอย่างกับว่า ไม่อยากให้ใครรู้ว่าดารกาเป็นเชื้อสายของเลิศไพบูลย์กิจ และก่อนที่เธอจะคิดเรื่องที่เธอสงสัยมากไปกว่านี้ เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังลอดเข้ามาในโสตประสาทเสียก่อน

....."คุณหนู ป้า-" ป้าอุ่นยังพูดไม่ทันจบประโยค เธอก็ร้องเสียงดังขึ้นมา "พวกคุณทำอะไรกันน่ะ" พร้อมกับที่ฉวยรูปไปจากมือจิตรวรรณ

....."ป้าอุ่นคะ พวกหนูสองคนอยากรู้ว่า ดาวมีพ่อแม่ชื่อจักรภพและคคนางค์ใช่ไหมคะ" มาริสาถามขึ้น เธอพยายามจ้องตาป้าอุ่นที่หลบสายตาเธออยู่

....."นั่นสิคะป้าอุ่น แล้วดาวก็ไม่ได้มีนามสกุลเลิศไพบูลย์เฉยๆ ด้วย แต่เป็นเลิศไพบูลย์กิจ" จิตรวรรณถามต่อ

....."ป้าอุ่นปกปิดเรื่องนี้กับดาวทำไม บอกพวกหนูสองคนได้ไหมคะ" มาริสายังคงคาดคั้น

....."อะ-เอ่อ ปะ-ป้า..." ป้าอุ่นอึกอัก

....."บอกพวกหนูมาเถอะค่ะ ป้าอุ่น ยังไงดาวก็เป็นเพื่อนที่พวกหนูสองคนรักมากที่สุดนะคะ เพื่อนไม่ทำร้ายเพื่อนหรอกค่ะ" จิตรวรรณพูด

.....เมื่อป้าอุ่นไม่มีทางเลือก เธอจึงจำเป็นต้องเล่าความจริงให้หญิงสาวทั้งสองคนฟัง แต่ก่อนที่จะเล่า เธอได้เอ่ยขึ้นว่า "ป้าว่าไปหาที่นั่งกันก่อนดีไหมคะ เรื่องมันออกจะยาวน่ะค่ะ" พูดจบเธอก็เดินลงไปที่ห้องรับแขก มาริสากับจิตรวรรณจึงเดินตามลงไป พวกเธอนั่งที่โซฟาพร้อมกับป้าอุ่น รอให้ผู้อาวุโสกว่าเล่าความจริงให้ฟัง

.....ป้าอุ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะเปิดปากเล่าว่า "ความจริงแล้วป้าไม่ได้ชื่ออุ่นหรอกค่ะ ป้าชื่อนวล เป็นคนเลี้ยงดูคุณหนูมาตั้งแต่แบเบาะ คุณผู้ชายและคุณผู้หญิง เอ่อ พ่อแม่ของคุณหนูน่ะค่ะ พวกท่านมีนิสัยดีมาก อ่อนโยน มีเมตตา ไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่คนจะมากอบโกยผลประโยชน์จากพวกท่านทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของพวกท่านเอง"

.....เมื่อเล่าไปได้ไม่เท่าไหร่ ป้าอุ่นหรือจริงๆ แล้วคือป้านวลก็หยุดเล่า พลางนึกถึงความหลังอย่างแค้นใจ ซึ่งมาริสากับจิตรวรรณก็ไม่เร่งเร้าให้เล่าต่อ เพราะพวกเธอคิดว่า ในเมื่อป้านวลคิดที่จะเล่าแล้วก็คงเล่าจนจบแน่นอน พวกเธอคอยได้ไม่นาน ป้านวลก็เล่าเรื่องในอดีตต่อ

....."เพื่อนที่คุณผู้ชายไว้ใจและรักมากที่สุดกลับหักหลังคุณผู้ชายเสียเอง เขากว้านซื้อหุ้นเล็กๆ ที่มีอยู่ในโรงแรมทั้งหมด จนเหลือแค่เพียงหุ้นใหญ่อย่างคุณผู้ชายเท่านั้น เขาบีบบังคับให้คุณผู้ชายขายหุ้นให้เขา เพื่อที่เขาจะได้ครอบครองธุรกิจนี้หรือมีอำนาจเบ็ดเสร็จเพียงคนเดียว เขาอยากเป็นใหญ่เหนือทุกๆ คน จนทำร้ายได้แม้แต่...เพื่อนของตัวเอง" พูดมาถึงตอนนี้ป้านวลก็เริ่มร้องไห้ออกมา

.....มาริสากับจิตรวรรณที่ฟังอยู่คอยเรียบเรียงเรื่องราวที่เพิ่งได้รับรู้มา พวกเธออดคิดไม่ได้ว่าเพื่อนคนไหนนะที่ทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้ นี่หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้พ่อของเพื่อนเธอเสียสติจนเกิดเหตุการณ์สยดสยองแบบนั้นขึ้น ทว่าทั้งสองคนก็ยังคงคิดเหมือนกันอีกว่า ทำไมพ่อของเพื่อนเธอจึงต้องยอมขายหุ้นให้ ถ้าไม่ยอมก็คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้นเป็นแน่ แสดงว่ายังต้องมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ป้านวลยังไม่ยอมบอกอยู่อีก ก่อนที่พวกเธอทั้งสองจะถามป้านวล ป้านวลก็พูดขึ้นว่า

....."พวกคุณคงสงสัยว่าทำไมคุณผู้ชายถึงยอมขายหุ้น"

.....ทั้งมาริสาและจิตรวรรณพยักหน้า ป้านวลจึงเล่าต่อว่า "ก็เพราะเพื่อนใจชั่วคนนั้นจับตัวคุณผู้หญิงที่คุณผู้ชายรักไปน่ะสิคะ แล้วขู่ว่าถ้าคุณผู้ชายไม่ยอมขายหุ้น เขาจะทำร้ายคุณผู้หญิง คุณผู้ชายถึงยอมขายหุ้นให้กับเขา แต่คุณผู้ชายก็มีข้อแม้ ว่า คุณผู้ชายต้องได้ตัวคุณผู้หญิงคืนมาก่อน ถึงจะยอมขายหุ้นให้ เขาก็เลยพาคุณผู้หญิงมาส่งคืนถึงที่บ้านพร้อมกับไม่ลืมนำใบโอนหุ้นมาด้วย เมื่อคุณผู้ชายได้ตัวคุณผู้หญิงคืนมาแล้ว คุณผู้ชายก็ทำท่าจะฉีกใบโอนหุ้นทิ้ง เขาเลยใช้ปืนพกยิงคุณผู้หญิงจนคุณผู้หญิงสิ้นใจตาย คุณผู้ชายเสียใจมาก ก็เลยตรงรี่เข้าสู้กับเพื่อนรักของตัวเอง แต่คุณผู้ชายไม่มีอาวุธ เพื่อนของคุณผู้ชายจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบ เขาบังคับให้คุณผู้ชายเซนต์ชื่อโอนหุ้นให้ โดยมีพนักงานบัญชีเป็นพยาน คุณผู้ชายไม่ยอมเซนต์ เขาจึงใช้ปืนจ่อขมับของคุณผู้ชายและบีบมือให้คุณผู้ชายยอมเซนต์ ในเมื่อคุณผู้ชายไม่ยอม เขาจึงโมโหและลั่นไกปืน คุณผู้ชายจึงสิ้นใจตามภรรยาไปด้วยน้ำมือของเพื่อนที่คุณผู้ชายรักมากที่สุด"

.....ที่ดวงตาของป้านวลมีหยาดน้ำไหลออกมาด้วยความเคียดแค้น คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงสำหรับเธอ พวกท่านคือผู้มีพระคุณ เธอเคารพรักและนับถือพวกท่านมาก เมื่อเธอรู้ว่าเพื่อนที่คุณผู้ชายรัก ทรยศหักหลังซ้ำยังฆ่าพวกท่านอีก เธอจึงทั้งแค้นทั้งกลัวเขา แค้นที่เขาทำกับพวกท่านได้ และกลัวเขาว่าเขาจะทำร้ายลูกของพวกท่านด้วย

....."พวกคุณไม่ถามป้าเหรอคะว่าเพื่อนที่ทรยศคนนั้นเขาเป็นใคร" ป้านวลถามหลังจากที่อาการกลับมาสงบราบเรียบอีกครั้ง

.....มาริสาและจิตรวรรณส่ายหน้า พวกเธอพอจะเดาได้แล้วว่าคนที่ป้านวลถามคือใคร ถ้าเป็นคนที่อยู่ในที่เกิดเหตุก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่พวกเธอรู้ เป็นคนที่พยายามปิดข่าวการตายของพ่อของเพื่อนเธอ เป็นคนที่บอกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนั้นอย่างผิดๆ เป็นคนที่พวกเธอกำลังจะได้ไปเจอในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้ เป็นคนที่เจ้าของงานวันเกิดในวันนี้เคารพมากที่สุดในฐานะผู้ให้กำเนิด เขาคนนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก...กรวีร์ หัตถทรัพย์ พ่อของวรุตม์นั่นเอง!

.....พวกเธอไม่อยากเชื่อว่าพ่อของวรุตม์จะเป็นคนแบบนั้น แต่จากการที่ฟังป้านวลเล่า พวกเธอเชื่อว่าป้านวลไม่มีทางโกหกแน่ๆ และพวกเธอยังคิดว่าป้านวลจะโกหกไปทำไม ในเมื่อมันก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา มีแต่จะสร้างความยุ่งยากให้ดารกาเปล่าๆ เมื่อได้ฟังอย่างนี้ พวกเธอจึงเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวได้ว่า ที่ป้านวลต้องปลอมแปลงนามสกุลเพื่อนของเธอ คงเป็นเพราะไม่อยากให้กรวีร์ตามมาทำร้ายได้ ทว่าพวกเธอก็ยังมีเรื่องที่ยังคงสงสัยอยู่ ทำไมดารกาถึงจำอะไรไม่ได้เลยเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ มาริสาจึงเอ่ยถามขึ้นว่า "ป้าอุ่- เอ่อ ป้านวลคะ ทำไมดาวถึงจำเรื่องพ่อแม่ไม่ได้เลยล่ะคะ"

....."เป็นเพราะคืนนั้นแหละค่ะ คืนที่คุณผู้ชายและคุณผู้หญิงเสีย ป้าอยู่ที่นั่นด้วย ป้าวิ่งหนีออกมาเจอคุณหนู ตอนนั้นคุณหนูอายุแค่สามขวบก็ต้องมากำพร้าพ่อแม่แล้ว คุณหนูน่าสงสารมาก ป้าจึงอุ้มคุณหนูขึ้นมาแล้วพาหนีไป แต่คนชั่วคนนั้นไม่ยอมปล่อยให้ป้ากับคุณหนูมีชีวิตรอด เขาจึงให้พนักงานที่มาด้วยตามฆ่าป้ากับคุณหนู ดีที่พนักงานคนนั้นยังมีจิตของความเป็นมนุษย์อยู่บ้าง เขาเลยปล่อยป้ามาและสั่งให้ป้าไปที่ไหนก็ได้ อย่ากลับมาที่นี่อีก พร้อมทั้งให้เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุล เจ้านายของเขาจะได้จำไม่ได้ แต่คนชั่วคนนั้นก็ไม่น่าจะจำคุณหนูได้อยู่แล้ว เพราะเขาเห็นคุณหนูแค่ผ่านๆ อีกทั้งยังไม่ใส่ใจจำชื่อของคุณหนูด้วย ป้าจึงเปลี่ยนแค่นามสกุลของคุณหนู

....."หลังจากที่ป้าพาคุณหนูมาบ้านเช่าแห่งหนึ่ง ป้าได้บอกกับคุณหนูว่า คุณพ่อกับคุณแม่ของคุณหนูเสียชีวิตแล้ว คุณหนูต้องอยู่กับป้า ป้าจะเลี้ยงดูคุณหนูเอง แต่คุณหนูไม่เชื่อ เอาแต่ร้องไห้คร่ำครวญจนช็อกหมดสติ ป้าตกใจกลัวมากว่า คุณหนูจะเป็นอะไรไป จึงพาไปโรงพยาบาลใกล้ๆ บ้านเช่านั้น เมื่อคุณหนูฟื้นขึ้นมา เธอก็จำอะไรไม่ได้เลย" ป้านวลสะอื้น แต่ก็เล่าต่อว่า "ป้าจึงคิดว่าให้คุณหนูเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว จะได้ไม่ต้องไปรับรู้เรื่องราวในอดีตที่มันเจ็บปวด และคุณหนูจะได้ปลอดภัยจากคนคนนั้นด้วย ป้าจึงไม่ได้เล่าอะไรให้คุณหนูจำได้เลย ส่วนคนชั่วคนนั้นก็ยึดบ้านรวมทั้งธุรกิจของคุณผู้ชายไปได้สำเร็จ"

....."แล้วทำไมป้าจึงไม่ไปแจ้งตำรวจล่ะคะ" มาริสาถามอย่างแปลกใจ

....."ป้ากลัวว่าถ้าป้าแจ้งตำรวจ เขาจะตามฆ่าคุณหนูอีก ป้าเลยปล่อยให้เขาคิดว่า บนโลกนี้ไม่มีเชื้อสายของเลิศไพบูลย์กิจเหลืออยู่แล้วดีกว่าน่ะค่ะ" ป้านวลตอบ

....."หนูขอถามคำถามอีกหนึ่งข้อนะคะ ทำไมป้าจึงให้บอกดาวว่าคนที่อยู่ในรูป คือ พ่อแม่ของดาว หนูคิดว่าถ้าไม่บอก ดาวจะปลอดภัยกว่าไหมคะ ในเมื่อดาวก็จำอะไรไม่ได้แล้ว จะให้ดาวรับรู้ทำไม" มาริสาเอ่ยถามเรื่องที่ยังสงสัย

....."ป้าคิดว่าควรจะให้คุณหนูรู้ว่า ครั้งหนึ่งเธอเคยมีพ่อแม่น่ะค่ะ ถึงป้าไม่บอก คุณหนูก็คงจะถามอยู่ดี อย่าลืมสิคะว่าคุณหนูมีสร้อยล็อกเก็ตอยู่"

....."จริงด้วยสินะคะ หนูลืมไปค่ะ" มาริสาพูด เป็นอันหมดข้อสงสัยแล้ว

....."ตายล่ะ! ถ้างั้นตอนนี้ดาวมิตกอยู่ในอันตรายเหรอคะ ดาวไปบ้านพี่ชายแล้วด้วย" จู่ๆ จิตรวรรณก็เอ่ยขึ้นอย่างตกใจ

....."ใจเย็นๆ ก่อนน่าวรรณ พ่อพี่ชายคงไม่ทำอะไรต่อหน้าลูกชายตัวเองหรอก แล้วอีกอย่าง เขาก็ยังไม่รู้ว่าดาวคือเด็กคนนั้นนี่นา" มาริสาเอ่ยเตือน

....."จริงด้วยสิ ฉันคงเป็นห่วงดาวมากไปหน่อย แต่ฉันว่าเราไปหาดาวกันเถอะ" จิตรวรรณพูดพลางลุกขึ้นยืน

.....มาริสาจึงยืนตามก่อนจะหันไปขอบคุณป้านวลว่า "พวกหนูขอบคุณป้านวลมากเลยนะคะที่เล่าความจริงให้พวกหนูฟัง พวกหนูจะไม่ยอมให้ดาวเป็นอะไรไปแน่นอนค่ะ"

....."พวกหนูขอตัวไปหาดาวก่อนนะคะ" จิตรวรรณเอ่ยพร้อมกับยกมือไหว้ป้านวล มาริสาทำตาม จากนั้นทั้งสองก็ขับรถออกไปหาเพื่อนสาวของเธอที่บ้านของวรุตม์

.....ระหว่างที่มาริสาขับรถอยู่ เธอก็พูดขึ้นว่า "ฉันไม่คิดเลยนะว่าพ่อของพี่ชายจะเป็นคนแบบนั้น"

....."ฉันก็เหมือนกัน ได้แต่หวังว่าดาวคงไม่เป็นอะไรนะ" จิตรวรรณพูดอย่างเป็นห่วงเพื่อนสาว กุมมือตัวเองเป็นพัลวัน

....."อย่าคิดในแง่ลบอย่างนั้นสิ ยายวรรณ ดาวจะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน" มาริสาพูดออกไปอย่างนั้น แต่ในใจก็อดเป็นห่วงเพื่อนสาวไม่ได้เหมือนกัน


***



....."ทำไมสากับวรรณยังไม่มาอีกน้า" ดารกาบ่น

.....งานวันเกิดของวรุตม์เริ่มมาได้ครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่เพื่อนสาวสองคนของเธอก็ยังไม่มาปรากฏตัวให้เห็นสักที เธอรออยู่ข้างในงานตามลำพัง เนื่องจากวรุตม์ต้องออกไปต้อนรับแขกเหรื่อที่มากันมากมาย เธอเจอพ่อแม่ของเขาแล้ว และคิดว่าผู้เป็นพ่อของรุ่นพี่เธอมองเธอแปลกๆ สายตาที่ส่งมานั้นเป็นสายตาที่มุ่งร้ายมากกว่าจะเอ็นดูอย่างที่แสดงออก เธอเกิดอาการกลัวชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมันมีอะไรมากกว่าการมุ่งร้ายธรรมดา มันเหมือน เหมือน...ช่างเถอะ ยังไงเธอกับเขาก็คงไม่ได้เจอกันบ่อยอยู่แล้ว อย่าไปคิดให้เสียความรู้สึกเลย เธอจึงไม่สนใจพ่อของวรุตม์อีกต่อไป ทว่ากลับสนใจแม่ของเขาแทน แม่ของวรุตม์มีทีท่าเป็นมิตรและแสดงออกว่าเอ็นดูเธออย่างเปิดเผย พยายามดูแลเธอเป็นอย่างดี เมื่อรู้ว่าเธอเป็นรุ่นน้องที่ลูกชายเธอสนิทด้วย ดารกาจึงไม่รู้สึกเคอะเขินเท่าไหร่ แต่กลับเกรงใจมากกว่า เธอเดินออกไปหาวรุตม์ที่หน้างานและกำลังจะถามว่า เพื่อนของเธอมาหรือยัง แต่เธอก็ต้องหยุดเมื่อเห็นสายตาของเขา

.....วรุตม์กำลังต้อนรับแขกที่มาร่วมงานวันเกิดเขาอย่างมากมาย เมื่อเห็นรุ่นน้องที่เขามีใจให้เดินเข้ามาในงานกับเพื่อนของเธอ เขาก็ต้องหยุดการกระทำอันเป็นมารยาทนั้น จิตรวรรณดูเหมือนตุ๊กตาที่น่ารักมาก และยังเป็นตุ๊กตาที่เขาอยากทะนุถนอมอีกด้วย เขามองเธออยู่ตรงนั้น อึ้งไปกับความสวยน่ารักของเธอ ทว่ามีเสียงเรียกเขาดังขึ้นในห้วงความคิด เขาจึงถอนสายตาออกมาจากเธอได้

....."พี่ชายคะ พี่ชายคะ" มาริสาเรียก

....."อะ-เอ่อ ครับ" วรุตม์ขานตอบ

....."พี่ชายมองวรรณอย่างนั้น วรรณก็เขินแย่สิคะ" มาริสาเอ่ยอย่างรู้ใจเพื่อน และก็ใช่อย่างที่เธอพูด เพราะตอนนี้ที่แก้มของจิตรวรรณมีสีชมพูระเรื่อปรากฏอยู่ มันดูเหมือนเครื่องสำอางธรรมชาติเลย

....."ขงเขินอะไรที่ไหนล่ะ วรรณไม่ได้เขินสักหน่อย" จิตรวรรณพูดพลางก้มหน้าแบบอายๆ ที่โดนเพื่อนจับได้

....."พี่ว่าน้องวรรณกับน้องสาเอาของขวัญไปวางไว้ที่โต๊ะก่อนดีกว่าครับ" วรุตม์บอกเมื่อสังเกตเห็นกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของรุ่นน้องทั้งสอง ก่อนจะเดินนำไปที่โต๊ะวางของขวัญ บัดนี้โต๊ะนั้นเต็มไปด้วยของขวัญมากมาย จนมาริสากับจิตรวรรณแทบจะหาที่วางไม่ได้เลย แต่พวกเธอก็พยายามหาที่วางจนได้นั่นแหละ

....."เราเข้าไปในงานกันเถอะครับ ได้เวลาที่พี่ต้องขึ้นไปกล่าวเปิดงานแล้วล่ะ" วรุตม์พูดขึ้นอีกครั้ง โดยไม่ยอมละสายตาไปจากจิตรวรรณเลย

.....จิตรวรรณจึงหันไปมองเพื่อนๆ และไม่ยอมสบตากับวรุตม์ เธอกลัวใจตัวเองว่ามันจะหวั่นไหวขึ้นมาอีก ก่อนเธอจะเดินตามวรุตม์และเพื่อนของเธอเข้าไปข้างใน

.....วรุตม์ขึ้นไปยืนบนเวที ก่อนจะกล่าวทักทายกับแขกในงาน "ก่อนอื่นผมคงต้องกล่าวสวัสดีกับทุกๆ ท่าน สวัสดีครับ" วรุตม์ยกมือไหว้ แล้วพูดต่อ "นี่ก็เป็นวันคล้ายวันเกิดอีกปีหนึ่งของผม ผมขอขอบคุณอย่างจริงใจที่ทุกท่านให้เกียรติมางานวันเกิดของผม ปีนี้ผมก็อายุยี่สิบสองแล้ว เวลาช่างผ่านไปเร็วจริงๆ ผมขอขอบคุณคุณพ่อและคุณแม่ที่จัดงานวันเกิดให้กับผมทุกปี และผมก็ดีใจที่ได้เกิดมาเป็นลูกของพวกท่าน ขอให้ทุกๆ ท่านที่มางานในวันนี้มีความสุขกันถ้วนหน้านะครับ ตอนนี้ผมขอเชิญคุณพ่อและคุณแม่ขึ้นมาบนเวทีด้วยครับ"

.....หลังจากนั้นผู้เป็นพ่อกับแม่ของวรุตม์ก็ขึ้นไปบนเวที พลางกล่าวขอบคุณแขกทั้งหลายที่มาร่วมงาน รวมทั้งกล่าวอวยพรลูกชายคนเดียวของพวกเขาด้วย สุดท้ายพวกเขาก็เชิญแขกทั้งหมดตามอัธยาศัย

.....ดารกาฟังการกล่าวสุนทรพจน์นี้อย่างไม่ตั้งใจนัก เพราะในใจเธอกำลังนึกถึงนายกามเทพหนุ่มอยู่ 'ไหนบอกว่าจะมาไง ไม่เห็นมาเลย' เธอคิด

....."ฉันก็มาแล้วนี่ไง"

.....เสียงนั้นดังขึ้นที่ข้างหูของดารกา เธอหันหน้าไปหาเขา ก่อนที่เธอจะได้รับสัมผัสเบาๆ ที่แก้มของเธอเอง เมื่อกี้นี้เขา...หอมแก้มเธอหรือเปล่านะ ดารกาคิดอย่างอายๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "นายมาช้านะ"

....."มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มา" กานต์ตอบหน้าตาเฉย

....."ฮึ นายอย่ามาเล่นคำหน่อยเลยน่า" ดารกาตอบพลางเดินไปหาเพื่อนทั้งสองคนของเธอ ที่ออกไปหาอะไรทานกันก่อนแล้ว กานต์จึงได้แต่เดินตามไป

....."ฉันยังไม่ได้ถามพวกเธอเลยว่า ทำไมพวกเธอถึงมางานช้านักล่ะ" ดารกาถามทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะวางขนมหวาน ซึ่งมีสองโต๊ะต่อกัน ด้านบนโต๊ะสองตัวนี้เต็มไปด้วยเค้กชิ้นเล็กๆ หลากหลายชนิด ทั้งเค้กช็อคโกแล็ต เค้กกาแฟ เค้กทอฟฟี่ เค้กครีม นอกจากเค้กชนิดต่างๆ แล้วก็มีบราวนี่ ทาร์ตผลไม้ คุกกี้ พายแอปเปิ้ล พายสับปะรด

.....มาริสากับจิตรวรรณที่กำลังจะเอาทาร์ตผลไม้เข้าปากกลับหยุดชะงักทันที พวกเธอสองคนมองหน้ากันพลางคิดถึงเรื่องที่ได้ฟังมา ก่อนที่มาริสาจะเอ่ยว่า "พอดีรถมันติดน่ะ เลยทำให้มาช้า"

....."อ้อ แล้วไป ฉันนึกว่าพวกเธอจะเป็นอะไรไปเสียอีก" ดารกาพูดอย่างไม่ติดใจ ก่อนจะหยิบคุกกี้ขึ้นมาทาน

....."อ้าว พี่กานต์มาด้วยเหรอคะ" จิตรวรรณถามเมื่อสังเกตเห็นคนที่ยืนอยู่ด้านหลังของเพื่อนสาว

....."ครับ" กานต์ตอบสั้นๆ ตามแบบฉบับของเขา

.....หลังจากนั้นทั้งหมดก็พากันไปคุยกับคนโน้นบ้างคนนี้บ้าง ส่วนใหญ่แล้วเป็นคนที่สามสาวรู้จัก เนื่องจากเป็นเพื่อนๆ หรือไม่ก็รุ่นพี่ที่มหาวิทยาลัย ทั้งหมดพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ยกเว้นกานต์ เพราะเขามักจะโดนเพื่อนสาวคนอื่นๆ ของดารกาคอยเข้ามาอยู่ใกล้ๆ หรือไม่ก็แกล้งล้มแกล้งเป็นลมให้เขาเข้าไปช่วยอยู่เรื่อย เขาปลีกตัวออกมาเมื่อเจอหญิงสาวคนหนึ่งทำท่าจะเป็นลมใส่เขาเป็นคนที่ห้าแล้ว

....."ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายนี่เสน่ห์แรงเหมือนกันนะเนี่ย" ดารกาหัวเราะ เธอขอแยกตัวจากเพื่อนๆ ตามชายหนุ่มออกมาด้วย

....."เธอก็เหมือนกันไม่ใช่เหรอ" กานต์พูด "เมื่อกี้ฉันเห็นผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาขอคุยกับเธอด้วย"

.....ดารกาหยุดหัวเราะทันที เพราะผู้ชายคนนั้นนั่นแหละ เธอจึงขอแยกตัวออกมา ผู้ชายอะไรก็ไม่รู้เซ้าซี้เป็นบ้า ถามอยู่ได้ว่าเธอชอบทานอะไร ชอบผู้ชายแบบไหน แล้วยังถามถึงที่อยู่ของเธออีก เธอจึงเดินหนีออกมาเฉยๆ ซะเลย ถ้าเธอไม่ชอบอะไร เธอก็จะไม่ทน

....."ได้เวลาเป่าเค้กแล้วล่ะ ไปหาพี่ชายกันเถอะ" ดารกาพูดเมื่อสังเกตเห็นไฟทุกดวงที่อยู่รอบๆ งานถูกหรี่ลง

.....เมื่อได้เวลาเป่าเค้ก แขกทั้งหมดจึงพากันกลับมาที่หน้าเวทีอีกครั้ง

.....เสียงเพลง Happy Birthday ดังขึ้นจากคนที่เดินถือเค้กเข้ามา ซึ่งก็ไม่ใช่ใคร แต่เป็นผู้เป็นแม่ของเจ้าของวันเกิดนั่นเอง แขกทุกคนต่างก็ร่วมร้องเพลง Happy Birthday ด้วย เมื่อร้องถึงท่อน Happy birthday to you รอบที่สองจบ วรุตม์ก็อธิษฐานก่อนจะเป่าเทียน ทุกคนปรบมือกันเสียงดังสนั่น จากนั้นแต่ละคนก็เข้ามาอวยพรต่างๆ นานา

....."น้องวรรณ ทำไมอยู่คนเดียวล่ะครับ" วรุตม์เอ่ยถามเมื่อปลีกตัวจากแขกออกมาได้ เขาเห็นจิตรวรรณยืนอยู่ตามลำพัง ไร้เงาของเพื่อนสาวอีกสองคน

....."สาขอตัวไปเข้าห้องน้ำน่ะค่ะ ส่วนดาวก็โดนพี่กานต์ลากตัวไปไหนก็ไม่รู้" จิตรวรรณตอบ

....."พี่นึกว่าน้องวรรณจะไม่พูดกับพี่อีกแล้วเสียอีก" วรุตม์เอ่ย

....."เอ่อ ก็วรรณไม่รู้จะพูดอะไรกับพี่ชายนี่คะ" จิตรวรรณพูด เธอลืมไปเลยว่าจะไม่พูดหรือสบตากับเขา

....."น้องวรรณมากับพี่หน่อยสิ พี่มีอะไรจะให้ดู" วรุตม์พูด โดยไม่รอช้า เขาจูงมือของจิตรวรรณไปทันที

....."อะไรคะ เดี๋ยวก่อนสิพี่ชาย" จิตรวรรณพยายามสะบัดมือออก แต่มันไม่ได้ผล เธอเลยต้องตามเขาไป

.....วรุตม์ใช้มือข้างหนึ่งปิดตาจิตรวรรณเมื่อเขาหยุดเดิน ก่อนจะพาเธอเดินเข้าไปตรงกลางซุ้มดอกกุหลาบที่ตกแต่งเสร็จหมาดๆ เมื่อตอนเย็น เขาเอามือออกจากดวงตาของจิตรวรรณช้าๆ พร้อมกับเอ่ยว่า "สวยไหมครับ น้องวรรณ"

.....เมื่อสายตาของจิตรวรรณกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง เธอก็สำรวจที่ที่เธอยืนอยู่ แต่ก่อนที่เธอจะทำแบบนั้น เธอก็ร้องออกมาก่อนว่า "ว้าว! สวยจังเลยค่ะ พี่ชาย" จะไม่ให้เธอบอกว่าสวยได้ยังไง ก็ในเมื่อที่ที่เธอยืนอยู่นี้เต็มไปด้วยดอกกุหลาบสีชมพูมากมาย ทั้งด้านบนแล้วก็ด้านข้าง นอกจากนี้ที่พื้นหญ้ายังมีแสงสว่างจากเทียนอยู่รอบๆ ตัวเธอและวรุตม์อีก เธอคิดว่ามันเป็นสถานที่ที่โรแมนติกมากจริงๆ

....."น้องวรรณชอบไหมครับ" วรุตม์ถาม ซ่อนช่อดอกกุหลาบสวยงามไว้ด้านหลัง

....."ชอบค่ะ นี่หรือคะคือที่ที่พี่ชายจะให้วรรณดู" จิตรวรรณถาม ยิ้มไม่ยอมหุบ

....."ใช่แล้วครับ" วรุตม์พูดก่อนยื่นสิ่งที่ซ่อนอยู่ข้างหลังไปให้จิตรวรรณ

....."อะไรกันคะ พี่ชาย" จิตรวรรณถาม มองช่อดอกกุหลาบอย่างงงๆ

....."น้องวรรณจะรับดอกกุหลาบช่อนี้เป็นการตอบรับรักพี่ได้ไหม" วรุตม์ถาม แววตาหวานซึ้ง

....."อะไรนะคะ!" จิตรวรรณร้อง เมื่อได้ฟังคำพูดของวรุตม์ รับรักเขางั้นเหรอ เธอทำแบบนั้นไม่ได้หรอก ถึงเธอจะรักเขา ทว่าเธอก็รักเพื่อนของเธอมากเช่นกัน ดารกาจะต้องเสียใจแน่ หากเธอทำอย่างนั้น เธอจึงเอ่ยตอบวรุตม์ไปว่า "วรรณรับไม่ได้หรอกค่ะ"

....."ทำไมล่ะครับ พี่ไม่ดีพอเหรอ" วรุตม์ถาม ใบหน้าเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด

....."เปล่าค่ะ พี่ชายเป็นคนดี อาจจะดีเกินไปด้วยซ้ำ แต่ว่าดาว...ดาวเขารักพี่ชายนะคะ วรรณทำให้เพื่อนเสียใจไม่ได้หรอกค่ะ" จิตรวรรณอธิบายเหตุผล

....."น้องดาวเนี่ยนะรักพี่ พี่ว่าน้องวรรณเข้าใจผิดแล้วล่ะครับ" วรุตม์เอ่ยก่อนจะถามขึ้นว่า "น้องวรรณคิดว่าพี่ไปรับน้องดาวที่บ้านเมื่อตอนบ่ายมาทำอะไรล่ะครับ"

.....จิตรวรรณนิ่งคิด เธอทำตาโตก่อนจะพูดขึ้นว่า "ซุ้มนี้เหรอคะ พี่ชายให้ดาวมาตกแต่งให้ใช่ไหมคะ"

....."ใช่แล้วครับ น้องดาวเต็มใจช่วยพี่ แล้วน้องดาวยังบอกกับพี่อีกว่า เธอทำเพื่อเพื่อนของเธอ" วรุตม์บอกพลางยิ้มกว้าง "ทีนี้จะรับดอกกุหลาบช่อนี้ได้หรือยังล่ะครับ"

....."ดาว ดาวบอกอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ" จิตรวรรณถามเพื่อขอความมั่นใจ

....."จริงสิครับ พี่ไม่โกหกน้องวรรณหรอก" วรุตม์เอ่ยพลางพยักหน้า

.....จิตรวรรณลังเลเลอยู่หนึ่งอึดใจ ทว่าเธอก็รับช่อดอกกุหลาบมา วรุตม์สวมกอดเธอพร้อมกับพูดขึ้นให้ได้ยินว่า "ขอบคุณครับที่รับรักพี่"

....."พี่ชายคะ ปล่อยวรรณเถอะค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็น" จิตรวรรณเอ่ยอย่างเขินๆ

....."ไม่มีใครมาเห็นหรอกครับ ที่นี่เป็นที่ลับตาคน" วรุตม์พูด แต่ก็ยอมคลายกอดให้จิตรวรรณ

.....ทั้งคู่ยิ้มให้กันภายใต้แสงเทียนและซุ้มดอกกุหลาบ


***



.....อีกฟากหนึ่งของงาน ต่างจากคู่ที่แล้วที่กำลังมีความสุข ทว่าชายหญิงคู่นี้กำลังเศร้าที่จะต้องจากกัน กานต์พาดารกามาที่ริมแม่น้ำ ซึ่งเป็นด้านหนึ่งภายในบริเวณบ้านหลังนี้ ทั้งคู่มองแม่น้ำที่มีดวงจันทร์สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ค่ำคืนนี้สำหรับทั้งคู่ดูเหมือนจะเงียบสนิท ทั้งๆ ที่ความจริงแล้วมีเสียงภายในงานดังลอดออกมาเป็นระยะๆ ทั้งสองไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น นอกจากความจริงที่ว่าพวกเขาจะต้องจากกัน

....."นายจะไปแล้วใช่ไหม" ดารกาเอ่ยทำลายความเงียบ

....."อื้อ ฉันจะต้องไปแล้วล่ะ" กานต์ตอบด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ

....."ฉันมีของให้นายด้วยนะ" ดารกาบอกก่อนจะหยิบกล่องใส่สร้อยขึ้นมาจากกระเป๋าสะพาย

....."เหรอ อะไรล่ะ" กานต์ถาม ไม่หันมามองดารกา

....."หันหลังมาก่อนสิ" ดารกาเอ่ย

.....กานต์จึงหันหลังให้เธอ เธอสวมสร้อยให้เขา เขาก้มลงมองสร้อย มันเป็นสร้อยรูปดาว เขาคิดว่าเธอให้สร้อยรูปดาวกับเขา แล้วเขาจะลืมเธอได้อย่างไรกัน แต่เขาก็ไม่ถอดมันออก กลับพูดขอบคุณแทน "ขอบคุณนะสำหรับสร้อย ฉันก็มีของให้เธอเหมือนกัน"

....."อะไรล่ะ" ดารกาเอ่ยถาม

....."ยื่นมือซ้ายมาก่อนสิ" กานต์พูดก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่เล็กๆ ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ

.....ดารกายื่นมือซ้ายไปให้อย่างแปลกใจ กานต์เปิดฝากล่อง แล้วหยิบของข้างในนั้นออกมา เขาบรรจงสวมมันให้เธออย่างอ่อนโยน ถ้าเป็นเวลาปกติเธอคงจะชักมือหนีแล้ว ทว่าตอนนี้เธอปล่อยให้เขาสวมสร้อยข้อมือจนเสร็จ เธอพิจารณาสิ่งที่อยู่บนข้อมือของเธอ มันดูสวยงามมากอย่างกับเป็นของจริง โดยเฉพาะดวงดาวสุกสกาวอยู่ตลอดเวลา เธอเอ่ยขอบคุณเขาเช่นเดียวกัน "ขอบคุณนะ มันสวยมากๆ เลย"

....."อย่าถอดออกนะ ฉันขอร้องล่ะ" กานต์พูดพร้อมกับแสดงแววตาขอร้องให้ดารกา

....."ได้สิ ฉันจะไม่ถอดออกเลย" ดารกาพูด "ยกเว้นเวลาอาบน้ำนะ"

.....เมื่อได้ฟังคำพูดนั้น กานต์ก็ทำในสิ่งที่เขาไม่ค่อยได้ทำบ่อยนัก นั่นก็คือการหัวเราะ เขาหัวเราะออกมาเบาๆ "เธอนี่น้า เวลาแบบนี้ยังมาพูดเล่นได้อยู่อีก"

....."ฉันไม่ได้พูดเล่นนะ ฉันพูดจริงๆ ฉันไม่ใส่มันหรอกตอนอาบน้ำน่ะ" ดารกาเถียง

....."ฉันคงต้องไปแล้วล่ะ ลาก่อนนะ" กานต์พูด แต่ก่อนที่เขาจะลับหายไป เขาเข้ามากอดเธอเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมกับทำอะไรบางอย่างที่สร้อยที่เธอให้เขากับสร้อยข้อมือที่เขาให้เธอ ดารกาไม่ได้รับรู้การกระทำนี้ เพราะเธอกอดตอบเขาโดยหลับตาอยู่

....."เธอจะไม่บอกลาฉันหน่อยเหรอ" กานต์กระซิบที่ข้างหูดารกา

.....ดารกาจึงตอบว่า "ไม่ล่ะ" ก่อนที่เธอจะคิดต่อในใจว่า สักวันเราคงได้เจอกันอีก เพราะฉะนั้นเธอจึงไม่เอ่ยคำลากับเขา

....."งั้นเหรอ ฉันคงต้องไปจริงๆ แล้วล่ะ ขอให้โชคดีนะ" กานต์ตอบก่อนที่ร่างเขาจะหายไป

.....ดารกาปล่อยให้น้ำตาที่เธอสะกดกลั้นมานานไหลลงมาตามแก้มของเธอ เธอเดินกลับเข้าไปในงานพลางก้มหน้าปิดตาไม่ให้ใครเห็นน้ำตาของเธอ เธอเดินไปทางหน้าบ้านเพื่อที่จะออกจากงาน ทว่าเธอกลับเดินชนใครคนหนึ่งเข้า

....."อุ๊ย! ขอโทษค่ะ ดาวไม่ได้ตั้งใจ" ดารกาพูดพลางเงยหน้ามองคนที่เธอเดินชน เขาเป็นผู้ชายร่างเตี้ย อายุน่าจะห้าสิบปลายๆ แล้ว

....."ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็รีบเดินมากไปหน่อยเหมือนกัน" ชายคนนั้นพูดไม่มองหน้าดารกา เขาก้มลงไปเก็บเอกสารที่หล่นจากมือเขาเมื่อกี้นี้

....."ให้ดาวช่วยนะคะ" ดารกาพูดพลางก้มลงไปช่วยเขาเก็บ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าสร้อยล็อกเก็ตของเธอได้หลุดจากคอของเธอ ร่วงลงไปอยู่ที่พื้นแล้ว เธอมัวแต่เก็บเอกสารให้ชายคนนั้น เลยไม่ทันเห็นสร้อยของเธอที่อยู่ห่างจากเอกสารไปประมาณหนึ่งฟุต อาจจะเป็นเพราะที่พื้นเป็นหญ้าด้วย สร้อยของเธอจึงถูกซ่อนอยู่ใต้ยอดของใบหญ้า

....."ขอบคุณมากเลยครับ" ชายผู้นั้นตอบ เขายืนขึ้นตามดารกาก่อนจะมองหน้าเธอ เขามีท่าทางตกใจ แต่เขาเป็นคนเก็บความรู้สึกได้ดี เธอจึงไม่สงสัยเขา

....."ไม่เป็นไรค่ะ ดาวขอตัวก่อนนะคะ" พูดจบดารกาก็เดินออกไป

....."สิทธิ์ นายมัวทำอะไรอยู่น่ะ ทำไมไม่รีบเข้าไปรอในบ้าน" กรวีร์เดินมาเห็นลูกน้องของเขายังยืนอยู่หน้าบ้านจึงตำหนิเข้าให้

....."ครับ ผมจะเข้าไปเดี๋ยวนี้แหละครับ" สิทธิ์พูดก่อนจะเดินเข้าไปรอในบ้านของเจ้านาย ทว่าก็ต้องหยุดเมื่อเจ้านายเรียกเขาอีกครั้ง

....."เดี๋ยวก่อน นั่นมันสร้อยของใคร" กรวีร์พูด หยิบสร้อยที่อยู่ตรงปลายเท้าเขาขึ้นมาดู เขาเปิดฝาล็อกเก็ต เพราะคิดว่าคงจะมีรูปเจ้าของอยู่ข้างใน แต่คนที่อยู่ในรูปกลับเป็นคนที่เขาฝันถึงบ่อยๆ ในช่วงนี้ เขามองดูอย่างหวาดกลัวก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นท่าทางโกรธเกรี้ยว เขาถามขึ้นว่า "มันเป็นของใคร"

....."คงจะเป็นของคนที่ชนผมเมื่อกี้มั้งครับ" สิทธิ์ตอบ เขามองไม่เห็นรูปในล็อกเก็ต

....."นายอยู่ตรงนี้แหละ ไม่ต้องเข้าบ้านแล้ว ไม่นานเจ้าของคงกลับมาเอา" กรวีร์พูดด้วยน้ำเสียงหมายมาด เขาจะไม่ยอมให้ใครก็ตามที่มีรูปนี้อยู่รอดมือเขาไปได้หรอก เขาจะต้องกำจัดไม่ให้เหลือซาก

.....สิทธิ์มองเจ้านายอย่างหวาดเสียว เจ้านายเขาเป็นอะไรไปนะ ท่าทางเหมือนกับตอนนั้นไม่มีผิด


***



.....ตอนนี้แขกทุกคนต่างทยอยกันกลับไปหมดแล้ว เหลือเพียงมาริสาที่รอเพื่อนอยู่ที่รถ เธอคิดอย่างหงุดหงิดว่า หายไปเข้าห้องน้ำแค่แป๊บเดียว เพื่อนของเธอสองคนก็หายไปตัวไปเลย "ให้ตายสิ ถ้ากลับมาช้ากว่านี้อีกสิบนาที ฉันจะเทศน์ให้หูชาไปเลย โทษฐานที่ทำให้คนเขาเป็นห่วง" เธอบอกกับตัวเอง ทว่าเมื่อเธอเห็นสภาพดารกาเธอก็ลืมคำที่พูดเมื่อกี้ไปเลย

....."ดาว ดาวเป็นอะไรไปน่ะ เธอร้องไห้มาเหรอ" มาริสาถามพลางเดินเข้าไปหาเพื่อนสาว ก่อนจะดึงดารกาเข้าไปกอด

.....ดารกายืนให้เพื่อนกอดก่อนจะตอบเลี่ยงว่า "ฉันมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อย ตอนนี้ฉันไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ"

....."งั้นเหรอ มีเรื่องอะไรบอกฉันได้นะ" มาริสาบอกพร้อมกับปล่อยเพื่อนของเธอให้เป็นอิสระ

....."แล้วนี่วรรณยังไม่มาอีกเหรอ" ดารกาถามเมื่อไม่เห็นเพื่อนอีกคน

....."ยังเลยล่ะ ไม่รู้ไปอยู่เสียที่ไหน" มาริสาบ่น

....."คงจะมีความสุขกับพี่ชายอยู่ที่ไหนสักแห่งแหละมั้ง" ดารกายิ้มเมื่อคิดได้ว่า เพื่อนของเธอน่าจะอยู่ที่ไหน เธอปัดผมที่ระต้นคอไปข้างหลัง ก่อนจะสัมผัสคอที่ว่างเปล่าปราศจากสร้อยล็อกเก็ตของเธอ "สร้อย สร้อยของฉันอยู่ไหนน่ะ"

....."อะไรดาว สร้อยเธอหายเหรอ" มาริสาถามอย่างแปลกใจกับท่าทีลุกลนของเพื่อน ก่อนจะสังเกตเห็นสร้อยข้อมือ เธอเอ่ยถามว่า "สร้อยข้อมือสวยจังเลย ไปซื้อมาจากไหนน่ะ"

....."ไม่ได้ซื้อหรอก พี่กานต์ให้มา" ดารกาตอบอย่างไม่ใส่ใจ เธอเริ่มมองหาสร้อยที่เธอรักมากที่สุดตามพื้นถนน

....."พี่กานต์ ใครน่ะ ฉันไม่เห็นรู้จัก" มาริสาพูดขึ้น ท่าทางงงงวย

....."ก็..." ดารกาหยุดการกระทำทั้งหมด แล้วหันกลับมามองเพื่อนของเธอ มาริสาทำท่าเหมือนกับว่าไม่รู้จักกานต์จริงๆ อย่างนั้นแหละ 'หรือว่านายนั่นจะลบความทรงจำออกจากทุกคนนะ' เธอคิดและลองถามเพื่อนใหม่ว่า "เธอไม่รู้จักพี่กานต์จริงๆ เหรอ"

....."จริงสิ เขาเป็นใครน่ะ" มาริสาถามก่อนจะส่ายหน้าเพื่อยืนยันว่า เธอไม่รู้จักคนที่เพื่อนเอ่ยถึงจริงๆ

.....'ลบความทรงจำจริงๆ ด้วยสินะ' ดารกาคิด แล้วเธอก็หันกลับไปสนใจพื้นถนนต่อ เมื่อไม่พบสร้อยที่ไหน เธอจึงจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน 'หรือว่าจะหลุดตอนเดินชนผู้ชายคนนั้นกันนะ'

....."เดี๋ยวก่อนสิดาว ให้ฉันไปด้วย จะได้หาเจอไวๆ ไง" มาริสาเอ่ยก่อนจะเดินตามดารกาเข้าไป

.....เมื่อทั้งคู่ไปถึงหน้าบ้าน พวกเธอก็เจอจิตรวรรณกับวรุตม์ที่กำลังเดินตรงมาหา

....."อ้าว! สา ดาว พวกเธอเดินกลับเข้ามาทำไมน่ะ" จิตรวรรณถาม ในมือถือช่อดอกกุหลาบอยู่

....."ฉันทำสร้อยหล่นน่ะ เลยจะลองมาหาดูที่นี่" ดารกาตอบ โดยลืมแสดงความยินดีกับเพื่อนสาวเสียสนิท เธอมองรอบๆ พื้นหญ้าเพื่อหวังว่าจะเจอสร้อยที่เธอรักและหวงแหน

....."กำลังหาสร้อยเส้นนี้อยู่เหรอ" กรวีร์ชูสร้อยล็อกเก็ตของดารกาขึ้นในมือข้างหนึ่ง ก่อนจะเดินมาหาทุกคนพร้อมกับคนที่ดารกาเดินชนเมื่อกี้

.....ชายคนนั้นหน้าซีดมาก เขารับรู้แล้วว่ารูปที่อยู่ด้านในเป็นรูปของใคร ทว่าเขาไม่ได้บอกเจ้านายออกไปว่าใครเป็นเจ้าของสร้อย

....."ฉันถามว่ากำลังหาสร้อยเส้นนี้อยู่เหรอ" กรวีร์พูดเน้นชัดทุกพยางค์ "ตอบฉันมาสิ"



________________________________________________________________________


และแล้วความจริงก็เปิดเผยออกมาสักที รู้สึกเหนื่อยมากกับการพิมพ์ตอนนี้
ผู้เขียนมึนมากๆ ต้องกราบขออภัยถ้าทำให้ผู้อ่านไม่เข้าใจนะคะ

#จัดหน้าใหม่นิดนึง






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 5 2013, 05:05 PM
โพสต์ #14


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."โอ้! ไม่นะ!" จิตรวรรณและมาริสาร้องขึ้นพร้อมกัน พลางทำหน้าตกใจสุดขีด ทั้งคู่พยายามลากแขนเพื่อนของเธอ --ที่หยุดยืนอยู่กับที่ เอาแต่มองสร้อยสลับกับกรวีร์-- ออกมาจากกรวีร์ที่ใกล้ดารกาเข้ามามากแล้ว เขามีหน้าตาท่าทางน่ากลัวมาก พร้อมที่จะทำร้ายดารกาได้ทุกเมื่อ

....."ใช่แล้วค่ะ ดาวหาสร้อยเส้นนี้อยู่" ดารกาตอบเสียงสั่นๆ ด้วยความหวาดกลัวกรวีร์ รวมทั้งแปลกใจกับท่าทางของเพื่อนทั้งสองคนด้วย

....."คนในรูปเป็นอะไรกับเธอ" กรวีร์ถาม เขายืนอยู่ห่างจากดารกาเพียงสองสามก้าวเท่านั้น

....."เป็น...เป็นพ่อแม่ของดาวค่ะ" ดารกาตอบ

.....ทันทีที่คำตอบนั้นหลุดออกจากปากของดารกา จิตรวรรณกับมาริสาก็ดึงตัวเพื่อนสาวให้ห่างจากกรวีร์จนเกือบจะเป็นลาก ก่อนที่เขาจะหยิบปืนที่ซ่อนอยู่ข้างในเสื้อออกมา แล้วหันกลับไปหาลูกน้องของเขาพลางเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย

....."เอ่อ เอ่อ ผม..." สิทธิ์พูดได้แค่นั้น ร่างของเขาก็ล้มคว่ำลงไปกองอยู่บนพื้น เลือดสดๆ ไหลออกจากปากและที่ท้องของเขา ก่อนที่เขาจะสิ้นใจ เขาได้พูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แผ่วเบาและขาดห้วง "ดะ-ดารกา คะ-คุณ หนะ-หนีไป"

....."กรี๊ด!!!"

.....ดารกาตกตะลึงกับภาพตรงหน้า รู้สึกตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวกรวีร์มากยิ่งขึ้น จนไม่สามารถที่จะขยับตัวไปไหนได้ และเธอยังรู้สึกอีกว่าเพื่อนทั้งสองคนของเธอก็ตัวสั่นไม่แพ้เธอเช่นกัน

....."คุณพ่อ! ทำไมคุณพ่อถึง..." วรุตม์เอ่ยถาม เขารู้สึกตกใจมากกับท่าทีของกรวีร์ ผู้เป็นพ่อที่เขาเคยรู้จักถึงจะอารมณ์ร้อนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่น่าจะฆ่าคนให้ตายได้ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมกรวีร์ถึงมีปฏิกิริยาอย่างนั้น เมื่อรู้ว่าดารกาเป็นลูกของคนในรูป เขาคิดว่าบุรุษที่ยืนตรงหน้าเขาคนนี้ ไม่ใช่พ่อที่เขาเคยรู้จักอีกต่อไปแล้ว

....."ลูกเข้าไปในบ้านก่อนเถอะ พ่อมีเรื่องต้องสะสางนิดหน่อย" กรวีร์หันมาพูดกับผู้เป็นลูกชาย ตอนนี้เขามีอาการเดือดพล่านแล้ว เขาอยากจัดการเรื่องในอดีตให้เสร็จโดยเร็ว 'ให้ตายสิ ทำไมถึงมีแต่คนคอยช่วยครอบครัวของไอ้ภพด้วยนะ' เขาคิดอย่างโกรธเคือง

....."ไม่! ชายไม่เข้าบ้าน จนกว่าคุณพ่อจะบอกเรื่องที่คุณพ่อต้องสะสางมาก่อน" วรุตม์ตอบโต้ หันไปเผชิญหน้ากับผู้เป็นพ่อ เขาจะไม่ยอมให้กรวีร์ทำร้ายใครอีก

....."ไอ้ลูกคนนี้นี่ ดื้อด้านซะจริง" กรวีร์เข่นเขี้ยว ทว่าเขาก็ไม่ใส่ใจไล่ให้วรุตม์กลับเข้าบ้านไปอีก เขาไม่อยากทำร้ายลูกชายตัวเอง จึงได้แต่คิดว่า 'ถ้าอยากอยู่ดูว่าพ่อมันเลวแค่ไหน ก็เชิญตามสบายเลย'

....."ดาวไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงทำแบบนั้น แต่ดาวอยากได้สร้อยของดาวคืน โปรดคืนให้ดาวด้วย" ดารกาพูดอย่างรู้สึกหวาดกลัว เธอไม่เข้าใจว่าเขาฆ่าชายคนนั้นทำไม และทำไมชายคนนั้นถึงบอกให้เธอหนีไป

....."ดาว เธอหนีไปก่อนเถอะ อย่าไปพูดกับเขาเลย ฉันขอร้องนะ ดาว ดาวหนีไปเถอะ" จิตรวรรณพูดขึ้นเบาๆ เธอต้องปกป้องเพื่อนสาวให้ดีที่สุด

....."ทำไมฉันต้องหนีด้วยล่ะ" ดารกาถามกลับเสียงเบา เธอไม่เข้าใจเรื่องอะไรเลยจริงๆ ตอนนี้เธองงไปหมดแล้ว

....."ทำไมเธอไม่ตายๆ ไปซะ ตอนที่เธอยังเป็นเด็กอยู่นะ" กรวีร์พูด หันหัวปืนไปทางดารกา

....."ตอนเป็นเด็กเหรอ งั้นคุณก็ต้องรู้จักพ่อแม่ของดาวน่ะสิ" ดารกาพูด ถึงเธอจะหวาดกลัวกรวีร์มากแค่ไหน แต่เธอก็อยากรู้เรื่องพ่อแม่ของเธอมากที่สุด

....."รู้จักเหรอ คำว่ารู้จักมันยังน้อยไป ฮ่า ฮ่า ฮ่า" กรวีร์หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง เขาดูเหมือนคนใกล้บ้าเต็มทีแล้ว "ฉันเป็นเพื่อนที่พ่อของเธอรักและไว้ใจมากที่สุด ด้วยความไว้ใจนี่เองที่ทำให้ฉันมีวันนี้ มีบ้านหลังนี้ คนดีเกินไปมันก็เป็นอย่างนี้แหละ ฉันถึงทำอะไรได้สบายๆ แล้วเธออยากรู้ไหมล่ะว่า พ่อแม่ของเธอตายยังไง"

....."ดาว ฉันขอร้องล่ะ เธอหนีไปเถอะ นะ นะ ดาว" มาริสาพูดขึ้น ยังไม่ละความพยายามที่จะดึงแขนของดารกาให้เดินตามเธอมา

....."ปล่อยฉันนะ สา" ดารบอกเบาๆ ก่อนจะหันไปมองหน้ากรวีร์ "คุณรู้จริงๆ หรือว่าพ่อแม่ของดาว..."

....."ทำไมจะไม่รู้ล่ะ ก็ฉันเนี่ยแหละที่อยู่กับพ่อของเธอตอนที่พ่อเธอตาย" กรวีร์พูดแทรกขึ้นอย่างมีความสุข

....."คุณพ่อ คุณพ่ออย่าบอกนะว่า เพื่อนคุณพ่อคนนั้นเป็น...เป็นพ่อของน้องดาว" วรุตม์เอ่ยเมื่อนึกขึ้นได้ว่า ผู้เป็นพ่อกำลังพูดถึงเรื่องอะไร "คนที่ฆ่าตัวตายคนนั้น ใช่ไหมครับ"

....."ฮ่า ฮ่า ฮ่า" กรวีร์หัวเราะอย่างคนเสียสติ ก่อนจะเผลอพูดในเรื่องที่เขาพยายามเก็บเป็นความลับมาตลอดว่า "ฉันบอกแกอย่างนั้นเหรอ งั้นแกก็ต้องรับรู้เรื่องราวใหม่แล้วล่ะ ฉันเนี่ยแหละที่เป็นคนฆ่าพ่อแม่ของนังเด็กนี่เอง"

....."ไม่จริง! คุณ คุณบอกฉันสิว่านี่มันไม่ใช่เรื่องจริง" จู่ๆ ก็มีเสียงของหญิงคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา เธอเดินตรงเข้าไปหาสามีพลางส่ายหน้าไปด้วย "คุณโกหก เขาเป็นเพื่อนรักของคุณนะ คุณไม่ทำแบบนั้นหรอก ใช่ไหม"

....."เพื่อนรักงั้นเหรอ ผมอาจจะเป็นเพื่อนรักของมัน แต่มันไม่ใช่เพื่อนรักของผม ผมไม่เคยมีเพื่อนรักคนไหน ผมก็แค่อยากได้ธุรกิจ รวมทั้งทรัพย์สินที่มันมีทั้งหมดมาเป็นของผมคนเดียว" กรวีร์บอกกับภรรยา เขามีท่าทีอ่อนโยนลงเมื่ออยู่กับเธอ เพราะเขารักเธอมากยิ่งกว่าใครๆ หรือสิ่งอื่นใดในโลกนี้

.....เมื่อได้ยินคำพูดของผู้เป็นสามี นงนุชก็ร้องไห้โฮ เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าคนที่เธอรักและเลือกที่จะอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต จะเป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ เธอตัวสั่นหวาดกลัวว่า วันหนึ่งเธออาจจะต้องจบชีวิตด้วยน้ำมือของเขา

....."คุณพ่อ ทำไมคุณพ่อถึงเป็นคนแบบนี้ ชายไม่คิดเลยว่าคุณพ่อจะ...จะฆ่าเพื่อนของตัวเองได้" วรุตม์เอ่ย เขาเสียใจกับการกระทำของผู้เป็นบิดามาก ไม่เคยคาดฝันมาก่อนว่าสิ่งที่เขามีอยู่ในตอนนี้ ต้องแลกมากับชีวิตคนถึงสองคน

....."ความจริงฉันก็ไม่อยากบอกเรื่องนี้กับแกหรอก แต่ในเมื่อแกไม่ยอมเข้าบ้าน ฉันก็เลยไม่มีทางเลือก ฉันอยากให้นังเด็กนี่ได้รู้ความจริงสักนิดสักหน่อยก็ยังดี ก่อนที่มันจะต้องตายในคืนนี้!!"

.....ดารกายืนฟังคนทั้งหมดพูดโต้ตอบกันไปมาอย่างเงียบเชียบ เธอไม่พูดอะไรออกมาเลย ทั้งๆ ที่มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอและครอบครัวของเธอเอง เมื่อกรวีร์พูดออกมาว่าเขาเป็นคนฆ่าพ่อแม่ของเธอ ความทรงจำที่เธอเก็บกักไว้ในส่วนลึกที่สุดของจิตใจมานานก็ถูกกระตุ้น ในที่สุดเธอก็จำได้แล้วว่าคืนนั้น คืนที่พ่อแม่ของเธอตายได้มีคนมาหา แล้วคุณพ่อของเธอก็ทะเลาะกับเขาในห้องทำงานของคุณพ่อ ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงดังปัง! พร้อมกับที่ป้านวล (หรือป้าอุ่นในตอนนี้) วิ่งออกมาหาเธอ ป้านวลพยายามพาเธอหนีจากชายคนหนึ่ง ซึ่งตอนนี้เขาได้สิ้นลมหายใจอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว ในตอนนั้นชายคนนี้ได้ปล่อยเธอกับป้านวลให้หนีไป เขาจึงเป็นคนช่วยชีวิตเธอให้รอดมาได้จากเงื้อมมือของกรวีร์ เธอกะพริบตา เพิ่งรู้ตัวว่าที่ดวงตาได้มีม่านน้ำใสๆ บดบังสิ่งรอบๆ ตัว ทำให้มองเห็นไม่ชัด เธอไม่สนใจน้ำตาที่ไหลลงมาเป็นสาย เธอสนใจแต่ว่าทำไม ทำไมเพื่อนที่พ่อของเธอรักมากที่สุดถึงทำแบบนั้นได้ลงคอ

....."ที่คุณฆ่าพ่อแม่ของดาว เป็นเพราะคุณอยากได้ทรัพย์สมบัติของพวกท่านแค่นั้นเหรอ" ดารกาถาม บังคับเสียงไม่ให้สั่นจากการร้องไห้

....."มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแหละ ฉันอยากมีอำนาจแล้วก็ชื่อเสียงมากกว่านี้ ตราบใดที่พ่อของแกยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็เป็นได้แค่เงาของมัน ทุกคนต่างนับถือในตัวมันทั้งนั้น ทำไม...ทำไมไม่มีใครทำอย่างนั้นกับฉันบ้าง" กรวีร์พูด ตัวสั่นด้วยความโกรธ ไมว่าเขาจะทำอะไร ทุกคนก็จะบอกว่าความคิดของเขาไม่ได้เรื่อง แต่เมื่อจักรภพพูดเอง ทุกคนก็จะเห็นดีเห็นงามไปเสียหมด เขาด้อยกว่ามันตรงไหน ทำไมทุกคนไม่ปฏิบัติตัวกับเขาเหมือนที่ปฏิบัติตัวกับมัน เขามีอาการพลุ่งพล่านขึ้นมาอีก "ในเมื่อแกรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว แกก็ควรจะไปอยู่กับพ่อแม่ของแกได้แล้ว อยากเจอนักไม่ใช่เหรอ ฉันจะสงเคราะห์ให้"

....."คุณพ่อ/คุณ! อย่านะ" วรุตม์และนงนุชร้องห้ามขึ้นพร้อมกัน ทว่ามันสายเกินไป บัดนี้กระสุนที่กรวีร์เหนี่ยวไกออกมาได้พุ่งตัดผ่านอากาศไปสิ้นสุดที่เหนือบริเวณหัว
ใจของดารกา!

....."กรี๊ด!!!" มาริสาและจิตรวรรณกรีดร้องดังลั่น เมื่อพบว่าเพื่อนของเธอมีเลือดไหลออกมาจนเปื้อนเสื้อเต็มไปหมด

.....ดารกาหงายหลังลงไปในอ้อมกอดของมาริสา เธอยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมา สายตาของเธอก็พลันพร่าเลือน เธอมองเห็นหมู่ดาวบนฟากฟ้ากำลังกะพริบแสงให้เธอ ก่อนที่ตาของเธอจะปิดลง

....."ดาว! ดาว! เธอตื่นขึ้นมาสิ อย่าหลับไปอย่างนี้เฉยๆ สิ เธอจะต้องไม่เป็นอะไร โธ่! ดาว เธอฟื้นขึ้นมาสิ ฮือ" มาริสาเรียกดารกาพลางเขย่าตัวเพื่อนสาวไปด้วย น้ำตาที่ไม่ค่อยไหลออกมาบ่อยนัก กลับหลั่งลงมาเต็มสองข้างแก้มของเธอ

....."ทำไม ทำไมคุณมันชั่วแบบนี้ คุณยังมีความเป็นคนอยู่บ้างหรือเปล่า คุณมันบ้า คุณมันเสียสติไปแล้ว" จิตรวรรณตะโกนอย่างเดือดดาล เธอเดินเข้าไปหากรวีร์

....."นังเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม แกหาว่าฉันบ้างั้นเหรอ แกคงอยากไปอยู่กับเพื่อนของแกด้วยสินะ ได้เลย ฉันจะสนองความต้องการของแกเอง" กรวีร์พูด เบนปืนไปทางหญิงสาวที่เดินมาหาเขา

....."คุณพ่อ! อย่านะ! น้องวรรณ หลบไป" วรุตม์ตะโกนพลางเอาตัวเข้าไปบังหญิงที่เขารัก แล้วเขาก็หลับตา รอเวลาที่กระสุนจะปักลงบนร่างกาย

.....ปัง!

....."พี่ชาย ไม่!!!" จิตรวรรณร้องก่อนจะเข้าไปกอดที่หลังของวรุตม์

.....วรุตม์ลืมตาขึ้นหลังจากที่เสียงปืนเงียบลง เขาสำรวจตัวเอง เมื่อไม่พบโลหิตที่ไหนบนตัวเขา เขาก็ต้องแปลกใจ เสียงปืนดังขึ้นเมื่อกี้ แล้วทำไมเขาถึงไม่เป็นอะไรล่ะ เขาเงยหน้าขึ้นและพบว่ามีใครบางคนยืนบังเขาจากกรวีร์อยู่ ร่างนั้นล้มลงไปบนพื้น บริเวณหน้าอกข้างซ้ายเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลทะลักออกมา เขายืนนิ่งอยู่ตรงนั้นสองวินาที ก่อนที่สมองเขาจะสั่งให้วิ่งไปหาร่างนั้นพลางร้องเรียกเจ้าของร่างไปด้วย

....."ม่ายยย ไม่จริง!! คุณแม่! คุณแม่จะต้องไม่เป็นอะไร ใครก็ได้เรียกรถพยาบาลที" วรุตม์ช้อนศีระษะของผู้เป็นแม่ขึ้นมาไว้บนตัก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองกรวีร์ "สมใจคุณพ่อแล้วหรือยัง คุณพ่อต้องการแบบนี้ใช่ไหม ใครจะเป็นจะตาย คุณพ่อก็ไม่สนทั้งนั้น" เขาตะโกน

.....กรวีร์อึ้ง เมื่อพบว่าคนที่เขายิงไม่ใช่หญิงสาวคนนั้น แต่เป็นภรรยาของเขาเอง เขาทิ้งปืนก่อนจะถลาเข้าไปหาภรรยา ทว่าลูกชายของเขาปัดมือเขาออกเมื่อเขาจะจับมือเธอขึ้นมากุม

....."พะ-พอ แค่นะ-นี้ นะ...คะ...คุณ" นงนุชเอ่ยออกมาได้อย่างยากเย็น เธอรู้ตัวเองดีว่าลมหายใจของเธอกำลังจะหมดลงในไม่ช้านี้ เธอจึงอยากบอกให้ชายผู้เป็นที่รักเลิกการกระทำแบบนี้ก่อนที่เธอจะตาย "ฉะ-ฉัน ไม่อยากหะ-เห็นคุณ ทะ-ทำร้ายใครอีก"

....."คุณแม่ครับ อย่าพูดอีกเลยครับ รอรถพยาบาลก่อนนะครับ คงใกล้มาแล้ว" วรุตม์เอ่ย เขาไม่อยากยอมรับความจริงที่ว่าแม่ของเขาไม่มีโอกาสรอดแล้ว

.....นงนุชไม่สนใจคำขอของลูกชาย เธอยังคงพูดต่อไป "ระ-รับปากฉัน นะ...คะ...คุณ"

.....กรวีร์ไม่รับปาก เขาทำเพียงแค่พยักหน้า ก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "คุณจะต้องอยู่กับผมต่อไป คุณจะต้องไม่ตาย"

.....นงนุชยิ้มเมื่อเห็นเขายอมพยักหน้าให้เธอ แค่นั้นก็เกินพอแล้ว เธอเอ่ยคำพูดสุดท้ายออกมาว่า "ฉะ-ฉัน รัก คะ-คุณ" แล้วเธอก็สิ้นใจ

....."ไม่!!!!!" กรวีร์แหกปากลั่น "ถ้าคุณไม่อยู่ แล้วผมจะอยู่ไปเพื่ออะไร คุณรอผมก่อนนะ ผมจะไปอยู่กับคุณด้วย"

.....วรุตม์ตกใจกับคำพูดนั้น เขาพยายามยึดขาของผู้เป็นพ่อไว้ แต่กรวีร์มีแรงเยอะเกินไป เขาจึงทำได้แค่มองตามร่างของผู้เป็นพ่อ

.....กรวีร์ก้มลงไปเก็บปืนที่เขาทิ้งไว้เมื่อกี้ เขาหยิบมันขึ้นมาจ่อที่หัวของตัวเอง ก่อนจะเหนี่ยวไก ร่างของเขาล้มลงพื้นทันทีตั้งแต่เสียงปังยังไม่ซา เขาลืมตาโพลง ทว่าแววตานั้นไม่มีแสงแห่งชีวิตอีกต่อไป เขาสิ้นใจตามภรรยาของเขาไปแล้วจริงๆ

.....หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งหมดก็ได้ยินเสียงรถพยาบาลดังเข้ามาภายในบริเวณที่พวกเขาอยู่ มาริสารีบเรียกบุรุษพยาบาลให้มาช่วยพาดารกาไปขึ้นรถทันที ดารกาถูกอุ้มขึ้นไปวางบนเตียงฉุกเฉิน ก่อนที่เตียงจะถูกยกขึ้นไปวางที่ด้านหลังของรถพยาบาล เธอขอติดรถไปด้วย ส่วนจิตรวรรณกับวรุตม์จะตามไปทีหลัง เพราะรถพยาบาลมีที่นั่งไม่พอ และพวกเขาก็อยากให้ดารกาได้รับการรักษาโดยเร็ว


***



.....ระหว่างที่โลกมนุษย์เบื้องล่างกำลังมีเรื่องวุ่นวาย กานต์ก็ได้กลับมาอยู่ที่อาณาจักรของตนเองแล้ว เขารีบเข้าไปหาท่านพ่อกับท่านแม่ ทักทายพวกท่านตามปกติ แต่พวกท่านทั้งสองก็ดูออกว่ากามเทพหนุ่มไม่เหมือนเดิม เพราะเขานิ่งมากกว่าเดิม เงียบขรึมมากกว่าเดิม และเหม่อลอยมากกว่าเดิม

....."เป็นอย่างไรบ้าง กานต์" ท่านแม่ถามด้วยความเป็นห่วง

....."สบายดีครับ" กานต์ตอบ

....."ลูกไม่มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่เหรอ" ท่านพ่อถามบ้าง

....."ไม่มีครับ ผมขอตัวก่อนนะครับ" กานต์ตอบแล้วเดินเข้าไปกอดท่านพ่อกับท่านแม่

.....หลังจากทักทายถามสารทุกข์สุกดิบกันจนเพียงพอแล้ว กานต์ก็เดินจากมา

....."คุณเห็นสายใยสื่อสารไหม" กามเทพหญิงถาม เมื่ออยู่ตามลำพังกับผู้เป็นสามี

....."เห็น" กามเทพชายตอบ

....."ฉันไม่อยากเห็นลูกเป็นแบบนี้เลยค่ะ คุณ" กามเทพหญิงเอ่ย

....."ผมก็เหมือนกัน แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าลูกไม่เอ่ยปากบอกผม" กามเทพชายพูด

.....กานต์กำลังจะเดินไปที่ห้องส่วนตัวของเขา ทว่าเขาก็ต้องหยุดกลางทาง เขาไม่ได้หยุดเพื่อมองบ้านของเขาที่เรียกกันว่า "คฤหาสน์แก้ว" (เขาคิดอยู่บ่อยๆ ว่า ชื่อนี้ดูเหมาะกับบ้านที่เขาอยู่จริงๆ เนื่องจากมันสร้างขึ้นมาจากแก้วที่ใสมาก แต่ถึงอย่างนั้นคนภายนอกก็มองเข้ามาภายในไม่ได้หรอกนะ เพราะมันถูกลงเวทมนตร์ป้องกันการมองเห็นเป็นอย่างดีจากท่านพ่อของเขาเอง) แต่หยุดเพราะสายใยบางๆ ใสๆ ที่ยาวออกมาจากสร้อยคอของเขา สร้อยคอที่เขาได้มาจากดารกา มันกำลังสั่นและดูเหมือนจะบางลงกว่าเดิม เขาตกใจ เพราะการที่สายใยเส้นนี้จะสั่นหรือบางลงได้นั้น แสดงว่าเจ้าของปลายสายใยเส้นนี้อีกด้านกำลังตกอยู่ในอันตราย และถ้าสายใยเส้นนี้ขาดลงเมื่อไหร่ นั่นหมายถึง...ชีวิตของเขาหรือเธอได้สิ้นลงแล้ว สายใยที่ว่านี้เป็นสายใยที่ทำให้เจ้าของปลายสายใยทั้งสองด้านติดต่อสื่อสารกันได้ ไม่ว่าจะอยู่ห่างกันแค่ไหน สวรรค์หรือว่านรก ทั้งสองก็ยังคงติดต่อกันได้อยู่ดี

....."เธอเป็นอะไรไปน่ะ" กานต์ถามสายใยนั้น แต่ไม่มีเสียงใดๆ ตอบกลับมา 'ดารกา มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ' เขาคิดก่อนจะสบถออกมา "โธ่เว้ย!" เขาไม่สามารถลงไปหาเจ้าของปลายสายใยอีกด้านได้ เพราะเขาไม่ได้ทำภารกิจแล้ว คนที่ทำภารกิจเท่านั้นจึงจะลงไปโลกมนุษย์ได้ เขาจึงขึ้นไปที่หอเหตุการณ์แทน

.....หอเหตุการณ์เป็นเหมือนหอคอยทั่วๆ ไปบนโลกมนุษย์ เพียงแต่ที่นี่เปิดโล่ง ไม่มีบานหน้าต่างเลยสักบาน มีแต่เสาค้ำยันหอนี้เท่านั้น บริเวณตรงกลางมีแท่นยาวขึ้นมาประมาณหนึ่งเมตร ด้านบนมีลูกแก้วใสตั้งอยู่ ลูกแก้วนี้เป็นลูกเดียวกับที่ท่านพ่อและท่านแม่ของเขาขึ้นมาดูบ่อยๆ เมื่อเขาอยู่บนโลกมนุษย์ เขาจ้องมองมันพลางเอ่ยชื่อของหญิงสาวที่เขาเพิ่งจากมา ฉับพลันลูกแก้วก็แสดงภาพของหญิงสาวที่อยู่บนรถพยาบาล เธอหลับตาและใบหน้ามีสีเลือดเพียงน้อยนิด

.....กานต์ไม่พูดอะไรออกมา เขาคิดอย่างกระวนกระวายใจว่า จะมีวิธีไหนที่ทำให้เขาลงไปหาเธอได้บ้างนะ



________________________________________________________________________


ตอนนี้เป็นตอนที่เน่าสุดๆ แล้ว จนผู้เขียนนึกในใจว่า นี่เราแต่งอะไรลงไป
ถ้าอ่านแล้วมีอะไรติดใจสงสัยถามได้นะคะ แล้วผู้เขียนนจะตอบคำถามให้ค่ะ
#แก้การบรรยายนิดหน่อย อยากจะบอกว่า ไม่ถนัดเลยจริงๆ กับการแต่งบทแบบนี้
เป็นตอนที่แก้เยอะมากๆ ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ถ้ามันไม่สนุก *ขอโทษนะคะ*






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 9 2013, 01:42 PM
โพสต์ #15


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."น้องดาวเป็นอย่างไรบ้างครับ" วรุตม์ถามทันทีที่มาถึงห้องผ่าตัดของโรงพยาบาลเดิมที่ดารกาเคยมารักษา เขาจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านหลังนั้นเรียบร้อยแล้ว ส่วนทางตำรวจคงต้องรอให้ดารกาฟื้นขึ้นมาก่อน เนื่องจากตอนนี้เธอเป็นเจ้าของคดีที่เกิดขึ้น เขายอมรับได้ถ้าเธอจะเอาความขึ้นมา ครอบครัวของเขาทำให้เธอต้องเป็นแบบนี้ มันก็สมควรแล้วที่เธอจะไม่ให้อภัย

.....เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้วรุตม์มีใบหน้าเศร้ามากกว่าที่ควรจะเป็น เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของเขาแท้ๆ แต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองคนต้องมาจากไปในวันสำคัญของตัวเอง เขาเสียใจมากและยังไม่อยากยอมรับเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น เขาพยายามลืมมันและทำใจยอมรับว่า มันเป็นเรื่องจริงที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ และผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็มาจากการกระทำของพ่อของเขาเอง สมกับคำของศาสนาพุทธที่ว่า กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมคืนสนอง

....."สา ดาวยังไม่ออกมาอีกเหรอ" จิตรวรรณถามก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆ เพื่อนสาว เธอกุมมือมาริสาเอาไว้ อยากจะปลอบใจเพื่อนของเธอรวมทั้งตัวเธอเอง

....."ยังเลย ดาวเข้าไปนานมากแล้ว หมอยังไม่ออกมาเลย ดาว...ดาวจะเป็นอะไรหรือเปล่า" มาริสาพูดพร้อมกับมองหน้าจิตรวรรณ น้ำตานองเต็มหน้าของเธอ

....."คุณหมอออกมาแล้วครับ" วรุตม์พูดก่อนจะเดินเข้าไปหานายแพทย์ที่ใส่ชุดสีเขียวสำหรับการผ่าตัด "น้องดาว...คนไข้น่ะครับ เป็นอย่างไรบ้างครับ"

....."หมอได้ทำการผ่าเอากระสุนออกให้แล้ว แต่คนไข้โดนยิงเฉียดหัวใจและเสียเลือดไปมาก หมอพยายามยื้อชีวิตคนไข้ให้ได้มากที่สุด แต่หมอก็ไม่รู้ว่าคนไข้จะต่อสู้ได้นานแค่ไหน หมอคงบอกได้แค่ว่า ให้พวกคุณเผื่อใจเอาไว้ให้มากๆ หากคนไข้ไม่สามารถกลับมาได้... ตอนนี้หมอจะย้ายเธอไปไว้ที่ห้อง ICU เพื่อดูอาการของเธอ หมอขอตัวก่อนนะครับ" นายแพทย์พูด ก่อนที่เตียงผู้ป่วยจะถูกเข็นออกมา บนใบหน้าดารกามีเครื่องช่วยหายใจ เธอยังหลับตาไม่มีวี่แววว่าจะลืมตาขึ้นมาเลย

....."ดาว เธอฟื้นขึ้นมาสิ" จิตรวรรณเอ่ย กลั้นน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา เธอเข้าไปจับแขนเพื่อนสาวที่นอนแน่นิ่งก่อนจะเขย่าอย่างแรง "เธอต้องลุกขึ้นมาดูความสำเร็จของเธอสิ เธอทำเพื่อฉันขนาดนี้ แล้วทำไม...ทำไมเธอไม่...โฮ"

....."น้องวรรณ ปล่อยน้องดาวเถอะ พี่เชื่อว่าน้องดาวจะต้องกลับมา" วรุตม์ดึงจิตรวรรณเข้ามากอด เขาก็เป็นห่วงรุ่นน้องที่นอนนิ่งอยู่บนเตียงผู้ป่วยเหมือนกัน ทว่าเขาค่อนข้างมั่นใจอย่างลึกๆ ว่า ดารกาจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่นอน คงต้องรอเพียงแค่เวลาเท่านั้น เวลาที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่มันจะมาถึง

....."สาก็เชื่อว่าดาวจะต้องกลับมา" มาริสาเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนสาวที่อยู่ในอ้อมกอดของวรุตม์ "ตอนนี้เราคงทำได้แค่รอ รอว่าดาวจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่...เราไปดูดาวกันเถอะค่ะ"


***



.....หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปแล้ว แต่ดารกาก็ยังคงไม่ตอบรับเสียงเรียกของกามเทพหนุ่ม ตั้งแต่วันนั้น วันที่กานต์กลับมายังอาณาจักรของตน เขาจะต้องขึ้นมาที่หอเหตุการณ์ทุกวัน เขามาเพื่อที่จะดูว่าเธอเป็นอย่างไรบ้างจากลูกแก้วลูกเดียวในหอนี้ เขาเฝ้ามองใบหน้าของเธอ ยามหลับเธอก็ยังสวยงาม ทว่าเขาอยากให้เธอตื่นขึ้นมามากกว่า ตอนนี้ใบหน้าของเธอซีดขาว ราวกับว่าเลือดได้เหือดหายไปจากตัวของเธอจนเกือบหมด เธอนอนหลับแน่นิ่งอยู่อย่างนั้น โดยมีเครื่องช่วยหายใจ และเครื่องมอนิเตอร์ที่บอกให้รู้ว่า หัวใจของเธอยังคงเต้นอยู่

....."ดารกา เธอจะนอนไปถึงไหน ตื่นได้แล้ว มีคนเขาเป็นห่วงอยู่ เธอรู้หรือเปล่า เมื่อไหร่เธอจะตื่นขึ้นมาถามคำถามฉันอีกล่ะ ฉันรอให้เธอถามคำถามฉันอยู่นะ ฉันจะตอบเธอทุกเรื่องเลย จะไม่ปิดบังอะไรเธอเลยจริงๆ ขอแค่...แค่เธอตื่นขึ้นมาเท่านั้น ฉันอยากพูดกับเธอ อยากเห็นหน้าเธอ และฉัน...ฉันอยากอยู่กับเธอ" กานต์พูด เขาจะพูดแบบนี้ทุกครั้งที่เขามองดูหญิงสาวผ่านลูกแก้ว เขาอยากไปหาเธอเหลือเกิน แต่ตอนนี้เขายังคิดหาวิธีไม่ได้ เขาจึงทำได้แค่มองดู...มองดูเธอเท่านั้น

....."กานต์ ลูกขึ้นมาบนนี้ทุกวัน ลูกไม่เบื่อบ้างเหรอ" เสียงของกามเทพชายตนหนึ่งดังขึ้นขัดความคิดของกานต์ เขามองดูลูกชายของเขา กานต์เป็นกามเทพหนุ่มที่ไม่ค่อยแสดงออกทางอารมณ์เท่าไหร่ คงจะมีแต่หญิงสาวคนนั้นเพียงคนเดียวที่ทำให้ลูกของเขาแสดงมันออกมามากกว่าที่ควร เขาไม่อยากเห็นลูกของเขาเป็นแบบนี้ เขาได้ตัดสินใจแล้วว่า ถ้าลูกไม่เอ่ยปากขอความช่วยเหลือ เขานี่แหละที่จะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้เอง

....."ท่านพ่อ ท่านมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" กานต์ถาม ตกใจที่เห็นท่านพ่อ 'เมื่อกี้ท่านพ่อจะได้ยินเราพูดอะไรหรือเปล่านะ' เขาคิด

....."เพิ่งขึ้นมาเอง ทำไม ลูกกลัวว่าพ่อจะเห็นลูกในแบบที่พ่อไม่เคยเห็นหรือไง" ท่านพ่อเอ่ยพลางยิ้ม

....."ปะ-เปล่าท่านพ่อ ท่านมีอะไรหรือเปล่า ถึงได้ขึ้นมาหาลูกข้างบนนี้" กานต์ถาม กลับมาทำหน้านิ่งขรึมอีกครั้ง

....."ลูกไม่มีอะไรจะบอกพ่อกับแม่จริงๆ เหรอ" ท่านพ่อไม่ตอบ แต่กลับถามคำถามเดิมที่เคยถาม เมื่อลูกชายของเขากลับมาจากโลกมนุษย์เป็นวันแรก

....."ไม่มีนี่ท่านพ่อ" กานต์ตอบ

....."งั้นพ่อไม่กวนลูกแล้ว ไปกวนแม่ของลูกแทนดีกว่า" ผู้เป็นพ่อของกามเทพหนุ่มเอ่ย ก่อนจะเดินกลับลงไปข้างล่าง

....."ดะ-เดี๋ยวก่อนท่านพ่อ ลูก...ลูกมีเรื่องอยากจะให้ท่านพ่อช่วย" กานต์เอ่ยขึ้นมาอย่างตัดสินใจได้ 'ลองดูหน่อยก็แล้วกัน' เขาคิด

....."นึกว่าจะไม่พูดซะแล้ว" กามเทพชายที่กำลังจะเดินลงไปข้างล่างพูดขึ้นเบาๆ ก่อนจะหันกลับมาหาลูกชาย

....."เมื่อกี้ท่านพ่อพูดอะไรน่ะ ลูกไม่ได้ยิน" กานต์ถาม สงสัยนิดหน่อย เขาได้ยินท่านพ่อพูดว่า อะไรไม่พูดนี่แหละ

....."ไม่มีอะไรหรอก" ท่านพ่อเอ่ยก่อนจะถามว่า "ลูกอยากให้พ่อช่วยเรื่องอะไรล่ะ"

....."ลูกอยาก...อยากลงไปหา..."

....."หญิงสาวคนนั้น" ท่านพ่อของเขาเอ่ยต่อให้จบประโยค

....."ใช่ครับ ท่านพ่อช่วยลูกได้ไหม" กานต์ถาม

....."ได้สิ เรื่องแค่นี้สบายมาก" ท่านพ่อตอบ "เข้ามาใกล้ๆ พ่อสิ พ่อจะถอนมนตราให้"

....."ถอนมนตรา! ท่านพ่อจะถอนเวทมนตร์ที่ทำให้กามเทพไม่สามารถลงไปโลกมนุษย์ได้น่ะเหรอครับ" กานต์เอ่ยอย่างแปลกใจ เพราะการถอนมนตราที่ว่า มันทำไม่ได้ง่ายๆ เลย และที่สำคัญมีกามเทพเพียงไม่กี่ตนเท่านั้นที่รู้วิธีการถอนมนตรา

....."ใช่แล้ว นี่ลูกกำลังคิดว่า พ่อทำไม่ได้เหรอ" ท่านพ่อเอ่ย เมื่อเห็นกามเทพหนุ่มไม่ปฏิเสธ เขาก็ถามขึ้นว่า "ลูกลืมไปแล้วเหรอว่า พ่อใช้เวทมนตร์ของกามเทพได้กี่บท"

....."โอ้! ท่านพ่อ ลูกลืมไปเลยว่า ท่านพ่อเป็นกามเทพที่ใช้เวทมนตร์ได้ทุกบท ลูกต้องขออภัย" กานต์เอ่ย เขาลืมไปเลยว่า ท่านพ่อของเขาเป็นกามเทพที่เก่งในด้านการใช้เวทมนตร์มากที่สุดคนหนึ่ง ขนาดตัวเขาที่กามเทพตนอื่นบอกว่าเก่ง ยังต้องแพ้ท่านพ่อของเขาเลย เขาเดินเข้าไปใกล้ท่านพ่อ

.....ผู้เป็นพ่อของกามเทพหนุ่มยกมือขึ้นจับกลางศีรษะของลูกชาย ก่อนที่เขาจะทำปากขมุบขมิบ เมื่อท่านพ่อทำอย่างนั้น กานต์ก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาเป็นกอง ไม่หนักเหมือนก่อนหน้านี้ กานต์รู้สึกอย่างนั้นประมาณสองนาที ก่อนที่มันจะหายไปพร้อมกับที่ท่านพ่อเอามือลง ท่านพ่อของเขาเอ่ยว่า "ลูกไปหาเธอได้แล้วล่ะ แต่อย่าลืมว่าลูกต้องกลับมาทันทีที่เธอฟื้นแล้ว"

.....กานต์ขอบคุณท่านพ่อ จากนั้นเขาก็หายตัวลงไปที่โลกมนุษย์

....."ในที่สุด ลูกก็เอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากคุณสักที" เสียงกามเทพหญิงดังขึ้นที่ด้านหลัง เมื่อร่างของกานต์ลับไปแล้ว

....."นั่นสินะ ลูกคงจะรักหญิงสาวคนนั้นมากจริงๆ" กามเทพชายตอบ


***



....."ที่นี่มันคือที่ไหนนะ" ดารกาเอ่ย เธอเดินวนไปวนมาได้สองสามรอบแล้ว แต่ยังหาทางออกไม่เจอสักที มันเหมือนเป็นเขาวงกตที่มีแต่หมอก ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเธอก็จะเจอแต่ทางตัน เมื่อเจอทางตัน หมอกก็จะยิ่งหนาขึ้น หนาขึ้น จนตอนนี้เธอมองไม่เห็นมือของตัวเองแล้ว

....."มีใครอยู่บ้างไหมค้าาา" เธอลองตะโกนถาม เผื่อจะมีใครได้ยินเสียงของเธอบ้าง ทว่าสิ่งที่ตอบเธอกลับมาคือ...ความเงียบ มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่เธอได้ยิน

.....ดารกาเดินตรงไปข้างหน้า เธอเห็นแสงสีขาวล่องลอยอยู่ท่ามกลางม่านหมอกหนานี้ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ แสงนั้นก็จะลอยห่างเธอออกไปเรื่อยๆ เธอไม่มีทางเลือก นอกจากจะเดินตามมันไป 'เอาน่า ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ลองตามมันไปดู เผื่อมันจะเป็นแสงที่พาเราออกไปก็ได้' เธอคิด

.....ดารกาเดินตามแสงนั้นไปนานเป็นเวลาเท่าไหร่ เธอก็ไม่ทราบได้ อาจจะห้านาที สิบนาที หรือบางทีอาจเป็นชั่วโมงแล้วก็ได้ บัดนี้แสงนั้นได้พาเธอมาหยุดที่ซุ้มแห่งหนึ่ง ซึ่งมีแต่สีขาว ไม่ว่าจะเป็นเสาหรือดอกไม้ ซุ้มนี้เป็นซุ้มที่สวยมาก ราวกับเธอหลงเข้ามาอยู่ภายในสรวงสวรรค์ ภายใต้ซุ้มนี้มีชายหญิงสองคนกำลังนั่งหันหลังให้เธออยู่ พวกเขาอยู่ในชุดสีขาวเข้ากับซุ้ม เธอเดินเข้าไปหาพวกเขา ก่อนจะส่งเสียงเรียกว่า "เอ่อ สวัสดีค่ะ"

.....ชายหญิงคู่นั้นหันกลับมา ทั้งสองยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยน ดารกาตกตะลึงเมื่อได้เห็นใบหน้าของพวกเขา ใบหน้าที่เธอจำได้ดีแม้จะไม่ได้เห็นตัวจริงมากว่าสิบหกปีแล้ว พวกเขาทั้งสองเป็นคนที่เธออยากเจอมากที่สุดในชีวิต หยาดน้ำใสๆ เอ่อล้นเต็มดวงตาของเธอก่อนที่มันจะไหลลงมา การที่เธอร้องไห้ครั้งนี้ไม่ใช่เป็นเพราะเธอเสียใจ แต่เป็นเพราะเธอดีใจมากต่างหากที่ได้พบผู้ให้กำเนิดเธออีกครั้ง เธอโผกอดชายหญิงทั้งสองตรงหน้าเธอ พวกเขาก็กอดตอบเธอด้วยความดีใจเช่นเดียวกัน

.....หลังจากนั้นพวกเขาก็คลายกอดพลางมองดูดารกา ก่อนที่หญิงสาวผู้สูงวัยกว่าจะเอ่ยออกมาว่า "ดาว หนูโตเป็นสาวแล้วสวยมากเลย คุณว่าไหมคะ" เธอหันไปถามชายวัยเดียวกัน

....."ใช่เลยล่ะ ลูกของเราสวยมากๆ ดาว หนูอย่าร้องไห้เลยนะ" จักรภพเอ่ยก่อนจะเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของลูกสาว

....."ก็ดาวดีใจนี่คะ ดาวไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ" ดารกาพูด ยิ้มออกมาจนได้

....."จะเป็นความฝันหรือไม่เป็นความฝันก็ไม่เห็นสำคัญนี่ลูก แค่รู้ว่าลูกได้เจอพ่อกับแม่และพ่อกับแม่ได้เจอลูกแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว" จักรภพเอ่ยก่อนจะจับศีรษะดารกาโยกเบาๆ

....."ค่ะ ดาวดีใจจังที่ได้เจอพ่อกับแม่อีก" ดารกาพูดก่อนจะเข้าไปกอดพ่อกับแม่อีกครั้ง

....."แม่ก็ดีใจจ้าที่เจอลูกอีก" คคนางค์พูด เธอยิ้มให้ลูกสาว

....."พ่อก็ดีใจเหมือนกัน" จักรภพเอ่ย

....."พ่อคะ แม่คะ ดาวจะหาทางออกได้ยังไงเหรอคะ" ดารกาถาม เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเธอมาที่นี่ได้ยังไง 'แสงนั่นต้องนำทางเรามาหาพ่อกับแม่เพื่อให้บอกทางออกแน่เลย' เธอคิด

....."ทางออกเหรอลูก ลองฟังเสียงหัวใจของลูกดูสิ เผื่อมันจะบอกทางออกให้" คคนางค์ตอบ

....."ฟังเสียงหัวใจเหรอคะ" ดารกาถามอย่างงุนงง ไม่เข้าใจในสิ่งที่แม่พูดกับเธอ เธอคิดว่า หัวใจจะบอกทางออกได้ยังไงกัน มันพูดไม่ได้สักหน่อย

....."ใช่แล้วล่ะ แต่ก่อนอื่นพ่ออยากจะถามลูกว่า ทำไมพ่อกับแม่ถึงตั้งชื่อให้ลูกว่า ดารกา ลูกรู้หรือเปล่า" จักรภพถาม

.....ดารกาส่ายหน้าก่อนจะเอ่ยออกมาว่า "ดารกา*นี่แปลว่า ดาว ใช่ไหมคะ"

....."ใช่แล้วล่ะ พ่อกับแม่อยากให้หนูเป็นดั่งดวงดาว ในคืนที่สว่างที่สุด ดาวทุกดวงจะพากันส่องแสง เหมือนกับคนที่เจอเรื่องราวดีๆ ก็จะมีความสุข ทำให้โลกสดใสขึ้นมาได้ แต่หนูรู้ไหมว่า แม้ในคืนที่มืดมิดที่สุด ดาวบางดวงยังคงส่องแสงต่อไป เพราะอะไรรู้ไหม เป็นเพราะมันรู้ว่าค่ำคืนที่มืดที่สุดมันไม่ได้มืดตลอดไป แต่ยังคงมีแสงสว่างจากตัวมันเอง พ่ออยากให้หนูเป็นอย่างดวงดาวบนฟากฟ้า ที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ ไม่ว่าจะเจอเรื่องเลวร้ายแค่ไหน ดาวดวงนี้ของพ่อก็จะยังส่องสว่างได้เสมอ ถึงแม้พ่อกับแม่จะไม่ได้อยู่กับหนูแล้ว แต่หนูยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หนูอย่าได้หลงทางอยู่ในนี้อีกเลย ลองหลับตาแล้วฟังเสียงหัวใจของหนูสิ เสียงนั้นจะบอกทางออกให้หนูเอง" จักรภพเอ่ย ก่อนที่ร่างของเขาและภรรยาของเขาจะจางหายไป โดยทั้งสองได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายเอาไว้ว่า

....."พ่อกับแม่รักหนูมากนะ แต่หนูต้องกลับไปหาคนที่หนูรักได้แล้วล่ะ"

....."เดี๋ยวก่อนสิคะ อย่าเพิ่งไป หนูยังไม่ได้บอกรักพ่อกับแม่เลย" ดารการ้องเรียก หยาดน้ำใสเข้าครอบครองดวงตาของเธออีกครั้ง "แล้วดาวก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่พ่อกับแม่บอกด้วย ดาวไม่เห็นจะได้ยินเสียงอะไรเลย"

.....เธอยืนรองไห้อยู่ตรงนั้น ทว่าพวกท่านทั้งสองก็ไม่กลับมา พวกท่านได้จากไปแล้ว...ตลอดกาล

.....ดารกาจึงปาดน้ำตาทิ้งแล้วลองหลับตาแล้วฟังเสียงหัวใจของตัวเอง ตอนแรกเธอไม่ได้ยินอะไรเลยนอกจากเสียงหัวใจเต้นตุ้บ ตุ้บอย่างอ่อนแรง ทว่าเมื่อเธอลองปลดปล่อยอารมณ์ทั้งหมดออกมา เธอก็ได้ยินเสียง เหมือนเป็นเสียงใครกำลังเรียกเธออยู่ เธอเดินไปตามเสียงเรียกโดยที่ไม่ลืมตาเลย น่าแปลกที่เธอไม่เดินชนอะไรทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ที่เธอเดินผ่านไปนั้นเป็นกำแพงของเขาวงกต ที่เธอเคยเดินวนรอบมันไปก่อนหน้านี้แล้ว แต่เธอเดินไปได้ไม่นาน เธอก็ต้องหยุด เพราะเธอจำเสียงเรียกได้แล้ว เป็นเสียงที่เธออยากได้ยินและไม่อยากได้ยินไปพร้อมๆ กัน มันทำให้เธอดีใจ แต่มันก็ทำให้เธอเจ็บปวดใจด้วยเหมือนกัน ยิ่งเธอได้ยินเสียงนั้นมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งตอกย้ำเธอมากเท่านั้นว่า เธอกับเขาไม่สามารถรักกันได้

....."ดารกา เธอได้ยินฉันไหม"

.....เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกลืมตาขึ้นมามองหน้าคนพูดช้าๆ ก่อนที่เธอจะวิ่งเข้าไปกอดคนตรงหน้าอย่างดีใจ เธอนึกว่าจะไม่ได้เห็นเขาตลอดไปแล้วเสียอีก เธอกอดเขาแน่นขึ้นราวกับว่าเขาจะหายจากเธอไปได้ทุกเมื่อ

....."ได้ยินแล้ว ฉันได้ยินเสียงเรียกของนายแล้ว" ดารกาตอบหลังจากที่ผละออกจากกานต์แล้ว

....."ถ้าได้ยินแล้ว เราก็กลับกันเถอะนะ" กานต์พูดก่อนจะจูงมือหญิงสาว เขาพาเธอเดินไปข้างหน้าตรงที่มีแสงสว่างส่องลอดออกมาให้เห็น

....."นายกลับมาหาฉันแล้วใช่ไหม" ดารกาถามพลางเดินไปพร้อมกับเขา

.....กานต์ไม่ตอบ หญิงสาวจึงได้แต่เดินไปข้างหน้าพร้อมกับลอบมองดูใบหน้าของชายหนุ่มไปด้วย 'เป็นอะไรไปนะ ทำไมไม่ยอมพูดอะไรเลย' เธอคิดอย่างเงียบงันระคนแปลกใจ

....."ถึงแล้วล่ะ" ชายหนุ่มเอ่ยก่อนจะปล่อยมือของหญิงสาว เขาเดินนำเธอเข้าไปในแสงสว่างจ้าบาดตานั้น

.....ดารกาจึงตามเขาเข้าไปบ้าง เมื่อเธอผ่านแสงสว่างนั้นเข้ามา สายตาเธอก็พร่าเลือนก่อนที่สติของเธอจะดับวูบไป สิ่งที่เธอมองเห็นเป็นสิ่งสุดท้ายคือ ใบหน้าของกานต์ กามเทพหนุ่มที่เศร้าสร้อย...


***



....."สา! พี่ชาย! ดาวขยับมือแล้วล่ะ" จิตรวรรณร้องเรียกคนอีกสองคนที่นั่งอยู่ที่โซฟาภายในห้องพักผู้ป่วยพิเศษ เธอเฝ้ามองเพื่อนสาวของเธอที่หลับไม่ได้สติมานานแล้ว คอยสวดมนตร์อ้อนวอนให้เพื่อนของเธอกลับมา และบัดนี้ ตอนนี้ ตอนที่เธอกุมมือดารกาอยู่นั้น มือที่เธอกุมอยู่ก็เริ่มขยับ

....."จริงเหรอน้องวรรณ" วรุตม์ถาม ลุกขึ้นเดินมาหารุ่นน้องทันที

....."จริงค่ะ สาช่วยไปตามหมอให้หน่อยสิ" จิตรวรรณสั่งเพื่อนสาวอีกคน

....."ได้เลย เดี๋ยวฉันมา" มาริสาพูด มองดูดารกาสักพักแล้วจึงเดินออกไป

.....ดารกาที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย บนใบหน้ายังคงมีเครื่องช่วยหายใจอยู่ ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะหลับลงไปอีก เพราะแสงจ้าของหลอดไฟ เธอเปิดเปลือกตาขึ้นมาอีกครั้ง กะพริบตาอยู่สักพัก แล้วเธอก็เห็นวรุตม์กับจิตรวรรณมองมาที่เธอ สองคนนั้นดูมีความสุขมาก พวกเขาส่งเสียงเรียกเธอดังลั่น

....."ดาว/น้องดาว!"


________________________________________________________
*ดารกา เป็นชื่อที่ผู้เขียนคิดขึ้นมา โดยดัดแปลงมาจากคำว่า ดารกะ ที่แปลว่า ดวงดาว ทั้งนี้เพื่อทำให้ชื่อของนางเอกไพเราะขึ้น


________________________________________________________________________


หลังจากที่เครียดกันมากในตอนที่แล้ว (เหรอ) ตอนนี้ก็เลยขอผ่อนคลาย (หรือเปล่า)
ใกล้จบแล้ว อีกนิดเดียวเท่านั้น
ขอให้สนุกกับนิยายเรื่องนี้นะคะ (ยิ้ม)






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 13 2013, 02:14 PM
โพสต์ #16


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









....."ดาว! เธอเก่งมากๆ เลย ทำให้ทีมเราได้รางวัลชนะเลิศ สุดยอดมากๆ"

....."อะไรกันสา ที่ทีมเราชนะได้ก็เพราะมีพวกเราสามคนไม่ใช่เหรอ"

....."แต่ดาวเป็นคนคิดต้นแบบนี่นา เธอเก่งจริงๆ นะ"

....."นี่เธอก็เป็นไปกับเขาอีกคนหรือไงฮะ วรรณ"

.....ดารกาถูกเพื่อนสาวสองคนรุมกอดยกใหญ่ พวกเธอสามคนเข้าร่วมการแข่งขันในโครงการโลกสวยน่าอยู่ ซึ่งเป็นโครงการที่ให้ผู้เข้าแข่งขันช่วยกันออกแบบจัดแต่งสวน ให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด และทีมพวกเธอนี่เองที่สามารถคว้ารางวัลชนะเลิศไปครอง โดยการออกแบบสวนของพวกเธอหรือของดารกา ที่สามารถคว้าใจของกรรมการไปได้ ดารกาออกแบบสวนนี้โดยใช้ความคิดอย่างสร้างสรรค์ไม่ซ้ำใคร เนื่องจากทีมที่เข้าแข่งขันส่วนใหญ่มักจะใช้ไม้ดัดรูปสัตว์ชนิดต่างๆ มาเป็นส่วนประกอบ ทำให้สวนสวยงาม ทว่าดารกากลับใช้ความเป็นธรรมชาติของต้นไม้ทุกชนิด วางตกแต่งสวนของพวกเธอ เธอไม่ดัดแปลงพวกมัน เพราะคิดว่าต้นไม้ทุกต้นมีความสวยงามแตกต่างกันอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ดัดทำให้มันเหมือนกันหมด ด้วยความคิดในส่วนนี้เอง ทีมของพวกเธอจึงคว้าชัยมาได้สำเร็จ

....."น้องดาว น้องวรรณ น้องสา พี่ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ" เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้น

.....ทั้งสามสาวจึงหันไปมองเขาทันที ก่อนที่จิตรวรรณจะโดนลากตัวไปคุยกับชายคนนั้นตามลำพัง

....."พี่ชายนี่ไม่เปลี่ยนเลยเนอะ" มาริสาเอ่ย

.....ชายที่ลากตัวเพื่อนสาวของพวกเธอออกไปก็คือ วรุตม์นั่นเอง ตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาแล้ว ดารกาจึงให้เขาเข้ามาบริหารธุรกิจโรงแรมใหญ่ยักษ์ของเธอต่อจากพ่อของเขา ตอนนี้เธอเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น เนื่องจากทางตำรวจตรวจสอบได้ว่า กรวีร์ไม่ได้เป็นเจ้าของอย่างชอบธรรม เขาปลอมลายเซ็นพ่อของเธอ เมื่อพ่อของเธอไม่โอนหุ้นให้เขานั่นเอง สำหรับเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาทั้งหมด เธอไม่เอาความ เพราะในเมื่อทุกคนที่เกี่ยวข้องได้จากไปหมดแล้ว เธอจึงไม่จำเป็นต้องผูกความแค้นใดๆ ไว้อีกต่อไป และวรุตม์ก็เป็นพี่ชายคนหนึ่งที่เธอรักด้วย เขาไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่จำเป็นต้องมาชดใช้แทนพ่อของเขาหรอก และที่สำคัญเธอไม่ถนัดด้านบริหารเลยจริงๆ ให้วรุตม์บริหารแทนน่ะดีแล้ว ธุรกิจมันจะได้ไม่ล่มจมด้วยน้ำมือของเธอเอง

.....ปีนี้เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เธอจะได้ใช้ชีวิตอยู่ในมหาวิทยาลัย เธอคิดว่ามันเป็นเวลาที่ผ่านไปไวมากๆ เหมือนกับเธอเพิ่งรู้จักเพื่อนของเธอเมื่อวานนี้เอง แต่วันนี้กลับเป็นปีสุดท้ายที่พวกเธอจะได้อยู่ด้วยกัน เธอคิดว่าชีวิตที่ผ่านมา เธอได้พบเจอกับเหตุการณ์ที่หลากหลายมาก มีทั้งเศร้า สุข และทุกข์ปะปนกันไปหมด แต่เธอก็จะไม่ยอมแพ้และไม่อ่อนแอดั่งที่ดาวไม่เคยดับแสงเมื่ออยู่บนฟ้ามืด เธอจะเป็นอย่างนั้นตลอดไปตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ

....."ฉันออกไปหาอะไรกินก่อนนะ เธอจะไปด้วยไหม" มาริสาถาม เมื่อเห็นเพื่อนสาวส่ายหน้า เธอก็เดินจากไป

....."นายเห็นไหม ฉันได้รางวัลด้วยแหละ" ดารกาถามสร้อยข้อมือที่เธอได้รับมาจากกามเทพหนุ่มเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว เธอมักจะสื่อสารกับเขาทางนี้บ่อยๆ เพราะเขาบอกเธอว่า เขาจะได้ยินเมื่อเธอพูดกับมัน ถึงแม้เธอกับเขาจะไม่สามารถพบกันได้ แต่แค่ได้ยินเสียงก็ยังดี เพราะมันยังทำให้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายไม่ได้จากกันไปไหนเลยยังคงอยู่ด้วยกันตลอด จนกระทั่งเมื่อครึ่งปีที่ผ่านมา เธอไม่สามารถสื่อสารกับเขาได้เลย ไม่ว่าจะพูดอะไร อ้อนวอนแค่ไหน เสียงที่เธออยากได้ยินก็ไม่เอ่ยออกมาให้เธอได้ยินอีก ช่วงแรกๆ เธอคิดว่าเขาอาจจะเป็นอะไรไป ทว่าเธอก็หลอกตัวเองทุกครั้ง ทำเป็นว่าเขามีงานยุ่งจึงพูดกับเธอไม่ได้ เธอบอกตัวเองอย่างนั้นมาตลอด เพราะเธอไม่อยากคิดว่าเขาจะลืม...

....."เธอนี่นั่งจ้องสร้อยข้อมือได้ทั้งวัน ฉันล่ะอยากรู้จริงๆ ว่าใครเป็นคนให้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคนอย่างเธอจะซื้อเอง ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นคุณหนูแล้วก็นะ"

.....เสียงเพื่อนสาวที่ออกไปหาอะไรกินเมื่อกี้ดังแทรกขัดจังหวะความคิดของดารกา เธอไม่ตอบคำถามของเพื่อนสาว แต่กลับเอ่ยถามแทนว่า "ทำไมกลับมาเร็วจังล่ะ"

....."มีคนอยากพบเธอน่ะ รออยู่ที่สวนดอกไม้ด้านหลัง" มาริสาตอบ "ฉันไปหาอะไรกินต่อนะ ไปล่ะ" แล้วเธอก็เดินออกไปอีกรอบ

....."ใครกันนะ" ดารกาพึมพำอย่างงุนงง แต่ก็เดินไปตามทางที่เพื่อนบอก

.....เมื่อดารกาเดินมาถึงสวนดอกไม้ด้านหลังของงาน เธอก็พบใครคนหนึ่งยืนหันหลังให้เธออยู่ใต้ร่มไม้ของต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่นี่มีต้นไม้หลายต้นรวมทั้งดอกไม้หลากหลายชนิดด้วย เป็นสวนที่ดูร่มรื่น บรรยากาศก็สดชื่น ทำให้ทุกคนผ่อนคลายจากอาการอันเมื่อยล้าต่างๆ ที่เกิดขึ้นตลอดวัน เธอสูดอากาศอันบริสุทธิ์เข้าไปเต็มปอด ก่อนจะเดินเข้าไปหาใครคนนั้น

....."คุณคะ คุณต้องการพบฉันหรือคะ" ดารกาถามอย่างไม่ค่อยมั่นใจ

.....เงียบ... นั่นคือคำตอบที่ดารกาได้รับ เธอจึงถามขึ้นอีกว่า "คุณต้องการพบฉันใช่ไหมคะ"

.....ทว่าคนที่ยืนหันหลังให้เธอยังคงเงียบ อารมณ์หงุดหงิดเริ่มจะพลุ่งพล่านขึ้นมา "เอ๊ะ! นี่คุณ ไม่ได้ยินที่ฉันถา-"

.....เสียงของหญิงสาวขาดหายไป พร้อมกับที่ใครคนนั้นหันมาส่งสายตาดุพลางเอ่ยขึ้นว่า "เงียบๆ สิ เธอทำมันตื่นตกใจนะ"

....."นะ-นาย นายกามเทพ นายมาได้ไง" ดารกาถามอย่างดีใจ เธอไม่สนใจนกที่เกาะอยู่บนมือเขาจะตื่นตกใจเสียงของเธอ จนมันบินหนีขึ้นฟ้าไป เธอไม่สนใจสายตาดุๆ ของเขา เธอไม่สนใจเสียงสายลมที่ดังหวีดหวิว เธอสนใจแค่ว่าเขา นายกามเทพกลับมาหาเธอแล้ว เธออยากหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ ที่มีเพียงแค่เธอกับเขายืนอยู่ด้วยกัน จ้องมองกันด้วยสายตาแห่งความรัก เธอกลัว กลัวว่าเขาจะจากเธอไปอีก

....."เธอทำนกตัวน้อยบินหนีไปซะแล้ว" กานต์เอ่ย เขาเดินเข้ามาจับมือของเธอ พาเธอเดินไปพิงที่ลำต้นไม้

.....หญิงสาวเอนศีรษะพิงไหล่ของชายหนุ่มอยู่นาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า "ทำไมนายไม่พูดกับฉันเลยตลอดหกเดือนที่ผ่านมา ฉันคิดไปต่างๆ นานาว่า นายเป็นอะไรไปหรือเปล่า แต่เหนือสิ่งอื่นใด นายรู้ไหมว่า ฉัน...ฉันกลัวว่านายจะลืมฉันไปแล้ว"

....."ฉันเนี่ยนะจะลืมเธอ ไม่มีทางหรอก ในเมื่อเธอเป็นคนที่ฉันรัก ฉันจะลืมเธอได้ยังไง" กานต์ตอบ ใบหน้าเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข

....."จริงๆ นะ เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อน เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ ฉันเป็นคนที่นายรักงั้นเหรอ" ดารกาถามไปใบหน้าก็แดงซ่านไป เธอรู้สึกเขินมากที่จู่ๆ เขาก็สารภาพความในใจ

....."ใช่แล้ว เธอคือคนที่ฉันรัก" กานต์ตอบพลางยิ้มกว้าง สายตาเป็นประกายระยิบระยับ

....."แล้วทำไมนายไม่พูดกับฉันเลยล่ะ" ดารกาเปลี่ยนจากอาการเขินมาเป็นงอนแทน เธอต้องการเหตุผล ถ้าดีก็รอดตัวไปแต่ถ้าไม่ล่ะก็ น่าดู!

....."ที่ฉันไม่พูดกับเธอ เป็นเพราะว่าฉันไม่มีเวทมนตร์ใดๆ แล้วน่ะสิ" กานต์ตอบ ส่งผลให้หญิงสาวที่มายืนอยู่ข้างหน้าเขาเมื่อกี้นี้ทำหน้าสงสัยขึ้นมาทันที 'ยังช่างสงสัยเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนไปเลย' ชายหนุ่มคิดยิ้มๆ และมันคงจะแสดงออกทางใบหน้ามากไปหน่อย เพราะเธอได้ถามเขาขึ้นว่า

....."นายยิ้มอะไรน่ะ แล้วทำไมนายถึงใช้เวทมนตร์ไม่ได้แล้วล่ะ" ดารกาถามด้วยความสงสัยเป็นอย่างมาก

....."สิ่งมีชีวิตชนิดไหนกันน้าที่ไม่มีเวทมนตร์" กานต์เอ่ยลอยๆ ทว่ากลับทำให้หญิงสาวตาโต

.....ดารกาคิดทบทวนแล้วทบทวนอีก เธอไม่อยากเชื่อว่าเขาจะเป็น... "นายอย่าบอกฉันนะว่า นายเป็น..."

....."ใช่อย่างที่เธอกำลังคิดนั่นแหละ" กานต์ตอบ รวบตัวหญิงสาวเข้ามากอด

.....ดารกาดิ้นให้หลุดออกจากอ้อมแขนของเขา แต่เธอก็ทำไม่ได้ง่ายๆ เธอจึงเอ่ยถามเขาทั้งๆ ที่เขากอดเธออยู่ "แต่เป็นได้ยังไงล่ะ บอกฉันมาหน่อยสิ"

....."เธอก็เลิกดิ้นก่อนสิ แล้วฉันจะเล่าให้ฟัง" กานต์เอ่ย

....."ก็ได้" ดารกากัดฟันพูด เธอเลิกดิ้นแล้วรอให้เขาเล่าให้ฟัง

.....กานต์ปล่อยหญิงสาวให้เป็นอิสระ หลังจากนั้นเขาก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่หญิงสาวฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อหนึ่งปีก่อน...


***



....."เธอฟื้นแล้วเหรอลูก" ท่านพ่อถามเมื่อเห็นลูกชายกลับมาปรากฏตัวที่หอเหตุการณ์อีกครั้ง

....."ครับ เธอฟื้นแล้ว" กานต์ตอบ

....."ดีแล้วล่ะ เราลงไปข้างล่างกันเถอะลูก" ท่านพ่อเอ่ยก่อนจะเดินนำลงไปข้างล่าง เขาสังเกตเห็นสีหน้าดีใจอยู่ลึกๆ ของลูกชาย

.....กามเทพหนุ่มหันกลับไปมองลูกแก้วอีกครั้ง เขาถอนหายใจออกมา หลังจากนั้นจึงเดินตามท่านพ่อลงไป

.....วันเวลาได้หมุนผ่านไปอย่างรวดเร็ว จากวันกลายเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์กลายเป็นเดือน จากหนึ่งเดือนกลายเป็นครึ่งปี กามเทพหนุ่มใช้ชีวิตเป็นปกติอย่างกามเทพในวัยเดียวกัน ซึ่งก็มีการไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนๆ บ้าง ฝึกฝนเวทมนตร์ให้ดีขึ้นบ้าง หรืออ่านหนังสือหาความรู้ใส่ตัวบ้าง กามเทพที่ไม่ค่อยสนิทจะรู้สึกว่ากามเทพหนุ่มผู้นี้ค่อนข้างเงียบขรึม ซึ่งก็เป็นนิสัยส่วนตัวของเขาอยู่แล้ว แต่ทว่ากามเทพทุกตนทั้งชายและหญิงที่ได้รู้จักและสนิทกับเขา ทั้งหมดมักจะพูดออกมาเหมือนกันว่า เขาเงียบกว่าเดิม จะพูดเมื่อมีคนถามให้ตอบเท่านั้น และทุกตนยังรู้สึกอีกว่าเขาได้ปิดกั้นความรู้สึกบางส่วน ความรู้สึกที่กามเทพทุกตนรู้จักมาตั้งแต่เกิด นั่นก็คือความรัก เมื่อใดก็ตามที่ใครพูดถึงเรื่องนี้เขาจะหายตัวออกไปจากการสนทนาเลย และเมื่อมีคนถามเขาว่าทำไมถึงไม่อยากได้ยินหรือยุ่งเกี่ยวกับคำว่าความรัก เขาก็จะไม่ยอมตอบ เอาแต่ปิดปากเงียบอย่างเดียว นอกจากนี้เขายังชอบขลุกอยู่กับตัวเองในช่วงเวลาหนึ่ง เคยมีกามเทพบางตนได้ยินเขาพูดกับใครด้วย แต่เขาก็ปฏิเสธทุกครั้งไป จนพวกนั้นเลิกถามเขาไปเอง

.....วันหนึ่งขณะที่กานต์กำลังนั่งมองดอกไม้ใบหญ้าท่ามกลางสวนหน้าคฤหาสน์แก้ว สวนแห่งนี้อบอวลไปด้วยกลิ่นอายความรักของท่านพ่อกับท่านแม่ของเขา ที่เป็นเช่นนั้นเพราะพวกท่านเป็นผู้ที่สร้างมันขึ้นมา ภายในสวนประกอบด้วยพุ่มไม้รอบลานโล่ง ตรงกลางลานมีโต๊ะตัวเล็กๆ กับเก้าอี้เข้าคู่กันสองตัว เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มองเหล่าผีเสื้อที่บินมาดูดน้ำหวานจากดอกไม้ที่ขึ้นตามพุ่มไม้ มองอยู่สักพักก็ได้ยินเสียงฝีเท้าเดินเข้ามาด้านหลัง เขาหันกลับไปมอง ท่านพ่อกับท่านแม่นี่เองที่เดินเข้ามา

....."แม่กับพ่อขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิลูก" ท่านแม่เอ่ย เดินเข้ามานั่งตรงข้ามกามเทพผู้เป็นลูกชาย

....."ได้สิครับ ท่านพ่อท่านแม่" กานต์เอ่ยตอบ เขาลุกขึ้นยืนเพื่อที่จะให้ท่านพ่อนั่ง

.....กามเทพชายที่สูงวัยกว่ารีบบอกกามเทพหนุ่มว่า "ไม่ต้องหรอกลูก ลูกนั่งเถอะ" แล้วเขาก็เดินไปหยุดอยู่ข้างหลังภรรยา

.....กานต์จึงนั่งลงตามเดิมก่อนจะเอ่ยถามว่า "ท่านพ่อท่านแม่มีอะไรจะพูดกับลูกเหรอครับ"

....."ลูกต้องสัญญากับแม่มาก่อนว่าลูกจะพูดความจริง" ท่านแม่เอ่ยทันทีที่ลูกชายถามจบ

....."หมายความว่ายังไงครับ" กานต์ถามอย่างสงสัย

.....กามเทพหญิงไม่เอ่ยอะไรออกมา ทว่ากลับมองกานต์ด้วยใบหน้านิ่ง เธอรอให้เขาตอบรับ ผู้เป็นลูกชายจึงได้แต่พยักหน้า เขาพูดขึ้นว่า "ก็ได้ครับท่านแม่ ลูกจะพูดความจริง"

....."ดีมากจ้ะ" ท่านแม่ยิ้มรับคำตอบของลูกชายก่อนจะเอ่ยถามต่อว่า "ความรัก ลูกหาความหมายของคำคำนี้ได้หรือยัง"

.....กานต์เงียบอยู่หนึ่งอึดใจ ก่อนที่เขาจะพยักหน้าแล้วเอ่ยออกมาว่า "ครับ ผมหาได้แล้ว"

....."ความหมายของคำว่าความรักสำหรับลูกมันคืออะไรเหรอ บอกแม่ได้ไหม" ท่านแม่ถามอีก

....."เอ่อ คือ" กานต์อึกอัก เขาไม่อยากตอบคำถามของท่านแม่เท่าไหร่นัก แต่เขาก็ได้ให้สัญญากับท่านแม่ไปแล้วว่าจะพูดความจริง เพราะฉะนั้นเขาจึงตอบท่านแม่ไปว่า "ความรักสำหรับลูกคือ ความผูกพันที่เกิดขึ้นจากความห่วงใย เป็นความรู้สึกที่ทำให้เรามีความสุขทุกครั้งเมื่อได้รู้จักมัน แต่มันก็ทำให้เรามีความทุกข์ด้วยเมื่อไม่สมหวัง ความผูกพันและความห่วงใยนี้เอง ที่ทำให้ใครคนหนึ่งอยากปกป้องใครอีกคนหนึ่งมากเหลือเกิน"

....."ลูกคิดถึงเธอไหม" ท่านแม่ยังคงถามต่อไป

....."ครับ" กานต์ตอบ เขารู้ได้โดยไม่ต้องให้ท่านแม่ขยายความว่าท่านหมายถึงใคร

....."ลูกอยากเห็นหน้าเธอไหม" ท่านแม่เอ่ยถามพลางมองหน้าลูกชายอย่างจริงจัง

....."ครับ" กานต์ก็ตอบกลับอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน

....."ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นมนุษย์ และป่านนี้อาจจะรักใครไปแล้วก็ได้ แต่ลูกก็ยังจะรักเธอ ใช่ไหม" ท่านแม่ถามเอนตัวเข้าไปหากานต์มากขึ้น

....."ครับ ผมจะยังคงรักเธอ" กานต์ตอบ พร้อมกับที่มีเสียงปรบมือจากท่านพ่อ

....."ลูกสอบผ่านแล้วล่ะ" ท่านพ่อเอ่ยกับท่านแม่

....."นั่นน่ะสิคะ เราคงต้องปล่อยลูกไปแล้วล่ะมั้งคะ" ท่านแม่เอ่ยตอบ

....."ท่านพ่อท่านแม่กำลังพูดเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ" กานต์ถาม เขางุนงงมากที่จู่ๆ ท่านพ่อกับท่านแม่ก็พูดเรื่องอะไรที่เขาไม่เข้าใจออกมา 'สอบผ่านเรื่องอะไรกัน' เขาคิดด้วยความสงสัย

....."ก็ลูกพร้อมที่จะลงไปหาเธอได้แล้วยังไงล่ะ" ท่านพ่อตอบ

....."ลูก...ลูกลงไปหาเธอได้ด้วยเหรอครับ" กานต์ถามอย่างไม่เข้าใจ

....."ได้สิ แต่ลูกต้องแลกอะไรบางอย่าง" ท่านพ่อเอ่ย "ถ้าลูกอยากจะปกป้องหญิงสาวคนนั้น ลูกก็จะต้องลงไปอยู่ที่โลกมนุษย์ และเป็นเหมือนกันกับเธอก่อน..."

....."เป็นเหมือนกันกับเธอ ต้องแลกอะไรบางอย่าง ลูกงงไปหมดแล้ว" กานต์เอ่ยแทรกขึ้นมา

....."อย่าขัดท่านพ่อสิลูก" ท่านแม่เอ่ยเตือน

....."ขอโทษครับ ท่านพ่อ" กานต์เอ่ยอย่างรู้สึกผิดที่ขัดคำอธิบายของผู้เป็นพ่อ

....."ไม่เป็นไรหรอก เป็นใครก็ต้องสงสัยอยู่แล้ว" ท่านพ่อเอ่ยอย่างไม่ถือความ "พ่อกำลังจะบอกว่าลูกจะต้องมีสถานะเหมือนกันกับเธอ นั่นก็คือลูกจะต้องเป็นมนุษย์ โดยแลกกับปีกของกามเทพ ลูกพร้อมที่จะแลกไหม"

....."พร้อมครับ ลูกอยากปกป้องเธอจากให้พ้นจากอันตรายต่างๆ ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไร ลูกก็ยอม" กานต์ตอบอย่างไม่ลังเล เขากางปีกกามเทพของเขาออกมาทันที

....."งั้นพ่อจะเริ่มล่ะนะ" ท่านพ่อเอ่ย เขาเอามือทั้งสองข้างวางลงบนปีกของลูกชาย แล้วพึมพำอะไรบางอย่างออกมา ก่อนที่ปีกกามเทพของกานต์จะค่อยๆ เลือนลาง

.....กานต์รู้สึกเจ็บเมื่อสัมผัสได้ถึงปีกของเขาที่เลื่อนหลุดออกมาจากหลัง แต่เขาก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดออกมา สักพักท่านพ่อของเขาก็หยุดพึมพำ ถ้าเขามีตาที่ด้านหลัง เขาคงจะสังเกตเห็นว่า ปีกกามเทพของเขาได้หายไปเรียบร้อยแล้ว กานต์รู้สึกเหมือนตัวจะหนักขึ้นเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

....."ทีนี้ลูกก็จะไม่ใช่กามเทพอีกต่อไปแล้ว แต่ลูกจะกลายเป็นมนุษย์แทน" ท่านพ่อเอ่ย

....."ฉันว่าเราพาลูกลงไปที่โลกมนุษย์ดีกว่าไหมคะ มนุษย์ไม่เหมาะที่จะอยู่บนอาณาจักรกามเทพสักเท่าไหร่" ท่านแม่เอ่ยเครียดๆ เมื่อเห็นว่าลูกชายเริ่มมีเหงื่อออกและยืนไม่ค่อยอยู่

....."นั่นสิ เราไปกันเถอะ" ท่านพ่อเอ่ยพลางถอนมนตราให้ภรรยาและตัวเอง

.....จากนั้นทั้งหมดก็ลงมาอยู่ที่โลกมนุษย์ กานต์รู้สึกดีขึ้นมาก ไม่มีอาการหน้ามืดแบบเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ของเขาได้สร้างคฤหาสน์อันหรูหรางดงามให้เขา พร้อมทั้งจัดการเรื่องต่างๆ ให้เขาทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคนทำความสะอาดคฤหาสน์ คนดูแลสวน ทรัพย์สินเงินทอง (ถ้าคนธรรมดามาเห็นคงต้องตาลุกวาว) เขากลายเป็นมนุษย์ที่รวยมากคนหนึ่งเลยทีเดียว นอกจากเรื่องทั้งหมดนี้แล้ว ท่านพ่อกับท่านแม่ยังสร้างธุรกิจให้เขาอีกด้วย

....."ก็คนที่ลูกรักเธอรวยมากนี่นา ลูกก็ต้องเท่าเทียมกันหน่อย" ท่านแม่เอ่ยบอกเขาอย่างนั้น

.....กานต์จึงได้แต่หัวเราะและคิดว่า เขาคงเป็นคนดังในชั่วข้ามคืนแน่ๆ

....."พ่อกับแม่ไปก่อนนะ" ท่านพ่อเอ่ย "พ่อกับแม่สัญญาเลยว่าจะลงมาเยี่ยมลูกบ่อยๆ"

....."ผมรักท่านพ่อกับท่านแม่นะครับ" กานต์เอ่ยก่อนจะเข้าไปกอดกามเทพทั้งสองผู้เป็นบิดามารดาของเขา

....."พวกเราก็รักลูกจ้า" ท่านแม่เอ่ย

.....ทั้งสามกอดกันอยู่นาน หลังจากนั้นกามเทพชายหญิงก็จากไป ปล่อยให้ผู้ที่เป็นมนุษย์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนอมยิ้มมีความสุขตามลำพัง


***



....."แล้วทำไมนายไม่มาหาฉันทันทีเลยล่ะ เมื่อนายเป็นมนุษย์แล้วน่ะ ปล่อยให้ฉันรอทำไมตั้งหกเดือน" ดารกาเอ่ยถามขึ้นอย่างงอนๆ ทันทีที่กานต์เล่าจบ

....."ฉันก็ต้องทำธุรกิจของฉันให้ใหญ่ยักษ์เหมือนกับเธอไง" กานต์ตอบ จับมือหญิงสาวตรงหน้าขึ้นมาหอม

.....ดารกาชักมือกลับแทบไม่ทันก่อนจะมองคนตรงหน้าพลางคิดว่า บทจะหวานก็หวานหยาดเยิ้มเชียวนะ เธอเอ่ยขึ้นว่า "แล้วนายทำธุรกิจอะไรล่ะ จะใหญ่เท่าของฉันจริงเรอะ"

....."ที่ธุรกิจเธอใหญ่เท่าตอนนี้เป็นเพราะนายวรุตม์นั่นไม่ใช่เหรอ เธอไม่ได้ทำอะไรเลยต่างหาก" กานต์เถียง

....."ใครบอกนายว่าฉันไม่ได้ช่วย ฉันก็มีส่วนทำให้โรงแรมของฉันสวยขึ้นนะ เพราะฉันเป็นคนออกแบบสถานที่ต่างๆ ของโรงแรมเอง" ดารกาเถียงกลับเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมานิดหน่อย

....."ฉันอยากถามอะไรเธอหน่อย ตอนที่ฉันมาทำภารกิจให้เธอ เธอรักนายวรุตม์จริงๆ เหรอ" กานต์ถามเสียงเรียบ ถึงวรุตม์จะมีคนที่ชอบแล้ว แต่เขาก็ยังคงระแวงผู้ชายคนนั้นอยู่ดี ถ้าเกิดนายวรุตม์เปลี่ยนใจมารักหญิงสาวตรงหน้าเขาขึ้นมาล่ะ

....."ใช่แล้วล่ะ พี่ชายเป็นรักแรกของฉันเลย" ดารกาตอบ ดวงตาเปล่งประกาย

....."เหรอ แล้วทำไมเธอถึงเลิกรักนายวรุตม์ล่ะ" กานต์ถามอย่างอยากรู้คำตอบ ใบหน้านิ่งขึ้นเล็กน้อยเมื่อเขาเห็นเธอมีความสุขกับการนึกถึงชายอีกคน

....."คงเป็นเพราะฉันหลงรักคนอื่นไปแล้วมั้ง" ดารกาตอบ ใบหน้าร้อนผ่าว

....."ใครล่ะ" กานต์ถามและมีท่าทางผ่อนคลายขึ้น พลางรอคอยคำตอบของหญิงสาว

....."ก็...กามเทพในตอนนั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว" ดารกาตอบอย่างแผ่วเบา จนชายหนุ่มต้องเงี่ยหูฟัง

.....กานต์รวบตัวดารกาเข้ามากอด ก่อนจะกระซิบประโยคสั้นๆ ประโยคหนึ่งที่ข้างหูของหญิงสาว "ฉันรักเธอนะ"

.....ดารกาซุกหน้ากับอกของชายหนุ่มอย่างเขินอาย เธอเอ่ยประโยคนั้นตอบเขาเหมือนกันว่า "อื้อ ฉันก็รักนาย"

.....หลังจากนั้นกานต์ก็เชยคางดารกาขึ้นมา เขามองหญิงสาวด้วยแววตาหวานซึ้งที่เต็มไปด้วยความรัก ตั้งแต่ที่เขาเจอเธอ เขาก็รู้สึกได้ว่าหัวใจของตัวเองหวั่นไหวเสมอ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน คงมีแต่ผู้หญิงคนนี้คนเดียวเท่านั้นที่ใจของเขาไม่สามารถสั่งให้ทำอะไรต่างๆ ได้ เขาคิดว่าช่างดีเหลือเกินที่เขามีเธออยู่เคียงข้างกาย เขาจุมพิตที่หน้าผากของเธอ แล้วรวบเธอเข้ามาในอ้อมกอด ทั้งสองกอดกันแนบแน่นอยู่ตรงนั้นไม่สนใจใบไม้ที่ร่วงลงมารอบตัวพวกเธอ ทั้งสองรู้แค่ว่า ในที่สุดความรักของพวกเธอก็สมหวังเสียที...


***



....."ลูกของเราคงมีความสุขที่สุดที่ได้อยู่กับเธอสักที" กามเทพหญิงเอ่ยกับผู้เป็นสามี เธอกำลังมองดูลูกชายที่หอเหตุการณ์

....."เราคงไม่ต้องเป็นห่วงลูกอีกต่อไปแล้วล่ะ" กามเทพชายเอ่ยตอบ

....."ใช่แล้วล่ะค่ะ คุณคิดว่าเธอเป็นอย่างไรคะ" กามเทพหญิงถาม

....."ก็เป็นเด็กสาวที่น่ารักคนหนึ่ง และคงมีเธอเพียงแค่คนเดียวที่ทำให้ลูกของเราแสดงออกทางอารมณ์ได้" กามเทพชายตอบอย่างครุ่นคิด

....."ดารกา เป็นชื่อที่ดีนะคะ ว่าไหม" กามเทพหญิงยังคงถามต่อ

....."อืม ดีมากเลยล่ะ เธอเหมาะกับลูกของเรามากจริงๆ" กามเทพชายตอบ

....."ความรักนี่ไร้พรมแดนจริงๆ เลยนะคะ ขนาดเกิดมาต่างสถานะกัน พวกเขาก็ยังรักกันได้ ความรักไม่มีสิ่งใดขวางกั้นได้เลยจริงๆ" กามเทพหญิงพูดขึ้นหลังจากที่ทั้งสองเงียบไปนาน

....."ใช่แล้วล่ะ ไม่ว่าจะต่างกันแค่ไหน ถูกกีดกันอย่างไร ถ้ารักกันจริงแล้วก็คงสมหวังได้ในสักวัน" กามเทพชายเอ่ยก่อนจะเข้าไปสวมกอดภรรยาพลางจุมพิตที่แก้มนวลไปด้วย


________________________________________________________________________


ในที่สุดพระเอกก็ได้เจอกับนางเอกสักที (ยิ้ม)
ความจริงตอนนี้คงจะเป็นตอนจบของเรื่อง แต่เนื่องจากผู้เขียนเขียนไปเขียนมา ตอนดันเพิ่มขึ้น
ตอนนี้ก็เลยยังไม่ใช่ตอนจบค่ะ แต่เป็นตอนก่อนจบ
ส่วนตอนจบจะลงในวันพรุ่งนี้ค่ะ อย่าลืมมาอ่านกันนะคะ
ก่อนจะไปช่วยเม้นที่ห้องวิจารณ์ให้หน่อยน้า (จะได้ดันกระทู้)
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 14 2013, 03:20 PM
โพสต์ #17


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง









.....สี่ปีต่อมา...

....."เพื่อนฉันสวยจริงๆ เลย" มาริสาเอ่ยอย่างชื่นชม หลังจากช่วยเพื่อนสาวสวมชุดแต่งงานได้สำเร็จ

.....เพื่อนสาวที่ว่านี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น เธอคือดารกานั่นเอง วันนี้เป็นวันที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝันถึง เป็นวันที่เรียกได้ว่าวันที่หญิงสาวมีความสุขมากที่สุดเลยทีเดียว วันที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ก็คือวันแต่งงาน และดารกาก็กำลังอยู่ในชุดแต่งงานที่ขาวสะอาด ซึ่งช่วยขับผิวนวลของเธอให้ดูขาวผ่องมากยิ่งขึ้น ชุดแต่งงานชุดนี้เป็นชุดเกาะอกชายกระโปรงยาว แต่ไม่ถึงกับลากพื้น ผมยาวสีดำสนิทของเธอถูกรวบขึ้นมาครึ่งหนึ่งเพื่อให้ผ้าคลุมผมรองรับได้พอดี เธอต้องขอบคุณมาริสา เพื่อนสาวของเธอที่ทำให้เธอดูสวยเป็นพิเศษ เพราะมาริสาเป็นคนออกแบบชุดแต่งงานชุดนี้ให้เธอเอง

.....หลังจากที่พวกเธอเรียนจบปริญญาตรี มาริสาก็ได้ตัดสินใจไปเรียนต่อในด้านที่เธอชอบ นั่นก็คือ การเป็นดีไซเนอร์ เธอไปเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศสอยู่สองปีเต็ม แล้วจึงกลับมาเปิดห้องเสื้อเป็นของตัวเอง ปัจจุบันห้องเสื้อของเธอติดอันดับห้องเสื้อที่ดีที่สุดเป็นอันดับสามของประเทศ ซึ่งนับว่าใช้เวลาน้อยมากในการทำให้ห้องเสื้อของตัวเองมีชื่อเสียงขนาดนี้ นอกจากการไปเรียนของเธอจะทำให้เธอประสบความสำเร็จแล้ว เธอยังดูสวยและทันสมัยขึ้นด้วย เสื้อผ้าที่เธอใส่แต่ละชุดมักจะเป็นแบรนด์ดัง บางทีเธอก็กลายเป็นผู้นำแฟชั่นด้านการแต่งกายไปโดยที่เธอไม่รู้ตัว

.....ส่วนจิตรวรรณไม่ได้เลือกเรียนต่อ แต่กลับเลือกที่จะทำงานแทน ตอนนี้เธอเป็นนักออกแบบภูมิสถาปัตยกรรม ที่บริษัทรับจ้างจัดตกแต่งสถานที่ชื่อดังของประเทศ ก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน เธอได้กลายเป็นภรรยาสาวสวยของนักบริหารหนุ่มไฟแรง ซึ่งเขาเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวที่เธอรัก และเธอก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่เขารักเช่นกัน นักบริหารหนุ่มที่กล่าวถึงนี้ก็คือ วรุตม์ หรือพี่ชายที่พวกเธอรู้จักนั่นเอง สำหรับจิตรวรรณ วรุตม์เป็นชายหนุ่มที่ดีกับเธอมาก เขาคอยดูแลเอาใจใส่เธอทุกอย่าง ชีวิตหลังการแต่งงานจึงมีแต่เรื่องราวดีๆ แทบไม่มีการทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีเลย เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ทั้งสองก็จะใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ทำให้รอดผ่านมันมาได้เสมอ เธอมีความสุขมากที่ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตที่เหลือทั้งหมดกับเขา

.....ดารกาเองก็ต้องเลือกทางเดินหลังจากเรียนจบเหมือนกัน ในตอนแรกเธอคิดจะไปสมัครงานตามจิตรวรรณ แต่วรุตม์และป้านวลคะยั้นคะยอให้เธอเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหาร เหตุผลก็ไม่ใช่อะไรอื่น ทั้งสองต้องการให้เธอดำรงตำแหน่งประธานโรงแรม --ธุรกิจของครอบครัวเธอ-- เธอคิดว่าจะยกตำแหน่งนี้ให้กับวรุตม์ แต่เขาไม่ยอมรับ เขาได้บอกกับเธอว่า ในเมื่อธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่พ่อของเธอสร้างมันขึ้นมา เธอก็ควรที่จะเป็นคนดูแลให้มันเติบโตต่อไป ในตอนนั้นดารกาได้แต่คิดอยู่ในใจว่า เพราะเธอเป็นทายาท เธอจึงต้องรับหน้าที่นี้ไปสินะ แม้จะไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของวรุตม์สักเท่าไหร่ แต่เธอก็ยอมเรียนต่อด้านบริหารแต่โดยดี (จะให้เธอทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อป้านวลทั้งอ้อนวอนทั้งส่งสายตาขอร้อง แถมยังบอกอีกว่า เพื่อที่คุณท่านทั้งสองจะได้ภาคภูมิใจในตัวลูกสาวที่สืบต่อธุรกิจได้เป็นอย่างดี เธอก็ต้องเรียนสิ ดารกาคิด) ถึงเธอจะเป็นประธานแล้ว แต่ตำแหน่งผู้บริหารก็ยังเป็นของวรุตม์อยู่นะ ธุรกิจนี้ขาดเขาไม่ได้หรอก เดี๋ยวเสียหายยับเยินกันพอดี เธอยังต้องพึ่งเขาอีกเยอะในการบริหารธุรกิจโรงแรมนี้ อ้อ! ลืมบอกไปอีกอย่าง เธอได้ร่วมทุนสร้างโรงแรมแห่งใหม่กับนักธุรกิจหนุ่มผู้หนึ่ง ซึ่งเขากำลังรอเธออยู่ที่สวนของโรงแรม --สถานที่จัดงานแต่งงานของเธอเอง-- เธอหมุนตัวหน้ากระจกบานยาวอีกรอบ จัดสร้อยล็อกเก็ตให้เข้าที่ แล้วจึงหันไปยิ้มให้ผู้ที่เข้ามาใหม่

....."พร้อมหรือยังครับเจ้าสาว" วรุตม์เอ่ยถามทันทีที่เดินเข้ามาภายในห้องกว้าง ซึ่งใช้เป็นห้องแต่งตัวของเจ้าสาวในวันนี้ เขานั่งลงที่โซฟาหนานุ่มตัวหนึ่ง ก่อนจะดึงจิตรวรรณมานั่งข้างๆ เขากระซิบคำบางคำที่ทำให้แก้มของหญิงสาวแดงขึ้นมาทันที

....."แหม จะหวานกันไปถึงไหนเนี่ยคู่นี้" มาริสาแซวก่อนจะเปรยว่า "เมื่อไหร่ฉันจะมีคู่กับเขาบ้างน้า วรรณก็มีแล้ว ดาวก็อีกคน เหลือแต่ฉันคนเดียวเนี่ย"

.....ไม่มีใครตอบมาริสาสักคน ทุกคนเอาแต่หัวเราะขำกับท่าทางเหงาหงอยของเธอ

....."ดาวพร้อมแล้วนะคะ ไปกันเถอะค่ะ" ดารกาเอ่ย มือลูบสร้อยข้อมือที่เธอใส่ไม่เคยถอดหลังจากที่ได้มา

....."ฉันล่ะอยากรู้จริงจริ๊งว่าใครให้เธอมา" มาริสาพูดขึ้น ทำเอาดารกาสะดุ้งเล็กน้อย

....."ไม่ต้องรู้หรอกน่า ไปกันเถอะค่ะพี่ชาย" ดารกาตัดบท เดินนำไปที่หน้าประตูห้อง

.....วรุตม์เปิดประตูให้หญิงสาว ก่อนจะยกแขนขึ้นมาให้เธอจับ ทั้งหมดเดินออกจากห้องมาสู่บรรยากาศอันน่ารื่นรมย์ของสวน ที่มีต้นไม้และพุ่มไม้อยู่ล้อมรอบ

.....ทางเข้างานเป็นซุ้มโค้งประดับด้วยดอกกุหลาบขาว และมีทางเดินโรยกรวดที่แบ่งแยกพื้นที่ออกเป็นสองฝั่ง มาริสายื่นช่อกุหลาบให้ดารกา หญิงสาวรับมาถือไว้ในมือข้างหนึ่ง ทันทีที่เธอเดินเข้ามาภายในงาน แขกประมาณหนึ่งร้อยคนก็เงียบเสียงลง ทั้งหมดพากันหยุดมองเพื่อชื่นชมความงามของผู้ที่เป็นเจ้าสาวในเย็นวันนี้ ทุกคนที่ได้เห็นเธอคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าเธอเป็นหญิงสาวที่สวยงามเพียงใด ขนาดธรรมชาติก็ยังยอมรับในความงามของเธอ เนื่องจากแสงอาทิตย์ยามเย็นได้สาดส่องลงมาที่หญิงสาวผู้อยู่ในชุดแต่งงาน ทำให้เธอดูน่าหลงใหลมากยิ่งขึ้น วรุตม์พาหญิงสาวมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่เป็นคนสำคัญที่สุดในงานนี้...

.....ชายหนุ่มคนนั้นมองหญิงสาวตรงหน้าตาไม่กะพริบ เขาคิดว่าเขาคงเป็นผู้ชายที่โชคดีที่สุดในโลก ทั้งโลกมนุษย์และกามเทพ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะต้องเจอกับอุปสรรคครั้งใหญ่ ที่ทำให้เขาและเธอไม่มีวันที่จะรักกันได้ แต่เขาก็ได้พิสูจน์แล้วว่าความรักที่เขามีต่อเธอนั้นช่างยิ่งใหญ่เพียงไร ในที่สุดเขาก็มีวันนี้กับเธอ

....."ผมพาเจ้าสาวมาส่งแล้วนะครับ" วรุตม์เอ่ย ก่อนจะถอยไปยืนร่วมกับป้านวลและคนรักของเขาทางฝั่งขวาของงาน

.....ทั้งสองฝั่งมีคนยืนอยู่เต็มไปหมด ล้วนเป็นคนที่ดารการู้จัก แต่มีอยู่สองคนที่เธอไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน พวกเขายืนอยู่ทางฝั่งซ้ายของงานใกล้ๆ กับชายหนุ่มตรงหน้าเธอ เธอสังเกตได้ว่ากานต์กับพวกเขามีหน้าตาคล้ายกัน

....."รู้ตัวมั้ยว่าเจ้าสาวของฉันสวยมาก" กานต์เอ่ย จับมือหญิงสาวมากุม

.....ดารกาหันกลับมามองหน้าชายหนุ่ม เลิกสนใจชายหญิงคู่นั้น แล้วเธอก็ต้องหน้าแดง เพราะเขามองเธอด้วยสายตาพราวระยับ "นายก็เป็นเจ้าบ่าวที่หล่อมากเหมือนกัน"

.....ผู้เป็นเจ้าบ่าวแย้มยิ้มออกมา เป็นรอยยิ้มที่ตรึงใจสาวหลายๆ คน เขาอยู่ในชุดสูทสีขาวและเนกไทสีทอง ซึ่งกลมกลืนกับชุดของเจ้าสาวได้เป็นอย่างดี ผู้มาร่วมแสดงความยินดีต่างชื่นชมกับความงามของชายหญิงคู่นี้

....."อะแฮ่ม เลิกหวานกันก่อนได้มั้ยคะ เริ่มพิธีกันดีกว่าค่ะ" มาริสาเอ่ยขัดความหวานของเจ้าบ่าวเจ้าสาว

....."ขอเชิญเจ้าบ่าวสวมแหวนให้เจ้าสาวด้วยครับ" วรุตม์ผู้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรจำเป็นกล่าว

.....กานต์หยิบแหวนเพชรเจียระไนรูปดาวมีปีกน้อยๆ ออกมาจากกล่องกำมะหยี่เล็กๆ เขาบรรจงสวมแหวนให้กับหญิงสาวที่เขารัก เมื่อสวมเสร็จแล้ว เขาก็ยกมือเธอขึ้นมาจุมพิต

....."ทีนี้ก็เป็นฝ่ายเจ้าสาวที่ต้องสวมแหวนให้เจ้าบ่าวบ้างแล้วล่ะครับ" วรุตม์ยังคงทำหน้าที่ต่อไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

.....ดารกาหยิบแหวนลักษณะเดียวกัน เพียงแต่วงใหญ่กว่าเล็กน้อยออกมาสวมให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะยกมือชองชายหนุ่มขึ้นมาจุมพิตเช่นเดียวกัน คนอื่นอาจมองว่าแหวนแต่งงานสองวงนี้เป็นแหวนที่สวยงาม แต่สำหรับบ่าวสาวคู่นี้มันมีความหมายมากกว่านั้น เพราะดาวในแหวนนั่นเป็นตัวแทนของหญิงสาว ส่วนปีกก็เป็นตัวแทนของชายหนุ่ม และย้ำเตือนว่าเขาเคยเป็นกามเทพเมื่อตอนที่เจอกับเธอและรักเธอ

.....ผู้มาร่วมแสดงความยินดีต่างพากันปรบมือ ราวกับว่าพวกเขาพร้อมจะเป็นสักขีพยานให้กับความรักของคนทั้งคู่ ให้ดำเนินไปด้วยดี ก่อนที่วรุตม์จะทำหน้าที่พิธีกรอีกครั้ง

....."ขอเชิญญาติฝ่ายเจ้าสาวอวยพรให้คู่บ่าวสาวด้วยครับ"

.....ป้านวลเดินมาหยุดยืนตรงหน้าคุณหนูที่เธอรัก ก่อนจะหันไปสบตากับชายหนุ่ม "ป้าขอให้คุณและคุณหนูครองรักกันยาวนาน แม้นมีอุปสรรคก็ขอให้พากันผ่านพ้นไปด้วยดี ฝากดูแลคุณหนูของป้าด้วยนะคะ"

....."ได้ครับ" กานต์ตอบและให้คำมั่นสัญญาว่าเขาจะดูแลและปกป้องหญิงสาวข้างกายตลอดไป

....."สุดท้ายนี้...มีหลานให้ป้าอุ้มไวๆ นะคะ" ป้านวลกล่าว ระบายยิ้มทั่วใบหน้า

....."ป้านวล!" ดารการ้องอย่างตกใจปนเขิน เธอกำลังจะกล่าวคำขอบคุณอยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคสุดท้ายของผู้เลี้ยงดูเธอมา

....."ญาติฝ่ายชายต่อเลยครับ" วรุตม์เอ่ยหลังจากที่เสียงหัวเราะของผู้มาร่วมงานซาลง

.....ดารกากำลังมองว่าญาติของชายหนุ่มข้างกายเป็นใคร ชายหญิงคู่หนึ่งที่เธอได้ให้ความเห็นว่าหน้าตาคล้ายกานต์ ก็มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอกับเขา เธอหันไปหาชายหนุ่มพลางส่งสายตาถามว่า พวกเขาคือใครเหรอ

....."นี่คือท่านพ่อกับท่านแม่ของฉันยังไงล่ะ" ชายหนุ่มเอ่ย

.....หญิงสาวทำตาโต ท่านพ่อกับท่านแม่เหรอ หมายความว่าพวกเขาก็เป็นกามเทพน่ะสิ เพื่อความแน่ใจ ดารกาจึงถามขึ้นอย่างแผ่วเบาว่า "พวกท่านเป็นกามเทพใช่ไหมคะ"

....."ใช่แล้วจ้ะ หนูสวยมากนะ" หญิงวัยกลางคนที่ความสวยยังไม่สร่างกล่าว เธอจับมือดารกาขึ้นมากุม "หนูเก่งมากที่ทำให้ลูกชายของแม่ยิ้ม แล้วก็หัวเราะได้"

.....ดารกาหัวเราะแหะๆ เธอทำตัวไม่ถูกเลยเมื่ออยู่ต่อหน้ากามเทพทั้งสองตน "หระ-เหรอคะ"

....."ทำตัวตามสบายเถอะ พ่อต้องขอฝากลูกชายของพ่อด้วยนะ" ชายที่กานต์ถอดแบบออกมากล่าว "ความรักของพวกลูกช่างยิ่งใหญ่ จงรักษามันไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเจอกับอุปสรรคอะไร ก็ขอให้ใช้ความรักที่มีต่อกันผ่านพ้นสิ่งเหล่านั้นไปนะ"

....."ขอให้พวกลูกรักกันตลอดไปนะจ๊ะ" ท่านแม่เอ่ยปิดท้าย ก่อนที่เธอและผู้เป็นสามีจะเดินกลับไปที่เดิม

....."ให้เจ้าสาวโยนช่อดอกไม้ดีกว่าค่ะ" จิตรวรรณพูด ไม่รู้ว่ารับหน้าที่พิธีกรจำเป็นตั้งแต่เมื่อไหร่

....."ดาวจะโยนแล้วนะคะ" ดารกาพูดพร้อมกับหันหลังกลับ แล้วเธอก็โยนช่อดอกไม้

.....หญิงสาวในงานส่วนใหญ่ต่างพากันวิ่งไปรับ ทว่าช่อดอกไม้กลับลอยไปหาคนที่ไม่ได้สนใจมองเสียนี่ เมื่อเธอคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาอีกที ช่อดอกไม้ก็ลอยเข้ามาจะหล่นใส่ศีรษะของเธออยู่แล้ว เธอเอื้อมมือขึ้นคว้ามันตามสัญชาตญาณป้องกันตัว แต่แทนที่เธอจะได้สัมผัสกับช่อดอกไม้ เธอกลับสัมผัสถูกมือที่หยาบกร้านของใครคนหนึ่งแทน

....."ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ" เขาถาม เดินมาปรากฏตัวตรงหน้าเธอ

....."มะ-ไม่ค่ะ" เธอตอบ

.....ทั้งสองสบตากันอยู่เนิ่นนาน ก่อนที่ทั้งคู่จะเบือนหน้าหนีกันไปคนละทาง หญิงสาวคิดว่าผู้ชายตรงหน้าช่างหน้าตาดีเสียนี่กระไร และดูท่าทางเขาจะเป็นสุภาพบุรุษกับผู้หญิงอีกด้วย เขาเป็นชายหนุ่มลูกครึ่ง (ครึ่งอะไรเธอก็ไม่ทราบ) แต่เขามีคิ้วที่หนา ตาคมสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่ง และริมฝีปากบาง ซึ่งเธอคิดว่าใครได้เห็นเป็นต้องหลงรักเขาเป็นแน่ (เป็นเพราะเขาหล่อนั่นแหละ แล้วนี่เธอทำไมต้องไปสนใจเขาด้วยนะ เธอคิดอย่างแปลกใจในตัวเอง)

.....ส่วนชายหนุ่มก็คิดทำนองเดียวกันกับหญิงสาว เขาคิดว่าเธอช่างสวยและเอาใจใส่เรื่องการแต่งกายเป็นอย่างดี เขาหวังว่าคนที่เขากำลังตามหาคงจะเป็นเหมือนเธอ เพราะเขาอยากได้ดีไซเนอร์ฝีมือดีคนหนึ่งมาร่วมงานด้วย ที่เขามางานแต่งงานนี้เป็นเพราะเพื่อนของเขาบอกว่า ดีไซเนอร์ฝีมือดีคนนั้นอยู่ที่นี่

....."คุณรู้จักคนที่ชื่อมาริสาหรือเปล่าครับ" ชายหนุ่มหันกลับมามองหน้าหญิงสาวอีกครั้ง

....."คุณมีอะไรหรือเปล่าคะ ถึงได้ถามหาเธอ" เธอไม่ตอบ แต่ถามเขากลับ

....."พอดีผมอยากให้เธอช่วยออกแบบเสื้อให้คุณแม่ผมหน่อย เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้คุณแม่ผมน่ะครับ" ชายหนุ่มตอบ เขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาจะบอกเหตุผลกับเธอทำไม

....."เธอก็ยืนอยู่ตรงหน้าคุณแล้วนี่ไงคะ" เธออมยิ้มกับท่าทางของเขา ที่รู้สึกเก้อเขินเมื่อได้รู้ความจริง

....."เหรอครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ ผมชื่ออลันครับ" ชายหนุ่มเอ่ยพร้อมกับยื่นมือมาทักทาย

.....มาริสายื่นมือไปทักทายตอบ ก่อนจะเหลือบไปเห็นสายตาของเพื่อนสาวที่เป็นคนโยนช่อดอกไม้ลอยมาหาเธอ ดารกาส่งสายตาบอกกับเธอว่า "คำถามที่เธอถามเมื่ออยู่ในห้องแต่งตัว คงได้รับคำตอบแล้วสินะ"

.....มาริสาก็ไม่ค่อยเข้าใจนักหรอก แต่เธอคิดว่าหากเธอกับผู้ชายตรงหน้าเป็นเพื่อนกันก็คงจะดีไม่น้อย เธอส่งยิ้มให้เขา

.....หลังจากที่การโยนช่อดอกไม้เสร็จสิ้น วรุตม์ก็พูดขึ้นมาให้ทุกคนได้ยินว่า "ใครอยากเห็นเจ้าบ่าวเจ้าสาวจูบกันบ้างครับ"

.....ดารกาหันไปมองค้อนคนพูด ก่อนที่เธอจะได้ยินเสียงผู้คนในงานตะโกนเป็นคำพูดเดียวกันอย่างพร้อมเพรียง "จูบเลย จูบเลย จูบเลย" เธอมองใบหน้าลุ้นของทุกคน แล้วหันกลับมามองหน้าของคนที่ยืนอยู่ข้างๆ เขามองเธอนิ่งๆ ราวกับรอว่าเธอจะพูดอะไรออกมาไหม

....."ทำไง- อะ อื้อ" ดารกาเอ่ยปากถาม แต่เธอไม่ทันได้ถามจบ เพราะชายหนุ่มได้ตอบคำถามของเธอ โดยการใช้ปากของเขาปิดปากของเธอเสียก่อน

....."เฮ!" เสียงร้องและเสียงปรบมือด้วยความพึงพอใจดังสนั่นไปทั่วบริเวณงาน ทุกใบหน้าล้วนอยู่ในอารมณ์ปลื้มปิติ บางคนถึงกับร้องไห้น้ำตาซึมด้วยความดีใจที่เห็นการแสดงความรักอย่างเปิดเผยเช่นนี้ พวกเขาหวังว่าจะเจอรักแท้แบบนี้บ้างในสักวัน

....."นายทำอะไรน่ะ บอกกันก่อ-" ดารกาเอ่ย เมื่อกานต์ถอนริมฝีปากของเขาออก ทว่าแค่เพียงชั่วครู่เท่านั้น เขาไม่ยอมให้เธอได้รับอิสระนั่นเลย

.....กานต์รั้งต้นคอของดารกาให้เข้ามามากยิ่งขึ้น เพื่อที่เธอจะได้ถอนริมฝีปากออกจากเขาไม่ได้ ในตอนแรกเธอพยายามที่จะเบือนหน้าหนี แต่เขาก็ไม่ปล่อยให้เธอได้มีโอกาสนั้น เขามอบจุมพิตอันร้อนแรงให้เธอ จนเธออ่อนระทวยในอ้อมกอดเขา เมื่อเขาคิดว่าเธอหมดฤทธิ์แล้ว เขาจึงลดการร้อนแรงลง เปลี่ยนมาจูบเธอแบบอ่อนโยนแทน

.....ดารกาหลับตาเมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มทำอะไรกับเธอ เธอพยายามดิ้นให้หลุดจากสัมผัสอันร้อนแรงนั้น แต่เธอก็ไม่สามารถทำอย่างที่ใจต้องการได้เลย เธอจึงหยุดดิ้นแล้วจูบตอบเขา สัมผัสต่อมาของเขาจึงไม่ร้อนแรงเท่าตอนแรก มันอ่อนลงจนกลายเป็นจุมพิตที่อ่อนโยนที่สุดที่เธอได้รับ เธอกับเขาจูบกันเนิ่นนานไม่สนใจสิ่งรอบตัวที่กำลังดำเนินไป หากเธอลืมตาขึ้นมามองสักนิด เธอจะเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวช่างงดงาม

.....กลีบกุหลาบขาวและแดงปะปนกันล่วงกราวลงมาจากฟากฟ้า ตรงที่ชายหญิงทั้งสองกำลังจูบกันอย่างดูดดื่ม พวกมันไม่ได้ถูกโปรย หากแต่พวกมันไหลออกมาจากปลายนิ้วมือทั้งสิบของสองกามเทพ พวกเขาต่างพากันล่องลอยขึ้นไปด้านบน แล้วปล่อยให้กลีบกุหลาบไหลออกมาจากปลายนิ้วช้าๆ ปีกกามเทพโบกสะบัดอย่างเอื่อยๆ พวกเขาหันมายิ้มให้กันก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะจางหายไป เหลือไว้แต่กลีบกุหลาบนับร้อยนับพันกลีบที่ยังร่วงลงมาไม่ขาดสาย


ความรักทำให้โลกใบนี้งดงามและน่าอยู่ขึ้นมากจริงๆ







จบบริบูรณ์







your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ May 14 2013, 03:28 PM
โพสต์ #18


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง






_____________________________

กล่าวปิดเรื่อง

_____________________________




ไหนๆๆ ใครยังไม่รู้จักชื่อผู้เขียนบ้าง (มีใครสนใจด้วยเหรอ = =") เค้าชื่อแก๊ปน้า สะกดแบบนี้นะคะ แก๊ป (เน้นๆ เลย สะกดกันผิดบ่อยมาก T^T ชื่อเค้าเขียนยากเหรอ ฮือๆ)


เป็นอย่างไรกันบ้างคะ สำหรับนิยายรัก (ขอเรียกว่านิยายเนอะ ไม่ถนัดคำว่าฟิคชั่น 555) เรื่องแรกของเค้า
เค้าอยากจะเปลี่ยนประเภทจากรักโรแมนติกเป็นรักเฉยๆ จัง เพราะไม่เห็นว่ามันจะโรแมนติกตรงไหนเลย = =
สนุกไม่สนุกก็ให้วิจารณ์กันมาได้นะคะ เพราะคำวิจารณ์นั้นมีค่ามากๆ สำหรับการเขียนนิยายสักเรื่อง
หากขาดคำวิจารณ์เค้าก็ไม่รู้ว่าตัวเองผิดตรงไหนบ้าง มันจะพลอยทำให้คนอ่านไม่สนุกกันไปด้วย


สำหรับบทส่งท้ายตอนแรกก็ไม่คิดจะเขียนหรอกค่ะ แต่ว่าเค้าอยากเห็นฉากแต่งงานของดารกากับกานต์อ่ะ เลยสนองความต้องการของตัวเองซะเลย 555
หากไม่สนุก ไม่โดนใจ ก็ต้องขอกราบอภัยทุกๆ คนด้วยนะคะ คิดๆ แล้วก็ไม่น่าเอาลงเล้ย (วบพส.)
เพราะเป็นตอนที่รีบเขียนมากๆ กลัวไม่ทัน สำนวนก็เลยไม่ค่อยจะดี (มันไม่ดีมาตั้งแต่ต้นแล้วล่ะ T T)
แต่ยังไงๆ ก็เอาลงไปแล้ว เพราะฉะนั้นช่วยอ่านหน่อยนะ 555


ไหนๆ ก็จบเรื่องแล้วเนอะ เค้าก็มีเพลงมาให้ทุกคนฟังล่ะ เป็นเพลงของที่รักเค้าเอง >//< (ไม่ใช่ล่ะ 555)
เพลงของพี่บี้ค่ะ ศิลปินคนโปรด ชื่อเพลงว่า เผลอรักหมดใจ (ถึงจะนานแล้ว แต่เค้าก็ชอบมากจริงๆ >0<)




สุดท้ายนี้ขอขอบคุณพี่แพร์มากๆๆ ค่ะที่คอยเม้นคอยอ่านนิยายเรื่องนี้ทุกตอน
ขอขอบใจน้องชมที่มาเติม มาให้กำลังใจ ทำให้พี่มีแรงเขียนต่อจนจบ
และก็ขอขอบคุณคนอื่นๆ ด้วยนะคะที่คอยอ่านคอยติดตามแล้วก็วิจารณ์ให้ด้วย
หากไม่มีทุกๆ คน เค้าคงถอดใจไปตั้งแต่ตอนที่ห้าแล้วล่ะ
ขอขอบคุณทุกๆ คนมากจริงๆ ค่ะ ^/\^


เค้าไม่อยากพูดคำว่าลาก่อนเพราะฉะนั้นเค้าจึงเลือกที่จะพูดคำนี้แทน

สวัสดีค่ะ ^^







your name.
Go to the top of the page
+Quote Post

Closed TopicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 16th June 2024 - 07:31 PM