IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Reply to this topicStart new topic
> แฮร์รี่ พอตเตอร์
Albus Dumbledore
โพสต์ Jul 23 2011, 10:59 AM
โพสต์ #1


อาจารย์ใหญ่

******




กลุ่ม : อาจารย์ใหญ่
โพสต์ : 1,594
เข้าร่วม : 9-August 08
จาก : ฮอกวอตส์
หมายเลขสมาชิก : 1
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เอลเดอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง








แฮร์รี่ พอตเตอร์ (Harry Potter)




ชื่อ - นามสกุล : แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ (Harry James Potter)
วัน เดือน ปีเกิด : เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฏาคม ค.ศ. 1980
ลักษณะทางกายภาพ : เด็กหนุ่มผอมแห้ง หัวเข่าโปน ใส่แว่นตากลม ผมดำดกหนาชี้ไม่เป็นทรง
สถานะทางเลือด : เลือดผสม (Half-blood)
ไม้กายสิทธิ์ : ไม้ฮอลลี่ ยาว 11 นิ้ว แกนขนนกฟีนิกส์, ไม้ฮอร์ธอร์น แกนขนหางยูนิคอร์น (จากเดรโก), ไม้เอลเดอร์ ยาว 15 นิ้ว แกนขนเธสตรอล
บ็อกการ์ด : ผู้คุมวิญญาณ
ผู้พิทักษ์ : กวางตัวผู้
บ้านในฮอกวอตส์ : กริฟฟินดอร์
อาชีพ : หัวหน้ามือปราบมาร และหัวหน้ากองบังคับควบคุมกฎหมายทางเวทมนตร์



ชีวิตในวัยเด็กของพอตเตอร์

แฮร์รี่ เจมส์ พอตเตอร์ (Harry James Potter) เกิดเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม ค.ศ. 1980 บุตรชายเพียงคนเดียวของเจมส์ พอตเตอร์ พ่อมดเลือดบริสุทธิ์ และลิลี่ พอตเตอร์ (นามสกุลเดิม เอฟเวนส์) แม่มดที่เกิดจากครอบครัวมักเกิ้ล ทั้งเจมส์และลิลี่ต่างก็เป็นสมาชิกรุ่นแรกของภาคีนกฟีนิกซ์ กลุ่มคนที่ต่อต้านผู้เสพความตาย ผู้ที่จงรักภักดีและรับใช้ลอร์ดโวลเดอมอร์ ซึ่งถูกก่อตั้งขึ้นโดยอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในระหว่างที่เกิดเหตุการณ์สงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่หนึ่ง โดยลิลี่ได้ให้กำเนิดลูกชายของเธอหลังจากที่เนวิลล์ ลองบัตท่อม ลูกชายของอลิซและแฟรงก์ ลองบัตท่อมเกิดขึ้นมาเพียงไม่กี่ชั่วโมง และนับตั้งแต่วินาทีที่ครอบครัวพอตเตอร์ได้ให้กำเนิดลูกชาย พวกเขาก็ต้องคอยหลบซ่อนตัวจากการตามล่าของโวลเดอมอร์เรื่อยมานับตั้งแต่นั้น เนื่องจากแฮร์รี่เป็นเด็กที่อยู่ในคำทำนายว่าเมื่อเติบโตขึ้น เขาจะเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถเอาชนะเจ้าแห่งศาสตร์มืดลงได้

ครอบครัวพอตเตอร์อาศัยอยู่ในก็อดดริกส์โฮลโล่ หมู่บ้านในโลกมักเกิ้ลแต่ปะปนไปด้วยผู้วิเศษมากมาย โดยดัมเบิลดอร์ได้แนะนำให้ทั้งคู่ไปซ่อนตัว และถ้าจะให้ดีที่สุดพวกเขาก็ควรเลือกใช้คาถาฟิเดลลิอัส กับบ้านที่พวกเขาหลบภัย (คาถาฟิเดลลิอัส เป็นคาถาซ่อนความลับไว้ในวิญญาณของคนเพียงคนเดียว ข้อมูลจะซ่อนอยู่ในตัวคนที่เลือกมาหรือที่เรียกว่า ผู้รักษาความลับ และตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไปก็จะไม่มีใครหาพบ เว้นเสียแต่ ผู้รักษาความลับจะปูดมันออกมาด้วยความสมัครใจ) เจมส์กับลิลี่ได้เลือกซิเรียส แบล็ก ให้ทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความลับในตอนแรก แต่จากคำแนะนำของซิเรียส ทำให้ในท้ายที่สุดตำแหน่งผู้รักษาความลับก็ได้ตกไปอยู่กับปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ บุคคลที่พวกเขาคิดว่าน่าสงสัยและเป็นจุดสนใจน้อยที่สุด แต่แล้วชะตากรรมของพวกเขาก็ต้องพลิกผันไปเพราะการตัดสินใจที่ผิดพลาด อันนำหายนะมาสู่ครอบครัวพอตเตอร์ในเวลาต่อมา เมื่อเพ็ตติกรูว์ที่กำลังหวาดกลัวต่อการแผ่ขยายอิทธิพลของโวลเดอมอร์ เขาจึงตัดสินใจทรยศต่อครอบครัวพอตเตอร์ และนำข้อมูลของพวกเขาไปมอบให้แก่จอมมาร และต่อมาเพ็ตติกรูว์ก็ได้สร้างหลักฐานการเสียชีวิตปลอมขึ้นมา เพื่อโยนความผิดให้กับซิเรียส ทำให้ต่อมาเขาต้องชดใช้ความผิดที่เขาไม่ได้ก่อขึ้นในคุกอัซคาบันเป็นเวลาหลายสิบปี

เมื่อวันที่แฮร์รี่ พอตเตอร์เกิด ลิลี่และเจมส์ได้จัดเตรียมพิธีตั้งชื่อให้กับลูกชายของพวกเขาอย่างรวดเร็ว และเป็นความลับมากที่สุด มีแค่เพียงแค่ซิเรียสเท่านั้นที่ถูกเชิญมามาร่วมงาน ซิเรียสได้มาร่วมงานพร้อมกับมอบของขวัญชิ้นแรกให้กับแฮร์รี่อย่าง ไม้กวาดของเล่น ซึ่งลิลี่ได้เขียนอธิบายในจดหมายว่าของขวัญของซิเรียส ถือเป็นของขวัญที่ลูกชายของเธอโปรดปรานมากที่สุด เมื่อเทียบกับแจกันของป้าของเด็กชาย ที่ได้ประสบชะตากรรมที่แตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ครอบครัวพอตเตอร์ยังจัดปาร์ตี้น้ำชาขึ้นอย่างเงียบ ๆ เพื่อเป็นการฉลองวันเกิดของแฮร์รี่กับแม่มดเฒ่าอย่างบาธิลดา แบ็กช็อต

แม้ว่าครอบครัวพอตเตอร์จะต้องอาศัยอยู่อย่างอึดอัดมาเป็นเวลานาน แต่พวกเขาก็ยังคงใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเรื่อยมา จนกระทั่งช่วงหัวค่ำของคืนฮาโลวีนของปี ค.ศ. 1981 วันที่โวลเดอมอร์ปรากฏตัวที่หมู่บ้านก็อดดริกส์โฮลโล่ เพื่อไปหาครอบครัวพอตเตอร์ หลังจากที่ข้อมูลถูกเพ็ตติกรูว์เปิดเผย คาถาฟิเดลลิอัสก็เสื่อมลงด้วยเช่นกัน บัดนั้นโวลเดอมอร์ก็สามารถมองเห็นจุดหมายปลายทาง ในขณะที่ครอบครัวพอตเตอร์ยังไม่ทันได้รู้ตัวและเตรียมรับมือ โวลเดอมอร์ใช้ไม้กายสิทธิ์ระเบิดประตูออก ทันทีที่เขาเข้าไปถึงธรณีประตูหน้าห้อง ร่างของเจมส์ก็ปรากฏขึ้นขวางทางโวลเดอมอร์ไว้ แต่โชคไม่ดีนักที่เจมส์ไม่ได้พกไม้กายสิทธิ์ติดตัวเขาออกมาด้วย จึงทำให้เจมส์ถูกคำสาปพิฆาตพรากชีวิตไปในเวลาอันรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับเจมส์ ลิลี่ไม่ได้พกไม้กายสิทธิ์ติดตัวเธอขึ้นไปที่ชั้นบน เธอรีบยกข้าวของที่มีมากั้นประตูไว้เพื่อถ่วงเวลา เมื่อประตูถูกโวลเดอมอร์ใช้เวทมนตร์เปิดออก โวลเดอมอร์ก็พบกับลิลี่ที่ยืนอยู่พร้อมอุ้มเด็กชายไว้ในอ้อมแขน ทันทีที่เธอเห็นเขา เธอจึงวางแฮร์รี่ลงในเตียงเด็กข้างหลัง จากนั้นเธอก็เอาตัวเองยืนกั้นไว้ อย่างไรก็ตาม โวลเดอมอร์ที่ไม่มีความเมตตาสงสารอยู่ในจิตใจ ก็ได้ใช้ไม้กายสิทธิ์ของเขาร่ายคำสาปออกไปอีกครั้ง จนกระทั่งคำสาปดังขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเป้าหมายก็คือเด็กชายไร้เดียงสาที่กำลังจ้องมองเขาอยู่ในเปล แต่ทว่าผลของคำสาปกลับสะท้อนกลับ และเป็นร่างของโวลเดอมอร์เองที่แหลกสลาย เนื่องจากเวทมนตร์โบราณที่ลิลี่ได้สร้างขึ้นคุ้มครองลูกชายของเธอไว้ เกราะวิเศษที่สร้างขึ้นจากความรักและความเสียสละของเธอเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อวิญญาณและร่างกายของโวลเดอมอร์ถูกฉีกขาดออกจากกันอีกครั้ง แฮร์รี่กลายเป็นฮอร์ครักซ์ชิ้นที่เจ็ดของโวลเดอมอร์ อันเป็นฮอร์ครักซ์ที่เขาไม่ได้ตั้งใจสร้างขึ้น โวลเดอมอร์ไม่เพียงแค่ทิ้งส่วนหนึ่งของตัวเองไว้กับแฮร์รี่ แต่ทว่า เขาได้ฝากรอยแผลเป็นรูปสายฟ้าฟาดไว้บนหน้าผาก ของแฮร์รี่อีกเช่นกัน ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่เชื่อมโยงความสัมพันธ์ ระหว่างโวลเดอมอร์และแฮร์รี่ในเวลาต่อมา

หลังจากเหตุการณ์เพียงไม่กี่ชั่วโมง รูเบอัส แฮกริดก็ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางซากปรักหักพังของบ้านที่ถูกทำลายเกือบหมด แฮกริดได้นำตัวแฮร์รี่ออกมาได้ก่อนที่บรรดามักเกิ้ลในละแวกนั้นจะเข้าไปมุงดู ระหว่างการเดินทาง แฮกริดถูกขัดขวางโดยซิเรียส ซึ่งซิเรียสได้อ้อนวอนให้แฮกริดมอบตัวแฮร์รี่ให้แก่เขา เพื่อนำตัวเด็กชายไปดูแลและปกป้อง แต่ทว่าแฮกริดกลับปฏิเสธคำขอร้องของซิเรียส โดยแฮกริดอธิบายว่าเขาปฏิบัติตามคำสั่งของดัมเบิลดอร์ ที่ให้นำตัวแฮร์รี่ออกไปให้รวดเร็วที่สุด สุดท้ายแม้ว่าซิเรียสจะไม่พอใจนัก แต่เขาก็ยอมปล่อยให้แฮกริดออกเดินทางต่อ โดยซิเรียสได้นำมอเตอร์ไซค์บินได้ของเขามอบให้แฮกริดยืมเป็นการชั่วคราว เพื่อส่งตัวเด็กชายให้ถึงที่หมายอย่างปลอดภัย ในระหว่างนั้นแฮร์รี่ก็ได้นอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของแฮกริด ตอนที่พวกเขาบินข้ามบริสตัลเพื่อเดินทางมายังบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต

ดัมเบิลดอร์ตั้งใจฝากแฮร์รี่ไว้กับลุงและป้าของเขา อย่างเวอร์นอน เดอร์สลีย์ และเพ็ตทูเนีย เดอร์สลีย์ (นามสกุลเดิม เอฟเวนส์) เนื่องจากสองคนนี้เป็นเพียงครอบครัวเดียวที่แฮร์รี่เหลืออยู่ ดัมเบิลดอร์เดินทางมาสมทบกับศาสตราจารย์มักกอนนากัล แม่มดวัยกลางคนที่ได้มาสำรวจพฤติกรรมของครอบครัวเดอร์สลีย์มาระยะหนึ่งก่อนแล้ว ดัมเบิลดอร์ได้วางแฮร์รี่ไว้ที่บันไดหน้าบ้านของเดอร์สลีย์ พร้อมกับจดหมายที่เขาเขียนอธิบายเรื่องราวความเป็นมาทุกอย่าง โดยหวังว่าป้าและลุงของเขาจะอธิบายทุกอย่างให้เขาได้รู้เมื่อเขาเติบโตขึ้น แต่เหตุการณ์ทุกอย่างกลับไม่เป็นเช่นนั้น แฮร์รี่ได้เติบโตขึ้นมาโดยที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับโลกผู้วิเศษเลยแม้แต่น้อย นอกจากนี้เวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย ก็ยังทำทุกวิถีทางที่จะกีดกันแฮร์รี่จากการเล่นกล หรือเรื่องแปลกประหลาดที่แฮร์รี่สามารถทำได้



ชีวิตในบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต

เนื่องจากสมาชิกทุกคนในครอบครัวเดอร์สลีย์เป็น มักเกิ้ล (คนธรรมดาที่ไม่มีเวทมนตร์) และพวกเขาเองก็ภาคภูมิใจในความเป็นคนธรรมดาของพวกเขามากกว่าสิ่งใด ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการรับรู้ หรือยอมรับว่าแฮร์รี่นั้นเป็นพ่อมด ถึงแม้ว่าเวอร์นอนและเพ็ตทูเนีย จะทราบดีว่าเรื่องทั้งหมดที่ถูกเขียนในจดหมายที่แนบมาพร้อมแฮร์รี่จะเป็นเรื่องจริง และน้องสาวของเพ็ตทูเนียอย่าง ลิลี่ ก็เป็นแม่มดเช่นเดียวกัน นอกจากพวกเขาทั้งสองจะปิดกั้นความจริงที่ว่าแฮร์รี่เป็นพ่อมดแล้ว พวกเขายังพูดบิดเบือนความจริง เกี่ยวกับการตายของเจมส์และลิลี่ให้กับแฮร์รี่ฟังอยู่เสมอว่า พวกเขาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถชน เนื่องจากเจมส์ดื่มเหล้าจนเมา และแผลเป็นรูปสายฟ้าของแฮร์รี่ก็ได้มาจากอุบัติเหตุในครั้งนั้น

เวลาล่วงเลยเกือบสิบปีผ่านไป นับตั้งแต่วันที่ครอบครัวเดอร์สลีย์ตื่นขึ้นมา แล้วพบกับหลานชายที่บันไดหน้าบ้าน แฮร์รี่เติบโตมาพร้อมกับการสร้างเหตุการณ์ประหลาดๆ อยู่เสมอ อย่างเช่น การที่เพ็ตทูเนียรำคาญใจกับทรงผมแฮร์รี่ของแฮร์รี่อยู่เสมอ ครั้งหนึ่งเธอจึงคว้ากรรไกรในครัวมากร้อนผมแฮร์รี่เสียจนเกือบโล้น แต่เมื่อแฮร์รี่ตื่นขึ้นก็พบว่าผมของเขากลับมายาวเหมือนเดิม ก่อนหน้าที่เพ็ตทูเนียจะลงมือกร้อน หรือจะเป็นเหตุการณ์ที่เวอร์นอนตัดสินใจพาแฮร์รี่ไปเที่ยวสวนสัตว์ครั้งแรก เนื่องจากปกติแฮร์รี่จะถูกฝากไว้ที่ห้องนั่งเล่นของมิสซิสฟิกก์ ที่เหม็นกลิ่นกะหล่ำปลีเสมอ เมื่อครอบครัวเดอร์สลีย์ออกไปข้างนอก แฮร์รี่ได้รับรู้ว่าเขาสามารถพูดภาษางูได้ หรือที่เรียกกันว่าพาร์เซลเมาท์ แต่เรื่องก็ยังไม่จบเมื่อแฮร์รี่สามารถทำให้กระจกของสวนงูหายวับไป จนทำให้งูเหลือมบราซิลขนาดใหญ่หลุดออกมา



โรงเรียนประถมต้นเซนต์กริกอรี และจดหมายจากฮอกวอตส์

แฮร์รี่กับดัดลีย์ได้เข้าเรียนที่โรงเรียนประถมของมักเกิ้ลอย่าง โรงเรียนประถมต้นเซนต์กรอกอรี ที่โรงเรียนไม่มีใครอยากเป็นเพื่อนกับแฮร์รี่เลย เนื่องจากเด็กนักเรียนทุกคน ไม่อยากเป็นศัตรูกับพรรคพวกของดัดลีย์ เมื่อแฮร์รี่โตขึ้นจนถึงวัยประถมปลาย หากเขาไม่ได้ไปเรียนที่โรงเรียนฮอกวอตส์ แฮร์รี่ก็จะถูกส่งไปเรียนต่อที่โรงเรียนสโตนวอลล์ไฮ ซึ่งตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมา แฮร์รี่ไม่เคยได้รับการจัดงานฉลองวันเกิดเลยสักครั้ง จนกระทั่งเมื่อวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของเขามาถึง นอกจากแฮร์รี่จะได้รับเค้กก้อนแรกในรอบสิบปีแล้ว เขายังได้รู้เกี่ยวกับตัวตนที่แท้จริงของเขาอีกเช่นกัน โดยในตลอดทั้งสัปดาห์ของวันเกิดแฮร์รี่ จดหมายจากโรงเรียนฮอกวอตส์หลายร้อยฉบับ ถูกนกฮูกไปรษณีย์ส่งมายังกล่องไปรษณีย์ หน้าต่าง แม้กระทั่งทางปล่องไฟเตาผิงของบ้านเดอร์สลีย์ และเมื่อเวอร์นอนเห็นจดหมายฉบับแรกที่ถูกส่งมาให้แฮร์รี่ ใบหน้าของเวอร์นอนก็เปลี่ยนจากสีแดง กลายเป็นสีเขียวคล้ำอย่างรวดเร็ว แล้วอีกไม่กี่วินาทีต่อมามันก็กลายเป็นสีขาวอมเทา เวอร์นอนพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อกำจัดจดหมายทุกฉบับที่จ่าหน้าซองถึงแฮร์รี่

จนสุดท้ายเวอร์นอนไม่อาจทนกำจัดจดหมายที่พยายามส่งเข้ามา ตามช่องทางภายในบ้านของเขาทุกๆ วินาทีได้ ครอบครัวเดอร์สลีย์และแฮร์รี่จึงต้องย้ายมาพักอาศัยอยู่ที่โรงแรมเรลวิว ในเมืองโค้กเวิร์ธ แต่ทว่าเวอร์นอนก็ยังได้รับแจ้งจากพนักงานต้อนรับว่า มีจดหมายจ่าหน้าซองถึงแฮร์รี่ พอตเตอร์ กองอยู่เป็นร้อย สุดท้ายเวอร์นอนจึงจอดรถของเขาไว้ที่ชายฝั่งทะเล และพาทุกคนเข้าไปพักอยู่ในกระท่อมขนาดเล็ก ที่ตั้งอยู่บนก้อนหินใหญ่กลางทะเล ตกดึกคืนนั้นทุกคนกำลังหลับสนิท ยกเว้นแฮร์รี่ ที่กำลังรอฉลองวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของเขาอย่างใจจดใจจ่อ ในนาทีสุดท้ายก่อนจะถึงวันเกิดของเขา เสียงปังที่ประตูก็ดังขึ้น กระท่อมทั้งหลังสั่นสะเทือน จากนั้นประตูก็ถูกกระแทกอย่างแรงจนบานพับหลุดกระเด็นออกมา เผยให้เห็นชายร่างยักษ์ ผมยาวรุงรังเหมือนขนแผงคอสัตว์ เคราพันกันยุ่งเหยิง รูเบอัส แฮกริดเบียดจนตัวเองสามารถเข้ามาอยู่ข้างในได้ และทักทายแฮร์รี่โดยการมอบเค้กวันเกิดให้กับเด็กชาย ตามด้วยการแนะนำตัวเองตามมาหลังจากนั้น แฮกริดถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบว่าทำไมจดหมายจากฮอกวอตส์ จึงยังไม่ถูกส่งไปถึงมือของแฮร์รี่เสียที เมื่อได้รู้ความจริงแฮกริดก็รู้สึกเดือดดาลมากกับการกระทำของเดอร์สลีย์ หลังจากนั้นเขาจึงอธิบายความจริงเกี่ยวกับโลกผู้วิเศษให้แฮร์รี่ฟัง รวมถึงเรื่องที่แฮร์รี่มีรายชื่ออยู่ในโรงเรียนฮอกวอตส์ตั้งแต่เขาเกิด

แฮกริดกับแฮร์รี่ไปจับจ่ายซื้ออุปกรณ์การเรียนที่ตรอกไดแอกอน ด้วยกันก่อนที่โรงเรียนฮอกวอตส์จะเปิดเรียน หลังจากเค้กก้อนและ แฮกริดยังซื้อนกฮูกหิมะให้เป็นของขวัญกับแฮร์รี่อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแฮร์รี่ได้ตั้งชื่อมันว่า เฮ็ดวิก ก่อนจะไปซื้ออุปกรณ์ แฮกริดได้พาแฮร์รี่ไปเบิกเงินเกลเลียน ที่เจมส์กับลิลี่ฝากไว้ในตู้นิรภัยของธนาคารกริงกอตส์ หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้แวะไปที่ร้านไม้กายสิทธิ์โอลลิแวนเดอร์ เพื่อซื้อไม้กายสิทธิ์ด้ามแรกของแฮร์รี่ ไม้กายสิทธิ์ที่เลือกแฮร์รี่คือ ไม้ฮอลลี่ ยาว 11 นิ้ว แกนกลางขนนกฟีนิกซ์ ดีและอ่อนนุ่ม ซึ่งขนนกฟีนิกซ์ที่ให้ขนแก่โอลลิแวนเดอร์นั่นก็คือ ฟอกส์ นกฟีนิกซ์ของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ และเป็นนกฟีนิกซ์ที่ให้ขนถึงสองครั้ง ซึ่งเป็นกรณีที่หายากมาก โดยเจ้าของไม้กายสิทธิ์ที่มีแกนกลางเดียวกันก็คือ ทอม ริดเดิ้ล หรือลอร์ดโวลเดอมอร์ในเวลาต่อมานั่นเอง



โรงเรียนฮอกวอตส์ (ชั้นปีหนึ่งถึงชั้นปีหก)

ในวันที่ 1 กันยายน 1991 แฮร์รี่ได้พบกับรอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ เป็นครั้งแรกบนรถไฟด่วนฮอกวอตส์ ต่อมาที่พิธีคัดสรรของนักเรียนใหม่ เมื่อถึงคราวของแฮร์รี่ ห้องโถงก็ดังไปด้วยเสียงกระซิบจากนักเรียนทั่วทุกมุมห้อง ในตอนแรกหมวกคัดสรรได้บอกกับแฮร์รี่ว่า เขาจะยิ่งใหญ่มากถ้าหากเขาขอให้มันส่งไปอยู่ในบ้านหลังนั้น หลังจากที่โต้เถียงกันอยู่สักพักหนึ่ง แฮร์รี่ที่ยืนกรานว่าเขาไม่ต้องการบ้านสลิธีริน ทั้งสามคนทั้งแฮร์รี่, รอน และเฮอร์ไมโอนี่ จึงได้ถูกคัดสรรไปอยู่ในบ้านหลังเดียวกันอย่างกริฟฟินดอร์ รอนและแฮร์รี่สนิทสนมกันในเวลาอันรวดเร็ว แตกต่างจากเฮอร์ไมโอนี่ ที่ในตอนแรกพวกเขามีทีท่าว่าจะห่างเหินกันมาเสียด้วยซ้ำ แต่ภายหลังจากคืนฮาโลวีนที่โทรลล์ภูเขาหลุดเข้ามาในปราสาท ทั้งสามก็ได้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ต่อมาในชั้นเรียนการบินหลังจากที่แฮร์รี่แสดงทักษะและไหวพริบอันยอดเยี่ยม ในการรับลูกแก้วเตือนความจำของเนวิลล์ ลองบัตท่อม ที่ถูกเดรโก มัลฟอยแย่งเอาไปกลับคืนมาได้สำเร็จ ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์อย่างศาสตราจารย์มักกอนนากัล จึงได้ชักชวนให้แฮร์รี่เข้าร่วมทีมควิดดิชบ้านกริฟฟินดอร์ ทำให้เขากลายเป็นซีกเกอร์ที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ เนื่องจากนักเรียนปีหนึ่ง ไม่ได้รับอนุญาตให้มีไม้กวาดเป็นของตัวเอง ศาสตราจารย์มักกอนนากัลจึงส่งไม้กวาดนิมบัสรุ่น 2000 ให้แฮร์รี่ พอตเตอร์ผ่านทางไปรษณีย์นกฮูก เพื่อให้แฮร์รี่ใช้สำหรับการลงแข่งขัน สุดท้ายการแข่งขันระหว่างบ้านกริฟฟินดอร์กับบ้านสลิธีริน ก็จบลงด้วยชัยชนะของกริฟฟินดอร์ โดยที่แฮร์รี่สามารถจับลูกสนิชไว้ได้ด้วยปากของเขา ในระหว่างการแข่งขัน ไม้กวาดของแฮร์รี่นั้นถูกใครบางคนร่ายคำแช่ง ซึ่งรอนและเฮอร์ไมโอนี่สันนิฐานว่าผู้ปองร้ายแฮร์รี่นั่นก็คือเซเวอร์รัส สเนป (แท้จริงแล้วสเนปกำลังถอนคำแช่งของศาสตราจารย์ครีนัส ครีเวลล์ออกจากไม้กวาด) เฮอร์ไมโอนี่จึงเสกคาถาจุดไฟที่ชายเสื้อคลุมของสเนป ทำให้ที่นั่งของคณะอาจารย์เกิดความวุ่นวายไปในที่สุด

ในขณะเดียวกันโวลเดอมอร์ที่อยู่ในสภาพใกล้ความตายอยู่ในทุกขณะ ก็กำลังตามหาบางสิ่งบางอย่างที่เขาต้องการ และถูกเก็บรักษาอยู่ในฮอกวอตส์ เขาจึงอาศัยร่างอยู่ในตัวของศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดอย่าง ศาสตราจารย์ครีเวลล์ เพื่อใช้เขาให้ออกตามหาศิลาอาถรรพ์ วัตถุทางเวทมนตร์ที่โวลเดอมอร์เชื่อว่าจะสามารถฟื้นคืนร่างของเขาขึ้นมาได้ใหม่ ในวันที่ 4 มิถุนายนในปีเดียวกันนั้นเอง แผนการชิงศิลาอาถรรพ์ของโวลเดอมอร์ก็ถูกขัดขวางโดย แฮร์รี่ ด้วยความช่วยเหลือของ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ พวกเขาทั้งสามคนต้องฝ่าด่านป้องกันที่ศาสตราจารย์แต่ละคนสร้างขึ้น จนกระทั่งสุดท้าย มีแฮร์รี่เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ผ่านเข้ามาได้ถึงด่านสุดท้าย ซึ่งเป็นด่านที่สร้างขึ้นโดยดัมเบิลดอร์ แฮร์รี่กับศาสตราจารย์ครีเวลล์ได้เผชิญหน้ากัน และแฮร์รี่ก็ได้รับรู้ความจริงกับสิ่งที่เขาเข้าใจสเนปผิดมาตลอดทั้งเทอม สุดท้ายแฮร์รี่สามารถกำจัดและหยุดยั้งศาสตราจารย์ครีเวลล์ได้ ก่อนที่ดัมเบิลดอร์จะลงมาช่วยเหลือแฮร์รี่จนปลอดภัย และนำร่างของเด็กชายมาพักฟื้นอยู่ที่ห้องพยาบาลของฮอกวอตส์ ในพิธีปิดภาคเรียนแฮร์รี่ได้รับคะแนนพิเศษจากศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ จากภารกิจที่เขาได้มีส่วนช่วยปกป้องศิลาอาถรรพ์ถึง 60 แต้ม ในขณะที่รอนและเฮอร์ไมโอนี่ก็ได้รับกันไปคนละ 50 แต้ม รวมถึงเนวิลล์อีก 10 แต้ม สุดท้ายแล้วบ้านกริฟฟินดอร์จึงทำคะแนนพลิกกลับมาชนะบ้านสลิธีริน และคว้าถ้วยรางวัลบ้านดีเด่นไปได้ในท้ายที่สุด

ปีที่สองของแฮร์รี่นั้นเริ่มต้นได้ไม่ดีนัก และดูเหมือนจะเลวร้ายขึ้นทุกขณะ เมื่อถึงช่วงปิดเทอมของโรงเรียนฮอกวอตส์ แฮร์รี่ถูกส่งตัวกลับไปอยู่กับครอบครัวเดอร์สลีย์ เวอร์นอนนั้นปฏิบัติกับแฮร์รี่ราวกับว่า เขาเป็นลูกระเบิดที่พร้อมจะระเบิดเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดเวลา และทันทีที่เขากลับถึงบ้าน เวอร์นอนก็จัดการเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดของแฮร์รี่ลั่นกุญแจไว้ในห้องใต้บันได และพวกเขาทำแม้กระทั่งการจับเฮ็ดวิก นกฮูกของแฮร์รี่ไว้ในกรง ไม่ให้มันสามารถบินไปส่งจดหมายถึงใครได้ แต่แล้วในช่วงเย็นของวันเกิดครบรอบปีที่สิบสอง แฮร์รี่ก็ได้รู้ความจริงที่ว่า ทำไมตลอดช่วงปิดเทอมหน้าร้อนจึงไม่เคยมีเพื่อนคนใดเขียนจดหมายส่งถึงเขาเลย จดหมายทุกฉบับที่ถูกส่งมาจากรอนและเฮอร์ไมโอนี่ ถูกกักไว้โดยเอลฟ์ประจำบ้านนามว่า ด๊อบบี้ แฮร์รี่จึงถามถึงสาเหตุที่ด๊อบบี้ทำเช่นนี้ ซึ่งด๊อบบี้ก็ให้คำตอบกลับไปเพียงแค่ว่า แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะต้องไม่กลับไปที่ฮอกวอตส์อีก แต่ทว่าแฮร์รี่ยังยืนกรานปฏิเสธ ด๊อบบี้จึงถลาตัวลงไปยังห้องนั่งเล่นของบ้านเดอร์สลีย์ และได้เสกเค้กขนมหวานของเพ็ตทูเนียให้ลอยขึ้น ก่อนมันจะปล่อยให้เค้กร่วงลงพื้นและโยนความผิดให้กับแฮร์รี่ หลังจากนั้นเพียงไม่นานจดหมายกัมปนาทก็ได้ถูกส่งมายังบ้านเดอร์สลีย์ หลังจากที่แฮร์รี่ได้เปิดจดหมายขึ้น เขาก็พบว่าจดหมายนั่นไม่ใช่บัตรอวยพรวันเกิด แต่เป็นจดหมายที่ถูกส่งมาจากกระทรวงเวทมนตร์ ว่าด้วยเรื่องการที่พ่อมดที่อายุยังไม่บรรลุนิติภาวะ ไม่ได้รับอนุญาตให้เสกคาถานอกโรงเรียน (กฤษฎีกาควบคุมการใช้เวทมนตร์เมื่อยังไม่บรรลุนิติภาวะ ค.ศ. 1995 ย่อหน้า ค)

ตลอดสามวันแฮร์รี่ถูกเวอร์นอนที่กำลังโกรธขังไว้ในห้องนอนด้วยกุญแจอย่างแน่นหนา จนกระทั่งคืนกลางดึกคืนหนึ่ง แสงไฟที่ส่องตรงมาที่หน้าต่างห้องนอนของแฮร์รี่ ก็ได้ปลุกเด็กชายให้ตื่นขึ้น แล้วเขาก็ต้องประหลาดใจ เมื่อคนที่โผล่หัวออกมาจากรถยนต์เก่า ๆ สีฟ้าอมเขียวที่จอดลอยอยู่กลางอากาศ คือ รอน วีสลีย์ พร้อมกับเฟร็ด และจอร์จ วีสลีย์ พี่ชายฝาแฝดของรอน หลังจากที่พวกเขาทักทายกันเรียบร้อยแล้ว รอนก็ได้ช่วยเหลือและเก็บข้าวของ ของแฮร์รี่ออกมาเพื่อรับแฮร์รี่ไปอยู่กับครอบครัวของเขาที่บ้านโพรงกระต่าย แต่ทว่า ทั้งแฮร์รี่และรอนกลับตกรถไฟด่วนฮอกวอตส์ เนื่องจากด๊อบบี้ได้ใช้เวทมนตร์ปิดกั้นทางเชื่อมระหว่างชานชาลาที่เก้าเศษสามส่วนสี่ ของสถานีรถไฟคิงส์ครอส ทำให้พวกเขาทั้งสองตัดสินใจขับรถฟอร์ดแองเกลียบินได้ (รถยนต์ของอาร์เธอร์ วีสลีย์) ไปยังโรงเรียนฮอกวอตส์ด้วยกันเอง โชคไม่ดีนักที่เครื่องยนต์เกิดขัดข้องทำให้พวกเขาตกลงไปที่ต้นวิลโลว์จอมหวด ทำให้รถของพวกเขาได้รับความเสียหายหนักมาก ก่อนจะแล่นหายเข้าในป่าต้องห้าม ทิ้งรอนและแฮร์รี่ไว้ที่บริเวณทางเข้าปราสาทพร้อมกับศาสตราจารย์สเนป นอกจากนี้ไม้กายสิทธิ์ของรอนยังหัก จากการกระแทกอย่างแรงอีกด้วยเช่นเดียวกัน

ในเทอมที่สองนี้เองที่โรงเรียนได้รับ ศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่เข้ามา ซึ่งผู้ที่ได้รับตำแหน่งนี้ต่อจากศาสตราจารย์ครีเวลล์ก็คือ ศาสตราจารย์กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ในวันที่ชมรมการต่อสู้ จัดการแข่งขันประลองเวทย์ขึ้นนั้นเอง ล็อกฮาร์ตได้เชิญให้สเนปมาเป็นคู่ประลองของเขา และหลังจากนั้นเองที่อาจารย์ทั้งสอง ต้องเลือกตัวแทนนักเรียนของพวกเขาออกมาประลองกัน สเนปได้เลือกเดรโก มัลฟอย ส่วนตัวแทนของล็อกฮาร์ตก็คือ แฮร์รี่ พอตเตอร์ และในการประลองนี้เองที่ทำให้เด็กนักเรียนคนอื่นรู้ว่า แฮร์รี่นั้นก็เป็นหนึ่งในพาร์เซลเม้าส์ และเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ข่าวลือว่า ห้องแห่งความลับ ได้ถูกเปิดออกแล้วแพร่กระจายไปทั่วโรงเรียน ความสามารถนี้เองที่นำหายนะมาให้ เมื่อเขาถูกใครหลายคนคิดว่า เขาคือทายาทของสลิธีริน และด้วยความที่เขาไม่สามารถนิ่งนอนใจได้ แฮร์รี่, รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ จึงตัดสินใจแอบลักลอบเข้าไปในเขตหวงห้ามของห้องสมุดฮอกวอตส์ เพื่อแอบเปิดตำราปรุงน้ำยาสรรพรส พวกเขาเลือกใช้สถานที่ในห้องน้ำหญิงชั้นสอง ที่ถูกปิดตายไปเป็นเวลานานเพื่อเคี่ยวน้ำยา โดยขโมยส่วนผสมมาจากห้องเก็บวัตถุดิบปรุงยาของสเนป เมื่อน้ำยาถูกปรุงจนเสร็จรอนและแฮร์รี่ได้ปลอมตัวเป็น แครบและกอลย์ ในขณะเดียวกัน เฮอร์ไมโอนี่ที่โชคไม่ดีนัก ที่เธอเผลอหยิบเส้นผมของแมวจากเสื้อคลุมของ มิลลิเซนต์ บัลสโตรด ออกมา ทำให้เธอไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ตามปกติ ภายหลังเธอจึงต้องพักรักษาตัวอยู่ในห้องพยาบาลฮอกวอตส์นานเป็นสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม รอนและแฮร์รี่ก็ได้รู้ความจริงที่ว่าเดรโก ไม่ได้เป็นทายาทของสลิธีริน และเขาก็ไม่รู้ความจริงที่ว่าใครคือทายาทตัวจริงด้วยเช่นกัน

ต่อมาจนกระทั่งถึงวันวาเลนไทน์ แฮร์รี่ตัดสินใจเขียนข้อความบางอย่างลงไปใน สมุดบันทึกของทอม ริดเดิ้ลที่เขาเก็บมาได้จากห้องน้ำหญิงที่เมอร์เทิลจอมคร่ำครวญอาศัยอยู่ หมึกที่อยู่เขียนลงไปปรากฏอยู่บันหน้ากระดาษเพียงชั่วครู่ ก่อนจะถูกดูดซึมแลวกลืนหายลงไป และจากข้อมูลที่เขาได้รับมาจากบันทึก ทำให้แฮร์รี่ได้รู้ว่าคนที่เคยเปิดห้องแห่งความลับเมื่อห้าสิบปีก่อน ก็คือ รูเบอัส แฮกริด สมัยที่เขายังเป็นนักเรียนฮอกวอตส์ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เฮอร์ไมโอนี่ก็มั่นใจว่าสัตว์ประหลาดที่ออกมาทำร้ายคนในโรงเรียนก็คือบาซิลิสก์ เช้าวันต่อมาร่างของเฮอร์ไมโอนี่ก็ถูกพบว่ากลายเป็นหิน ระหว่างที่เธอตามหาบาซิลิสก์ โดยมือข้างหนึ่งของเธอถือกระจกไว้ ส่วนมืออีกข้างกำแน่นสนิท ซึ่งสิ่งที่เธอกำไว้ก็คือหน้าหนังสือที่เธอฉีกออกมาจากห้องสมุดนั่นเอง ร่างของเฮอร์ไมโอนี่ถูกพาไปรักษาอยู่ในห้องพยาบาลฮอกวอตส์ รวมกับเหยื่อคนอื่น หลังจากที่เพื่อนของรอนและแฮร์รี่กลายเป็นเหยื่อ พวกเขาทั้งสองจึงรีบมุ่งตรงไปยังกระท่อมของแฮกริด เพื่อไถ่ถามความจริงเกี่ยวกับเรื่องเมื่อห้าสิบปีก่อน แฮกริดที่ถูก คอร์นีเลียส ฟัดจ์ จับกุมตัวไปเข้าในคุกอัซคาบัน เนื่องจากห้องแห่งความลับถูกเปิดออกอีกครั้ง แฮกริดจึงทิ้งข้อความไว้ให้ทั้งสองคนแค่เพียงว่า 'ตามแมงมุมไป แล้วเธอจะพบ' ทั้งสองจึงเดินเข้าไปในป่าต้องห้าม และได้พบกับ อาราก็อก หรืออะโครแมนทูล่า ที่พยายามฆ่าพวกเขา แต่ทว่าท้ายที่สุดพวกเขาทั้งสองก็สามารถเอาชีวิตรอดออกมาได้ พร้อมกับความจริงที่ว่าแฮกริดเป็นผู้บริสุทธิ์

อีกไม่กี่วันต่อมา รอนและแฮร์รี่ก็ได้พบกับหน้าหนังสือที่เฮอร์ไมโอนี่ฉีกเก็บออกมา ทำให้พวกเขาได้รู้ว่าสัตว์ร้ายที่ถูกปล่อยออกมาก็คือ บาซิลิสก์ และมีข้อความที่ถูกเขียนด้วยลายมือของเฮอร์ไมโอนี่ไว้ว่า 'ท่อน้ำ' ต่อมาในวันที่ 29 พฤษภาคม ทั้งสองจึงได้รู้ว่าแท้จริงแล้วผู้ที่เปิดห้องแห่งความลับก็คือน้องสาวของรอน อย่างจินนี่ วีสลีย์ โดยที่เธอถูกควบคุมจากส่วนหนึ่งของ ทอม ริดเดิ้ล ในสมุดบันทึก แฮร์รี่ไขปริศนาทั้งหมดและค้นพบทางเข้าและสามารถเปิดห้องแห่งความลับได้ในที่สุด แฮร์รี่, รอน และศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ต จึงเดินทางลงไปยังห้องแห่งความลับพร้อมกันทั้งสามคน แต่ทว่า ศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ต กลับต้องการหลบหนีไปจึงขโมยไม้กายสิทธิ์ที่หักแล้วของรอน เสกคาถาลบความจำ แต่โชคไม่ดีนักที่ผลของคาถาสะท้อนกลับ ทำให้ทางเดินถูกปิดกั้น ศาสตราจารย์ล็อกฮาร์ตความจำถูกลบหายไปเสียหมด และแฮร์รี่ต้องเดินทางไปต่อเพียงลำพัง แฮร์รี่ได้พบกับวิญญาณส่วนหนึ่งของทอม ริดเดิ้ล แล้วได้ต่อสู้กับบาซิลิสก์ สุดท้ายด้วยความช่วยเหลือของฟอกส์ นกฟีนิกซ์ ของ อัลบัส ดัมเบิลดอร์ ที่นำหมวกคัดสรรมาให้แก่แฮร์รี่ ซึ่งข้างในมีดาบของก็อดดริก กริฟฟินดอร์ซ่อนไว้อยู่ แฮร์รี่ใช้ดาบสังหารบาซิลิสก์ และได้ใช้เขี้ยวของบาซิลิสก์ ทำลายสมุดบันทึกของริดเดิ้ลจนเวทมนตร์ทั้งหมดสลายไป แฮร์รี่และคนอื่นสามารถกลับออกมาได้อย่างปลอดภัย ในท้ายเทอมนี้เองที่แฮร์รี่ได้วางแผนการ เพื่อทำให้ด๊อบบี้เป็นอิสระจากครอบครัวมัลฟอย โดยการนำถุงเท้าแนบเข้าไปในสมุดบันทึกของริดเดิ้ล ก่อนจะส่งมันคืนให้กับลูเซียส มัลฟอย แต่ด้วยความโกรธเคืองของลูเซียส เขาจึงโยนสมุดให้แก่ด๊อบบี้ สุดท้ายด๊อบบี้ที่ได้รับการไถ่ถอนจึงเป็นไท (กฎของโลกผู้วิเศษระบุไว้ว่า เมื่อเจ้านายให้เสื้อผ้าแก่เอลฟ์ประจำบ้าน นั่นหมายถึง พวกเขาได้มอบอิสระและปลดพันธะแก่เอลฟ์ผู้รับใช้) และเข้าทำงานครัวของโรงเรียนฮอกวอตส์ในเวลาต่อมา

ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ. 1993 ซิเรียส แบล็ก นักโทษที่ได้รับโทษมาอย่างยาวนานเป็นเวลาสิบสองปี ได้หลบหนีออกมาจากคุกอัซคาบัน อันเป็นเหตุสำคัญทำให้สภาพแวดล้อมในโลกผู้วิเศษเปลี่ยนแปลงไปครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อผู้คุมวิญญาณออกตามล่าซิเรียสไปทั่วทุกมุม และในปีนั้นเองที่แฮร์รี่ได้ตัดสินใจเก็บข้าวของหนีออกมาจากบ้านเดอร์สลีย์ และพบเข้ากับ รถเมล์อัศวินราตรี แฮร์รี่ขึ้นรถเมล์ไปและเข้าไปเช่าห้องพักอาศัย อยู่ที่ร้านหม้อใหญ่รั่วเป็นเวลาสองอาทิตย์ ก่อนที่เขาจะเก็บข้าวของขึ้นรถไฟด่วนฮอกวอตส์ เพื่อเดินทางไปยังโรงเรียนฮอกวอตส์ ระหว่างทางนั้นเองรถไฟด่วนฮอกวอตส์ถูกบุกรุกโดยผู้คุมวิญญาณ แฮร์รี่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่เผชิญหน้ากับมัน อย่างไรก็ตาม รีมัส ลูปิน ศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืดคนใหม่ ได้เข้ามาช่วยเหลือเด็กทั้งสามไว้ได้ทันท่วงที เมื่อฮอกวอตส์เปิดเรียน รอนและแฮร์รี่ได้ลงเรียนในวิชาพยากรณ์ศาสตร์ และวิชาดูแลสัตว์วิเศษ ซึ่งถูกสอนโดยศาสตราจารย์ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ และศาสตราจารย์รูเบอัส แฮกริด ตามลำดับ แต่โชคไม่ดีนักสำหรับแฮกริด ที่คาบเรียนแรกของเขาได้ปล่อยให้ฮิปโปกริฟฟ์ทำร้ายเดรโก ทำให้ต่อมาแฮกริดจึงต้องถูกพักงานชั่วคราว โดยมีศาสตราจารย์วิลเฮลมินา กรับบลี-แพลงก์เข้ามาทำหน้าที่สอนแทน ในเทอมเดียวกันนี้เองระหว่างการแข่งขันควิดดิชกับบ้านฮัฟเฟิลพัฟ ผู้คุมวิญญาณปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ทำให้แฮร์รี่พลัดตกจากไม้กวาดจนได้รับบาดเจ็บและหมดสติไป โดยไม้กวาดนิมบัสของเขาก็ถูกทำลายด้วยฝีมือจากต้นวิลโลว์จอมหวด ในเวลาต่อมาแฮร์รี่จึงขอให้ศาสตราจารย์ลูปิน ช่วยสอนวิธีการป้องกันตัวจากผู้คุมวิญญาณ หรือที่รู้จักกันในชื่อ คาถาผู้พิทักษ์

และเมื่อวันหยุดเทศกาลคริสต์มาสมาถึง นักเรียนปีสามทุกคนที่ได้มีจดหมายอนุญาตจากผู้ปกครอง ได้รับอนุญาตให้ออกไปเที่ยวเล่นที่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด ยกเว้นเพียงแฮร์รี่ ดังนั้นเฟร็ดกับจอร์จจึงมอบแผนที่ตัวกวนให้เป็นของขวัญวันคริสต์มาสแก่แฮร์รี่ เพื่อใช้สำหรับแอบออกไปข้างนอกปราสาท แม้ว่าทั้งสองจะรู้สึกใจหายเมื่อต้องมอบของชิ้นสำคัญให้กับแฮร์รี่ แต่เฟร็ดและจอร์จมองว่าแฮร์รี่นั้น มีความจำเป็นที่จะต้องใช้มันมากกว่าพวกเขา สุดท้ายแฮรี่จึงใช้ผ้าคลุมล่องหนที่เขาได้รับเป็นของขวัญวันคริสต์มาสจากดัมเบิลดอร์ เมื่อตอนที่เขาอยู่ชั้นปีหนึ่งมาใช้คลุมตัว ก่อนจะเดินออกไปนอกปราสาทตามทางในแผนที่ตัวกวน การเดินทางออกไปที่ฮอกส์มี้ดครั้งนี้ ทำให้แฮร์รี่ได้ยินการสนทนาของเหล่าศาสตราจารย์ ที่พูดถึงการทรยศของซิเรียส ชายผู้เป็นเพื่อนรักของเจมส์ และเป็นพ่อทูนหัวของเขาเอง หลังจากกลับมาจากวันหยุด ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเขาทั้งสามได้ข่าวว่า บัคบีค หรือฮิปโปกริฟฟ์ของรูเบอัส แฮกริด กำลังจะถูกวอลเด็น แม็คแนร์ เพชรฆาตจากกองออกระเบียบและควบคุมสัตว์วิเศษสังหารในอีกไม่นานนี้ พวกเขาทั้งสามจึงเดินทางไปยังกระท่อมของแฮกริด เพื่อหาทางช่วยเหลือ แต่ระหว่างนั้นเองสแคบเบอร์ หนูของรอนที่หายไปเป็นเวลาหลายวัน กลับปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ครุกแชงส์ไล่มันไปถึงต้นวิลโลว์จอมหวด ทันใดนั้นเองก็มีสุนัขสีดำตัวใหญ่ กระโจนเข้าใส่รอนอย่างรวดเร็ว และลากเขากับสแคบเบอร์เข้าไปในโพรงแถวโคนต้นไม้ ซึ่งแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็จัดสินใจตามเข้าไป และก็ต้องพบว่าเป็นมันเป็นอุโมงค์ทางเข้าของเพิงโหยหวน

และทันใดนั้นเองที่แฮร์รี่ได้เผชิญหน้ากับซิเรียส และลูปินที่เห็นชื่อของทุกคนรวมตัวกันอยู่ จากแผนที่ตัวกวน ก็ตามมาสมทบภายหลัง พร้อมทั้งยอมรับกับเฮอร์ไมโอนี่ว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นมนุษย์หมาป่า ซิเรียสได้อธิบายความจริงที่ว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ โดยมีเพ็ตติกรูว์ ที่ทำหน้าที่เป็นสายลับให้โวลเดอมอร์ และทรยศครอบครัวพอตเตอร์ แล้วโยนความผิดให้กับซิเรียส ก็เป็นเวลาเดียวกับที่กองทัพผู้คุมวิญญาณเข้ามาจัดการซิเรียส แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่เห็นเงาบุคคลลึกลับที่กำลัง เสกคาถาผู้พิทักษ์กวางตัวผู้ เพื่อขับไล่พวกผู้คุมวิญญาณไปจนหมด เมื่อแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่กลับมา พวกเขาก็พบว่าดัมเบิลดอร์ได้ทิ้งปริศนาว่าสองชีวิตจะรอดในคืนนั้น เฮอร์ไมโอนี่จึงตัดสินใจใช้เครื่องย้อนเวลา เพื่อย้อนเวลากลับไปสามชั่วโมง กลับไปแก้ไขอดีตทุกอย่าง ทำให้บัคบีคและซิเรียสรอดตายในที่สุด ในวันปิดภาคเรียนแฮร์รี่ได้รับของขวัญจากซิเรียสเป็นไม้กวาดไฟร์โบลต์ แต่แล้วต่อมาแฮร์รี่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เมื่อเขาไม่สามารถย้ายไปอยู่กับพ่อทูนหัวของได้ โดยแฮร์รี่ถือโอกาสนี้ในการข่มขู่เวอร์นอนได้ว่า หากเวอร์นอนยังทำพฤติกรรมที่ย่ำแย่กับเขาอีก พ่อทูนหัวซึ่งเป็นฆาตกรโหดก็ย่อมไม่ลังเลที่จะลงมือจัดการเขาอย่างแน่นอน

ต่อมาในปีที่สี่แฮร์รี่ได้เข้าร่วมเป็นตัวแทนจากฮอกวอตส์อีกคนหนึ่ง (ด้วยกันกับเซดริก ดิกกอรี่ ตัวแทนชั้นปีห้าจากบ้านฮัฟเฟิลพัฟ) ในการแข่งขันประลองเวทไตรภาคี โดยมีอีกสองโรงเรียนเวทมนตร์เข้าร่วมนั่นก็คือ ตัวแทนจากสถาบันเวทมนตร์เดิร์มสแตรงก์ อย่างวิกเตอร์ ครัม และเฟลอร์ อิซาแบล เดอลากูร์ ตัวแทนจากวิทยาลัยเวทมนตร์โบซ์บาตง ตามลำดับ แฮร์รี่ได้รับการเสนอชื่อจากอลาสเตอร์ มู้ดดี้ตัวปลอม หรือก็คือบาร์ทีเมียส เคร้าช์ จูเนียร์ ที่ปลอมตัวมาโดยคำสั่งจากโวลเดอมอร์นั่นเอง อลาสเตอร์ได้ให้ความช่วยเหลือกับแฮร์รี่ อย่างดีที่สุดในทุกภารกิจ เพื่อที่สุดท้ายเขาจะได้ส่งตัวแฮร์รี่ให้แก่โวลเดอมอร์ได้ โดยในภารกิจแรกของการประลองเวทย์ แฮร์รี่ต้องนำไข่ทองคำออกมาจากรังของมังกรพันธุ์ฮังการีหางหนาม ต่อมาในภารกิจที่สองแฮร์รี่จะต้องดำลงไปในทะเลสาบสีดำ เพื่อนำตัวประกันของเขาขึ้นมาจากเขตของชาวเงือก และกรินดี้โลว์ ส่วนในภารกิจสุดท้ายตัวแทนทั้งสี่จะต้องเข้าไปในเขาวงกต เพื่อตามหาถ้วยรางวัล แต่ทว่า แฮร์รี่กับเซดริกนั้นพบถ้วยรางวัลพร้อมกัน และจุดหมายของถ้วยรางวัลก็ถูกเปลี่ยนไปเป็นสุสานของทอม ริดเดิ้ล ที่ตั้งอยู่ในหมู่บ้านแฮงเกิลตัน ทันทีที่พวกเขาพบโวลเดอมอร์ เซดริกก็ถูกสังหารด้วยฝีมือของเพ็ตติกรูว์ทันที และเลือดของแฮร์รี่ก็ถูกใช้เป็นหนึ่งในส่วนผสมสำคัญ ที่ทำให้โวลเดอมอร์กลับมาคืนร่างอีกครั้ง แฮร์รี่ได้ปะทะกับโวลเดอมอร์เป็นครั้งแรก หลังจากที่พวกเขาเผชิญหน้ากันมาหลายต่อหลายครั้ง ไม้กายสิทธิ์ของทั้งสองที่ชี้เข้าหากัน ได้ทำให้เกิด ไพรออร์ อินคานตาโต้ (การทำให้ไม้กายสิทธิ์เชื่อมต่อกัน ทำให้เกิดผลสะท้อนของคาถา ในกรณีที่ไม้กายสิทธิ์ที่แกนกลางทำมาจากสัตว์ตัวเดียวกัน และทำการสู้กันเองจะทำให้ ไม้กายสิทธิ์อีกอัน บีบบังคับให้ไม้อีกอันคายคาถา ที่เคยใช้ไปก่อนหน้านั้นออกมา) คาถาที่คายออกมาจากไม้ของโวลเดอมอร์นั้น คือมือของเพ็ตติกรูว์ และดวงวิญญาณทั้งสี่รายล่าสุดที่ถูกสังหาร ได้แก่ ดวงวิญญาณของเซดริก, ดวงวิญญาณของแฟรงก์ ไบรส์, ดวงวิญญาณของเจมส์และลิลี่ พอตเตอร์ ซึ่งดวงวิญญาณทั้งสี่นี้เองที่ช่วยถ่วงเวลาเอาไว้ ทำให้แฮร์รี่สามารถใช้กุญแจนำทางกลับมายังฮอกวอตส์ได้อย่างปลอดภัย

และหลังจากที่ดัมเบิลดอร์ทราบแน่ชัดแล้วว่าโวลเดอมอร์หวนกลับคืนมาอีกครั้ง เขาจึงเริ่มรวบรวมสมาชิกและจัดตั้งภาคีนกฟีนิกซ์ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง โดยในการแข่งขันประลองเวทไตรภาคีจบลงด้วยโศกนาฏกรรม และแฮร์รี่ได้ถูกบรรจุชื่อว่าเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน ได้รับรางวัลเป็นทองจำนวนหนึ่งพันเกลเลียน เขาปฏิเสธและมอบรางวัลนี้ให้กับพ่อแม่ของเซดริก แต่ทว่าทั้งคู่เองก็ไม่รับรางวัลนี้เช่นเดียวกัน สุดท้ายแฮร์รี่จึงมอบรางวัลนี้ให้กับฝาแฝดวีสลีย์อย่างเฟร็ดกับจอร์จ วีสลีย์ เพื่อเป็นทุนในการตั้งร้านขายของเล่นวิเศษ อย่างร้านเกมกลวิเศษวีสลีย์แทน และปีการศึกษาของฮอกวอตส์ชั้นปีที่สี่ของแฮร์รี่ก็จบลงอีกครั้ง

ต่อมาในวันที่ 2 สิงหาคม โดโลเรส อัมบริดจ์ได้ส่งผู้คุมวิญญาณเข้าโจมตีแฮร์รี่ พอตเตอร์ และลูกพี่ลูกน้องของเขาอย่างดัดลีย์ เดอร์สลีย์ เพื่อบีบบังคับให้แฮร์รี่ต้องตัดสินใจละเมิดกฎของโลกผู้วิเศษ โดยการเสกคาถาผู้พิทักษ์เพื่อปกป้องดัดลีย์ในหมู่บ้านลิตเติ้ลวิงจิ้ง เขตอาศัยของมักเกิ้ล และในขณะนั้นตัวของเขาก็ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อมาไม่นาน แฮร์รี่จึงถูกหมายเรียกตัวให้เข้าฟังการพิจารณาคดี และด้วยการช่วยเหลือจากดัมเบิลดอร์ การพิจารณาคดีจึงเป็นไปได้อย่างราบรื่น อีกทั้งอาราเบลล่า ฟิกก์ หรือ มิสซิสฟิกก์ ที่ได้ขึ้นเป็นพยานในศาลสูงวิเซ็นกาม็อต ซึ่งคำให้การเธอได้กล่าวถึงลักษณะและผลการโจมตีของผู้คุมวิญญาณได้เป็นอย่างดี จนสามารถโน้มน้าวใจอะมีเลีย โบนส์ หัวหน้ากองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ในขณะนั้น พร้อมทั้งคณะลูกขุนในสภาได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ผลการตัดสินคดีของแฮร์รี่จบลงไปได้อย่างราบรื่น หลังจากนั้นแฮร์รี่ก็ถูกกองระวังหน้าของภาคี อย่างอลาสเตอร์ มู้ดดี้, สเตอร์จิส พอดมอร์, เฮสเทีย โจนส์, เอมเมอลีน แวนซ์, คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์, ดีดาลัส ดิกเกิ้ล, เอลฟายอัส โดจ, รีมัส ลูปิน และนิมฟาดอร่า ท็องส์ คุ้มครองเขาระหว่างที่เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ หรือกองบัญชาการของภาคีนกฟีนิกซ์ ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็เป็นช่วงที่แฮร์รี่มักมีความฝันที่แปลกประหลาดอยู่บ่อยครั้ง หลังจากหน้าร้อนสิ้นสุดลง แฮร์รี่กลับไปที่โรงเรียนฮอกวอตส์ตามปกติ แต่แล้วเขาก็พบว่ากระทรวงกำลังพยายามจะแทรกแซงฮอกวอตส์ และปิดข่าวเกี่ยวกับการกลับมาของโวลเดอมอร์ทุกช่องทาง

ในขณะที่แฮร์รี่ถูกมองว่าเป็นตัวประหลาด และดัมเบิลดอร์ถูกยึดเหรียญตรา พร้อมทั้งถูกถอดถอนจากตำแหน่งที่เขาเคยได้รับ ยกเว้นในตำแหน่งอาจารย์ใหญ่ของฮอกวอตส์ กระทรวงได้แต่งตั้งให้โดโลเลส อัมบริดจ์ เข้ามาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์วิชาป้องกันตัวจากศาสตร์มืด และเจ้าพนักงานสอบสวนใหญ่ของฮอกวอตส์ เนื่องจากการที่เธอหลีกเลี่ยงที่จะให้นักเรียน เรียนรู้เกี่ยวกับการป้องกันตัว และการใช้ไม้กายสิทธิ์ แฮร์รี่, รอน และเฮอร์ไมโอนี่ จึงรวบรวมสมาชิกนักเรียนและก่อตั้งกองทัพดัมเบิลดอร์ขึ้น โดยเป็นความลับ กองทัพดัมเบิลดอร์มีการฝึกฝนคาถาป้องกันตัวกันที่ห้องต้องประสงค์มาโดยตลอด เช่นเดียวกันกับความสัมพันธ์ระหว่างแฮร์รี่กับโช แชง พวกเขาได้ออกเดทกันในระยะเวลาหนึ่ง จนกระทั่งกองทัพดัมเบิลดอร์ถูกอัมบริดจ์จับได้ หลังจากที่มารีเอตต้า เอจคอมป์ เพื่อนสนิทของโช แชง ได้หักหลังพวกเขา ความสัมพันธ์ของทั้งคู่จึงได้ยุติลงไปด้วยเช่นเดียวกัน นอกจากการฝึกการป้องกันตัวอย่างลับ ๆ แล้ว แฮร์รี่ยังต้องเรียนวิชาการสกัดใจกับเซเวอร์รัส สเนป ที่ได้รับมอบหมายมาจากดัมเบิลดอร์ด้วยเช่นเดียวกัน เพื่อปิดกั้นไม่ให้แฮร์รี่ถูกโวลเดอมอร์ล่วงรู้ความนึกคิด หรือถูกล่อลวงได้โดยง่าย

ระหว่างการสอบ ว.พ.ร.ส. ภาพของซิเรียสที่กำลังถูกโวลเดอมอร์ทำร้ายได้วนเข้ามาให้หัวของแฮร์รี่ เขา รอน และเฮอร์ไมโอนี่ พร้อมกับสมาชิกกองทัพดัมเบิลดอร์ อย่างจินนี่ วีสลีย์, ลูน่า เลิฟกู๊ด, และเนวิลล์ ลองบัตท่อม ก็ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือแฮร์รี่ พวกเขาแอบเข้าไปใช้เตาผิงในห้องทำงานของอัมบริดจ์ เพื่อติดต่อดูว่าภาพในความคิดของเขาเป็นความจริงหรือไม่ แต่ทว่า พวกเขาก็ถูกจับได้เสียก่อน เฮอร์ไมโอนี่จึงได้หลอกล่ออัมบริดจ์ โดยการบอกว่าเธอรู้ว่า ดัมเบิลดอร์ซ่อนอาวุธลับไว้ในป่าต้องห้าม และลวงพาเธอไปเจอกับ กรอปว์ น้องชายต่างแม่ของแฮกริด แต่ทว่า พวกเขากลับพบกับกลุ่มเซนทอร์ก่อน อัมบริดจ์ที่ใช้คำพูดดูถูก จึงถูกพวกเซนทอร์โจมตีเธอและพาตัวเธอหายไปยังป่าลึก จากนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจเดินทางไปที่กระทรวงโดยอาศัยเธสตรอล และเข้าไปยังหอเก็บคำพยากรณ์ ที่กองปริศนา ซึ่งพวกเขาก็ได้ปะทะกับกลุ่มผู้เสพความตายบางส่วน นำโดย ลูเซียส มัลฟอย, เบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์, แอนโทนิน โดโลฮอฟ, โรโดลฟัส เลสแตรงจ์, ราบาสแตน โรโดลฟัส, ออกัสตัส รู้กวู้ด, มัลซิเบอร์, จักสัน, แครบ และเอเวอรี กับดักของโวลเดอมอร์นั้นสามารถลวงแฮร์รี่ได้สำเร็จ แต่ทว่าเมื่อแฮร์รี่และพ้องเพื่อนของเขากำลังเสียท่า ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ สมาชิกภาคีได้รับข่าวจากสเนป และมาช่วยเหลือพวกเขาได้ทันเวลา ในการต่อสู้ที่ห้องมรณะ ซิเรียส แบล็กได้ถูกคำสาปของเบลลาทริกซ์สังหารจนเสียชีวิต หลังจากเหตุการณ์ทั้งหมดได้ยุติลง สงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สองก็ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง

ต่อมาในช่วงปิดเทอมหน้าร้อน แฮร์รี่ได้ออกเดินทางมากับดัมเบิลดอร์ ที่ต้องการให้เขาไปเยี่ยมเยียน ศาสตราจารย์ฮอเรซ ซลักฮอร์น ก่อนที่เขาจะมาส่งแฮร์รี่ให้พักอยู่กับครอบครัววีสลีย์ที่บ้านโพรงกระต่าย ซึ่งทำให้เขาและจินนี่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้น พร้อมกันกับที่เขา, รอน และ เฮอร์ไมโอนี่ได้รับผลคะแนนสอบวิชาพ่อมดระดับสามัญ (ว.พ.ร.ส.) เพื่อนำคะแนนมาลงเรียนต่อและสอบใน การสอบวัดระดับความรู้พ่อมดเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ (ส.พ.บ.ส.) เมื่อเปิดเทอมที่ฮอกวอตส์ แฮร์รี่ถูกแต่งตั้งให้ขึ้นเป็นกัปตันทีมควิดดิชประจำบ้านกริฟฟินดอร์ และเกือบทุกช่วงเวลาเย็นของทุกวัน แฮร์รี่ก็ต้องเข้าไปพบกับดัมเบิลดอร์ เพื่อเรียนรู้จากความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับโวลเดอมอร์ ผ่านเพนซีฟ ทำให้ดัมเบิลดอร์เชื่อว่าโวลเดอมอร์ได้แยกชิ้นส่วนวิญญาณ หรือสร้างฮอร์ครักซ์ของเขาทั้งหมดเจ็ดชิ้นด้วยกัน นอกจากการเรียนพิเศษตัวต่อตัวนี้แล้ว แฮร์รี่ยังไปได้ดีกับวิชาปรุงยา ที่เขาเคยเกลียดมาตลอดห้าปีที่ผ่านมา ด้วยความช่วยเหลือจากหนังสือปรุงยาของเจ้าชายเลือดผสม ในขณะเดียวกันนั้นเองที่ความสัมพันธ์ของแฮร์รี่และจินนี่ ได้ถูกพัฒนาขึ้นมาจนกลายเป็นความรัก

กระทั่งกลางดึกคืนหนึ่งที่ดัมเบิลดอร์ตัดสินใจ ออกเดินทางไปตามหาฮอร์ครักซ์ที่ถ้ำคริสทัลแห่งหนึ่งพร้อมกับแฮร์รี่ แฮร์รี่ที่เชื่อว่าเดรโกกับสเนปกำลังวางแผนการไม่ดีอยู่ จึงบอกให้รอน, เฮอร์ไมโอนี่, ลูน่า, เนวิลล์ และจินนี่ คอยเฝ้าห้องโถงไว้ ตอนที่เขากับดัมเบิลดอร์ไม่อยู่ที่ฮอกวอตส์ อีกทั้งยื่นน้ำยานำโชคให้ทุกคนดื่ม จากนั้นแฮร์รี่กับดัมเบิลดอร์ก็หายตัวไป ดัมเบิลดอร์ต้องดื่มน้ำยาแห่งความสิ้นหวังจากอ่างที่ใส่ฮอร์ครักซ์จนหมด เพื่อนำล็อกเกตของสลิธีรินออกมา ทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงไปมาก เมื่อทั้งคู่กลับมาที่ฮอกวอตส์ ตรามารของผู้เสพความตายก็ปรากฏขึ้นเหนือฮอกวอตส์ ดัมเบิลดอร์ทำให้แฮร์รี่ซึ่งอยู่ใต้ผ้าคลุมล่องหน ขยับตัวไม่ได้ ก่อนที่ตัวเขาเองจะถูกเดรโกใช้คาถาปลดอาวุธ เดรโกเผยว่าตนเองเป็นผู้ช่วยให้พวกผู้เสพความตายเข้ามาในฮอกวอตส์ ผ่านตู้อันตรธาน ที่อยู่ระหว่างตรอกน็อกเทิร์นกับฮอกวอตส์ และในขณะที่เดรโกลังเลที่จะลงมือสังหารดัมเบิลดอร์ ผู้เสพความตายคนอื่นก็ตามมาสมทบ พร้อมกันกับสเนป ดัมเบิลดอร์ซึ่งยังคงอ่อนแอจากฤทธิ์ของยา ได้ขอร้องอย่างกำกวมให้สเนปช่วย สเนปจึงเสกคำสาปพิฆาตแก่ดัมเบิลดอร์ ทำให้ร่างที่ไร้วิญญาณของดัมเบิลดอร์ร่วงลงมาจากหอคอย เมื่อดัมเบิลดอร์เสียชีวิตลง ผลของคาถาที่เขาได้เสกใส่แฮร์รี่ไว้จึงถูกคลาย พวกผู้เสพความตายหนีไปได้ และแฮร์รี่เองก็ได้ไล่ตามสเนป จนเขารู้ความจริงที่ว่า แท้จริงแล้วสเนปก็คือเจ้าชายเลือดผสม แฮร์รี่ได้รู้ในภายหลังจากล็อกเกตที่พวกเขาได้มานั้นถูกสับเปลี่ยนเป็นของปลอม



การตามล่าฮอร์ครักซ์ และสงครามฮอกวอตส์

หลังจากที่ดัมเบิลดอร์เสียชีวิต ด้วยฝีมือของเซเวอร์รัส สเนป ภารกิจพิชิตโวลเดอมอร์ก็ถูกส่งต่อไปยังแฮร์รี่ โรงเรียนประกาศปิด พร้อมทั้งจัดพิธีศพของดัมเบิลดอร์ในเวลาต่อมาไม่นานนัก แฮร์รี่ตัดสินใจลาออกจากฮอกวอตส์ เพื่อออกค้นหาฮอร์ครักซ์ที่ยังเหลืออยู่ โดยมีรอนและเฮอร์ไมโอนี่เป็นเพื่อนร่วมทาง และแฮร์รี่ได้จบความสัมพันธ์กับจินนี่เพื่อปกป้องเธอให้พ้นจากอันตราย เมื่อถึงวันที่ 27 กรกฎาคม 1997 วันที่แฮร์รี่มีอายุครบ 17 ปีบริบรูณ์ จึงทำให้มนตร์คุ้มครองของลิลี่ พอตเตอร์เสื่อมลง ทำให้โวลเดอมอร์สามารถตรวจจับตำแหน่งของแฮร์รี่ได้ ดังนั้นเฮอร์ไมโอนี่กับสมาชิกคนอื่น ๆ จึงเดินทางมายังบ้านเลขที่ 4 ซอยพรีเว็ต เพื่อคุ้มกันให้แฮร์รี่เดินทางไปยังบ้านโพรงกระต่ายได้อย่างปลอดภัย โดยแฮร์รี่ได้จับคู่กับรูเบอัส แฮกริด ที่อาศัยมอเตอร์ไซค์เป็นพาหนะ แฮร์รี่เสียเฮ็ดวิกไปในการต่อสู้ครั้งนี้ เนื่องจากมันพยายามปกป้องเขา ทำให้ตัวตนของแฮร์รี่ตัวจริงถูกเปิดเผย โวลเดอมอร์และแฮร์รี่ได้ปะทะเวทมนตร์กันอีกครั้ง แต่ทว่าไม้กายสิทธิ์ที่โวลเดอมอร์ยืมมาจากลูเซียสกลับเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในครั้งนั้น

เมื่อสมาชิกทุกคนที่เหลือรอดกลับมาถึงบ้านโพรงกระต่าย แฮร์รี่ใช้เวลาอาศัยอยู่ที่นั่นจนถึงวันที่บิล วีสลีย์ และเฟลอร์ เดอลากูร์จัดงานแต่งงานกัน และในคืนเดียวกันนั้นเองที่รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ รูฟัส สคริมเจอร์ก็เดินทางมาเพื่อจัดการทำเรื่องพินัยกรรมของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ มรดกที่ดัมเบิลดอร์ส่งมอบต่อให้กับแฮร์รี่ก็คือ ลูกสนิชลูกแรกที่เขาจับได้ในการแข่งขันควิดดิชเมื่อตอนชั้นปีหนึ่ง และดาบของกริฟฟินดอร์ อย่างไรก็ตามกระทรวงไม่ได้ให้ดาบแก่แฮรี่เพราะพวกเขาไม่ทราบว่าดาบอยู่ที่ใด หลังจากค่ำคืนนั้นจบลงด้วยข่าวการล่มสลายของกระทรวง แฮร์รี่, รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ก็เริ่มต้นการเดินทางของพวกเขา หลังจากที่พวกเขาเข้าไปพักอาศัยอยู่ในบ้านเลขที่ 12 กริมโมลด์เพลซ แฮร์รี่ก็ได้รับรู้เบาะแสของล็อกเกตสลิธีรินของจริง จากมันดังกัส เฟล็ทเชอร์ พวกเขาจึงบุกเข้าไปในกระทรวงเวทมนตร์และชิงล็อกเกตมาจากอัมบริดจ์ได้สำเร็จ ในระหว่างการเดินทางนี้เองรอนที่อารมณ์แปรปรวนเพราะ ได้รับผลจากคำสาปที่ปกป้องฮอร์ครักซ์ เขาจึงทะเลาะกับแฮร์รี่และทั้งคู่ก็ได้แยกทางกันไปในชั่วขณะหนึ่ง

แฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่จึงเดินทางไปยังหมู่บ้านก็อดดริกฮอลโล่ เพื่อตามหาดาบของกริฟฟินดอร์ แต่ทว่าพวกเขากลับถูกนากินีลอบทำร้าย ทำให้ไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่เสียหายจนไม่อาจซ่อมได้ หลังจากนั้นไม่นาน มีผู้พิทักษ์รูปกวางตัวเมียปรากฏตัวบริเวณค่ายพักที่แฮร์รี่อยู่ กวางตวันนั้นได้นำแฮร์รี่ไปพบดาบกริฟฟินดอร์ซึ่งซ่อนอยู่ในบึงน้ำแข็ง รอนกลับมาช่วยแฮร์รี่ในการนำดาบขึ้นมา และทำลายล็อกเกตซึ่งเป็นฮอร์ครักซ์อันแรก และในที่สุดทั้งสามก็ถูกจับตัวได้โดยกลุ่มนักต้อน อย่างเฟนเรีย เกรย์แบ็ก และสแคบิเออร์ เนื่องจากแฮร์รี่เผลอเอ่ยชื่อ โวลเดอมอร์ ซึ่งเป็นชื่อที่มีการเสกคาถาให้เป็นคำต้องห้าม และบุคคลที่พูดคำนี้จะถูกระบุตัวทันที แฮร์รี่, รอน, เฮอร์ไมโอนี่ รวมถึงดีน โทมัส และก็อบลินชื่อกริ๊บฮุก ทั้งหมดได้ถูกจับตัวไปยังคฤหาสน์มัลฟอย ที่ที่โอลิแวนเดอร์ ช่างทำไม้กายสิทธิ์ และลูน่า เลิฟกู๊ด ได้ถูกจับตัวและขังไว้แล้วก่อนนั้น ภายหลังทั้งหมดสามารถหนีไปได้ด้วยความช่วยเหลือของอาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ โดยการส่งด๊อบบี้ อดีตเอลฟ์ประจำบ้านของตระกูลมัลฟอย หายตัวเข้าไปแล้วพาพวกเขาออกมาพักพิงอยู่ที่กระท่อมเปลือกหอย แต่ในระหว่างเดินทางกลับมา ด๊อบบี้ก็ถูกกริชของเบลลาทริกซ์แทงจนเสียชีวิต

ต่อมาทั้งสามได้บุกเข้าไปในธนาคารกริงกอตส์ด้วยความช่วยเหลือของก็อบลิน และขโมยถ้วยฮัฟเฟิลพัฟออกมาจากห้องนิรภัยของเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ โวลเดอมอร์ที่ทราบข่าวการขโมยนี้ จึงทราบในที่ท้ายที่สุดว่าพวกเขากำลังตามหาฮอร์ครักซ์ แฮร์รี่ได้มองเห็นความคิดของโวลเดอมอร์ ในขณะที่เขากำลังลำดับที่ตั้งของฮอร์ครักซ์ทั้งหมด ผ่านความเชื่อมโยงทางเวทมนตร์ของพวกเขา ทำให้แฮร์รี่ได้รู้ว่าฮอร์ครักซ์อันสุดท้ายนั้น อยู่ในฮอกวอตส์ และเกี่ยวข้องกับเรเวนคลอ ทั้งสามจึงเดินทางกลับเข้าไปในฮอกวอตส์ด้วยความช่วยเหลือของ อาเบอร์ฟอร์ธ ดัมเบิลดอร์ น้องชายของดัมเบิลดอร์ และเป็นหนึ่งในสมาชิกภาคีนกฟีนิกซ์ แฮร์รี่แจ้งเตือนการมาถึงของโวลเดอมอร์แก่เหล่าอาจารย์ และพบฮอร์ครักซ์ซึ่งเป็นรัดเกล้าของเรเวนคลอในห้องต้องประสงค์ หลังจากนั้นพวกของแฮร์รี่ได้ไปยังเพิงโหยหวน และเห็นโวลเดอมอร์ฆ่าสเนป ด้วยความเชื่อว่าเขาจะได้เป็นเจ้าของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ที่เคยเป็นของดัมเบิลดอร์อย่างสมบูรณ์ ก่อนจะเสียชีวิต สเนปได้มอบความทรงจำของเขาให้แก่แฮร์รี่ ความทรงจำที่แสดงให้เห็นว่าเขาจงรักภักดีกับดัมเบิลดอร์มาโดยตลอด ด้วยความรักที่มีต่อลิลี่ นอกจากนี้ แฮร์รี่ยังค้นพบว่า วิญญาณส่วนหนึ่งของโวลเดอมอร์อยู่ในตัวของเขาเอง และโวลเดอมอร์ไม่สามารถตายได้ หากเขายังมีชีวิตอยู่ แฮร์รี่จึงไปพบกับโวลเดอมอร์ และจงใจให้ตนเองถูกคำสาปพิฆาตจนเสียชีวิต

แฮร์รี่ฟื้นขึ้นมาและพบกับดัมเบิลดอร์ ซึ่งอธิบายว่าเขาไม่สามารถตายโดยที่โวลเดอมอร์ยังอยู่ เพราะโวลเดอมอร์สร้างร่างขึ้นมาจากเลือดของแฮร์รี่ และแฮร์รี่เองก็เป็นเจ้าของอันชอบธรรมของเครื่องรางยมทูตทั้งสาม คำสาปพิฆาตได้ทำลายวิญญาณของโวลเดอมอร์ที่มีอยู่ในตัวแฮร์รี่ แฮร์รี่ฟื้นขึ้นมาจากความตายอีกครั้ง ด้วยความช่วยเหลือจากนาร์ซิสซา มัลฟอย แฮร์รี่จึงได้กลับมาสู้กับโวลเดอมอร์อีกครั้งหนึ่ง และในที่สุดโวลเดอมอร์ก็สิ้นชีพด้วยคำสาปพิฆาตของตัวเองที่สะท้อนกลับ หลังจากที่โวลเดอมอร์เสียชีวิตลงแฮร์รี่ก็สูญเสียความสามารถที่เป็น พาร์เซลเม้าส์ไปด้วยเช่นเดียวกัน และเขาก็ไม่เคยเจ็บที่แผลเป็นรูปสายฟ้าอีกเลยนับตั้งแต่นั้น

หลังจากสงครามสิ้นสุดลง แฮร์รี่ได้เข้าดำรงตำแหน่งมือปราบมาร จากการแต่งตั้งของรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์คนใหม่ คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์ แม้ว่าเขาจะไม่มีคะแนนในระดับ ส.พ.บ.ส. ก็ตาม และต่อมาในปี ค.ศ. 2007 แฮร์รี่ก็ได้เลื่อนตำแหน่งขึ้นเป็นหัวหน้ามือปราบมาร เมื่อเขาอายุได้ 27 ปี หลังจากที่แฮร์รี่และจินนี่ได้แต่งงานกัน (ก่อนปี ค.ศ. 2005) ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกันสามคน ได้แก่ เจมส์ ซิเรียส พอตเตอร์, อัลบัส เซเวอร์รัส พอตเตอร์ และ ลิลี่ ลูน่า พอตเตอร์ โดยแฮร์รี่ได้เป็นพ่อทูนหัวให้กับ เท็ดดี้ ลูปิน ลูกชายเพียงคนเดียวของ รีมัส ลูปิน และนิมฟาดอร่า ท็องส์ ภายหลังแฮร์รี่ได้ตัดสินใจแขวนรูปของ เซเวอร์รัส สเนป เคียงคู่รวมอยู่กันอาจารย์ใหญ่ฮอกวอตส์ท่านก่อนๆ และได้รับเชิญให้เป็นอาจารย์วิชาป้องกันตัวพิเศษเป็นครั้งคราว นอกจากนี้ชื่อของเขายังถูกบันทึกลงบนการ์ดกบช็อกโกแลต เช่นเดียวกันกับ รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์





ข้อมูลจาก Harry Potter Wiki

รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 19th March 2024 - 01:50 PM