IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Reply to this topicStart new topic
> Seven Keys ตำนานเจ็ดเผ่าพันธุ์ กุญแจแห่งราชัน
Celez Volante Am...
โพสต์ Apr 20 2012, 10:41 PM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์











◄ นี่คือ ห้องแสดงผลงาน กรุณาอย่าโพสอะไรทั้งสิ้น! หากต้องการวิจารณ์ผลงานเชิญที่ ห้องวิจารณ์ผลงาน ค่ะ ►



..



ชื่อเรื่อง | Name
. . . Seven Keys ตำนานเจ็ดเผ่าพันธุ์กุญแจแห่งราชัน

ผู้แต่ง | Writer
. . . Celovine` (นามปากกา)

คำโปรย | Taglines
. . . ถือกุญแจทั้งเจ็ดของคุณให้พร้อม แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเดินทางเหนือจินตนาการท่องโลก
ที่คุณ เห็น ไม่เท่าเสี้ยวของสิ่งที่มัน เป็น ความลับทั้งหมดจะถูกตีแผ่ ปริศนาทั้งหลายจะถูกไข..โดยเธอผู้นี้
คนที่จักรวาลรอคอย "เธอกลับมาแล้ว"

. . . Hold your seven keys in your hand. Then , Come to join our advanture.
To travel around The World Which you ever seen less than half of it. All secret ,
All question will be solve by her. The girl who's the universe waiting for "She's Back"


คุยกับผู้แต่ง | Talk with Celovine`
. . . สวัสดีนักอ่านทุกคนค่า มาฟังประกาศจากไอซ์สักหน่อยเน้ออตอนนี้ The Legend of Seven Homo ไม่ได้หายไปไหนนะคะ แต่เปลี่ยนชึ่อใหม่ให้ดูอลังการกว่าเดิม เป็น Seven Keys ตำนานเจ็ดเผ่าพันธุ์ กุญแจแห่งราชัน สืบเนื่องจากตอนนี้สมองแล่นแล้ว ไอซ์จึงอยากจะรีไรท์ + ตกแต่งใหม่ทั้งหมด เนื้อหาส่วนใหญ่จะใกล้เคียงของเดิม แต่อาจจะมีเสริมเติมแต่ง และกระชับเนื้อเรื่องไม่ให้น่าเบื่อ ยังไงไอซ์ก็ขอฝากคนที่ผ่านไปมา หรืออาจจะหลงผิดเข้ามาด้วยนะคะ มาเดินทางท่องโลกเหนือจินตนาการไปกับไอซ์กันนะคะ ^^


..




Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Apr 20 2012, 11:03 PM
โพสต์ #2


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์










{ กำลังปรับปรุง }


# No Picture #

Name : Le'cez Latoven ( เลอเซซ ลาโทเว่น )
Appearance : ผมบลอนด์ยาวสลวยถึงกลางหลัง ตาสีม่วง ผิวขาว แต่งกายสบายๆ สวยแบบเรียบๆ หุ่นนางแบบ สูง
Character : เย็นชา แต่เวลาโกรธจะด่าอย่างเจ็บแสบ ไม่ค่อยแคร์คนอื่นสักเท่าไหร่ เกลียดพวกโครโมโซม Y รักเพื่อน ดูภายนอกจะหยิ่งๆ แต่ค่อนข้างติดดิน




# No Picture #

Name : Zelcine Ziladen ( เซลซีน ซิลาเดน )
Appearance : ผมบลอนด์หยิกเซ็ตอย่างดี ตาสีเขียวน้ำทะเล ผิวขาว แต่งตัวเริ่ดอยู่เสมอ เสื้อผ้าหน้าผมต้องเป๊ะตลอดเวลา
Character : หยิ่ง หัวสูง ชอบดูถูกคนอื่น รักสวยรักงาม ปากร้าย แต่รักเพื่อน เจ้าคิดเจ้าแค้น ขี้วีน โมโหบ่อยยิ่งกว่าหายใจเข้าออก = ='




# No Picture #

Name : Chenile Karisma ( เชไนล์ คาริสม่า )
Appearance : ผิวสีน้ำผึ้งอ่อน ตัวเล็กๆ ผมสีน้ำตาลคาราเมล ดวงตาสีประหลาด ข้างขวาสีน้ำตาลแดง ข้างซ้ายสีเขียว
Character : ช่างพูดช่างจ้อไม่หยุด อารมณ์ดีตลอดเวลา มนุษย์สัมพันธ์ดีเว่อร์ เป็นคนง่ายๆ สบายๆ เล่นไปหมดทุกอย่าง เป็นที่รักของคนรอบข้างเสมอ ชอบยอมคนอื่นตลอด เถียงไม่เป็น




# No Picture #

Name : Hannah Jacqueline ( แฮนนาห์ แจคกาลีน )
Appearance : ผมบ๊อบสั้นสีขาว ผิวน้ำตาลแดง ดาสีแดงเพลิง
Character : นิสัยเหมือนเด็กๆ เอาแต่ใจ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยดีนักเวลาโกรธ




# No Picture #

Name : Iris Rosemary ( ไอริส โรสแมรี่ )
Appearance : ผมสีเขียวอ่อนยาวเป็นลอนประบ่า ตาสีเขียว ผิวขาว ตัวเล็กๆ ชอบทัดดอกไม้ไว้บนหัว โดยเฉพาะดอกโรสแมรี่ ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำตระกูล
Character : ชอบเหม่อลอย ยิ้มงาย ไม่ค่อยพูดถ้าไม่จำเป็น จิตใจดี เป็นที่พึ่งของเพื่อนในกลุ่มเสมอ มีความเป็นผู้ใหญ่สูง




# No Picture #

Name : Karen Stella ( คาเรน สเตลล่า )
Appearance : ผมสีฟ้ายาวแทบจะลากพื้น มักผูกแกละสองข้างแบบเซเลอร์มูน มีหน้าอยู่สองแบบ คือหน้าเจ้าเล่ห์ และหน้าง่วง ดวงตาสีฟ้าเป็นประกายสดใส
Character : ชอบหลับเป็นชีวิตจิตใจ เจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ ฉลาดเป็นกรด แต่ขึ้เกียจขั้นรุนแรง



# No Picture #

Name : Mecedez Hestia ( เมอร์ซิเดส เฮสเทีย )
Appearance : ผิวขาว ตัวเล็กเว่อๆ ตาโตสีม่วง ผมสีชมพูอ่อน ผูกสองข้าง ผมยุ่งตามสไตล์เด็กๆ ติดกิ๊บรูปตัว H เสมอ
Character : มีรอยยิ้มสดใสให้คนรอบข้างเสมอ ยกเว้นแต่เวลาอยู่คนเดียว หรืออยู่กับคนที่ไว้ใจ จะมีดวงตาทึ่แสนเศร้าเข้ามาแทนที่ เป็นเด็กหัวแข็ง ไม่ฟังใคร ยกเว้นแค่บางคน เช่น เลอเซซ







Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Apr 24 2012, 01:03 PM
โพสต์ #3


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์










{ กำลังปรับปรุง }


# No Picture #

Name : Nightmare Paddlepop
Appearance : -
Character : -



# No Picture #

Name : Warrior Chariot
Appearance : -
Character : -



# No Picture #

Name : Delan Ristobal
Appearance : -
Character : -



# No Picture #

Name : Dominic Ristobal
Appearance : -
Character : -





Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Apr 24 2012, 01:21 PM
โพสต์ #4


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์











. . .เขาไม่รู้ตัวว่าเขาเป็นใคร เขาไม่รู้ว่าเขามาจากไหน สิ่งที่เขารู้คือมีเขาแค่เพียงคนเดียว คนเดียวจริงๆ รอบตัวเขามีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีแม้แต่ความมืดมิด เขาไม่มีใคร ไม่เคยมีใครทั้งนั้น ไม่เคยเห็นอะไร ไม่เคยสัมผัสอะไร ไม่เคยรับรู้ถึงอะไร แม้แต่ตัวของเขาเองที่เขารู้ คือพลังงานที่อัดแน่นในตัวเขา เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่เขารู้สึกดีกับมันมาก มีเพียงเขา เขาเท่านั้น เขามีอำนาจ เขาคือหนึ่งเดียว แต่ในความรู้สึกนั้น เขาเหงา เขาอ้างว้างเหลือเกิน บางทีการที่เขามีพลังมากมายแบบนี้ มันอาจจะช่วยอะไรได้บ้าง การที่เขามีพลังงานขนาดนี้มันต้องมีจุดประสงค์บางอย่าง เขาไม่รู้หรอกว่ามันมีไว้ทำไม ไม่สิ เขารู้ แต่เขาไม่เคยกล้าที่จะคิดต่อ เขาไม่เคยกล้าที่จะลอง เขาหวงแหนมันอย่างบอกไม่ถูก

. . .....เวลาผ่านไป
. . .หลังจากใคร่ครวญอยู่นาน นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ แต่ในที่สุดเขาตัดสินใจลองปล่อยเศษเสี้ยวของอนุภาคในตัวเขาออกมา สิ่งที่ออกมาจากตัวเขา เขาไม่สามารถบรรยายได้ว่ามันคืออะไร หน้าตาเป็นอย่างไร เขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน ไม่สิ..จะบอกว่าไม่เคยมองเห็นอะไรเลยจะถูกกว่า เขารู้เพียงว่าสิ่งนั้นมันสวยงามมาก แหงละ เขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่าความสวยงามเป็นยังไง เขาลองปล่อยมันออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า มันไม่เคยซ้ำกันเลย เขารู้แค่ว่าเขาพอใจกับมันมาก เขาสนุกที่จะได้เฝ้ามองว่ามันจะออกมาเป็นยังไง ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าพลังงานในตัวเขา มันเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณแทนที่จะน้อยลง ราวกับกำลังเรียกร้องอะไรบางอย่าง บางอย่างที่เขารู้อยู่แก่ใจ เขาเฝ้าดูมันเติบโตอย่างมีความสุข เขาอยากเห็นมันยิ่งใหญ่กว่านั้น เขารู้ดีว่าพลังงานในตัวเขาช่วยได้ ทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัว ไม่มีเวลาไตร่ตรองอีกต่อไป เขาแทบจะอดใจไม่ไหวที่จะได้เห็นมัน มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น เขาระเบิดตัวเองออกอย่างรุนแรง พลังงานทะลักออกมามากมายมหาศาล เป็นการระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติการณ์ ที่เราเรียกมันว่า ' บิ๊กแบง* ' และอย่างที่คุณรู้ โลกได้ถือกำเนิดขึ้นจากเศษเสี้ยวพลังงานจากบิ๊กแบงครั้งนั้นเช่นกัน

. . .ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆเสมอ ไม่เว้นแม้แต่จักรวาล จากจุดเล็กๆที่ไร้ค่า ไร้ความหมาย ได้สละตัวเองเพื่อสิ่งที่ใหญ่กว่า ความเสียสละ เป็นส่วนผสมหลักอย่างหนึ่งของการเปลี่ยนแปลง จึงไม่แปลกที่จะต้องมีคนสูญเสีย แม้ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม ... ประวัติศาสตร์มักจะซ้ำรอยเสมอ คุณว่าไหม?

. . .สิ่งที่ 'เขา' สร้างจากบิ๊กแบง หาใช่ความสวยงามอย่างที่เขาฝัน เขาลืมไปข้อหนึ่งว่าความสวยงามหากไร้ระเบียบ ความวุ่นวายก็จะตามมาเช่นกัน 'เขา' สร้างความโกลาหลไม่รู้จบ การแก่งแย่งชิงดี ความเละเทะ สเปะสปะ การวางตัวที่ผิดที่ผิดทาง ความสับสนอลหม่าน ..ใช่ เขาสร้าง เคออส* ท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนั้น เคออสก็ได้ให้กำเนิด นิกซ์* เทพีแห่งกลางคืน และ เอเรบัส* เทพแห่งความมืด ใช่แล้ว เรากำลังพูดถึงตำนานเทพ - เทพีของกรีกโรมันนั่นแหละ คุณคิดว่ามันเป็นแค่เทพนิยายก่อนเข้านอนหรือไง ตลกน่า...คนเรามันไม่บ้าแต่งอะไรได้เป็นมหากาพย์หรอก ถ้าไม่ใช่ว่ามันมีมูลความจริง แล้วก็ใช่อีกนั่นแหละ ฉันกำลังจะบอกว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ไม่เชื่องั้นหรอ? อย่ามัวแต่หลอกตัวเอง มาพิสูจน์กัน

" ขอต้อนรับสู่การเดินทางเหนือจินตนาการ เพื่อไขความลับของโลกและจักรวาล ... The Seven Keys "


- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ★




- บิ๊กแบง (Big Bang) ทฤษฎีการเกิดจักรวาลที่ได้รับการเชึ่อถือและใช้อ้างอิงมากที่สุด มีใจความสำคัญว่า จักรวาลเกิดจากการระเบิดของอนุภาคที่มีขนาดเล็ก และจนถึงตอนนีจักรวาลก็ยังขยายตัวอยู่ตลอดเวลา
- เคออส (Chaos) แปลว่าความยุ่งเหยิงสับสนวุ่นวาย ชาวกรีกเชื่อว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
- นิกซ์ (Nix) เทพีแห่งกลางคืน
- เอเรบัส (Arebus) เทพแห่งความมืดมิด





Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Oct 23 2012, 08:32 PM
โพสต์ #5


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์











. . .ดวงจันทร์สีนวลที่เปล่งแสงบนท้องฟ้ายามค่ำคืน วันนี้ดูจะใหญ่ขึ้นกว่าที่เคยเห็นมา ราวกับพยายามทอแสงที่มีเพียงรำไรลงมาสู้กับความมืดมิดที่เป็นที่กล่าวขวัญของสถานที่แห่งนี้ หากแต่โดนราตรีกลืนกินจนแทบสิ้น แสงอ่อนที่สะท้อนน้ำทะเลเป็นประกายจางๆ ยังพอจะทำให้มองเห็นอะไรได้บ้าง แม้จะเป็นเพียงเค้าลางๆก็ตามที เสียงน้ำทะเลกระทบชายฝั่งเป็นจังหวะคลอกับเสียงลมที่พัดหนักบ้างเบาบ้าง พาเอากลิ่นเกลือจากทะเล กลิ่นชื้นจากไอดินทรายเข้าสู่ปอดของผู้มาเยือน ช่วยให้รู้สึกสดชื่นอย่างน่าประหลาด เสียงนาฬิกาจากป้อมตีบอกเวลาห้าทุ่มดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ ทำให้ร่างบางสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ คล้ายกำลังพยายามระงับความกลัว หญิงชราที่เดินนำหน้าชะงักเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมามองอย่างแปลกใจ

. . ."กลัวหรอคะ คุณหนู" หญิงสูงวัยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางมองเด็กสาวที่เป็นดั่งชีวิตของเธอด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความผูกพัน เธอเลี้ยงเด็กสาวมาตั้งแต่แบเบาะ จนบัดนี้กลายเป็นสาวงามที่เพียบพร้อม ผิวขาวนวลที่เปล่งประกายยามต้องแสงจันทร์ ดวงหน้ารูปไข่ที่เธอเฝ้ามองทุกวัน ยังคงงดงามไม่เปลี่ยนแปลง รูปร่างสูงโปร่งราวกับนางแบบรับกับผมบลอนด์ยาวสลวยถึงกลางหลังได้เป็นอย่างดี ดวงตาสีม่วงฉายแววแข็งกร้าว จมูกเล็กเชิดรั้นขึ้น แสดงถึงการไม่ยอมคน ริมฝีปากอิ่มสีชมพูระเรื่อยังเหยียดตรงไม่มีรอยยิ้มประดับเหมือนเคย คิ้วได้รูปเลิกขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถาม

. . ."ป้าเมล เซซบอกแล้วไงคะว่าอย่าเรียกคุณหนู" เสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ ดวงตาสีไวโอเล็ตคู่สวยตวัดมองขณะพูดประโยคเดิมๆที่เจ้าตัวพร่ำบอกมากว่าสิบเจ็ดปี

. . ."ป้าขอโทษค่ะ คุณหนู" แม้ปากจะบอกว่าขอโทษ หากแต่สรรพนามที่เรียกก็ยังไม่ยอมเปลี่ยนแต่อย่างใด ทำให้เด็กสาวถอนหายใจอย่างยอมแพ้อีกตามเคย

. . ."...เซซไม่ไปได้ไหมคะป้า" จู่ๆ เด็กสาวก็หยุดเดิน เสียงหวานรำพึงออกมาเบาๆขณะทอดสายตามองไปยังทะเลเวิ้งว้างเบื้องหน้า ดวงตาสีม่วงลึกลับที่ว่างเปล่า ไม่มีเค้าความรู้สึกใดๆในนั้น ทำให้คำพูดที่ออกมา ดูราวกับว่าเจ้าตัวเพียงแค่อยากระบาย ไม่ได้หมายความเป็นจริงจังกับพูดสักเท่าไหร่ คนมองจืงอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู

. . ."ป้าคงขัดคุณหนูไม่ได้หรอกค่ะ แต่ต่อให้คุณหนูไม่ยอมไปวันนี้ คุณหนูก็ต้องไปอยู่ดีวันยังค่ำ เพียงแต่จะด้วยวิธีไหนก็เท่านั้น โชคชะตาเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดานะคะ คุณหนูว่าไหม? คนเราเมื่อเกิดมาก็ล้วนมีเส้นทางของตัวเองที่คนเบื้องบนกำหนดมาให้ บางเส้นทางก็มีทางแยกให้เราเลือก แต่บางเส้นทางก็เป็นถนนวันเวย์ นั่นคือสิ่งที่คุณหนูรู้ดีที่สุด ถูกไหมคะ?" หญิงชราว่าพลางสาวเท้ามายืนคู่กับร่างบาง แต่ก็ยังไม่วายทิ้งระยะห่างเล็กน้อยแสดงถึงความเคารพต่อเด็กสาวผู้เป็นนายได้เป็นอย่างดี เธอเว้นช่วงเล็กน้อยเพื่อลอบสังเกตสีหน้าของคู่สนทนา ผู้ซึ่งมีสีหน้าตั้งอกตั้งใจฟังอย่างพึงพอใจ ก่อนจะรีบกล่าวต่อเพื่อไม่ให้เว้นช่วงนานจนเกินไป

. . ."คุณหนูเอง ก็อยากรู้ไม่ใช่หรอคะ ว่าทำไมคุณหนูถึงถูกส่งมาที่นี่ ที่โลกของพวกเซเปียนส์ ถ้าเป็นไปได้ ป้าก็อยากจะบอกทุกอย่างกับคุณหนูเองเหมือนกัน แต่บางเรื่องแม้แต่ป้าเองก็ยังไม่ทราบ และบางเรื่องต่อให้รู้ ป้าก็บอกคุณหนูไม่ได้ ถ้าป้าขออะไรได้สักอย่าง ป้าก็อยากขอให้คุณหนูของป้า ไม่ต้องมาทนรับความเจ็บปวดของโชคชะตาแบบที่เป็นอยู่นี้เลย ป้าไม่อยากให้คุณหนูต้องออกไปเผชิญโลกคนเดียวแบบนี้เลยนะคะ แต่ไม่ว่าใคร ก์ไม่อาจฝืนโชคชะตาได้ คุณหนูเกิดมาเพื่อทำสิ่งเหล่านี้ ป้า.."

. . ."ป้าก็...เซซแค่ล้อเล่นเองนะคะ เซซไม่ได้อยากจะขัดอะไรโชคชะตานักหรอก ป้าก็รู้ การมีปัญหากับท่านโคลดี้ ท่านไลเคนส์ โดยเฉพาะท่านออคโตพุสผู้สูงศักดิ์คงไม่ใช่เรื่องที่ฉลาดนักหรอก ใช่ไหมคะป้า" เด็กสาวว่าพลางยิ้มกว้างอย่างขบขัน ร่างบางทรุดตัวลงนั่งบนผืนทรายเนียนละเอียด พลางบิดตัวอย่างเกียจคร้าน ทำให้หญิงชราทรุดตัวลงตามอย่างอ่อนใจ

. . ."เทพีมอยเร*ทั้งสามเป็นเทพีแห่งโชคชะตาเชียวนะคะ ถ้าพวกเธอได้ยินเข้า การปรากฎตัวครั้งต่อไปต่อหน้าคุณหนูคงไม่ใช่เรื่องดีแน่" หญิงชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงทีเล่นทีจริง ดวงตาฝ้าฟางมีแววอ่อนลงยามพูดถึงเทพีทั้งสาม

. . ."ชีวิตของเซซ เซซเป็นคนกำหนดเอง ไม่ว่าใครก็มาทำอะไรเซซไม่ได้ ตราบใดที่ป้าเมลยังมีลมหายใจ เซซจำได้ว่าป้าเคยพูดแบบนี้และเซซเชื่อ ว่าป้าจะปกป้องเซซได้ อย่างที่ป้าเคยทำมาตลอด ... ว้า~ เหลือเวลาอีกตั้งนาน ขอพักสักหน่อยนะคะ" เด็กสาวกล่าวเสียงแข็ง ก่อนจะลดเสียงอ้อนหญิงชรา ร่างบางล้มตัวลงนอนบนพื้นทรายอย่างไม่ห่วงสวย ผมบลอนด์สยายเต็มพื้นทราย เปลือกตาสวยปรือลงด้วยความง่วง ก่อนเสียงของธรรมชาติรอบกายขับกล่อมเธอจนเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด

. . ."ออกมาได้แล้วมั้ง เฟต*" หญิงชราพูดขึ้นลอยๆเมื่อเห็นเด็กสาวหลับลงเป็นที่เรียบร้อย สิ้นเสียง อากาศตรงหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยว ก่อนที่ร่างของหญิงชราอีกสามนางจะปรากฎขึ้น

. . ."ยัยเด็กนี่ มั่นใจซะเหลือเกินนะ ฉันไม่แปลกใจเลย ว่าเธอเป็นคนเลี้ยงมา" หญิงชราคนแรกที่ดูจะอ่อนวัยที่สุด เอ่ยกระแนะกระแหนหากแต่แววตาฉายแววดีใจที่ได้พบคนตรงหน้า

. . ."สวย เยือกเย็น แน่วแน่ มั่นใจในตัวเอง ถอดแบบกันมาไม่ผิดเพี้ยนเลยสินะ" หญิงชราอีกคนกล่าวนิ่งๆ พลางเหลือบตามองร่างคุ้นตาตรงหน้า ในมือก็ยังสาวด้ายอย่างไม่ขาดตอน

. . ."ข้าจะถือว่ามันคือคำชมนะ ไคลโธ* ลาเคซิส* ... แล้วเจ้าละ ถึงกับอึ้งไปเลยหรือไง อะโทรพอส*ผู้เย่อหยิ่ง"

. . ."กล้าเอาชื่อข้าไปเทียบกับปลาหมึกยักษ์แปดหนวดของตาเฒ่าเนเรอุส* มันไม่มากเกินไปหน่อยหรอ เมอเลเท" หญิงชราที่โดนพาดพิง สวนกลับทันที ดวงตาปูดโปนเบิกถลนจ้องร่างของเด็กสาวผู้กำลังหลับใหล ทำให้เมอเลเทต้องเบี่ยงตัวมาบังร่างบางไว้และจ้องกลับด้วยสายตาดุดัน อะโทรพอสแสยะยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยอมละสายตาไปในทึ่สุด

. . ."การปรากฎตัวของเทพีมอยเรที่ขึ้นชื่อว่าเก็บตัวที่สุดในบรรดาผู้อมตะทั้งปวง คงจะมีเหตุผลมากกว่ามาเยี่ยมเยียนเพื่อนเก่าสินะ ใช่ไหมเลซี่ ?"

. . ."ในเมื่อเธอเปิดทางมาอย่างนั้น พวกเราก็จะเข้าประเด็นเลยแล้วกัน" ลาเคซิสเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง

. . ."เรามาเพื่อเตือน ความหยิ่งทรนงของเด็กนั่นแม้จะน่าหมั่นไส้แค่ไหน แต่มันก็คือปราการสำคัญที่ดีสุด ต่อให้ข้าไม่อยากยอมรับเท่าไหร่ก็เถอะ ... จงระวัง! อย่าให้ใครหน้าไหนทำลายมันได้ สิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดก็เป็นสิ่งที่เปราะบางที่สุดเช่นกัน" อะโทรพอสเหน็บเล็กน้อยแต่ก็แฝงความชื่นชมอยู่ในที

. . ."อย่าได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเธอก่อนเวลา จงระวังทุกย่างก้าว ศัตรูรายล้อมอยู่ทุกทิศ" ไคลโธกล่าวอย่างหนักแน่น ดวงตาจับจ้องไปยังร่างบางที่ตอนนี้ยังคงหลับใหลขณะเอ่ยคำเตือน

. . ."ขณะทิ่เจ้าเริ่มเคลื่อนไหว อีกฝ่ายก็พร้อมตั้งรับแล้วเช่นกัน เจ้ารู้ใช่ไหม ?" ลาเคซิสเอ่ยถาม ดวงตาสีเทาเวิ้งว้างมองเมอเลเทที่พยักหน้ารับอย่างเงียบงันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ร่างของลาเคซิสจะถูกความมืดมิดกลืนหายไป

. . ."จงไปทีเดลฟีก่อนออกเดินทาง คำทำนายจะชี้นำ" อะโทรพอสกล่าวทิ้งท้าย ขณะตัดด้ายอีกเส้นด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ ร่างงองุ้มย่อตัวลง ก่อนจะทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า และหายไปในที่สุด

. . ."วันนี้ข้ามีธุระแค่นี้ อีกไม่นาน เราจะได้พบกันใหม่ ว่าด้วยเรื่องของตัวเจ้าเอง เมอเลเท" ไคลโธที่ยังรั้งท้ายกล่าวด้วยน้ำเสียงอาวรณ์ พลางมองหน้าเมอเลเทที่ยิ้มให้ด้วยสีหน้าปวดร้าว นางค่อยๆถอนสายตาจากหญิงชราตรงหน้าอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะตัดใจเดินสาวเท้าเข้าไปในทะเล

. . ."ข้าก็เช่นกัน ไคลโธ" เมอเลเทพึมพำเบาๆ ขณะมองไคลโธเดินลุยน้ำออกไปจนลับสายตา เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืนดังก้องอยู่ในโสตประสาทของเมอเลเท มือเหี่ยวย่นล้วงไปหยิบกุญแจสีทองดอกเล็กออกมาจากย่ามสีตุ่นด้วยมือสั่นเทา

. . ."คุณหนูคะ คุณหนู" เมอเลเทเรียกเด็กสาวที่กำลังหลับใหล พลางเอื้อมมือไปแตะบ่าของเด็กสาวทำให้เด็กสาวลืมตาโพลงขึ้นทันทีอย่างคนที่ระวังตัวต
ลอดเวลา

. . ."ฮ้าว~ แย่แล้ว เซซหลับไปนานเท่าไหร่คะเนี่ย" เด็กสาวถามขณะผุดลุกขึ้น มือบางปัดเศษทรายออกจากชุดกระโปรงสีหวานอย่างรีบร้อน ทำให้หญิงชราอดยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ได้ หญิงชราเอามือสางผมเด็กสาวอย่างแผ่วเบาจนเข้าทรง ก่อนจะช่วยขยับชุดและเข็มขัดให้เข้ารูป

. . ."โอเคแล้วค่ะคุณหนู มาเริ่มกันเลยนะคะ" นัยน์ตาสีบรูเน็ตของเมอเลเทมองสำรวจร่างบางตรงหน้าอย่างพึงพอใจ ก่อนจะก้มตัวคุกเข่าลง นิ้วเหี่ยวย่นลากไปตามผืนทรายจนเกิดสัญลักษณ์สีทองเรืองแสง เสียงหวานราวกับสาวแรกรุ่นถูกเปล่งออกมาจากปากหญิงชราตรงหน้าทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ เสียงขับขานบทเพลงหวานหูดังก้องกังวานไปทั่วบริเวณ


"Look through , Above the sea
Make sure you don't use your eyes
Coz you will see nothing there
Just use your heart to look there
you will find the key

Priretta the land of music
The land of Delphe , Center of all
Parthia Pirthon Pireza Prioer
Sing from your heart is the key
Sing from your heart is the key"



. . .ทันทีที่ท่อนสุดท้ายจบลง หลุมดำทรงวงรีที่หมุนราวกับน้ำวนก็ปรากฎขึ้นตรงหน้าคนทั้งสองพร้อมกับแรงดึงดูดมหาศาลที้จู่โจมเข้ามาอย่างรวดเร็ว อากาศรอบตัวเริ่มปั่นป่วน เสียงฟ้าผ่าดังกึกก้อง พร้อมๆกับลมกรรโชกที่พัดเข้ามาจนขาทั้งสองแทบจะต้านไม่ไหว เมอเลเทยื่นมือออกไปหาเด็กสาวที่วางมือกลับมาทันทีอย่างรู้งาน ก่อนจะออกแรงพากันเดินฝ่าลมพายุก้าวไปด้านหน้า ร่างทั้งสองหายวับไปในหลุมอากาศที่เปิดออกและปิดลงอย่างรวดเร็ว ทิ้งไว้เพียงเสียงเข้มเฉียบขาดที่แว่วมาจากพุ่มไม้ พร้อมกับเสียงเกรียบกรอบของใบไม้ทีโดนเท้านับสิบคู่เหยียบย่ำ

. . ."ตามมันไป!"



- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ★



- เทพีมอยเร (Moerae) พาร์เซ (Parcae) หรือ เฟต (Fates) เป็นเทพีแห่งโชคชะตาของกรีกและโรมัน ลิขิตชีวิตของทุกคนด้วยเส้นด้าย ทั้งสามเป็นธิดาของ เทพซุส กับ เทพีธีมิส ประกอบด้วย ไคลโธ ลาเคซิส และ อะโทรพอส โดยปกติจะพำนักอยู่ที่ยมโลก
- ไคลโธ หนึ่งในเทพีมอยเรทั้งสาม เป็นผู้ปั่นฝ้ายสร้างเส้นด้ายแห่งชีวิตของมนุษย์ขึ้น
- ลาเคซิส หนึ่งในเทพีมอยเรทั้งสาม เป็นผู้ฟั่นด้ายให้เป็นเชือก เพื่อให้ชีวิตของมนุษย์มั่นคง
- อะโทรพอส หนึ่งในเทพีมอยเรทั้งสาม เป็นผู้ใช้กรรไกร(เคียว)ตัดเชือกแห่งชีวิต เมื่อถึงคราวชะตาขาด
- เนเรอุส (Nereus) ชายชราแห่งท้องทะเล บุตรของพอนทัสและพระแม่ธรณีไกอา ได้รับความสำคัญอย่างมากก่อนยุคของเทพโพไซดอน มีชายาคือเนเรียดทั้ง 50 นาง





Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Oct 27 2012, 05:47 PM
โพสต์ #6


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์











` }___Lecez Part /.

. . .คุณเคยอยู่ในที่ที่ทั้งมืด ทั้งแคบ และทั้งหนาวจับขั้วหัวใจไหม? แล้วถ้าคุณต้องเดินไปบนทางที่ยาวและกว้างเพียงฝ่าเท้า พ้นจากนั้นคืออากาศเวิ้งว้าง ด้วยความมืดชนิดที่ว่า เหมือนดวงตาของคุณบอดสนิท พร้อมด้วยอากาศเย็นยะเยือกที่ทำให้ฟันคุณกระทบกันแทบไม่ทัน คุณจะทำอย่างไร? แน่นอน ฉันกำลังอยู่ในที่แบบนั้นแหละ ฉันค่อยๆเดินตามทางมาอย่างช้าๆ ช้าถึงขั้นที่เรียกว่าคลานเลยก็ว่าได้ โดยมีฝ่ามือหยาบกร้านของป้าเมลคอยพยุงนำทาง เส้นทางมรณะนี้ดูเหมือนจะยืดยาวไปไม่สิ้นสุด ยิ่งเดินเท่าไหร่ฉันกลับมีความรู้สึกว่าจุดหมาย มันยิ่งห่างไปเท่านั้น ฉันคงไม่ได้คิดไปเองหรอกใช่ไหม?

. . ."มันเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งของไพร์ริเอต้าค่ะคุณหนู" ป้าเมลตอบความคิดของฉันออกมาด้วยเสียงอ่อนระโหย ป้าเองก็คงเหนื่อยเหมือนฉันสินะ คุณรู้ไหม มันเหนื่อยยิ่งกว่าวิ่งมาราธอนเสียอีกกับการลากขาอันหนักอึ้งที่ดูเหมือนจะชาจนไร้คว
ามรู้สึกไปแล้วไปข้างหน้ามาเป็นชั่วโมง การทีเราเหนื่อยแต่อากาศรอบตัวมันหนาวจนเหงื่อไม่สามารถเสนอหน้าออกมาได้ มันทรมานขนาดไหน ทำไมฉันจะไม่รู้ ฉันเองก็ทรมานจนไม่มีเสียงจะโต้ตอบกับป้าแล้ว เลยต้องเปิดความคิดสื่อสารแทน ป้าเมลคงเคยมาที่นี่หลายครั้งแล้วสินะ ป้าถึงพูดโดยที่ฟันไม่กัดลิ้นขาดเสียก่อน อ้อ ป้าเมลสามารถอ่านความคิดคนได้ค่ะ แต่สำหรับฉัน ฉันสามารถเลือกได้ว่าจะให้ป้าอ่านความคิดตอนไหน ฉันไม่คิดว่ามันจะมีประโยชน์จนกระทั่งตอนนี้แหละ ฉันเคยถามหลายครั้งนะ ว่าคนอื่นสามารถปิดกั้นป้าได้แบบฉันหรือเปล่า แต่ที่ได้รับกลับมาคือความเงียบ นั่นทำให้ฉันรู้ว่ามันคงเป็นเรื่องประเภท 'ความลับที่ป้ารู้แต่บอกไม่ได้' อีกตามเคย ฉันก็เลยไม่พูดเรื่องนี้อีก 'สิ่งที่เขาต้องการทดสอบคืออะไรคะ'

. . ."ความกล้าหาญไงคะ ถ้าใครที่ยังมีความกลัวอยู่ทางเดินนี้จะไม่มีวันสิ้นสุด เพราะฉะนั้น ความกลัวในใจคุณหนูน่ะ ปล่อยมันได้แล้ว ป้าเองก็เริ่มจะเหนื่อยแล้วนะคะ" ป้าเมลพูดด้วยเสียงแหบแห้งเจือเสียงหัวเราะอ่อนๆ ในขณะที่ฉันกลับสะดุ้งเหมือนคนทำผิดแล้วโดนจับได้ เอ่อ..คงไม่เหมือนหรอกเนอะ เพราะฉันขัดคำสั่งป้าจริงๆ นี่นา ทั้งๆ ที่ป้าเตือนแล้วแท้ๆ แต่ของอย่างนี้มันบังคับได้ที่ไหนกันเล่า

. . ."J.S.Bach*" เสียงของป้าเมลช่างแผ่วเบา เบาราวกับอยู่ไกลแสนไกล เบาราวกับสายลม แต่คำพูดที่เหมือนมาไขกุญแจในหัวฉันดัง กริ๊ก ขณะทีสติกำลังจะหลุดลอยไปนั้น ให้ความรู้สึกเหมือนโดนกระชากกลับมาสู่ปัจจุบัน ใช่แล้ว! เวลาเดียวทีฉันจะไม่รู้สึกกลัว ไม่รู้สึกโกรธ หรือรู้สึกเศร้ากับเรื่องใดๆ คือเวลาที่นิ้วฉันสัมผัสคีย์ที่ทำจากไม้เนื้อดี พรมนิ้วให้เกิดท่วงทำนอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่วงทำนองของบาร์ค ที่เป็นเหมือนขุมพลังอันมหาศาลสำหรับฉัน ท่วงทำนองจากสวรรค์ เวลาทีโสตสัมผัสของฉันได้ฟังโน้ตอันอ่อนหวานแต่ละตัวที่ถูกบรรจงร้อยเรียงเป็นบทเพลง มันเหมือนกำลังถูกปลดสลักความกลัวที่กำลังปิดกั้นฉัน ปิดกั้นไม่ให้ฉันมีความสุข บีบบังคับฉันไม่ให้ลืมอดีตอันเลวร้าย ใช่แล้ว...

. . ."คุณหนูคะ คุณหนู" เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลของป้าเมลดังขึ้น มันเริ่มจากเบา เบายิ่งกว่ามดเดินเสียอีก มันค่อยๆ ดังขึ้น ดังขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดฉันก็ทนไม่ไหว อ้าปากจะกรีดร้อง แต่จู่ๆ เสียงก็ดับวูบลง

. . .'ป้ากำลังกังวลอะไร ป้าเรียกฉันทำไม แล้วป้าอยู่ไหน ทำไมฉันมองไม่เห็นอะไรเลย แล้วที่นี่มันที่ไหน' คำถามมากมายพรั่งพรูเข้ามาในหัวสมองของฉัน ขณะกวาดตามองบรรยากาศรอบตัว ฉันกำลังยืนอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ ดูจากการตกแต่งแล้วคาดว่าน่าจะเป็นสถาปัตยกรรมโบราณ ฉันไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เฮ้! ไม่ได้หมายความว่ามันไม่สวยนะ แต่ฉันไม่เคยเห็นสิ่งก่อสร้างไหนมีสถาปัตยกรรมแบบนี้จริงๆ ทุกอย่างเป็นเนื้อเดียวกัน ไม่มีรอยต่อ ไม่มีวัสดุไหนตั้งฉากเก้าสิบองศากันเลย ทุกอย่างดูโค้งมน เรียบ เปราะบาง แต่ทว่าก็แข็งแกร่งในคราวเดียวกันโว้วว! เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไปเอาการวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งนี้มาจากไหนเนี่ย เรื่องงานศิลปะไม่ใช่สไตล์ฉันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วนะ โอเค ปล่อยมันไปก่อน ตอนนี้ฉันกำลังอยู่ ที่ - ไหน - ก็ - ไม่ - รู้ ช่างความคิดปัญญาอ่อนนั่นก่อนเถอะ

. . .ฉันพยายามขุดคุ้ยซีรีบรัมทุกรอยหยักว่ามีสถานทึ่ไหนที่ฉันเคยไปมีลักษณะแบบนี้บ้างไห
ม ที่ที่ผนังห้องเป็นสีน้ำตาลไหม้ของไม้ ที่ที่มีโคมไฟระย้าที่น่าจะทำจากแก้วอยู่ตามมุมห้องที่ที่ฉันกำลังวางเท้าอยู่ เป็นพื้นทรงกลมขนาดยักษ์ที่ปูด้วยพรมสีเลือดหมู ด้านบนเป็นโคมไฟอันมหึมาที่ห้อยลงมาจากฝ้าเพดานรูปโดม ฝ้าเพดานเป็นฝ้าโปร่งแสงหลากสี ถ้าสังเกตดีๆจะพบว่าฝ้าจะประกอบด้วยแผ่นสีเจ็ดสีได้แก่ แผ่นสีดำ สีแดง สีเขียว สีน้ำเงิน สีน้ำตาล สีเงิน และ ที่มีการเรียงตัวแปลกประหลาดที่สุดคือ สีทอง มันเรียงตัวเป็นตัวอักษรเล็กๆมากมาย ดีนะที่ตอนนี้น่าจะเป็นเวลาเที่ยง เพราะแสงจ้าขนาดนี้ถึงจะมองเห็นชัดเจนทุกสี ... เดี๋ยวนะ เที่ยงงั้นหรอ?

. . . . .เฮือก!
. . .ฉันเด้งตัวขึ้นมาทันที มองไปรอบๆด้วยความตื่นตระหนก เฮ้ๆ นี่มันไม่ใช่ที่เดิมนี่นา ที่นี่มันต่างจากเมื่อกี้มากเลยนะ อะไรกันวะเนี่ย เมื่อกี้ยังเป็นห้องไม้อยู่เลยนะ แล้วไอ้ห้องกลมๆใสๆนี่มันมาจากไหน ฉันกวาดตามองไปรอบๆ พบว่าห้องนี้ทำจากกระจกใสทั้งหมดเป็นทรงกระบอก จะว่าไปห้องนี้กับห้องไม้เมื่อกี้มันก็มีบางอย่างที่คล้ายๆกันแฮะ อ้า ใช่แล้ว ไอ้ความโค้งมนติงต๊องนั่นไง ให้ตาย แค่เอากระจกมาตัดให้เป็นทรงกระบอกก็ยากลากเลือดแล้ว แต่นี่มันเหมือนทำจากกระจกบานเดียวกันหมด และไร้รอยต่อ เมื่อมองผ่านกระจกออกไป ก็จะเห็นทิวทัศน์รอบนอก ฟ้ายังคงสลัวอยู่ ที่ขอบฟ้าเริ่มมีแสงสีเพลิงโผล่มาให้เห็น นี่คงเป็นเวลาเช้ามืดสินะ อื้ม ค่อยสมจริงหน่อย

. . ."ฟื้นแล้วหรอ" เสียงนุ่มแต่ทรงอำนาจดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของฉัน แม้จะเป็นเสียงที่แปลกหูแต่ฉันกลับสัมผัสความอบอุ่นที่คุ้นเคยในน้ำเสียงนั้นได้ จึงไม่สะดุ้งสะเทือนเท่าไหร่ เพียงแค่หันกลับไปมองต้นเสียง ภาพหญิงสาวผมสีขาวหยักศกยาวสลวยลากพื้นก็ปรากฎตรงหน้า ดวงตาสีเทาคู่สวยฉายแววบางอย่าง บางอย่างที่อยู่ในแววตาคนที่มองฉันด้วยความห่วงใยเสมอ

. . ."ป้าเมล หรอคะ?" ฉันได้ยินตัวเองถามออกไปอย่างนั้น หัวสมองฉันกำลังหมุนติ้วที่ตัวเองมองเห็นป้าในดวงตาของผู้หญิงคนนั้น แต่หญิงสาวคนนั้นกลับมองฉันอย่างนิ่งๆโดยไม่พูดอะไร

. . ."ป้าอยู่นี่ค่ะคุณหนู" เสียงแหบแห้งที่คุ้นเคยดังขึ้นจากทางขวามือ ทำให้ฉันหันขวับไปมองทันที อ้อ ฉันคงลืมบอกไป ฉันกำลังนั่งอยู่บนเตียงสีขาวที่อยู่ติดกระจก ส่วนมาได้ยังไง อย่าถามฉัน ฉันก็รู้ตัวพร้อมพวกคุณนั่นแหละ

. . ."คุณหนูสลบไปนานพอตัวเลยนะคะ นี่ก็จะเช้าแล้ว.." ป้าเมลเดินเข้ามาใกล้ แล้เอามือจัดแจงความเรียบร้อยของฉันตามความเคยชิน

. . ."เกิดอะไรขึ้นคะ?" ฉันโพล่งออกไปทันทีที่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานกว่าทึ่คิด ทีแรกนึกว่าไม่กี่นาทีด้วยซ้ำ

. . ."ไม่รู้สิคะ เพราะอยู่ๆป้าก็เห็นตัวเองมาอยู่ที่นี่ โดยมีคุณหนูที่สลบเหมือดจับมึอป้าไว้แน่น ป้าน่าต้องถามคุณหนูมากกว่าว่าเกิดอะไรขึ้น" ป้าเมลตอบกลับมาด้วยคำถามที่ทำให้สมองฉันประมวลผลหนักกว่าเดิม

. . ."แปปนะคะ ขอเซซตั้งสติก่อน.. นิ่เราอยู่ที่ไหน?" ฉันพูดคำถามที่อยู่ในหัวออกไป ทำให้หญิงสาวอีกคนที่ฉันลืมไปแล้ว ว่าเธออยู่ตรงนั้นก้าวขาเข้ามาในวงสนทนา แล้วตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ

. . ."เอปไซล์*แห่งไพร์ริเอตต้า!"

. . ."เอปไซล์*แห่งไพร์ริเอตต้า?" ฉันทวนคำที่ผู้หญิงคนนั้นพ่นใส่หน้า ขณะพยายามใช้ความคิด ฉันรู้สึกสปาร์กอ่อนๆกับคำนี้แฮะ เหมือนเคยได้ยินไม่นานมานี้เอง

. . ."เธอไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงเมอ.." ฉันได้ยินเสียงทรงอำนาจเอ่ยถามถามป้าเมล

. . ."คุณช่วยเล่าให้เธอฟังอีกสักครั้งได้ไหมคะ เธอคงจำไม่ค่อยได้" ป้าเมลรีบขัดเสียงดังแล้วถลึงตาใส่หญิงสาวอย่างน่ากลัว ฉันคงไม่ได้คิดไปเองหรอกนะ ว่าป้าเน้นคำว่า 'คุณ' เป็นพิเศษ แต่มันก็แปลกนะ ฉันไม่เคยเห็นใครโดนป้าเมลขึ้นเสียงใส่มาก่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน? ฉันได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่มาจากผู้หญิงคนนั้น ก่อนจะเห็นเธอตวัดสายตาเป็นเชิงไล่ไปทางป้าเมล

. . ."เดี๋ยวป้ามานะคะคุณหนู ป้าลืมของไว้ข้างนอก" ป้าเมลบอกฉันโดยไม่มองหน้า เพราะสายตาป้ามัวแต่ถลึงตาแข่งกับยัยมาดราชินีนั่น พวกผู้ใหญ่เขาคิดอะไรกันอยู่ คิดว่าจะโกหกฉันได้หรือไง เห็นอยู่คาตาว่าป้าโดนยัยนั่นไล่ไป ฉันไม่โง่หรอกนะ แต่ฉันก็ยังพยักหน้ารับ ฉันมองตามร่างของป้าที่เดินออกไป เดี๋ยวนะ เฮ้ยๆ ป้าจะออกไปยังไงข้างนอกมันเป็นทะเลไม่ใช่หรอ! แต่แล้วความสงสัยของฉันก็ได้พบคำตอบ คำตอบที่นำความประหลาดใจขนาดหนักมาให้ เมื่อจู่ๆก็มีกำแพงใส่โผล่มากั้นระหว่างฉันกับป้า เฮ้ ฉันมั่นใจนะว่ามันเป็นกระจกใส แต่ทำไมฉันมองผ่านมันไม่ได้ล่ะ!?! ทันทีที่ฉันหันขวับไปมองหน้าผู้หญิงอีกคนที่ฉันยังมองเห็นก็พบว่าเธอกำลังมองฉันอยู่
เช่นกัน

. . ."เธอเป็นใคร? ทำอะไรกับป้าเมล?" ฉันถามขึ้นทำลายความเงียบ ก่อนที่เราจะจ้องกันจนใครสักคนท้องเป็นปลากัดเสียก่อน คนบ้าอะไรสวยซะเปล่า ตาดุชะมัดเลย

. . ."ข้าชื่อเนเม อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้จักวีโรน*" เนเมกล่าวพร้อมกับเลิกคิ้วด้วยความฉงน

. . ."วีโรน?" ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยกับคำใหม่ที่ไม่คุ้นหู

. . ."ให้ตายสิ เอาเป็นว่ามันเป็นกระจกพิเศษแล้วกัน" เธอทำท่าเหมือนเหนื่อยใจกับฉันแสนสาหัส จะให้ฉันทำยังไงเล่า ถึงตอนนี้ความทรงจำส่วนนี้มันไปอยู่หลืบไหนของสมองแล้วก็ไม่รู้ โอเค ฉันไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ แต่คุณลองนึกสภาพการนั่งอยู่บนโซฟาทั้งวันมาสองอาทิตย์ติด นั่งฟังเรื่องปัญญาอ่อนที่ป้าเรียกมันว่า 'การเตรียมความพร้อม' ดูสิ แล้วอย่าให้ฉันต้องพูดถึงเทคนิคการเล่าสุดล้ำของป้า มันชนะฟิสิกส์ซึ่งเป็นยานอนหลับขนานเอกของฉันขาดลอยเชียวละ

. . ."อธิบายค่ะ" ฉันพูดเสียงนิ่ง ทำให้เนเมต้องกลอกตาไปมาอย่างอดกลั้น อ่าฮะ ฉันชนะ ฉันบอกคุณแล้วว่าเธอคล้ายป้าเมลจริงๆ เพราะวิธีนี้ใช้ได้ผลกับป้าเสมอ ถึงป้าจะบอกว่าถ้าฉันต้องการอะไรจริงๆ ไม่ว่าใครก็ขัดฉันไม่ได้ แต่ไม่รู้สิ ฉันใช้วิธีนี้กับไม่กี่คนนักหรอก แน่นอน รวมทั้งครูฟิสิกส์ที่โรงเรียนด้วย โดยเฉพาะเวลาหาข้ออ้างไม่ส่งงานน่ะนะ

. . ."กระจกชนิดนี้เป็นกระจกชนิดพิเศษที่พบได้ที่ชายแดนของชาวพไซ แห่งดินแดนใต้ท้องทะเล 'พไซเดีย' และ 'เทาเธีย' อาณาจักรใต้ดินของเหล่าเทาธ์ ต้องผ่านการหลอมและขึ้นรูปโดยชาวคีทเจ้าแห่งไฟในดินแดนลาวา 'ไคทีไนซ์' ก่อนจะอาบเวทมนตร์ลับของชาวซีต ผู้ครอบครองผืนป่า 'ซีตาซ' ผสมผสานกับเทคโนโลยี 'โซลาร์เซลล์' ของชาวเซเปียนส์และขั้นตอนสุดท้ายคือท่วงทำนองแห่งไพธอนของชาวไพร์ 'ไพร์ริเอต้า' กระจกนี้แบ่งออกเป็นสามแบบ คือกระจกใสทั้งสองด้าน กระจกที่ด้านหนึ่งใสอีกด้านหนึ่งเป็นกระจกเงา และกระจกเงาคู่แบบที่เจ้าเห็นอยู่" เนเมร่ายยาวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย ไหลลื่นไม่มีติดขัด ราวกับเธอเกิดมาเพื่อถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้

. . ."คุณเป็นไกด์" ฉันประกาศอย่างมั่นใจ ทำเอาเนเมหน้าเหวอไปเลย และถ้าหูฉันไม่ฝาด ฉันว่าฉันได้ยินเสียงหัวเราะของป้าแว่วๆนะ บอกฉันทีว่าฉันไม่ได้หน้าแตก

. . ."อ่า ข้าไม่ใช่ไกด์" เนเมพูดอย่างกระมิดกระเมี้ยนด้วยรอยยิ้มแหยๆ รอบนี้คนที่หน้าเหวอก็คือฉันเอง ปากหนอปาก ไวอย่างกับขาดแคลเซียมไอออน*

. . ."เรา..เอ่อ..มาเข้าเรื่องกันต่อดีกว่า" เนเมพูดติดๆขัดๆราวกับพยายามตั้งสติใหม่ ก็ฉันเล่นทำเธอเสียเซลฟ์ขนาดนั้นนี่นา

. . ."อ่า..ค่ะ" ส่วนฉันก็ทำได้แค่ส่งยิ้มเก้อๆให้เธอ ให้ตาย ฉันรู้สึกเหมือนคนไข้ที่เพิ่งหลุดจากโรงพยาบาลบ้าเลย

. . ."เจ้าอยากให้ข้าเริ่มตรงไหนละ" เนเมเอ่ยถามเรียบๆ ขณะก้าวเท้าไปยังกระจก มองออกไปยังทะเลเวิ้งว้างข้างนอก

. . ."ตั้งแต่แรกเลยก็ดีค่ะ"

. . ."โลกของเราถือกำเนิดขึ้นด้วยพลังแห่งเทพเจ้า ผ่านยุคสมัยมาสามยุค อูรานอส* โครนอส* และซุส* ในยุคของซุสนี้เองที่ไททันโพรมีธีอุส*ได้สร้างมนุษย์คนแรกขึ้นมา มนุษย์ที่ได้รับพรแห่งเทพีอธีน่า* 'Homo Sapeins' ตามตำนานเล่าขานทั่วไปคงจะกล่าวการกำเนิดสิ่งมีชีวิตไว้แค่นี้ แต่หารู้ไม่ว่าเทพองค์อื่นก็ต้องการสิ่งมีชีวิตของตัวเองเช่นกัน พวกเขาไม่พอใจที่อธีน่าทำอะไรข้ามหน้าข้ามตา" หน้าฉันคงแสดงความอยากรู้อยากเห็นมากไปหน่อย เนเมจึงหยุดเล่าแล้วกระตุกยิ้มอย่างขำขัน แต่ก่อนทีฉันจะไหวตัวทัน เธอก็เล่าต่อ

. . ."เพื่อป้องกันสงคราม ซุสตัดสินใจส่งอธีน่าไปทำภารกิจบางอย่าง เพื่อกันไม่ให้นางรู้เข้าแล้วอาละวาดขัดขวาง และสั่งให้โพรมีเธอุสสร้างสิ่งมีชีวิตที่คล้าย Homo Sapiens ขึ้นมาอีกหกชีวิต

. . . . .- ร่างแรกได้รับพรจากเทพอพอลโล* เทพีอาร์เทมีส* และเทพีอโฟรไดท์* จึงเป็นสิ่งมีชีวิตที่งดงามที่สุด เก่งกาจด้านการแพทย์ การยิงธนู การทำนาย การดนตรี และเปี่ยมด้วยพลังทั้งกลางวันและกลางคืน เราเรียกพวกเขาว่า 'Homo Priore'
. . . . .- ร่างที่สองได้รับพรจากเทพเฮเฟตัส* เทพแอรีส* เทพีเฮสเทีย* และเทพีอีรีส* จึงเป็นสิ่งมีชีวิตแห่งเพลิงสงคราม นักรบแห่งลาวา เก่งกาจการต่อสู้ หลอมโลหะ ตีอาวุธ พวกเขาคือ 'Homo Chite'
. . . . .- ร่างต่อมาได้รับพรจากเทพเฮอร์มีส* เทพแพน* เทพีดีมิเตอร์* และเทพีเพอร์ซิโฟเน่* ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกเขาต้องเป็นจ้าวแห่งผืนป่าและการสื่อสาร ราชาแห่งมวลพฤกษาและสรรพสัตว์ เก่งเรื่องการเพาะปลูก การสมุนไพร พวกเขาคือ 'Homo Zete'
. . . . .- ร่างที่สี่ได้รับพรจากเทพโพไซดอน* และเทพไดโอนีซุส* แน่นอนว่าผืนน้ำกว่าสามในสี่ของโลกต้องตกเป็นของพวกเขา ไวน์รสเลิศที่มีฤทธิ์มอมเมาสติถูกส่งผ่านทางสายเลือดเจ้าของมนตร์สะกดจากสายน้ำ 'Homo Psisus' "
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้รอยยิ้มที่เคยประดับอยู่บนหน้าของเนเมก็หายไป เหมือนมีเงาดำพาดผ่านใบหน้าสวยสมบูรณ์แบบของเธอ พนันด้วยครีมลาแมร์ลิมิเต็ทอิดิชั่นขวดสีดำที่อยู่ในกระเป๋าฉันได้เลย ว่าเรื่องที่เธอจะพูดต่อไปต้องเป็นมหาโศกนาฏกรรมแหง ...เพียงแต่แบบไหนละ

. . ."เหลืออีกเพียงสองร่างสุดท้าย เทพองค์ใหญ่ทั้งหลายต่างก็เลือกสิ่งมีชึวิตของตนกันแทบหมดแล้ว แต่ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่จุดนั้น ไกอา*ปรากฎตัวขึ้น นางไม่ได้รับเชิญให้มาเลือกกับคนอื่นๆ ทำให้นางโมโหมาก แต่ซุสก็สามารถเกลี้ยกล่อมนางจนางเย็นลง นางเลือกปกครองสิ่งมีชีวิตทั้งสองที่เหลือ แน่นอนไม่มีใครกล้าคัดค้าน โดยเฉพาะร่างที่ห้าที่ได้รับพลังจากนางเต็มเปี่ยม รวมทั้งได้รับการคุ้มครองจากเทพีฮีบี* สิ่งมีชีวิตแห่งความเยาว์วัย เจ้าแห่งพื้นธรณี 'Homo Tautibia'

. . .และแล้ว .. โศกนาฏกรรมของจริงก็เกิดขึ้น การเคลื่อนไหวของไกอาทำให้อธีน่าเอะใจ นางตรงกลับโอลิมปัสทันที และสิ่งที่นางพบก็ทำให้สายเลือดอมตะในตัวเดือดพล่าน โทสะของนางทำให้ความโกรธของไกอาเป็นเพียงแค่ลมแรงๆ หอบหนึ่ง ทำให้อสุรกายไทฟอน*เป็นเพียงแค่พายุขนาดย่อมๆ อธีน่าสาปร่างสุดท้ายด้วยความโกรธแค้น นางเกลียดการทรยศ เกลียดความไม่รู้ เกลียดการถูกหลอก เกลียดสายสัมพันธ์จอมปลอม ความเคียดแค้นชิงชัง ทำให้นางขาดสติ นางสาปร่างนั้นด้วยความเดือดดาล กรีดข้อมือตัวเองเพื่อสาปด้วยคำสาปต้องห้าม คำสาปที่ไม่มีวันสูญสลายไปตราบที่สายเลือดอมตะยังดำรงอยู่ พวกเราเรียกสิ่งมีชีวิตต้องคำสาปนี้ว่า..."
ฉันนั่งฟังด้วยความตื่นเต้น หัวใจเต้นระริกด้วยความหวั่งพรึง เรื่องราวนี้มันเป็นความจริง ฉันรู้สึกได้ว่ามันเกิดขึ้นจริง แม้จะไม่รู้ว่ารู้ได้อย่างไรก็ตาม แต่แล้วก็มีเสียงมาขัดจังหวะการเล่าของเนเม

. . . . .เพล้ง!!
. . .กระจกวีโรนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เผยให้เห็นร่างกว่าสิบชีวิตวิ่งเข้ามา โดยมีผู้นำคือ.. คือป้าเมล!

. . ."มีผู้บุกรุก พาเธอไปที่ปลอดภัย เดี๋ยวนี้!!"



. . .( จบ Part ของ Lecez )

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ★



- Editing -





Go to the top of the page
+Quote Post
Celez Volante Am...
โพสต์ Jul 12 2015, 11:27 PM
โพสต์ #7


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 1,526
เข้าร่วม : 7-December 11
จาก : Amistes Universe
หมายเลขสมาชิก : 15,856
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ
ล็อกเกอร์

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: เมเปิ้ล | ยาว: 13"
แกนกลาง: ขนยูนิคอร์น
ความยืดหยุ่น: ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








สวัสดีค่ะ เซโลวีนรายงานตัวครับผม
หลังจากที่หายไปนาน ฟิคก็ไม่มาอัพซักเรื่อง แต่งๆลบๆอยู่เป็น
สุดท้ายก็ตัดสินใจว่าจะเขียนฟิคชั่นแฟนตาซีของตัวเองที่ไม่ใช่แฟนฟิคซักเรื่อง
ส่วนเรื่อง Seven Keys เดิมคงต้องขอดองยาวๆไว้ในโหลฟอร์มาลีน ;__;
ความฝันในถนนสายนี้ของไอซ์ก็คือการได้ตีพิมพ์เป็นรูปเล่ม
จากสำนักพิมพ์ดีๆที่ให้การซัพพอร์ตไอซ์ได้
แต่กว่าไอซ์จะไปถึงจุดนั้นไอซ์เชื่อว่าตัวเองยังต้องมีสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก
ฟิคชั่นเรื่องนี้คือความฝันของไอซ์
ความฝันที่ไอซ์ใช้เวลารวบรวมความกล้ากว่าห้าปีก่อนจะลงมือทำ
แต่เมื่อไอซ์ลงมือทำแล้ว ไอซ์จะไม่หยุดจนกว่าจะถึงฝั่งฝัน
ยินดีต้อนรับเข้าสู่โลกของไอซ์อีกใบนะคะ โลกแห่งนี้อาจไม่สมบูรณ์แบบนัก
หากพบข้อผิดพลาด จุดบกพร่อง หรือข้อติติงอะไรหวังว่าผู้อ่านจะช่วยบอก
ไอซ์จะได้แก้ไข เสริมเติมแต่งให้โลกของเซเว่นคีย์สมบูรณ์
ขอให้มีความสุขกับการอ่านนะคะ ;)

Seven Keys | Blossoms Boom

จิ้มโลย โฆษณาล้วนๆ 5555555555
ปล. คงไม่ได้ลงที่ฮอกละน้าเรื่องนี้ ใส่โค้ดไม่ไหวฮับบ ;_;



คุณ `7elovine ได้แก้ไขข้อความนี้ ครั้งล่าสุดเมื่อ Jan 28 2017, 10:47 PM




Go to the top of the page
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 29th April 2024 - 12:40 AM