รีวิว : Elvis, Directed by Baz Luhrmann ตัวเลือก

[GuestMarcus Patroclus_*]

สามารถดูได้แล้วที่

เรื่องย่อ
🍿ภาพยนตร์จะพาไปสำรวจชีวิตและดนตรีของ เอลวิส เพรสลีย์ ผ่านมิติความสัมพันธ์แสนซับซ้อนกับผู้จัดการนิสัยลึกลับ ผู้พันทอม ปาร์คเกอร์ เรื่องราวจะเจาะลึกไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่าง เพรสลีย์ และปาร์คเกอร์ ตลอดเวลา 20 ปี ตั้งแต่ เพรสลีย์ เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังไปจนถึงตอนที่มีแฟนคลับล้นหลามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางพื้นเพเบื้องหลังของวัฒนธรรมที่กำลังพัฒนา และการสูญเสียความไร้เดียงสาในอเมริกา ในขณะเดียวกันก็มีอีกหนึ่งบุคคลสำคัญและมีอิทธิพลต่อชีวิตของ เอลวิส อย่างมาก นั่นก็คือ พริสซิลลา เพรสลีย์
©nangdee

8 / 10

รีวิว

🍿หนังชีวประวัติที่ดีอีกเรื่องหนึ่งรองจากโบฮีเมียน แต่มันไม่ใช่ชีวประวัติแบบเล่าว่าเอลวิสคือใครแบบตรง ๆ มันเป็นการเล่าผ่านมุมมองและความสัมพันธ์ของผู้จัดการของเอลวิส ก่อนอื่นผมรู้จักเอลวิสอยู่แล้ว และพึ่งมารู้ว่าจะมีหนังเอลวิสจากข่าวว่าทอม แฮงค์ติดโควิด ผมเลยไปเสิร์ชดูว่าใครแสดงเป็นเอลวิส คนนั้นคือออสติน บัตเลอร์ ตอนแรกผมก็มองว่าไม่เหมือน พอตัวอย่างออกมาอาจจะเพราะอคติผมก็ดูแล้วยังไงก็ไม่เหมือนอะ นี่ไม่ใช่เอลวิส แต่พอเข้าไปในดูจริง ๆ ในโรง เฮ้ย! นี่แหละเอลวิสไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียง ท่าทาง ความเป๊ะในการโยกในคอนเสิร์ต ตอนแรกผมนึกว่าฉากเอลวิสร้องเพลงคือลิปซิ้งหมด จนมาหาอัลบั้มซาวด์แทร็กถึงรู้ว่าบางเพลงออสตินร้องเอง แล้วพอออกจากโรงปึ๊ปผมลืมหน้าเอลวิสตัวจริงไปเลย เพราะจากข่าวออสตินได้ไปฝึกเสียงท่าทางถึง 2 ปีในการมารับบทเอลวิส อาจจะเพราะรู้อยู่แล้วว่าแฟนคลับแม่ยกเอลวิสเยอะ ถ้าทำไม่ดีอาจจะมีดราม่า โอเคพูดถึงตัวหนังส่วนตัวผมฟังเพลงแนวนี้อยู่แล้วพอเข้าไปก็คลอเพลงไปด้วยบางฉาก อย่างฉากลิตเติ้ล ริชาร์ตโผล่ออกมาแทบกรี๊ด คือนักแสดงเหมือนมาก ตัวหนังเดินเรื่องไม่น่าเบื่อ ตื่นเต้น ถ้าปล่อยเวอร์ชั่น 4 ชั่วโมงออกมาผมก็ดูได้(ภาวนาให้ปล่อยออกมา) ตัวหนังมีการกล่าวถึงยุคที่มีการแบ่งแยกผิวสีอยู่แบบผ่านๆ ไม่ว่าจะเป็นฉากคอนเสิร์ตที่สนามอะไรสักอย่าง จะมีเชือกกั้นระหว่างคนขาวและคนดำอยู่ถือว่าใส่ใจรายละเอียดมาก และด้วยความที่มันเป็นหนัง มันต้องมีบางเรื่องไม่จริง อย่างเช่นฉากไล่ผู้จัดการบนเวทีออก เป็นต้น และผมขอหักตรงที่หนังมันค่อนข้างอวยเกินไป เหมือนกลัวดราม่าจากติ่งเอลวิส กับหนังมันยังขยี้ไม่สุด กำลังจะร้องไห้ละตัดไปฉากอื่น อาจจะเพราะด้วยเวลาที่ตัดออกมาจาก 4 ชั่วโมง กับมีการพูดถึงเพลงที่คนรู้จักเยอะ ๆ อย่าง jailhouse rock กับ blue suede shoes น้อยมาก ผมว่าสองเพลงนี้มันคือเสน่ห์ของเอลวิสและร็อคแอนด์โรลนะ ทำนองแบบตึ่งตึงและโยกซ้ายขวา แต่โดยรวมถือว่าดีครับ
สุดท้ายเราได้อะไรจากหนังเรื่องนี้ : ผมว่าที่ได้คือทราบเรื่องราวของเอลวิสจากพื้นสู่ฟ้าอยู่แล้ว แต่สิ่งที่มากกว่านั้นคือเรารู้ว่าการที่คนหนึ่งคนจะขึ้นสู่ฟ้า มันต้องผ่านอะไรมาบ้าง ไม่ว่าจะเป็นแรงกดดัน การใช้อำนาจมากดขี่ หรือแม้แต่การถูกโกงจากผู้จัดการหรือคนที่ไว้ใจ และเอลวิสคือคนอีกคนที่ได้ไต่ขึ้นสู่ฟ้า และในมุมมองคนอื่นอาจจะมองว่าเอลวิสนั้นคือดาวค้างฟ้า ไม่ตกลงมา เพราะเสียชีวิตในขณะที่กำลังดัง แต่ผมกลับคิดว่าตัวเอลวิสนั้นอาจจะเริ่มทิ้งตัวลงจากฟ้าตั้งแต่ที่แม่เสีย ถูกโกงจากผู้จัดการ ภรรยาทิ้ง จนไปถึงการที่เขาฝืนใช้ยาเพื่อกระตุ้นตัวเองให้มีแรงในการโชว์ สำหรับแฟนคลับที่เขารัก

CODE By : Vegas