IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Closed TopicStart new topic
> SeptimusHeap : Syren
Zeppe'Wiz
โพสต์ Mar 18 2010, 12:48 PM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,883
เข้าร่วม : 28-September 09
จาก : หอคอยผู้วิเศษบนเกาะดาวแห่
งหมู่เกาะไซเรน
หมายเลขสมาชิก : 5,128
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: มะเกลือ | ยาว: 14"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ยืดหยุ่น

สัตว์เลี้ยง







กลับมาอีกครั้งกับนิยายชุดเซ็ปติมัส ฮีป ปาฏิหาริย์หมายเลขเจ็ด
กลับมาครั้งนี้ เราขอเอาเล่ม5มาลงเลยแล้วกัน ชื่อตอนของเล่ม 5 คือ หมู่เกาะอาถรรพ์




นี่คือปกภาษาไทย



อันนี้เป็นปกภาษาอังกฤษ

สำหรับข้อมูลของปกภาษาไทยก็มีดังนี้

ปกหน้า

อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจทะเล
เซ็ปติมัส ฮีปปาฏิหาริย์หมายเลขเจ็ด


>>เล่มห้า<<

หมู่เกาะอาภรรพ์
SEPTIMUS HEAP; SYREN

>>>รูปภาพประกอบหน้าปก เป็นรูปขวดเก็บจินนี่<<<
ดำผุดดำว่ายในสายธารแห่งมนตรากับภาคห้าที่ยังสนุกสุดยอด!


Angie Sage เขียน Mark Zug ภาพประกอบ
พลอย โจนส์ แปล


ปกหลัง

"เซ็ปติมัส...เซ็ปติมัส.."
ใครบางคนกำลังเรียกชื่อเขา

เซ็ปติมัส ฮีป ขี่มังกรอยู่บนฟากฟ้าเหนือท้องทะเลลึกเมื่อจู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนเรียก...
ดีงมาจากเกาะเบื้องล่างการผจญภัยเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อเซ็ปติมัสและเพื่อนๆ ต้องไปติดเกาะประหลาดนั้น
โดยไม่ขาดคิดความงามของเกาะซุกซ่อนมนตราโบราณที่ร้ายกาจโยงใยไปถึงแผนการอันตรายที่เ
ซ็ปติมัสต้องหยุดให้ได้!

จากผืนฟ้าสู่ห้วงน้ำกว้าง ร่วมเดินทางไปกับเซ็ปติมัส ฮีปในภารกิจครั้งใหม่ที่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเดิม


Go to the top of the page
+Quote Post
Zeppe'Wiz
โพสต์ Mar 18 2010, 01:32 PM
โพสต์ #2


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,883
เข้าร่วม : 28-September 09
จาก : หอคอยผู้วิเศษบนเกาะดาวแห่
งหมู่เกาะไซเรน
หมายเลขสมาชิก : 5,128
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: มะเกลือ | ยาว: 14"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ยืดหยุ่น

สัตว์เลี้ยง






ข้อมูลหนังสือ
พิมพ์ครั้งแรก กุมภาพันธ์ 2553 สำนักพิมพ์ NanmeebooksTeen
มีทั้งหมด49บท +1บทนำ+ประวัติศาสตร์และสิ่งที่เกิดขึ้น


>บทนำ<
ผ่านพบ


นี่คือคืนแรกที่นิกโก้ได้ออกจากบ้านแห่งโฟริกซ์ และเจ็นนาคิดว่าเขาดูจะเพี้ยนอยู่หน่อยๆ
ไม่กี่ชั่วโมงก่อน นิกโก้ดึงดันให้เซ็ปติมัสและสปิตไฟร์พาตรเอง เจ็นนา สนอร์ริ อัลร์ และบีเทิล ไปยังสถานีการค้า
มันคือท่าเรือที่เรียงรายกันยาวเหยียดชายขอบดินแดนที่บ้านแห่งโฟริกซ์ซ่อนอยู่นิกโก้
ทุรนทุรายอยากเห็นทะเลอีกครั้ง
และไม่มีใครปฏิเสธเขาได้ลง แม้แต่มาร์เซีย

เซ็ปติมัสแย้งมากกว่าคนอื่นอยู่บ้าง ด้วยรู้ว่ามังกรของเขาเหน็ดเหนื่อยหลังการเดินทางอันยาวไกลจากปราสาทมาถึงบ้านแห่งโฟ
ริกซ์
และทั้งคู่ต้องเดินทางขากลับอีกไฟลพร้อมเอฟาเนียห์ กรีบ ผู้ป่วยหนัก แต่นิกโก้ยืนกราน เขาต้องที่แห่งหนึ่ง
ที่ร้ายก็คือมันเป็นโกดังเก่าซอมซ่อที่ท่าเรือหมายเลขสาม ท่าเรือเล็กท่าหนึ่งในสถานีการค้าและมีแต่เรือหาปลาในท้องถิ่นจะแวะมาที่นี่
นิกโก้บอกทุกคนว่าโกดังหลังนี้ของสรั่งเรือที่เขาและสนอร์ริเคยโดยสารในอดีตไกลโพ้น จากท่าเรือไปยังสถานีการค้า
ระหว่างทาง นิกโก้ได้ช่วยให้เรือพ้นหายนะด้วยการซ่อมเสากระโดงเรือที่หักได้ทันท่วงที คุณฮิกส์ สรั่งเรือผู้สำนึกในบุญคุณจึงมอบกุญแจกโกดังให้นิกโก้
พร้อมย้ำว่าเมื่อใดนิกโก้มาที่สถานีการค้า เขาอาจไปพักที่นั่นได้ จริงๆคือต้องไปเลยด้วยซ้ำ

เมื่อเซ็ปติมัสให้เหตุผลว่ามันผ่านมาห้าร้อยปีแล้ว ข้อเสนอนั้นอาจเปลี่ยนไป ตัวโกดังก็อาจไม่มีแล้วด้วยซ้ำ
นิกโก้ก็บอกเซ็ปติมัสว่ามันต้องยังอยู่แน่ๆและข้อเสนอก็คือข้อเสนอ นิกโก้บอกว่าเขาเพียงแต่ต้องการอยู่ใกล้ท่าเรืออีกครั้ง
ได้ยินเสียงทะเลอีกครา และได้สูดอากาศเค็มๆอีกหน เซ็ปติมัสเถียงต่อไม่ได้ เขาหรือคนอื่นๆจะปฏิเสธนิกโก้ในเรื่องนี้ได้อย่างไร

ดังนั้น เซ็ปติมัสจึงยอมทิ้งเพื่อนๆไว้ทั้งที่หวั่นใจ ณ ก้นตรอกสกปรกที่นิกโก้ยืนยันว่าเป็นที่ตั้งโกดังของคุณฮิกส์
เซ็ปติมัสและสปิตไฟร์กลับไปกระท่อมบนต้นไม้ที่มีหิมะปกคลุม ใกล้บ้านแห่งโฟริกซ์ซึ่งเอฟาเนียห์ กรีบ มาร์เซีย และซาราห์ ฮีป
รอให้เขามารับกลับปราสาท

อย่างไรก็ตาม หลังเซ็ปติมัสจากไป เหตุการณ์ที่โกดังไม่เป็นไปอย่างที่คิด นิกโก้ประหลาดใจที่พบว่ากุญแจไขไม่เข้า
จนต้องพังประตูและไม่มีใครประทับใจกับสิ่งที่เจอ กลิ่นเหม็นเน่า แถมยังมืด ชื้น หนาว และเห็นได้ชัดว่าถูกใช้เป็นที่ทิ้งปลาของชาวบ้านแถวนี้
เพราะมีกองปลาเน่าสูงสุมอยู่ใต้หน้าต่างบานเล็กที่ไม่มีกระจก เจ็นนาบอกอย่างหงุดหงิดว่าไม่มีที่ให้นอน เพราะพื้นสองชั้นบนแทบจะพังไปหมดแล้ว
เปิดโล่งให้เห็นรูกว้างบนหลังคาอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าประชากรนกนางนวลแถบนี้จะใช้เป็นที่สุขาเสียด้วย
ถึงอย่างนั้นนิกโก้ก็ยังดึงดันแต่เมื่อบีเทิลเหยียบทะลุพื้นผุ และต้องเกาะเข็มขัดห้อยต่องแต่งอยู่เหนือห้องใต้ถุนซึ่งเต็มไปด้วยเมือกลื่นๆที่บอกไ
ม่ได้ว่าคืออะไร
ก็เริ่มมีคนต่อต้าน

ด้วยเหตุนี้เราจีงได้เห็นเจ็นนา นิกโก้ สนอร์ริ อัลร์ และบีเทิล มายืนอยู่หน้าคาเฟซอมซ่อที่ท่าเรือหมายเลขหนึ่ง
อันเป็นแหล่งอาหารที่ใกล้ที่สุด พวกเขามองดูตัวหนังสือหวัดๆบนกระดานดำ บอกชื่ออาหารสามชนิดที่ปรุงจากปลา
อะไรสักอย่างที่เรียกว่า สตูติดบ้าน และสเต๊กเนื้อสัตว์ที่ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อ

เจ็นนาพูดว่าเธอไม่สนใจว่าเจ้าสัตว์ตัวนี้คืออะไร ตราบเท่าที่มันไม่ใช่โฟริกซ์ นิกโก้บอกว่าเขาเองก็ไม่สน
เขาจะกินทุกอย่าง อย่างละจาน เขาบอกว่ารู้สึกหิวเป็นครั้งแรกในรอบห้าร้อยปี ไม่มีใครเถียงเรื่องนี้ได้

และไม่มีใครในคาเฟเถียงกับพวกเขาเช่นกัน อาจเป็นเพราะเสือดำตาเขียวตัวใหญ่ที่ติดตามเด็กสาวผมบลอนด์ร่างสูงเหมือนเงาตามตัว
และคำรามเสียงต่ำหากมีใครเข้าใกล้ เจ็นนาดีใจมากที่อัลร์อยู่ด้วยคาเฟแห่งนี้เป็นสถานที่อันตราย เต็มไปด้วยกะลาสี
ชาวประมง และพ่อค้าหลากหลาย พวกเด็กๆสังเกตเห็นกลุ่มวัยรุ่นสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะข้างประตู อัลร์ทำให้พวกนั้นไม่เข้าใกล้
แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งสายตาชวนอึดอัดที่เพ่งมองมาไม่รู้จบ

ทุกคนเลือกสั่งสตูติดบ้าน แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่บ้านของพวกเขาตามที่บีเทิลตั้งข้อสังเกต นิกโก้ทำตามที่คุยไว้
คือกินอาหารทุกเมนูคนอื่นๆมองนิกโก้สวาปามอาหารปลารูปร่างประหลาด โรยหน้าด้วยสาหร่ายหลายชนิดหมดไปหลายจาน
ตามด้วยสเต๊กสีแดงชิ้นหนาที่มีขนแข็งสีขาวคาอยู่บนผิวชั้นนอก แต่หลังจากกินไปคำเดียว เขาก็ส่งต่อให้อัลร์ ในที่สุดนิกโก้ก็มาถึงจานสุดท้าย
มันคือปลาตัวยาวสีขาว มีก้างเล็กจิ๋วมากมาย และตาจ้องเข็มงเหมือนอยากต่อว่าต่อขาน เจ็นนา บีเทิล
และสนอร์ริเพิ่งช่วยกันกินขนมหวานท่าเรือหมดไปหนึ่งถ้วย มันคือแอปเปิ้ลอบโรยหน้าด้วยแป้งกรอบร่วนรสหวานราดซอสช๊อกโกแลต
เจ็นนารู้สึกอึดอัด ง่วงนอนอย่างยิ่ง และแม้แต่กองแหชื้นๆในโกดังเหม็นเน่าเธอก็ยอมนอนได้ เธอไม่สังเกตว่าทั้งคาเฟเงียบกริบ
ทุกคนกำลังมองพ่อค้าแต่งกายหรูหราผิดปกติผู้ก้าวเข้ามา พ่อค้าผู้นี้มองสำรวจตามเงามืด ไม่เห็นผู้ที่เขาหวังไว้
แต่กลับเห็นบางคนที่ไม่คาดคิดว่าจะเห็น ลูกสาวของเขานั่นเอง
"เจ็นนา!" ไมโล แบนดาร้อง "ลูกมาทำอะไรที่นี่"

เจ็นนาผุดลุกขึ้นยืน "ไมโล" เธออ้าปากค้าง "แล้วคุณล่ะมาทำอะไรที่นี่..." หางเสียงแผ่ว เจ็นนาคิดได้ว่า ก็ที่แบบนี้นี่แหละที่เธอคาดว่าจะเจอบิดา
มันเต็มไปด้วยผู้คนประหลาด มีบรรยากาศของการซื้อขายน่าสงสัย และอันตรายที่กดดันอยู่

ไมโลเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงกับพวกเธอ เขาอยากรู้ทุกอย่าง ทำไมพวกเธอมาอยู่ที่นี่ มาได้อย่างไร และพักกันที่ไหน
เจ็นนาปฏิเสธที่จะอธิบาย นี่เป็นเรื่องของนิกโก้ ไม่ใช่ของเธอ และเธอก็ไม่อยากให้คนทั้งคาเฟมาแอบฟังด้วย ซึ่งพวกเขาต้องทำแน่ๆ

ไมโลยืนยันจะเป็นจ่ายค่าอาหาร และรุนหลังพวกเธอออกมายังท่าเทียบเรือที่พลุกพล่น
"พ่อนึกภาพไม่ออกเลยว่าลูกมาทำอะไรที่นี่" เขาพูดอย่างไม่เห็นด้วย "ลูกจะอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้ มันไม่เหมาะสม
คนพวกนี้ไม่ใช่ประเภทที่ลูกควรจะข้องแวะด้วย เจ็นนา"

เจ็นนาไม่ตอบ เธออดกลั้นไม่เถียงว่าไมโลเองก็ข้องแวะกับคนเหล่านี้อย่างมีความสุข
ไมโลพูดต่อ "สถานีการค้าไม่เหมาะสำหรับเด็กๆที่พกอาวุธ..."
"เราไม่ใช่..." เจ็นนาเถียง
"ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง ทุกคนต้องไปที่เรือของพ่อ"

เจ็นนาไม่ชอบให้ใครมาสั่งว่าต้องทำอะไร แม้ว่าเตียงอุ่นๆสำหรับคืนนั้นจะเย้ายวนใจก็ตาม
"ขอบคุณ แต่ไม่เป็นไรค่ะ ไมโล" เธอพูดอย่างเย็นชา
"ลูกหมายความว่ายังไง" ไมโลถามอย่างไม่อยากเชื่อ "พ่อไม่ยอมให้ลูกเดินไปมาในสถานที่นี้ตามลำพังตอนกลางตืนหรอก"
"เราไม่ได้เดินไปมา..." เจ็นนาเริ่มเถียง แต่ถูกนิกโก้สวนขึ้นมาก่อน
"เรืออะไรฮะ" เขาถาม
"เรือใบสามเสา" ไมโลตอบ
"เราจะไปฮะ" นิกโก้พูด

จึงเป็นอันตกลงว่า ทั้งหมดจะค้างคืนบนเรือของไมโล เจ็นนาโล่งใจ แต่ไม่แสดงออก บีเทิลโล่งใจและแสดงออก รอยยิ้มกว้างปรากฎบนใบหน้า
และแม้แต่สนอร์ริก็มีรอยยิ้มจางๆขณะเดินตามไมโล โดยมีอัลร์ตามติด

ไมโลนำพวกเขาอ้อมไปด้านหลังคาเฟ ผ่านประตูที่กำแพง และเข้าไปในตรอกมืดแห่งหนึ่ง ตรอกนี้ทอดยาวไปด้านหลังท่าเรือที่อีกทึกวุ่นวาย
มันเป็นทางลัดที่หลายคนเลือกใช้ตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืน คนส่วนใหญ่เลือกอยู่กับแสงสว่างที่ท่าเรือมากกว่า ยกเว้นเมื่อมีธุรกิจลับต้องทำ
ทั้งหมดเดินเข้าไปในตรอกได้ไม่ถึงสามหลา ก็มีร่างในเงามืดเดินปรี่เข้ามาใกล้ ไมโลก้าวออกไปขวางไว้
"นายมาช้า" เขาคำราม
"ผะ..ผมขอโทษ" ชายคนนั้นตอบ "ผ..." เขาหยุดแล้วหายใจหอบ
"ว่าไง" ไมโลพูดอย่างรำคาญ
"เราได้มาแล้ว"
"จริงรึ ยังอยู่ดีหรือเปล่า"
"ครับ เป็นเช่นนั้น"
"ไม่มีใครเจอนายใช่ไหม" ไมโลมีน้ำเสียงกังวล
"เอ่อ ไม่มีครับท่าน ไม่มีเลย ไม่มีสักคนครับ และนั่นก็เป็นความจริง จริงแท้แน่นอนครับท่าน"
"ก็ได้ ก็ได้ ฉันเชื่อนาย แล้วจะมาถึงเมื่อไหร่"
"พรุ่งนี้ครับท่าน"

ไมโลพยักหน้าพอใจ และยื่นถุงเงินใบเล็กให้ชายผู้นั้น "ค่าเหนื่อยของนาย ที่เหลทอจะจ่ายเมื่อของมาส่งอย่างปลอดภัยและไม่มีใครพบเห็น"
"ขอบคุณครั้บท่าน" ชายผู้นั้นโค้งและจากไป กลืนหายไปในเงามืด

ไมโลมองกลุ่มผู้ฟังที่ประหลาดใจ "แค่ธุรกิจนิดหน่อย บางอย่างที่ค่อนข้างพิเศษสำหรับเจ้าหญิงของพ่อ" เขายิ้มให้เจ็นนาอย่างภูมิใจ

เจ็นนายิ้มตอบนิดหนึ่ง เธอทั้งชอบและไม่ชอบที่ไมโลเป็นแบบนี้เธอรู้สึกสับสนเหลือเกิน

แต่เมื่อมาถึงเซรีส เรือของไมโล เจ็นนาก็สับสนน้อยลง มันเป็นเรือที่น่าอัศจรรย์ใจที่สุดเท่าที่เคยเห็นมา และแม้แต่นิกโก้ยังต้องยอมรับว่ามันดีกว่าโกดังเหม็นๆนั่น


-------จบบทนำ-------
Go to the top of the page
+Quote Post
Zeppe'Wiz
โพสต์ Mar 19 2010, 01:37 PM
โพสต์ #3


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,883
เข้าร่วม : 28-September 09
จาก : หอคอยผู้วิเศษบนเกาะดาวแห่
งหมู่เกาะไซเรน
หมายเลขสมาชิก : 5,128
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: มะเกลือ | ยาว: 14"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ยืดหยุ่น

สัตว์เลี้ยง






>บทที่1<
เลื่อนขั้น


เซ็ปติมัส ฮีป ศิษย์เอกของผู้วิเศษวิสามัญ ถูกปลุกโดยหนูบ้านที่มาทิ้งข้อความไว้บนหมอน เขาลืมตาสะลึมสะลือ
และรู้สึกโล่งใจเมื่อนึกได้ว่าอยู่ไหน เขากลับมาอยู่ในห้องนอนบนยอดหอผู้วิเศษอีกครั้ง ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว
และเขาก็นึกได้ว่า เจ็นนา นิกโก้ สนอร์ริ และบีเทิล ยังไม่ได้กลับบ้าน เซ็ปติมัสลุกขึ้นนั่ง ตื่นเต็มตาในทันที
วันนี้ไม่ว่ามาร์เซียจะพูดอย่างไรเขาจะต้องไปพาพวกนั้นกลับมาให้ได้

เซ็ปติมัสลุกขึ้นนั่ง หยิบข้อความและปัดขี้หนูสองก้อนออกจากหมอน เขาค่อยๆคลี่กระดาษแผ่นจิ๋วออกมาอ่าน

จากโต๊ะทำงานของ
มาร์เซีย โอเวอร์สแตรนด์
ผู้วิเศษวิสามัญ
________________

เซ็ปติมัส ฉันอยากพบเธอในเวลาเที่ยงวันที่ห้องทำงานของฉัน
หวังว่าจะสะดวกสำหรับเธอ
มาร์เซีย


เซ็ปติมัสผิวปากเบาๆ แม้ว่าจะเป็นศิษย์เอกของมาร์เซียมาเกือบสามปีแล้ว แต่เขาไม่เคยมีนัดหมายกับเธอมาก่อน
หากมาร์เซียอยากคุยกับเซ็ปติมัส เธอจะเข้ามาแทรกกิจกรรมทุกอย่างที่เขาทำอยู่และพูดกับเขาทันที
เซ็ปติมัสต้องหยุดทำทุกอย่างเดี๋ยวนั้นและตั้งใจฟัง

แต่วันนี้ วันที่สองหลังกลับจากภารกิจ ดูเหมือนมีบางอย่างเปลี่ยนไป ขณะที่เซ็ปติมัสอ่านข้อความนั้นอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ
เสียงเวลาก็ดังแว่วมาจากนาฬิกาที่ลานพ่อค้า ลอยเข้ามาทางหน้าต่างเขานับได้สิบเอ็ดครั้ง แล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
คงไม่ดีหากไปสายในการนัดหมายครั้งแรกกับมาร์เซีย เซ็ปติมัสตื่นสาย แต่ก็เป็นไปตามที่มาร์เซียแนะนำไว้ เธอยังบอกด้วยว่าเขา-
ไม่ต้องทำความสะอาดห้องสมุดในเช้าวันนี้ เซ็ปติมัสมองลำแสงอาทิตย์สีรุ้งที่กรองผ่านกระจกหน้าต่างสีม่วงแล้วสั่นศีรษะยิ้มๆ
เขาอาจเคยตัวได้นะนี่

หนึ่งชั่วโมงต่อมา เซ็ปติมัสสวมชุดยาวสีเขียวของศิษย์เอกตัวใหม่ที่มีผู้นำมาไว้ในห้อง เขาเคาะประตูห้องมาร์เซียอย่างสุภาพ
"เข้ามาสิ เซ็ปติมัส" เสียงมาร์เซียลอยผ่านประตูไม้โอ๊กบานหนาออกมา เซ็ปติมัสผลักประตูที่ลั่นเอี๊ยดอ๊าดและก้าวเข้าไปข้างใน
ห้องทำงานของมาร์เซียเป็นห้องเล็ก กรุผนังด้วยแผ่นไม้ มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งอยู่ใต้หน้าต่าง และมีมนตราอบอวลอยู่ในอากาศ
ทำให้เซ็ปติมัสขนลุก ชั้นหนังสือเรียงรายอยู่รอบห้อง อัดแน่นด้วยหนังสือปกหนังปลวกแทะ กองกระดาษที่เก่าจนเหลืองมัดด้วยโบสีม่วง
และกระปุกแก้วสีน้ำตาลสีดำอีกมากมายมหาศาล บรรจุสิ่งที่เก่าแก่โบราณเสียจนแม้แต่มาร์เซียยังไม่แน่ใจว่าควรจัดการอย่างไร
ในดงกระปุกนี้เซ็ปติมัสเห็นแก้วตาดวงใจของไซมอน พี่ชายของเขา มันคือกล่องไม้ที่มีคำว่า สลูท เขียนไว้ด้วยลายมือบางเบาแบบคนตระกูลฮีป-
ของไซมอนเซ็ปติมัสอดไม่ได้ ต้องเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างบานสูงแคบ เขารักทิวทัศน์ที่มองเห็นจากห้องทำงานของมาร์เซีย
มันเป็นทัศนียภาพที่ทำให้แทบลืมหายใจ จากหลังคาของบ้านนปราสาทไปจนถึงแม่น้ำและถัดออกไปยังลาดเนินสีเขียวของฟาร์มแลนด์
ไกลออกไปอีก เขามองเห็นเส้นสีน้ำเงินมัวๆของเชิงเขาที่แบดแลนด์

มาร์เซียนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน บนเก้าอี้สีม่วงตัวสูงที่ใช้จนเก่าแต่นุ่มสบาย เธอมองศิษย์เอกผู้แต่งตัวดีเป็นพิเศษอย่างรักใคร่ แล้วยิ้ม
"สวัสดีตอนเที่ยง เซ็ปติมัส" เธอพูด "นั่งลงสิ" มาร์เซียผายมือไปยังเก้าอี้สีเขียวหน้าโต๊ะทำงาน ถึงมีขนาดเล็กกว่าเก้าอี้สีม่วง
แต่นั่งสบายพอกัน "เธอคงหลับสบายดีใช่ไหม"
เซ็ปติมัสนั่งลง "ครับ ขอบคุณครับ" เขาตอบอย่างหวั่นๆทำไมมาร์เซียถึงใจดีนักนะ
"เธอทำลากมาทั้งสัปดาห์แล้ว เซ็ปติมัส" มาร์เซียเริ่มต้น "จะว่าไป เราทุกคนก็ด้วย ดีเหลือเกินที่ได้เธอกลับมา ฉันมีบางอย่างจะให้เธอ"
มาร์เซียเปิดลิ้นชักเล็ก หยิบโบผ้าไหมสีม่วงออกมาสองเส้นวางผาดไว้บนโต๊ะ

เซ็ปติมัสรู้ว่าโบนี้คืออะไร มันคือแถบสีม่วงของศิษย์เอกอาวุโสหากการเรียนของเขาเป็นไปด้วยดี เขาจะได้ติดแถบนี้ในปีสุดท้าย ดีจริงที่มาร์เซีย-
บอกให้รู้ว่าเธอจะเลื่อนตำแหน่งให้เขาเมื่อถึงเวลา เซ็ปติมัสคิด แต่ปีสุดท้ายยังอีกยาวไกล และเซ็ปติมัสรู้ดีว่าอาจมีอุปสรรคมากมายก่อนหน้านั้น
"เธอรู้ไหมว่านี่คืออะไร" มาร์เซียถาม
เซ็ปติมัสพยักหน้า
"ดี มันเป็นของเธอ ฉันขอแต่งตั้งให้เธอเป็นศิษย์เอกอาวุโส"
"อะไรนะครั้บตอนนี้เลยหรือ"
มาร์เซียยิ้มกว้าง "ใช่ ตอนนี้เลย"
"ต้อนนี้หรือครับ หมายถึงวันนี้เลยหรือ"
"ใช่แล้ว เซ็ปติมัส วันนี้เลย ฉันมั่นใจว่าปลายแขนเสื้อของเธอยังสะอาดดีอยู่ เธอไม่ได้ทำไข่เปื้อนตอนกินอาหารเช้าใช่ไหม"
เซ็ปติมัสดูแขนเสื้อ "เปล่าครับ มันสะอาดดี"

มาร์เซียลุกขึ้น เซ็ปติมัสลุกตาม ศิษย์เอกจะนั่งไม่ได้หากครูกำลังยืน มาร์เซียหยิบโบขึ้นมา วางพาดบนแขนเสื้อสีเขียวสดใสของเซ็ปติมัส
ท่ามกลางกลุ่มหมอกสีม่วงแห่งมนตรา โบนั้นพันตัวเองรอบแขนเสื้อ และกลายเป็นส่วนหนึ่งของเสื้อยาว เซ็ปติมัสจ้องมองมันอย่างประหลาดใจ
เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี แต่มาร์เซียรู้
"เอาละ เซ็ปติมัส เธอจำเป็นต้องรู้สองสามเรื่องเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของศิษย์เอกอาวุโส เธออาจกำหนดโครงงานของตนเองได้
ร้อยละห้าสิบ รวมถึงตารางเวลาหลักด้วย แน่นอนว่าต้องมีเหตุผลสมควร เธออาจต้องทำหน้าที่แทนฉันในการประชุมระดับพื้นฐานของหอผู้วิเศษ
ซึ่งหากเธอทำได้ ฉันจะขอบคุณมาก ในฐานะศิษย์เอกอาวุโส เธออาจไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องขออนุญาติฉัน แต่ก็นับเป็นมารยาทที่ควรบอก-
ฉันว่าเธอจะไปไหนและตั้งใจจะกลับมาเมื่อใด และเนื่องจากเธอยังเด็กอยู่มาก ฉันขอเพิ่มเติมว่า เธอต้องกลับมาถึงหอผู้วิเศษก่อนสามทุ่มในวันธรรมดา
และก่อนเที่ยงคืนเป็นอย่างช้าสุดในถานการณ์พิเศษ เข้าใจไหม"

เซ็ปติมัสยังคงจ้องมองแถบมนตราสีม่วงที่ระยิบระยับอยู่ตรงปลายแขนเสื้อเขาพยักหน้า "เข้าใจครับ...ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ...แต่ทำไมครับ..."
"เหตุผลคือ" มาร์เซียพูด "เธอเป็นศิษย์เอกคนแรกในประวัติศาสตร์ ผู้สามารถรอดพ้นจากภารกิจ ไม่เพียงรอดชีวิตกลับมาเท่านั้นแต่ยังทำสำเร็จอีกด้วย
และที่น่าชื่นชมยิ่งขึ้นไปอีกคือ เธอถูกส่งไปทำ...เรื่องน่ากลัวนี้ก่อนจะเรียนรู้ได้ถึงครึ่งด้วยซ้ำ แต่เธอก็ยังทำสำเร็จเธอใช้ทักษะมนตราได้อย่างดีเยี่ยม
เหนือกว่าผู้วิเศษหลายคนในหอคอยแห่งนี้จะคิดฝันถึง นี่คือเหตุผลที่เธอเป็นศิษย์เอกอาวุโสในวันนี้เข้าใจไหม"
"ครับ" เซ็ปติมัสยิ้ม "แต่ว่า..."
"แต่อะไร"
"ผมคงทำภารกิจไม่สำเร็จ หากไม่มีเจ็นนากับบีเทิล แล้วพวกเขาก็ยังติดแหง็กอยู่ในโกดังเล็กๆเหม็นๆที่สถานีการค้า เหมือนกับนิกโก้และสนอร์ริ
เราสัญญาไว้ว่าจะกลับไปรับพวกเขา"
"และเราก็จะไป" มาร์เซียตอบ "ฉันแน่ใจว่าพวกเขาคงไม่หวังให้เราบินกลับไปรับทันทีหรอก เซ็ปติมัส นอกจากนั้น ฉันยังไม่ว่างเลยตั้งแต่เรากลับมา
เช้านี้ฉันตื่นเร็วเพื่อไปรับยาน่ากลัวจากเซลดามาให้เอฟาเนียห์และฮิลเดอการ์ด ทั้งคู่ยังคงป่วยหนัก คืนนี้ฉันจำเป็นต้องคอยเฝ้าเอฟาเนียห์
แต่ฉันจะขี่สปิตไฟร์ไปรับทุกคนพรุ่งนี้แต่เช้าตรู่พวกเขาจะกลับมาในไม่ช้า ฉันสัญญา"

เซ็ปติมัสมองโบสีม่วงของเขา ซึ่งมีมนตราเคลือบอยู่อย่างสวยงาม ราวกับน้ำมันลอยอยู่บนน้ำ เขาจำคำพูดของมาร์เซียได้ "ในฐานะศิษย์เอกอาวุโส
เธออาจไปไหนมาไหนโดยไม่ต้องขออนุญาต แต่ก็นับเป็นมารยาทที่เธอควรบอกฉันว่าจะไปไหนและตั้งใจจะกลับมาถึงเมื่อใด"
"ผมจะไปรับพวกเขาเอง" เซ็ปติมัสพูด ปรับตัวสู่บทบาทศิษย์เอกอาวุโสอย่างรวดเร็ว
"ไม่ได้ เซ็ปติมัส" มาร์เซียตอบ ลืมไปแล้วว่ากำลังพูดอยู่กับศิษย์เอกอาวุโส "มันเสี่ยงเกินไป แล้วเธอก็เหน็ดเหนื่อยหลังภารกิจเธอต้องพัก ฉันจะไปเอง"
"ขอบคุณสำหรับข้อเสนอของคุณครับ มาร์เซีย" เซ็ปติมัสพูดติดจะทางการอยู่สักหน่อย แบบที่เขาคิดว่าศิษย์เอกอาวุโสอาจจะพูดกัน
"อย่างไรดี ผมตั้งใจจะไปเอง ผมจะขี่สปิตไฟร์ไปในอีกหนึ่งชั่วโมงจะกลับมาก่อนเที่ยงคืนวันมะรืนนี้
ผมคิดว่าเรื่องนี้อาจถือเป็นสถานการณ์พิเศษได้อย่างสมเหตุสมผล"
"โอ้" มาร์เซียคิดว่าเธอไม่น่าบอกสิทธิ์ทั้งหมดของศิษย์เอกอาวุโสให้เซ็ปติมัสรู้เลย เธอนั่งลงและมองเซ็ปติมัสด้วยสายตาครุ่นคิด
ศิษย์เอกอาวุโสของเธอดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในทันทีทันใด ดวงตาสีเขียวเจิดจ้าดูมั่นใจอย่างไม่เคยเห็นมาก่อน ขณะที่สบตาเธออย่างแน่วแน่
และ...ใช่แล้ว เธอรู้ว่ามีบางอย่างแตกต่างไปในนาทีที่เขาเดินเข้ามา...เซ็ปติมัสหวีผม
"ขอฉันไปส่งเธอได้ไหม" มาร์เซียถามเบาๆ
"ได้ครับ" เซ็ปติมัสตอบ "มันคงดีมากๆเลย ผมจะลงไปที่ทุ่งมังกรภายในหนึ่งชั่วโมง" เขาเดินไปถึงประตูห้องทำงาน หยุด และหันกลับมา
"ขอบคุณครับ มาร์เซีย" เขาพูดพร้อมรอยยิ้มกว้าง "ขอบคุณมากจริงๆ"

มาร์เซียยิ้มตอบ และมองศิษย์เอกอาวุโสของเธอเดินออกไปจากห้องทำงานอย่างร่าเริงทุกก้าวย่าง



-------จบบทที่1-------
Go to the top of the page
+Quote Post
Zeppe'Wiz
โพสต์ Mar 20 2010, 09:01 PM
โพสต์ #4


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 5

******




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,883
เข้าร่วม : 28-September 09
จาก : หอคอยผู้วิเศษบนเกาะดาวแห่
งหมู่เกาะไซเรน
หมายเลขสมาชิก : 5,128
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: มะเกลือ | ยาว: 14"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ยืดหยุ่น

สัตว์เลี้ยง







บทที่ 2
กระท่อมผู้ดูแล



วันนั้นเป็นวันฤดูใบไม้ผลิอันสดใสและลมแรงที่บึงมาร์ราม สายลมได้พัดหมอกตอนย่ำรุ่งไปหมดแล้ว และพาเมฆขาวก้อนเล็กๆ
ลอยลิ่วตัดสู่ท้องสูงขึ้นไป อากาศเย็น มีกลิ่นเกลือทะเล โคลน และซุปกะหล่ำปลีไหม้

ที่ปากประตูกระท่อมหินหลังเล็ก เด็กชายตัวเก้งก้างไว้ผมยาวสีหม่น กำลังสะพายเป้ขึ้นบ่ากว้าง ผู้ที่ช่วยเขาอยู่ดูเหมือนผ้านวมปุปะขนาดยักษ์
"เอาละ เธอแน่ใจนะว่ารู้จักเส้นทาง" ผ้านวมปุปะถามอย่างกังวล

เด็กชายพยักหน้าและขยับเป้ให้ตรงดวงตาสีน้ำตาลยิ้มให้ร่างใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ใต้รอยพับของผ้านวม
"ผมมีแผนที่แล้วครับย่าเซลดา" เขาพูดพลางดึงกระดาษยับยู่ยี่แผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
"จะว่าไปแล้ว ผมมีแผนที่ทุกแผ่นของคุณ" เขาดึงกระดาษออกมาอีกหลายแผ่น
"ดูสิ...นี่เป็นแผนที่จากหลุมงูไปดับเบิลเดรน จากดับเบิลเดรนไปเหวเมือกมรณะ จากเหวเมือกมรณะไปทางกว้าง จากทางกว้างไปดงหญ้าแฝก
จากดงหญ้าแฝกไปถึงทางหลวง"
"แต่จากทางหลวงไปท่าเรือเล่า เธอมีแผนที่แผ่นนั้นหรือเปล่า" ดวงตาสีฟ้าสดแบบแม่มดของย่าเซลดาดูวิตก
"มีสิ แต่ผมไม่ต้องใช้มันหรอก ผมจำทางเส้นนั้นได้"
"โธ่ ที่รัก" ย่าเซลดาพูดพร้อมถอนใจ "โธ่ ฉันหวีงว่าเธอจะปลอดภัยนะ เด็กชายหมาป่าที่รัก"

เด็กชายหมาป่าก้มลงมองย่าเซลดา นี่คือสิ่งที่เขาเพิ่งทำได้เมื่อไม่นานมานี้ เขาโตเร็วมาก และย่าเซลดาหลังงอกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
เขากางแขนโอบกอดเธอแน่น "ผมไม่เป็นไรหรอก" เขาว่า "จะกลับมาพรุ่งนี้ อย่างที่เราเคยคุยกันแล้ว คอยฟังเสียงผมราวๆ เที่ยงวันนะครับ"

ย่าเซลดาสั่นศีรษะ "เดี๋ยวนี้ฉันฟังไม่ค่อยได้ยินแล้ว" เธอพูดเหมือนโหยหาอดีตอยู่บ้าง "บ็อกการ์ตจะรอรับเธอ เอาละ มันอยู่ไหนนะ"
เธอกวาดตามองมอตต์ ซึ่งน้ำสีดำจากกระแสน้ำขึ้นกำลังไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว สีน้ำตาลที่ดูเหนียวและเต็มไปด้วยขี้โคลนทำให้เด็กชายหมาป่า
นึกถึงซุปแมลงสีน้ำตาลกับหัวผักกาดที่ย่าเซลดาทำเป็นอาหารค่ำเมื่อคืนก่อน ถัดจากมอตต์ออกไปคือที่ราบกว้างใหญ่ของบึงมาร์ราม
มีคูและทางน้ำยาวไหลวกวนตัดสลับไปมา โคลนเลนที่หลอกตาบึงที่ลึกเป็นไมล์ มีตัวประหลาดหลายชนิดอาศัยอยู่ที่นี่ และใช่ว่าทุกตัวจะเป็นมิตร

"บ็อกการ์ต!" ย่าเซลดาเรียก "บ็อกการ์ต!"
"ไม่เป็นไรครับ" เด็กชายหมาป่าพูด เขาพร้อมจะออกเดินทางแล้ว "ผมไม่ต้องใช้บ๊อก..."
"อ้อ เจ้าอยู่นี่เอง บ็อกการ์ต!" ย่าเซลดาร้องเมื่อหัวสีน้ำตาลเข้มของสัตว์ ที่ดูเหมือนแมวน้ำโผล่ขึ้นมาจากน้ำข้นคลั่กในมอตต์
"ใช่ ผมอยู่นี่" เจ้าสัตว์ตัวนั้นพูด มันมองย่าเซลดาอย่างไม่สบอารมณ์ด้วยดวงตาโตสีน้ำตาล "ผมหลักอยู่ที่นี่ หรืออย่างน้อยก็คิดว่าหลับ"
"ฉันเสียใจเหลือเกินบ็อกการ์ตที่รัก" ย่าเซลดาพูด "แต่ฉันอยากให้เธอพาเด็กชายหมาป่าไปส่งที่ทางหลวง"
บ็อกการ์ตพ่นลมใส่โคลนจนเป็นฟองอย่างไม่สบอารมณ์ "ทางหลวงอยู่ไกลนะ เซลดา"
"ฉันรู้ แถมยังอันตรายด้วย ต่อให้มีแผนที่"

บ็อกการ์ตถอนหายใจ โคลนที่พ่นจากรูจมูกของมันกระเด็นขึ้นมาโดนกระโปรงผ้าปะของย่าเซลดา และกลายเป็นรอยเปื้อนโคลนอีกหย่อมหนึ่ง
บ็อกการ์ตมองเด็กชายหมาป่าด้วยสายตาหงุดหงิด "เอาละ ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ไม่มีประโยชน์ที่จะชักช้าอยู่" มันพูด "ตามฉันมา"
แล้วมันก็ว่ายตัดผืนน้ำโคลนไปตามมอตต์

ย่าเซลดารวบเด็กชายหมาป่าเข้ามากอดในชุดผ้าปะ จากนั้นเธอก็ผลักเขาออกจากตัว ดวงตาสีฟ้าแบบแม่มดจ้องมองเขาอย่างเป็นห่วง
"เธอมีจดหมายของฉันแล้วนะ" เธอพูด เคร่งเครียดขึ้นมาทันที เด็กชายหมาป่าพยักหน้า
"เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าต้องอ่านมันเมื่อไหร่ ห้ามเปิดอ่านก่อนหน้านั้นเด็ดขาด" เด็กชายหมาป่าพยักหน้าอีกครั้ง
"เธอต้องเชื่อใจฉัน" ย่าเซลดาพูด "เธอเชื่อใจฉันจริงๆใช่ไหม" เด็กชายหมาป่าพยักหน้าช้าลงกว่าเดิม เขามองย่าเซลดาอย่างงุนงง
ดวงตาของเธอดูเปล่งประกายจนหน้าสงสัย
"ฉันคงไม่ส่งเธอไป หากไม่คิดว่าเธอจะทำงานนี้ได้ เธอรู้ใช่ไหมจ๊ะ"
เด็กชายหมาป่าพยักหน้าอย่างระแวงอยู่บ้าง
"และ...โธ่ เด็กชายหมาป่า เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันห่วงเธอ"
"รู้สิครับ" เด็กชายหมาป่าพึมพำ เริ่มอาย และออกจะกังวล

เขาคิดว่าย่าเซลดามองเขาราวกับเธออาจไม่ได้เห็นเขาอีกแล้ว เขาไม่แน่ใจว่าชอบแบบนั้นหรือไม่ ทันใดนั้นเขาก็ดิ้นหลุดจากมือเธอ
"ลาก่อนนะครับ ย่าเซลดา" เขาพูด และวิ่งไล่ตามบ็อกการ์ตให้ทัน มันไปถึงสะพานไม้ข้ามมอตต์ที่สร้างขึ้นใหม่แล้ว และกำลังรออย่างอดทน

ย่าเซลดาสวมชุดกระโปรงผ้าปะยัดนุ่นที่เธอใช้เวลามากมายตัดเย็บช่วงฤดูหนาว เธอยืนอยู่ข้างมอตต์ และมองเด็กชายหมาป่าออกเดินทางข้ามบึง
เขาใช้เส้นทางที่ดูวกวนประหลาด แต่ย่าเซลดารู้ว่าเขากำลังเดินไปตามทางแคบๆรอบขอบอันวกวนของหลุมงู เธอมองพลางป้องดวงตาชราจาก
แสงที่ส่องลงมาจากท้องฟ้าเหนือบึงมาร์ราม แสงสว่างแสบตาแม้เป็นวันเมฆมาก ย่าเซลดาเห็นเด็กชายหมาป่าหยุดเดินเป็นช่วงๆ ตามคำเตือนของบ็อกการ์ต
มีอยู่ครั้งหรือสองครั้งที่เขากระโดดข้ามหลุมอย่างคล่องแคล่ว และเดินต่อไปตามเส้นทางอีกฝั่งของหลุม ย่าเซลดาเฝ้าดูนานเท่าที่จะทำได้
จนกระทั่งร่างของเด็กชายหมาป่าหายเข้าไปในกลุ่มหมอกที่ลอยอยู่เหนือเหวเมือกมรณะ มันคือหลุมเมือกที่ลึกเกินหยั่ง ทอดยาวออกไปหลายไมล์
ตัดเส้นทางสายเดียวที่นำไปสู่ท่าเรือ มีทางเดียวที่จะผ่านเหวได้ นั่นคือเดินเหยียบไปบนก้อนหินที่ซ่อนอยู่ และบ็อกการ์ตรู้ว่าต้องก้าวไปแล้วปลอดภัย

ย่าเซลดาเดินช้าๆกลับไปตามทาง เธอก้าวเข้าไปในกระท่อมผู้ดูแล ค่อยๆปิดประตู และยืนพิงมันอย่างเหนื่อยอ่อน เช้านี้สาหัสเอาการ มาร์เซียโผล่มา
โดยไม่บอกล่วงหน้า และบอกข่าวน่าตกใจเกี่ยวกับภารกิจของเซ็ปติมัส บรรยากาศไม่ดีขึ้นหลังมาร์เซียจากไป เพราะย่าเซลดาไม่อยากส่ง-
เด็กชายหมาป่าไปทำงาน แม้รู้ดีว่าจำเป็น

ย่าเซลดาถอนหายใจแรงๆและมองไปรอบกระท่อมที่รักยิ่ง ความว่างเปล่าไม่คุ้นเคยทำให้รู้สึกแปลก เด็กชายหมาป่าอยู่กับเธอมาเกินหนึ่งปีแล้ว
เธอคุ้นกับการมีอีกชีวิตหนึ่งอยู่ด้วยในกระท่อม และตอนนี้เธอส่งเขาไป...ย่าเซลดาสั่นศีรษะ ถามตัวเองว่าเสียสติไปหรือเปล่า
แล้วก็ตอบอย่างหนักแน่นว่า เปล่า เธอไม่ได้เสียสติ มันคือสิ่งที่ต้องทำ

เมื่อหลายเดือนก่อน ย่าเซลดารู้ว่าเธอเริ่มอยากได้เด็กชายหมาป่าเป็นศิษย์ หรือว่าที่ผู้ดูแล ตามประเพณีดั้งเดิม ถึงเวลาที่เธอต้องรับลูกศิย์แล้ว
ใกล้หมดวาระของเธอเต็มที และเธอต้องเริ่มถ่ายทอดความลับต่างๆ แต่สิ่งหนึ่งทำให้ย่าเซลดากังวล ยังไม่เคยมีผู้ดูแลชายในประวัติศาสตร์
อันยาวนานของผู้ดูแล แต่ย่าเซลดาไม่เห็นเหตุผลว่าทำไมถึงมีไม่ได้ จริงๆแล้วเธอคิดว่าถึงเวลาต้องมีเสียที ดังนั้น เธอจึงส่งเด็กชายหมาป่าไปทำงาน
ด้วยความหวั่นใจอย่างยิ่ง ถ้าทำสเร็จ เขาจะมีคุณสมบัติได้เป็นว่าที่ผู้ดูแล หากราชินีเห็นสมควร

และตอนนี้เมื่อเขาไปแล้ว เธอก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ราชินียอมเห้นชอบกับการแต่งตั้งเด็กชายหมาป่า ย่าเซลดาคิดขณะค้นชั้นวางมีดหั่นกะหล่ ำเพื่อหาชะแลง
"อะฮ่า! อยู่นี่เอง" ย่าเซลดาพูดกับชะแลงที่ซุกอยู่ เธอเริ่มพูดคนเดียวแบบที่เคยทำสมัยอยู่ตามลำพังอีกครั้ง ย่าเซลดาหยิบชะแลงจากหิ้ง
จากนั้นก็เดินไปที่กองไฟ และม้วนตลบพรมตรงหน้าเตาผิงสำลักฝุ่นขณะที่คุกเข่าลง งัดแผ่นหินที่ค่อนข้างหลวม แล้วจากนั้นก็ม้วนแขนเสื้อขึ้นอย่างหวาดๆ
(เพราะแมงมุมมาร์รามตัวใหญ่ขนดกชอบทำรังอยู่ใต้แผ่นหิน แถมฤดูนี้ยังไม่เหมาะที่จะไปกวนมันด้วย) ย่าเซลดาหยิบท่อเงินอันยาวที่ซ่อนอยู่ด้านล่าง
ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง

เธอถือท่อเหยียดออกไปสุดแขน มองสำรวจมันอย่างหวาดระแวง ความกลัวพุงขึ้นมาทั่วร่างทันที สิ่งที่เกาะอยู่ตรงปลายท่อคือกลุ่มไข่สีขาววาววับของ
แมงมุมมาร์รามตัวใหญ่ขนดก ย่าเซลดาหวีดร้องและกระโดดไปมา พลางสะบัดท่ออย่างแรง พยายามให้ไข่หลุดออกไป อย่างไรก็ตาม เมือกที่เกาะอยู่-
บนท่อเงินทำให้มันลื่นหลุดจากมือเธอ ลอยเป็นวงอย่างงดงามข้ามห้อง และหลุดเข้าไปทางประตูครัวที่เปิดอยู่ ย่าเซลดาได้ยินเสียงน้ำกระจายชัดเจน
เมื่อบางอย่างหล่นลงไปในซุปแมลงสีน้ำตาลกับหัวผักกาด ที่ตอนนี้ได้กลายเป็นซุปแมลงสีน้ำตาลกับหัวผักกาดและไข่แมงมุมไปเสียแล้ว(คืนนั้น-
ย่าเซลดาอุ่นซุปนี้กินเป็นอาหารค่ำ ตอนกินเธอคิดว่ารสชาติมันดีขึ้นเพราะตั้งทิ้งไว้บนเตามาหลายวัน หลังจากนั้นจึงสะกิดใจว่าอาจเป็นเพราะรสชาติ-
ของไข่แมงมุมก็เป็นได้ เธอเขานอนโดยรู้สึกวิงเวียนอยู่บ้าง)

ย่าเซลดากำลังจะหยิบท่อจากซุป เมื่อหางตาเหลือบไปเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหว ขาขนาดใหญ่ขนดกสองข้างคลำทางออกมาจากช่องใต้แผ่นหิน
ย่าเซลดาสะท้าน เธอยกแผ่นหินขึ้นแล้วปล่อยมือ มันหล่นกระแทกโครมใหญ่จนกระท่อมสั่นไปทั้งหลัง และพรากแม่แมงมุมจากลูกของมันตลอดกาล

ย่าเซลดาหยิบท่อเงิน นั่งลงที่โต๊ะทำงาน ดื่มน้ำกะหล่ำต้มผสมแยมมาร์ชเบอรี่หนึ่งช้อนใหญ่เพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตนเอง เธอรู้สึกสั่น
แมงมุมนั่นทำให้เธอนึกถึงสิ่งที่ส่งเด็กชายหมาป่าไปทำ และสิ่งที่ครั้งหนึ่งเธอเองก็เคยถูกเบ็ตตี แคร็กเกิลส่งไปทำมาแล้ว ย่าเซลดาถอนหายใจ
และบอกตัวเองว่าเธอเตรียมการให้เด็กชายหมาป่าอย่างดีที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ และอย่างน้อยเธอก็ไม่ได้เขียนข้อความบนกระดาษแข็ง
แบบที่เบ็ตตี แคร็กเกิลทำด้วย

ย่าเซลดาค่อยๆเช็ดซุปแมลงสีน้ำตาลกับหักผักกาดและไข่แมงมุมจากท่อ เธอหยิบมีดเงินเล่มเล็กออกมา หั่นขี้ผึ้งประทับตราออก และหยิบแผ่น-
กระดาษโบราณที่มีร่องรอบเปียกชื้น และมีข้อความว่า "สัญญาของว่าที่ผู้ดูแล" เขียนไว้ด้านบนด้วยตัวอักษรเก่าซีดล้าสมัย

ย่าเซลดาใช้เวลาชั่วโมงต่อมาที่โต๊ะทำงาน ใส่ชื่อเด็กชายหมาป่าในหนังสือสัญญา จากนั้นเธอบรรจงเขียนคำร้องขอรับศิษย์ด้วยลายมือที่ดีที่สุด-
เพื่อส่งให้ราชินี เธอม้วนคำร้องเข้ากับหนังสือสัญญาและใส่ลงไปในท่อเงิน ใกล้ถึงเวลาแล้ว แต่ก่อนอื่นเธอต้องการบางอย่างจากตู้น้ำยาเวทมนต์-
ไม่คงที่กับยาพิษชนิดพิเศษ

ตู้แคบมากสำหรับย่าเซลดา โดยเฉพาะเมื่อสวมชุดกระโปรงยัดนุ่นตัวใหม่นี้ เธอจุดตะเกียง เปิดลิ้นชักลับ และใช้แว่นตาเที่ยงตรงพิเศษอ่านหนังสือ-
โบราณเล่มเล็กชื่อ ตู้น้ำยาเวทมนตร์ไม่คงที่กับยาพิษชนิดพิเศษ คู่มือและแผนผังของผู้ดูแล เมื่อเจอหน้าที่ต้องการย่าเซลดาก็เปิดลิ้นชักเล็กๆ
สีน้ำเงินที่บรรจุเครื่องรางของขลังและมองเข้าไปข้างใน หินและแก้วผลึกล้ำค่าคละแบบวางเรียงเป็นระเบียบบนผ้าขนสัตว์สีน้ำเงินที่กรุลิ้นชัก
นั้นอยู่ มือของย่าเซลดายื่นออกไปเหนือเครื่องรางแคล้วคลาดแล้วเธอก็ขมวดคิ้ว สิ่งที่เธอหาไม่อยู่ตรงนี้ ย่าเซลดาหาข้อมูลในหนังสืออีกครั้ง แล้วยื่นมือลึก-
เข้าไปในลิ้นชักจนกระทั่งนิ้วแตะขอบลิ้นชักด้านใน เธอเหยียดนิ้วชี้ป้อมๆออกไปให้ยาวที่สุด แล้วก็พลิกขอบขึ้นด้านบน มีเสียงดังกริ๊กเบาๆและอะไรหนักๆ
ก็หล่นลงมาในลิ้นชัก แล้วกลิ้งมาข้างหน้า สู่แสงสว่างของตะเกียง

ย่าเซลดาหยิบขวดทองคำใบเล็กรูปทรงเหมือนลูกสาลี่มาวางไว้บนฝ่ามืออย่างระมัดระวังมาก เธอเห็นประกายสีเข้มทึบของทองบริสูทธิ์ที่สุด
มันคือใยทองคำที่ปั่นโดยแมงมุมแห่งออรัม และมีจุกเงินหนาสลักอักษรภาพเพียงหนึ่งตัว เป็นชื่อทื่ถูกลืมไปนานแล้ว เธอรู้สึกวิตกอยู่บ้าง
ขวดเล็กที่อยู่บนมือเธอคือเครื่องรางแคล้วคลาดแบบมีชีวิตที่หายากมาก เธอไม่เคยแตะต้องของแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำ

ย่าเซลดารู้สึกไม่สบายใจกับการมาเยือนของมาร์เซียเมื่อตอนเช้าตรู่ เพื่อรับยาให้เอฟาเนียห์และฮิลเดอการ์ด หลังมาร์เซียกลับไปแล้ว เธอก็เห็นภาพนิมิต
ขึ้นมาฉับพลัน เซ็ปติมัสบนหลังสปิตไฟร์ไปรับเจ็นนา นิกโก้ สนอร์ริ และบีเทิล แต่ความจริงแล้วคนที่ขี่มังกรคือเซ็ปติมัส สิ่งที่เธอเห้นจะต้องเกิดขึ้นแน่ๆ
เธอไม่อาจทำอะไรเพื่อยับยั้งมันได้ ทั้งหมดที่ทำได้คือส่งเครื่องรางแคล้วคลาดชนิดดีที่สุดให้เซ็ปติมัส...และนี่ก็คือเค
รื่องรางนั้น

ย่าเซลดาเบียดตัวออกจากตู้ และค่อยๆนำเครื่องรางแคล้วคลาดแบบมีชีวิตไปที่หน้าต่าง เธอยกขวดน้อยขึ้นส่องกับแสงอาทิตย์และหมุนไปรอบๆ
เพื่อดูตราประทับขี้ผึ้งโบราณรอบจุก มันยังติดดีอยู่ ไม่มีรอยร้าวหรือร่องรอยว่ามีอะไรมารบกวน ย่าเซลดายิ้มเครื่องรางยังหลับอยู่ ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี
เธอสูดลมหายใจลึกๆและเริ่มปลุกมันด้วยเสียงประหลาดสูงๆ ต่ำๆ ที่คงทำให้คนได้ยินต้องขนลุก

ตลอดห้านาทีอันยาวนาน ย่าเซลดาเอื้อนคาถาซับซ้อนและหาได้ยากที่สุดบทหนึ่งเท่าที่เคยใช้มา มันเต็มไปด้วยกฏ กติกา มาตรา อนุมาตรา
ซึ่งหากนำมาเขียนลงกระดาษ จะต้องทำให้เอกสารกฏหมายทุกฉบับต้องอาย มันคือสัญญาผูกพัน และย่าเซลดาพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้แน่ใจว่า
ไม่มีช่องโหว่ เธอเริ่มบรรยายถึงเซ็ปติมัส ผู้รับเครื่องรางนี้ โดยบอกรายละเอียดมากมาย และขณะที่เอื้อนคำพรรณนาอยู่นั้น เสียงของเธอก็ลอยไปทั่ว
กระท่อมหลังน้อย กระจกแตกไปสามบาน นมบูด แล้วมันก็ลอยออกไปทางปล่องไฟ สู่บึงยามเช้าฤดูใบไม้ผลิที่มีลมโชย

ขณะที่ย่าเซลดาท่องคาถา เสียงแบบแม่มดของเธอเพิ่มผ่านระดับที่มนุษย์ธรรมดาได้ยิน ไปถึงระดับที่สิ่งมีชีวิตในบึงใช้เตือนภัยครอบครัวตัวกระโดด-
ประจำบึงพากันดำลงไปในมอตต์ นิกซีน้ำห้าตัวมุดเข้าไปในหย่อมโคลนสุดโปรดของบ็อกการ์ต หนูบึงสองตัววิ่งร้องจี๊ดๆข้ามสะพานมอตต์และหล่นลง-
ไปในบ่อเมือก ส่วนงูเหลือมบึงที่เพิ่งจะว่ายเข้ามาในมอตต์ก็เปลี่ยนใจมุ่งหน้าไปเกาะไก่แทน

ในที่คาถาก็เสร็จสิ้น และความแตกตื่นในหมู่สิ่งมีชีวิตนอกกระท่อมก็เบาบางลง ย่าเซลดาร้อยเส้นหนังอย่างดีลอดห่วงเงินเบี้ยวๆรอบคอขวด
และบรรจงเก็บมันไว้ในกระเป๋าก้นลึกใยหนึ่งในชุดกระโปรงของเธอ จากนั้นเธอก็ออกไปยังครัวเล็กๆที่ด้านหลังกระท่อม
และเริ่มทำงานที่ชื่นชอบอย่างหนึ่ง นั่นคือทำแซนด์วิชกะหล่ำ

ไม่นานแซนด์วิชกะหล่ำก็ลงไปอยู่กับเครื่องรางแคล้วคลาดมีชีวิตที่ก้นกระเป๋า เธอรู้ว่าเซ็ปติมัสจะต้องชอบแซนด์วิชกะหล่ำแน่ๆและหวังว่าเขาจะชอบ
เครื่องรางแคล้วคลาดเช่นเดียวกัน
Go to the top of the page
+Quote Post
hibari kyoya
โพสต์ Feb 27 2011, 08:42 PM
โพสต์ #5


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 1

**




กลุ่ม : นักเรียนฮอกวอตส์
โพสต์ : 125
เข้าร่วม : 29-November 10
จาก : namimori
หมายเลขสมาชิก : 11,227
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ





ไม่เคยอ่านอ่ะครับแต่ตาลายมากเลย




Go to the top of the page
+Quote Post
ATENA FRORA SWIF...
โพสต์ Jun 11 2011, 04:50 PM
โพสต์ #6


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 1

****




กลุ่ม : นักเรียนฮอกวอตส์
โพสต์ : 396
เข้าร่วม : 23-September 10
จาก : ผู้อยู่ใต้มนตร์บังตา และมายาอำพราง
หมายเลขสมาชิก : 10,244
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ





อุตส่าห์พยายามพิมพ์นะ พี่เซ็ป






รับสมัครเพื่อนสนิทชาย 1 คนจ้า บ้านกริฟ ชั้นปีอะไรก็ได้
คุณสมบัติ เป็นฝ่ายดาร์กทางสายเลือด นิสัย ภายนอกเงียบขรึม เย็นชาแต่เปลือก รักเพื่อน แต่ปากมักบอกว่าไม่ห่วง



ดู ประวัติตัวละครของเราได้เลย คลิก! http://hogwartsthai.com/forum/index.php?sh...t=0#entry333886
Go to the top of the page
+Quote Post
Hermionie Weasle...
โพสต์ Jul 19 2011, 07:27 PM
โพสต์ #7


แม่มด

*****




กลุ่ม : พ่อมดแม่มด
โพสต์ : 1,293
เข้าร่วม : 16-July 11
จาก : Parallel World
หมายเลขสมาชิก : 14,244
สายเลือด : เกิดจากมักเกิ้ล
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ไม่ดีดตัว

สัตว์เลี้ยง






เล่ม 6 ที่อเมริกาออกแล้วนะคะ ตอนนี้คงรอแปลอ่ะค่ะ






your name.
Go to the top of the page
+Quote Post
Q'ueztira
โพสต์ Mar 4 2012, 04:06 PM
โพสต์ #8


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านกริฟฟินดอร์
โพสต์ : 450
เข้าร่วม : 10-February 12
จาก : ❥ Someone
หมายเลขสมาชิก : 16,167
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






ดีจังค้ะ มีคนโพสต์ให้อ่านด้วย
จะได้ไม่ต้องเสียเงินไปซื้อหนังสือ
5555555555






Q'ueztira
‘ {Only.}

________________________

RPG : Pique Q.Phrenzon Francis
Colour Code : #DF0000

ลากอาร์ผมสิ่ แล้วคุณจะหลงรักผม -/- [Cr. FF]
Go to the top of the page
+Quote Post
WindRunner Inw
โพสต์ Mar 6 2012, 03:39 PM
โพสต์ #9


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 3

*****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,065
เข้าร่วม : 27-September 11
จาก : On the run
หมายเลขสมาชิก : 15,240
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






น่าอ่านอ่ะ ซีเอ็ดมีขายป่าว








Go to the top of the page
+Quote Post
WindRunner Inw
โพสต์ Jun 1 2012, 10:01 PM
โพสต์ #10


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 3

*****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านเรเวนคลอ
โพสต์ : 1,065
เข้าร่วม : 27-September 11
จาก : On the run
หมายเลขสมาชิก : 15,240
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






พี่เซปลงทุนมาก








Go to the top of the page
+Quote Post
Alexander McLagg...
โพสต์ Jun 1 2012, 10:49 PM
โพสต์ #11


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 4

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 671
เข้าร่วม : 11-May 12
จาก : ĥlywǿod
หมายเลขสมาชิก : 17,632
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: ดีและนุ่ม

สัตว์เลี้ยง






อยากอ่านเล่มเจ็ดแล้ว 55
Go to the top of the page
+Quote Post

Closed TopicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 28th March 2024 - 10:01 PM