" ท่ามกลางยามราตรีคืนหนึ่ง หัวขโมยสามคนได้ก่อเหตุและเข้าไปหลบซ่อนที่บ้านร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งก็คือ "ร้านชำนามิยะ"
จู่ๆก็มีจดหมายลึกลับสอดเข้ามาทางช่องประตู มันดูเป็นจดหมายขอคำปรึกษาจากเจ้าของร้านชำธรรมดาๆ
หัวขโมยทั้งสามจึงนึกสนุกและสวมรอยเขียนจดหมายตอบซะเอง แต่แล้วจู่ๆจดหมายที่พวกเขาเขียนตอบก็หายไป
และแทนที่ด้วยจดหมายฉบับใหม่ ไปๆมาๆจดหมายที่ว่านั้น เป็นจดหมายที่ถูกส่งมาจากอดีตเมื่อ 40 ปีก่อน
ทุกครั้งที่พวกเขาเขียนตอบกลับไป ก็จะมีจดหมายฉบับใหม่เข้ามาที่ช่องหน้าประตูทันที
ดูเหมือนครั้งหนึ่งร้านชำแห่งนี้เคยมีชื่อเสียงเรื่องรับปรึกษาปัญหาทุกรูปแบบ และ ที่แห่งนี้น่าจะมี "กลไกบางอย่าง"
ที่สามารถเชื่อมโยงมิติกาลเวลาและติดต่อบุคคลในอดีตได้ และคนที่น่าจะรู้ความลับของกลไกนี้ก็คือ คุณนามิยะ เจ้าของร้าน
แต่ปัญหาคือ เขาจากโลกนี้ไปหลายสิบปีแล้ว! พวกเขาจึงพยายามค้นหาสาเหตุที่ทำให้ร้านชำแห่งนี้สามารถเชื่อมโยงกับอดีตเมื่อ 40 ปีที่แล้วได้นั่นเอง "
พอได้อ่านเรื่องย่อคร่าวๆ แล้วเราถึงกลับพลิกมาดูปกอีกทีตกลงมันเป็นเรื่องสยองเหรอเนี้ย อ่าว...แต่เดี๋ยวก่อนใจเย็นๆ
หนังสือเรื่องนี้ตอนแรกเรื่องราวต่าง ๆ ถูกผูกขึ้นเป็นวงกลมและผูกปมไว้อย่างซับซ้อนโดยที่ผู้เขียนได้ใช้จดหมายเป็นตัวกลาง
เชื่อมต่อระหว่างโลกอดีตและปัจจุบันในการเล่าเรื่อง มันให้ความรู้สึกคลาสสิคเอามากๆ
ผู้เขียนเชื่อมโยงเนื้อเรื่องในแต่ละบทและตัวละคร เช่น การดำเนินชีวิตของคนหนึ่งอาจจะส่งผลกับวิถีชีวิตของอีกคนหนึ่ง
- เราอาจจะเป็นเพื่อนกัน ผ่านพนักงานเซเว่นหน้าหมู่บ้าน
- เราอาจจะเป็นพี่น้องกัน ผ่านโบสถ์ที่เดินเข้าทุกสุดสัปดาห์
- เราอาจจะเป็นแค่คนรู้จักกัน ผ่านร้านขายของชำร้านหนึ่ง
ซึ่งในแต่ละบทเหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงกัน เมื่อคุณอ่านผ่านไปแต่ละบทปมต่าง ๆ จากบทก่อนหน้านั้นจะค่อยๆคลาย
ผู้เขียนได้แบ่งเนื้อเรื่องไว้ 5 ตอนใหญ่ และ มีตอนย่อยๆอีก ในแต่ละตอนพูดถึงปัญหาของตัวละครนั้นๆ
*สปอยล์คร่าวๆ*
บทที่ 1
เป็นเรื่องของโจร 3 คนที่จำเป็นต้องเข้ามาพักในร้านของชำนามิยะ
ซึ่งถูกปล่อยให้ทิ้งร้างไว้ อยู่ดี ๆ ก็มีจดหมายที่ส่งมาจากอดีตมาจากผู้หญิงคนหนึ่ง
ที่ต้องเลือกระหว่างการคัดตัวเข้าแข่งขันโอลิมปิกกับการดูแลแฟนที่ป่วยเป็นมะเร็ง
โจรทั้งสามตัดสินใจตอบจดหมายให้คำปรึกษาผู้หญิงคนนั้นไป
บทที่ 2
เริ่มต้นเรื่องของนักดนตรีสมัครเล่นที่ไปเล่นในงานวันคริสมาสของสถานรับเลี้ยงเด็กกำ
พร้าแห่งหนึ่ง
มีเด็กสาวคนหนึ่งสนใจถามถึงเพลงสุดท้ายที่เค้าเล่นซึ่งเค้าเป็นคนแต่งขึ้นมาเอง
การดำเนินเรื่องย้อนกลับไปในอดีตสมัยที่เขาเริ่มเล่นดนตรี และได้ลาออกจากมหาลัยกลางคัน
ทะเลาะกับพ่อแม่ที่หวังจะให้มาสืบทอดกิจการของที่บ้าน
จนวันหนึ่งย่าเสียชีวิตจึงจำเป็นต้องกลับมาที่บ้านและได้พบว่าพ่อได้ล้มป่วย
เค้าต้องตัดสินใจจะรับกิจการต่อหรือเดินทางสู่ความฝันของตัวเองต่อไป
สุดท้ายพอเราอ่านเรื่องนี้จบมันทำให้เราได้ย้อนกลับมาคิดว่า ทุกครั้งที่มีคนมาปรึกษาปัญหาอะไรกับเรา
เราให้คำปรึกษาแบบคุณนามิยะที่ตั้งใจตอบหรือให้คำปรึกษาแบบหัวขโมยที่เอาแต่ใจตัวเอง
ตอนจบดูเหมือนว่าตัวละครทุกตัวถึงแม้ว่าจะมาขอคำปรึกษา ไม่ว่าจะได้คำตอบยังไงสุดท้ายเขาก็เลือก
ที่จะทำตามความคิดของตัวเองอยู่ดี
เออ พอมาอ่านรีวิวก่อนซื้อ ก็คิดได้มาเลยแหะ ตอนแรกว่าจะซื้อเล่มนี้แหละ
แต่ดูหน้าปกแล้วมันไม่เวิร์คน่ะ แต่พอได้คนรีวิวแบบพี่มารีวิว บอกเลยว่า
อยากจะเก็บเงินซื้อมากๆ คนสายอ่านปรัชญาและคนสายอ่านจิตวิทยาบอกเลย
ต้องไม่พลาดเล่มนี้อย่างแน่นวล
พอมาอ่านรีวิวแล้วอยากลองไปหามาอ่านเลยครับ น่าอ่านแฮะ
เห็นเรื่องนี้ผ่านตาหลายครั้งแล้วค่ะ เอาไปสร้างหนังแล้วด้วย
เนื้อเรื่องน่าสนใจทีเดียว ต้องไปหามาอ่านแล้ว >.<
สนุกมากจริงๆค่ะ คอนเฟิร์ม
ซื้อมาดอง (อันที่จริงต้องบอกว่าเพื่อนซื้อให้) ได้สักพักแล้วครับ ประมาณสองปี แต่ยังไม่ได้ฤกษ์อ่าน
แต่คิดว่าจะอ่านเร็ว ๆ นี้ครับ แต่เป็นแค่ future possible นะครับ 55555
เล่มนี้สนุกจนวางแทบไม่ลงเลยค่ะ เล่มอาจจะดูหนาหน่อย แต่อ่านแป๊บเดียวจบค่ะ แนะนำเลย
ตอนแรกเราจะซื้อมาอ่านตามนัมจุนแหละแต่ว่ายังไม่มีโอกาสได้ซื้อเลยค่ะ พอเห็นตัวเองมารีวิวเล่มนี้แบบนี้เเล้วเราหาเวลาไปซื้อมาอ่านก่อนนะคะ ^^
Powered by Invision Power Board (http://www.invisionboard.com)
© Invision Power Services (http://www.invisionpower.com)