IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Reply to this topicStart new topic
> ผู้เสพความตาย
Ian McMillan
โพสต์ Aug 13 2020, 01:47 PM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








ผู้เสพความตาย (Death Eaters)



ผู้ก่อตั้ง : ทอม ริดเดิ้ล หรือลอร์ดโวลเดอมอร์ ก่อนปี ค.ศ. 1950
ล่มสลาย : ในปี ค.ศ. 1998 หลังสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สอง
ผู้นำ : ลอร์ดโวลเดอมอร์
จุดมุ่งหมาย :
  • ชำระล้างให้กับเผ่าพันธุ์ผู้วิเศษโดยการสังหารมักเกิ้ล และผู้ทรยศทางสายเลือด
  • ล้มล้างกระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ และบรรลุการปกครองแบบเผด็จการทั่วโลกภายใต้ระบอบการปกครองโดยเวทมนตร์
  • ทำลายล้างศัตรูทั้งหมด
เครือข่ายที่ติดต่อและเข้าร่วม :
  • ผู้เสพความตายที่ควบคุมกระทรวงเวทมนตร์
  • นักต้อน
  • เผ่ายักษ์
  • กองทัพมนุษย์หมาป่า
  • อินเฟอไร
  • บาซิลิสก์ (งูแห่งสลิธีริน)
  • ผู้คุมวิญญาณ (แห่งอัซคาบัน)
ปฏิปักษ์ :
  • กระทรวงเวทมนตร์อังกฤษ
  • ผู้ที่เกี่ยวข้องกับมักเกิ้ล
  • พวกทรยศต่อเลือด
  • ภาคีนกฟีนิกซ์ และกองทัพดัมเบิลดอร์
  • อัลบัส ดัมเบิลดอร์
  • สามเกลอ (แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่)
ศูนย์บัญชาการ / จุดรวมพล :
  • บ้านริดเดิ้ล
  • หลุมศพในหมู่บ้านลิตเติ้ลแฮงเกิลตัน
  • คฤหาสน์มัลฟอย ขณะทำสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สอง ในปี ค.ศ. 1997-1998
  • กระทรวงเวทมนตร์ โดยการแทรกแซงในปี ค.ศ. 1997-1998
  • เพิงโหยหวน ขณะทำสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สองที่โรงเรียนฮอกวอตส์
  • ป่าต้องห้าม ขณะทำสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สองที่โรงเรียนฮอกวอตส์


ผู้เสพความตาย (The Death Eaters) เป็นชื่อเรียกกลุ่มพ่อมดแม่มดที่ติดตามและทำงานให้กับลอร์ดโวลเดอมอร์ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนมาจากครอบครัวเลือดบริสุทธิ์ที่คลั่งในลัทธิสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ อีกส่วนหนึ่งคือกลุ่มที่ฝักใฝ่และหลงใหลในศาสตร์มืด พวกเขาพร้อมที่จะใช้มันเพื่อสนองความต้องการของตนเองโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย โวลเดอมอร์ใช้กลุ่มผู้เสพความตายเป็นกองทัพหลักทั้งในสงครามครั้งที่หนึ่ง และสงครามครั้งที่สอง

โวลเดอมอร์ใช้กลุ่มพ่อมดแม่มดที่เขาคัดเลือกมาในสงครามโลกเวทมนตร์ โดยใช้เป็นกองกำลังชั้นยอดของตัวเอง พวกเขามักสวมหมวกและหน้ากากสีดำ ที่มีรอยยาวใต้ตาคล้ายกับตางูเพื่อปกปิดใบหน้าของตนเอง ผู้เสพความตายถือเป็นผู้ติดตามของโวลเดอมอร์ และผู้เสพความตายจะมีตราประจำตัวสลักไว้ที่ร่างกาย เป็นสัญลักษณ์ประจำกลุ่มที่เรียกว่า “ตรามาร” เมื่อโวลเดอมอร์สัมผัสกับตรามารของหนึ่งในผู้เสพความตาย ตรานั้นจะร้อนและไหม้เกรียม จากนั้นบรรดาผู้เสพความตายก็จะหายตัวและไปปรากฏข้างกายเขาทันที




ประวัติศาสตร์



ผู้บุกเบิก

ผู้เสพความตายส่วนหนึ่งเป็นเพื่อนของโวลเดอมอร์สมัยที่ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนฮอกวอตส์ กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “แก๊งนักเรียนบ้านสลิธีริน” ในขณะที่ทอม ริดเดิ้ลไม่เคยมองคนกลุ่มนี้เป็นเพื่อนเลยด้วยซ้ำ จากการวิเคราะห์ของอดีตอาจารย์ใหญ่อย่างอัลบัส ดัมเบิลดอร์ เขาพบว่าคนกลุ่มนี้เกิดจากการรวมตัวกันของคนสองกลุ่ม กลุ่มแรกเป็นพวกอ่อนแอและอยากได้รับการยอมรับ กลุ่มที่สองคือพวกทะเยอทะยานและกำลังแสวงหาความรุ่งโรจน์ ทั้งสองกลุ่มต้องการผู้นำที่จะทำให้ตนเองได้แสดงความชั่วร้ายออกมา และสองกลุ่มนี้ได้กลายมาเป็นกลุ่มผู้เสพความตายรุ่นแรก ๆ ตลอดช่วงเวลาที่ทอม ริดเดิ้ลเรียนอยู่ที่ฮอกวอตส์ เขาสั่งการให้คนกลุ่มนี้ทำงานและอะไรหลายอย่างที่ล้วนแต่เป็นเรื่องเลวร้ายทั้งสิ้น ถึงแม้พวกเขาจะถูกจับได้แต่ทุกครั้งก็ไม่เคยโยงไปหาต้นตออย่างริดเดิ้ลได้เลย


จุดเริ่มต้น

ในช่วงต้นของปี ค.ศ. 1970 ทอม ริดเดิ้ลได้ก่อตั้งชมรมอัศวินแห่งวัลพัวร์กิส ซึ่งรวบรวมผู้คนที่โวลเดอมอร์รู้จักสมัยที่เขาอยู่ฮอกวอตส์ ผู้ที่ได้รับคัดเลือกเกือบทั้งหมดล้วนมาจากบ้านสลิธีริน อย่างไรก็ตาม อาจมีกริฟฟินดอร์ เรเวนคลอ และฮัฟเฟิลพัฟ หรือแม้แต่นักเรียนจากโรงเรียนประเทศต่าง ๆ ที่อยู่ในอันดับด้วยเช่นกัน ต่อมาเขาจึงเปลี่ยนชื่อกลุ่มเป็น “ผู้เสพความตาย”

สมาชิกที่โวลเดอมอร์เห็นว่ามีประโยชน์และซื่อสัตย์จะได้รับสัญลักษณ์ตรามาร สัญลักษณ์นี้เป็นรูปหัวกะโหลกที่มีงูยื่นออกมาจากปาก ใช้ในการเรียกตัวผู้ติดตาม รวบรวมพ่อมดศาสตร์มืดและกองกำลังสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วยความเชื่อที่ว่า ฮอร์ครักซ์ที่ซ่อนอยู่จะทำให้เขาได้รับความเป็นอมตะ โดยเป้าหมายของโวลเดอมอร์คือการเปิดสงครามกับพวกมักเกิ้ล และสิ่งแรกที่เขาต้องทำคือการโค่นล้มกระทรวงเวทมนตร์ โดยกองกำลังของเขามีจำนวนมากกว่าภาคีนกฟีนิกซ์ประมาณยี่สิบต่อหนึ่ง


ใฝ่หาการปกครอง

สงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่หนึ่ง

หลังจากเริ่มเคลื่อนไหวได้ไม่นาน จากกลุ่มผู้เสพความตายกลุ่มเล็ก ๆ เพียงไม่กี่คนในตอนแรกก็มีแนวร่วมเพิ่มมากขึ้น ส่วนใหญ่มาจากพ่อมดแม่มดตระกูลเลือดบริสุทธิ์ ซึ่งมีแนวความเชื่อไปในทางเดียวกัน ทำให้การเคลื่อนไหวเริ่มส่งผลกระทบในวงกว้าง สิ่งหนึ่งที่ผู้เสพความตายทำหลังเสร็จสิ้นภารกิจคือ การเสกตรามารทิ้งไว้ยังสถานที่ซึ่งพวกเขาก่อเหตุฆาตกรรม และสิ่งนี้ได้ก่อให้เกิดช่วงเวลาแห่งความหวาดกลัวไปในที่สุด พ่อมดแม่มดหลายคนถูกสังหาร บางคนหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย อย่างไรก็ตาม ผู้เสพความตายยังคงต่อต้านภาคีนกฟีนิกซ์ ที่ก่อตั้งโดย อัลบัส ดัมเบิลดอร์ และ กระทรวงเวทมนตร์ เพื่อต้องการจะตอบโต้อาชญากรรมที่เลวร้ายเหล่านี้ และได้รับการสนับสนุนจากหัวหน้ากองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ อูลิค แกมป์


สิบสามปีแห่งความโกลาหล

หลังจากที่โวลเดอมอร์พยายามหลีกเลี่ยงคำทำนายที่เขียนโดย ซีบิลล์ ทรีลอว์นีย์ ในช่วงสงคราม ในวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ. 1981 ก็ได้เกิดเหตุการณ์เลวร้ายขึ้น เมื่อเจมส์และลิลี่ พอตเตอร์ถูกสังหารด้วยน้ำมือของโวลเดอมอร์ หลังปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ เพื่อนสนิทของพวกเขาทั้งสองหักหลัง บอกความลับของที่ซ่อนครอบครัวพอตเตอร์ให้จอมมารรู้ และเป็นวันเดียวกับที่โวลเดอมอร์เสื่อมอำนาจ และหายตัวไปด้วยเช่นกัน

ความพ่ายแพ้อย่างไม่คาดฝันของจอมมารสร้างความดีใจไปทั่วโลกผู้วิเศษ ตรงข้ามกับกลุ่มผู้เสพความตาย การที่เจ้านายของพวกเขาถูกพิชิตลงเพียงชั่วข้ามคืน ด้วยฝีมือของเด็กอายุเพียงหนึ่งขวบ ทำให้ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความวุ่นวาย หวาดกลัว และโกรธแค้น เป้าหมายหลักของพวกเขาจึงกลายเป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ที่รอดชีวิตมาได้โดยไม่มีอะไรเลยนอกจากรอยแผลเป็น ซึ่งเป็นชะตากรรมที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงในฐานะ "เด็กชายผู้รอดชีวิต"

หลายคนถูกจับตัวและถูกคุมขังในคุกอัซคาบันโดยไม่มีการไต่สวน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความเข้มงวดที่เจ้าหน้าที่กระทรวง บาร์ทีเมียส เคราช์ ซีเนียร์ ได้ปฏิบัติตามข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับคำสาปโทษผิดสถานเดียว ต่อผู้ที่ถูกสงสัยว่าจะเป็นหนึ่งในกลุ่มของศัตรู (ซิเรียส แบล็ก ผู้ซึ่งถูกเพ็ตติกรูว์ใส่ร้ายในคดีอาชญากรรม ก็เป็นหนึ่งในจำเลยคนสำคัญที่ถูกคุมขังโดยไม่ได้รับการพิจารณาคดี)

หลังจากนั้นไม่นาน เบลลาทริกซ์, โรโดลฟัส และลาบัสแตรง เลสแตรงจ์ รวมถึงบาร์ทีเมียส เคร้าช์ จูเนียร์ได้ทรมานอลิซ และแฟรงก์ ลองบัตท่อมจนเสียสติ ในขณะที่พยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่ปัจจุบันของโวลเดอมอร์ (อาชญากรรมนี้ถือเป็นหนึ่งในอาชญากรรมที่โหดร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา) พวกเขาถูกจับและถูกตัดสินจองจำที่อัซคาบันตลอดชีวิต แต่เบลลาทริกซ์ประกาศอย่างภาคภูมิใจว่าเจ้าแห่งศาสตร์มืดจะฟื้นคืนชีพอีกครั้ง ในทางกลับกัน บาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์กลับประกาศว่าตัวเองบริสุทธิ์ เขาขอร้องให้พ่อเชื่อในตัวเขา แต่บาร์ทีเมียส เคร้าช์ ซีเนียร์เพิกเฉยต่อคำวิงวอนผ่อนผัน และตัดสินให้เขาจำคุก ซึ่งเป็นประโยคที่ทำให้ทั้งศาลคำรามด้วยชัยชนะ

ผู้เสพความตายบางคนพยายามหลบเลี่ยงการตัดสินโทษ โดยอ้างว่าตกอยู่ในคำสาปสะกดใจ อย่างเช่น ลูเซียส มัลฟอย หรือโยนความผิดให้กับผู้เสพความตายคนอื่น ๆ อย่างที่ไอกอร์ คาร์คารอฟทำ แต่พวกเขาก็ได้รับรางวัลสำหรับความภักดีที่มีต่อโวลเดอมอร์ ดังเช่น อีวาน โรเซียร์ ที่เลือกจะต่อต้านต่อการถูกจับกุม และต่อสู้จนตัวตายในที่สุด

ซิเรียส แบล็กเชื่อว่าผู้เสพความตายที่แสนหลอกลวงอย่างปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ยังมีชีวิตอยู่ และเขาพยายามหาทางฆ่า เพราะเพ็ตติกรูว์จะนำพาไปสู่หายนะที่เกิดจากโวลเดอมอร์ ด้วยเหตุนี้เพ็ตติกรูว์จึงซ่อนตัวอยู่ในร่างแอนิเมจัสที่ไม่ได้ลงทะเบียนในฐานะหนู (ที่ชื่อ สแคบเบอร์ ซึ่งเป็นสัตว์เลี้ยงของรอน วีสลีย์) และอยู่ใกล้แฮร์รี่มาโดยตลอด ในระหว่างที่รอคอยการกลับมาของจอมมาร อย่างไรก็ตาม เพ็ตติกรูว์ ได้ถูกซิเรียส และรีมัส ลูปินไล่ต้อน สถานการณ์ที่เลวร้ายนี้ จึงบังคับให้เขาต้องออกตามหาเจ้าแห่งศาสตร์มืดที่กำลังอ่อนแอ เพื่อหาที่พักพิง


ตราสัญลักษณ์

สิบสามปีต่อมาที่งานควิดดิชเวิลด์คัพสี่ร้อยยี่สิบวินาที ในปี ค.ศ. 1994 กลุ่มผู้เสพความตายได้โจมตีค่ายพักแรมของพ่อมดแม่มด และครอบครัวมักเกิ้ลที่อยู่ในพื้นที่เหล่านั้น ผู้เสพความตายดูเหมือนจะถือว่าการทรมานและทำให้มักเกิ้ลอัปยศนั้น เป็นความบันเทิงในรูปแบบหนึ่ง เมื่อบาร์ตี้ เคร้าช์ จูเนียร์เสกตรามารขึ้นบนท้องฟ้าด้วยความโกรธเกรี้ยว ที่ผู้ติดตามคนอื่นไม่ได้ออกตามหาเจ้านายที่หายไป ผู้เสพความตายที่เหลือจึงหนีไปด้วยความกลัวต่อการแก้แค้น ที่ไม่ซื่อสัตย์กับโวลเดอมอร์


สงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สอง

จอมมารหวนกลับ

ในวันที่ 24 มิถุนายน ค.ศ. 1995 ลอร์ดโวลเดอมอร์ได้กลับคืนสู่ร่างของตัวเองอีกครั้งด้วยน้ำยาปลุกชีพ ซึ่งปรุงโดยปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ (ยานี้ต้องใช้กระดูกของพ่อโวลเดอมอร์ เนื้อจากทาสรับใช้ และเลือดของศัตรู - นั่นคือแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นส่วนผสม) แม้จะมีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่ก็มีลักษณะที่ผิดปกติมากมาย เช่น รูจมูกเป็นเส้นขีดเหมือนงู กับดวงตาสีแดงก่ำ

ช่วงเวลาหลังจากที่โวลเดอมอร์ฟื้นคืนร่างได้ ในที่สุดเขาก็เรียกผู้ติดตามด้วยการสัมผัสตรามารของปีเตอร์ เพ็ตติกรูว์ บางคนกลัวเกินกว่าจะกลับไปหา เช่น ไอกอร์ คาร์คารอฟ ผู้แปรพักตร์ ในขณะที่เซเวอร์รัส สเนปไม่ได้กลับมาในทีเดียว โดยอ้างว่าเขาต้องแสดงความภักดีต่อดัมเบิลดอร์และภาคีนกฟีนิกซ์ เพราะพยายามที่จะรักษาความลับของการเป็นสายลับสองหน้า ซึ่งเป็นคำตอบที่น่าพึงพอใจสำหรับเจ้าแห่งศาสตร์มืด

แม้จะหายตัวไป แต่มีหลายคนที่กลับมารวมถึงวอลเด็น แม็คแนร์, ลูเซียส มัลฟอย, น็อตต์, แครบกับกอยล์ และเอเวอรี่ โวลเดอมอร์บอกกับผู้เสพความตายที่ไม่ได้พยายามตามหาเขาว่า เขาต้องการชำระหนี้เมื่อสิบสามปีก่อน จึงจะให้อภัยกับพวกที่โอนเอนได้ (สเนปได้บอกโวลเดอมอร์ภายหลังว่า หากไม่มีผู้เสพความตายเหล่านั้น โวลเดอมอร์จะเหลือผู้ติดตามที่เป็นกองกำลังน้อยมาก พวกเขาจึงได้รับการผ่อนผัน)


ชัยชนะที่ฮอกวอตส์

ในช่วงสงครามโลกเวทมนตร์ครั้งที่สอง โวลเดอมอร์ได้วางแผนที่จะกำจัดอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ในช่วงปิดเทอมของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ในเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1997 ดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่ได้รับล็อกเกตที่พวกเขาเชื่อว่า เป็นหนึ่งในฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์ จากถ้ำคริสทัลที่เต็มไปด้วยอินเฟอไร พวกเขาไปที่หมู่บ้านฮอกส์มี้ด หลังจากนั้นจึงได้เห็นตรามารบนท้องฟ้าเหนือปราสาทฮอกวอตส์ ดัมเบิลดอร์และแฮร์รี่จึงยืมไม้กวาดจากมาดามโรสเมอร์ทา และบินไปยังหอคอยที่สูงที่สุด อย่างหอคอยดาราศาสตร์

ดัมเบิลดอร์พบเดรโก มัลฟอย และเสกคาถามัดตราสังใส่แฮร์รี่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้าคลุมล่องหน เดรโกเผยว่าเขาประสบความสำเร็จในการช่วยผู้เสพความตาย ให้ผ่านเข้ามายังฮอกวอตส์ได้ทางตู้อันตรธาน ดัมเบิลดอร์จึงบอกเดรโกว่าเขารู้แผนลอบสังหารที่อีกฝ่ายวางไว้แล้ว ทั้งสร้อยคอต้องสาปและยาพิษ นอกจากนี้ดัมเบิลดอร์ยังถ่วงเวลาเดรโกไว้ จนกระทั่งผู้เสพความตาย อะเล็กโต และอะมีคัส แคร์โรว์, เฟนเรีย เกรย์แบ็ก, คอร์บาน แยกซ์ลีย์ มาถึงที่เกิดเหตุ

เซเวอร์รัส สเนปร่ายคำสาปพิฆาตใส่ดัมเบิลดอร์ได้สำเร็จ ต่อหน้าผู้เสพความตายทั้งสี่ เฟนเรีย เกรย์แบ็ก และแฮร์รี่ (ที่ยังคงซ่อนตัวอยู่ในผ้าคลุมล่องหน) หลังการสูญเสีย ผู้เสพความตายจึงยอมถอยตามคำสั่งของสเนป แฮร์รี่เป็นอิสระจากคาถามัดตราสังของดัมเบิลดอร์ และได้ไล่ตามผู้เสพความตายไปอย่างรวดเร็ว เขาร่ายคาถาใส่สเนปหลายครั้งแต่ไม่สำเร็จ เมื่อมาถึงยังที่หมาย ทอร์ฟินน์ โรลว์ได้จุดไฟเผากระท่อมของรูเบอัส แฮกริด และกลุ่มผู้เสพความตายก็หายตัวไป

นอกเหนือจากการตายของดัมเบิลดอร์ บิล วีสลีย์ยังถูกโจมตีโดยเฟนเรีย เกรย์แบ็ก และได้รับรอยแผลเป็นบนในหน้า แต่เขามีชีวิตอยู่ได้โดยไม่กลายร่างเป็นมนุษย์หมาป่า เพราะเกรย์แบ็กไม่ได้กลายร่างอย่างสมบูรณ์ในขณะที่โจมตีเขา อย่างไรก็ตามบิล วีสลีย์ แสดงออกถึงนิสัยของมนุษย์หมาป่าในบางครั้ง รวมไปถึงความอยากลิ้มรสเนื้อดิบ โดยรวมแล้วภารกิจนี้ประสบความสำเร็จอย่างมากสำหรับผู้เสพความตาย เนื่องจากพวกเขาสามารถสังหารดัมเบิลดอร์ ศัตรูที่ทรงพลังที่สุดของเจ้านายของพวกเขา ทั้งยังถือเป็นการหักหาญกำลังใจของผู้ที่ยังคงยืนหยัดว่า จะอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับโวลเดอมอร์


แผนการและกลวิธี

เมื่อดัมเบิลดอร์ถูกสังหารผู้เสพความตายก็ยิ่งได้รับเสียงตอบรับมากขึ้น ในการรณรงค์เพื่อต่อต้านกระทรวงเวทมนตร์ของอังกฤษ โวลเดอมอร์กับผู้เสพความตายวางแผนปฏิบัติการหลายครั้งหลัง จากการลอบสังหารดัมเบิลดอร์สำเร็จ หนึ่งในนั้นก็คือการล้มล้างกระทรวงเวทมนตร์ เพื่อให้โวลเดอมอร์มีอำนาจอย่างแท้จริง ส่วนคนอื่นกำลังตามจับแฮร์รี่ พอตเตอร์ และฆ่าเขา ในขณะที่โวลเดอมอร์ไปทำภารกิจส่วนตัวและไม่อยู่ในสายตาของชุมชนผู้วิเศษ เขาทำงานผ่านคนอื่น ๆ โดยทางคอร์บาน แยกซ์ลีย์ที่ทำงานอยู่ในกองบังคับควบคุมกฎหมายเวทมนตร์ และทางเซเวอรัส สเนป รวมถึงอะมีคัส แคร์โรว์ ซึ่งกำลังทำงานเป็นศาสตราจารย์ที่โรงเรียนฮอกวอตส์

สถานที่นัดพบของผู้เสพความตายคือคฤหาสน์มัลฟอย ณ สถานที่นี้ ผู้เป็นลูกน้องจะกลับมารายงานตน และเจ้าแห่งศาสตร์มืดจะสั่งงานกับพวกเขาต่อไป มีอยู่ครั้งหนึ่งโวลเดอมอร์ได้ยินรายงานของแยกซ์ลีย์ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่กระทรวงเวทมนตร์ โดยโวลเดอมอร์ประทับใจรายงานเกี่ยวกับแผนการของภาคีนกฟีนิกซ์ของสเนป และยังได้เยาะเย้ยเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์กับครอบครัวมัลฟอย สำหรับการแต่งงานของรีมัส ลูปิน (ที่รู้กันดีว่าเป็นมนุษย์หมาป่า) กับนิมฟาดอร่า ท็องส์ หลานสาวของพวกเขา ในการประชุมครั้งนี้แชริตี้ เบอร์เบจ ซึ่งเป็นศาสตราจารย์วิชามักเกิ้ลศึกษาที่ฮอกวอตส์ ได้ถูกโวลเดอมอร์สังหารและนำไปเป็นมื้อเย็นให้กับนากินี อีกทั้งโวลเดอมอร์ยังเอาไม้กายสิทธิ์ของลูเซียส มัลฟอยไปสู้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์ เพราะเชื่อว่าด้อยกว่าไม้กายสิทธิ์ของตัวเอง


ตรากตรำต่อ แฮร์รี่ พอตเตอร์

ผู้เสพความตายยังคงถูกต่อต้านโดยภาคีนกฟีนิกซ์และกองทัพดัมเบิลดอร์ พวกเขารู้ผ่านสเนปว่าแฮร์รี่จะถูกเคลื่อนย้ายจากบ้านของครอบครัวเดอร์สลีย์ ก่อนวันเกิดปีที่สิบเจ็ด ซึ่งเป็นช่วงที่เวทมนตร์ของลิลี่ พอตเตอร์ที่ปกป้องแฮร์รี่ไว้จะหมดลง ผู้เสพความตายไม่ทราบรายละเอียดที่แน่ชัด แม้ว่าสเนปจะจัดการกับมันดังกัส เฟล็ทเชอร์และรู้แผนการ แต่เขาก็บอกกับจอมมารไปเพียงบางส่วน อย่างน้อยก็เพื่อแสดงความจงรักภักดี

สมาชิกของภาคีนกฟีนิกซ์และกองทัพดัมเบิลดอร์ ได้แก่ อลาสเตอร์ มู้ดดี้, อาเธอร์ วีสลีย์, คิงส์ลีย์ ชักเคิลโบลต์, นิมฟาดอร่า ท็องส์, รีมัส ลูปิน, รูเบอัส แฮกริด, บิล วีสลีย์, เฟลอร์ เดอลากูร์, เฟร็ด และจอร์จ วีสลีย์, มันดังกัส เฟล็ทเชอร์, รอน วีสลีย์ และเฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ พร้อมด้วยแฮร์รี่ พอตเตอร์ หลังจากที่พวกเขาออกจากบ้านของพวกเดอร์สลีย์ ผู้เสพความตายก็เข้าจู่โจมทันที แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าใครเป็นใคร เพราะฝั่งของแฮร์รี่ใช้น้ำยาสรรพรสและปลอมตัวเป็นแฮร์รี่กันทั้งหมด ผู้เสพความตายสันนิษฐานว่าแฮร์รี่น่าจะอยู่กับสมาชิกที่แข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นชักเคิลโบลต์ และมู้ดดี้จึงถูกโจมตีอย่างรุนแรง ในระหว่างการสู้รบ ผู้เสพความตายจำนวนมากได้รับบาดเจ็บรวมทั้งโรโดลฟัส เลสแตรงจ์ และมีคนหนึ่งถูกฆ่าตาย อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างเห็นได้ชัด จอร์จ วีสลีย์สูญเสียหูไปหนึ่งข้าง และเฮ็ดวิก นกฮูกของแฮร์รี่ ได้ถูกฆ่าตาย

เมื่อแฮร์รี่ใช้ถาคาปลดอาวุธ ผู้เสพความตายจึงระบุตัวของแฮร์รี่ได้ทันทีและรู้ว่าแฮร์รี่ตัวจริงอยู่กับแฮกริด แม้ว่าพวกเขาจะพยายามจับตัวเด็กชาย แต่ก็ถูกขัดขวางโดยคาถาของแฮร์รี่ กับความกล้าหาญที่ไม่เห็นแก่ตัวของแฮกริด ในที่สุดแฮร์รี่ก็ผ่านเข้ามาถึงคาถาป้องกันรอบตัวบ้านของเท็ด ท็องส์ และไม้กายสิทธิ์ของลูเซียสสลายไปด้วยเวทมนตร์ที่ร่ายโดยไม้กายสิทธิ์ของแฮร์รี่ ทำให้โวลเดอมอร์โกรธมากยิ่งขึ้น


ผู้เสพความตายเข้าควบคุมกระทรวง

การล่มสลายของกระทรวงเวทมนตร์

แม้ว่าล่าสุดพวกเขาจะล้มเหลวในการสังหารแฮร์รี่ แต่แผนการของผู้เสพความตายในการโค่นล้มกระทรวงเวทมนตร์ และก้าวไปสู่การครองอำนาจสูงสุดก็ยังคงดำเนินอยู่ ในวันที่ 1 สิงหาคม 1997 พวกเขาบุกเข้าไปด้านในและสังหารรัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์ รูฟัส สกิมเจอร์ จากนั้นไพอัส ทิกเนสก็ถูกแต่งตั้งขึ้นมาแทน และเขาถูกควบคุมโดยคำสาปสะกดใจที่แยกซ์ลีย์เป็นคนร่าย ผู้เสพความตายหลายคนได้รับการแต่งตั้งเป็นพนักงานของกระทรวง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คอร์บาน แยกซ์ลีย์ อีกทั้งผู้เสพความตายยังใช้ทรัพยากรของกระทรวงเพื่อกำจัดภาคีนกฟีนิกซ์ โจมตีบ้านโพรงกระต่ายและที่อยู่อาศัยของสมาชิกคนอื่น ๆ รวมถึงพรรคพวก เช่น เท็ด และแอนโดรเมดา ท็องส์ ไม่มีใครถูกสังหาร แต่หลายคนได้รับบาดเจ็บจากการเค้นถามเกี่ยวกับที่อยู่ของแฮร์รี่ และทุกคนก็ถูกเฝ้าระวังในเวลาต่อมา

ทรัพยากรของกระทรวงทั้งหมดตกอยู่ในมือของผู้เสพความตาย โวลเดอมอร์ได้ประจำการนากินีไว้ที่ก็อดดริก ฮอลโลว์ และปล่อยให้ผู้เสพความตายบริหารกระทรวงในนามของเขา จนกว่าเขาจะสามารถค้นหาไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ ในตำนานได้ กระทรวงที่ถูกควบคุมโดยผู้เสพความตายยังคงรุ่งเรืองในขณะที่โวลเดอมอร์ไม่อยู่ พวกเขาสร้างคณะกรรมการการจดทะเบียนผู้วิเศษที่เกิดมักเกิ้ล ซึ่งเป็นเครื่องมือแห่งความอัปยศอดสูและการข่มเหงเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ล ซึ่งถูกกล่าวหาอย่างผิด ๆ ว่า “ขโมย” เวทมนตร์ซึ่งเป็นความสามารถของผู้วิเศษ พวกที่เกิดจากมักเกิ้ลจึงถูกคุมขังในอัซคาบัน การโฆษณาชวนเชื่อเพื่อต่อต้านแฮร์รี่ พอตเตอร์ และพวกที่เกิดจากมักเกิ้ล ถูกแพร่กระจายไปอย่างกว้างขวาง แฮร์รี่ได้รับการยกย่องให้เป็น “ผู้เป็นที่น่ารังเกียจอันดับหนึ่ง” และมีค่าตอบแทนจำนวน 10,000 เกลเลียน ให้กับใครก็ตามที่จับกุมเขาได้ คาถาคำแช่งยังคงทำงานต่อไป เพื่อใช้ในการค้นหาใครก็ตามที่กล้าพอจะเอ่ยนามของเจ้าแห่งศาสตร์มืด


อาจารย์ใหญ่สเนป

กลายเป็นข้อบังคับสำหรับการเข้าเรียนที่ฮอกวอตส์ในช่วงปีการศึกษา 1997-1998 เนื่องจากโวลเดอมอร์ต้องการให้นักเรียนที่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขา เป็นผู้ที่มีเวทมนตร์เท่านั้น เป็นอีกวิธีหนึ่งในการกำจัดพวกมักเกิ้ล นักเรียนต้องพิสูจน์สถานะทางสายเลือด และเด็กที่เกิดจากมักเกิ้ลทุกคน จะถูกส่งไปยังคณะกรรมการการลงทะเบียนที่เกิดจากมักเกิ้ล และถูกพาไปยังอัซคาบัน

เซเวอรัส สเนปได้รับการแต่งตั้งให้เป็นอาจารย์ใหญ่ แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างรุนแรงจากมิเนอร์วา มักกอนนากัล และศาสตราจารย์คนอื่น ๆ รวมถึงสมาชิกที่เหลือของกองทัพดัมเบิลดอร์ รวมไปถึงเนวิลล์ ลองบัตท่อม, ลูน่า เลิฟกู๊ด และจินนี่ วีสลีย์ พวกเขาสนับสนุนการก่อกบฏ และช่วยนักเรียนที่ถูกกักขัง ซึ่งได้รับการลงโทษทางร่างกายด้วยวิธีการที่รู้จักกันดีว่าเป็นคำสาปกรีดแทง พวกเขาจึงไม่ได้เข้าเรียนในที่สุด โดยทุกคนได้เข้าไปซ่อนตัวในห้องต้องประสงค์

อะมีคัส แคร์โรว์ได้เข้าสอนวิชาศาสตร์มืดที่โรงเรียนฮอกวอตส์ และยังคงใช้ชื่อวิชาการป้องกันตัวจากศาสตร์มืด มีนักเรียนที่ชื่นชอบ เช่น วินเซ็นต์ แครบ และเกรกอรี่ กอยล์


การต่อสู้ที่คฤหาสน์มัลฟอย

ในช่วงเวลาที่แฮร์รี่ซ่อนตัวจากผู้เสพความตาย เขาบังเอิญพูดชื่อของโวลเดอมอร์และทำให้ที่อยู่ของเขาถูกเปิดเผย แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ถูกจับโดยกลุ่มนักต้อน ที่นำโดยเฟนเรีย เกรย์แบ็ก และพาไปที่คฤหาสน์มัลฟอย ซึ่งพวกเขาได้เผชิญหน้ากับเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์และครอบครัวมัลฟอย เบลลาทริกซ์พบดาบของกริฟฟินดอร์ท่ามกลางทรัพย์สินของพวกเขาทั้งสาม และสอบสวนเฮอร์ไมโอนี่ด้วยการใช้คำสาปกรีดแทงเพื่อหาว่าพวกเขาได้ของมาจากที่ใด แต่เฮอร์ไมโอนี่โกหกโดยอ้างว่าดาบเป็นเพียงของปลอม

ในระหว่างนั้นด็อบบี้ เอลฟ์ประจำบ้าน ก็มาช่วยแฮร์รี่, รอน, การ์ริก โอลิแวนเดอร์, ลูน่า เลิฟกู๊ด และดีน โธมัส จากห้องใต้ดินพร้อมกับ กริ๊ปฮุก ที่สนับสนุนคำโกหกของเฮอร์ไมโอนี่อย่างไม่เต็มใจ พวกเขาร่วมกันแย่งไม้กายสิทธิ์จากผู้อยู่อาศัยในบ้านก่อนที่จะหลบหนี แต่ด๊อบบี้ถูกฆ่าโดยเบลลาทริกซ์ ซึ่งในที่สุดเธอก็ได้มีเวลาอัญเชิญเจ้าแห่งศาสตร์มืด เมื่อมาถึง โวลเดอมอร์รู้สึกโกรธที่เขาถูกเรียกตัวไปโดยไม่มีเรื่องใด ๆ จึงก่อให้เกิดการทำร้ายร่างกายทุกคนในคฤหาสน์อย่างโหดเหี้ยม


การทำลายฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์

แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ ออกตามหาฮอร์ครักซ์ของโวลเดอมอร์และจบสิ่งที่เรกูลัส อาร์กทูรัส แบล็กได้เริ่มต้นไว้ในปีที่เจ็ดสิบของดัมเบิลดอร์ โวลเดอมอร์ได้รับรู้ว่าฮอร์ครักซ์ชิ้นแรกของเขา ไดอารี่ของทอม ริดเดิ้ล ได้ถูกแฮร์รี่ทำลายไปเมื่อสี่ปีก่อนจากปากของเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ที่คฤหาสน์มัลฟอย แฮร์รี่ยังได้รู้อีกว่า ฮอร์ครักซ์อีกชิ้นอยู่ในตู้นิรภัยของเบลลาทริกซ์ที่ธนาคารกริงกอตส์ ด้วยความช่วยเหลือของกริ๊ปฮุก แฮร์รี่ รอน และเฮอร์ไมโอนี่ จึงสามารถเข้าไปในธนาคารและเจอถ้วยของเฮลก้า ฮัฟเฟิลพัฟ พวกเขาหนีไปโดยมังกร ต่อมาถ้วยได้ถูกเฮอร์ไมโอนี่ทำลาย

แม้ว่าพวกเขาทั้งสามจะประสบความสำเร็จในการค้นหา และทำลายล็อกเกตของซัลลาซาร์ สลิธิริน อีกทั้งตอนนี้ยังมีฮอร์ครักซ์ชิ้นที่สองอยู่ในมือ แต่โวลเดอมอร์ได้รับรู้ภารกิจของแฮร์รี่จากก็อบลินผู้ปกป้องธนาคาร ด้วยความตื่นตระหนกพวกเขาจึงกำจัดมัน และไปตามหาชิ้นส่วนอื่น ๆ ที่เหลือ ฮอร์ครักซ์ถูกซ่อนไว้ในบางแห่งของฮอกวอตส์ และแฮร์รี่ พอตเตอร์ เลือกว่าฮอกวอตส์จะเป็นสถานที่สุดท้ายที่เขาจะไป


สงครามฮอกวอตส์

โวลเดอมอร์พร้อมกับผู้เสพความตายและพันธมิตรอื่น ๆ เข้าโจมตีฮอกวอตส์และฝ่ายตรงข้ามในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1998 ในระหว่างสงคราม แฮร์รี่ เฮอร์ไมโอนี่ และรอนพบเจอรัดเกล้าของโรวีน่า เรเวนคลอ ภายในห้องต้องประสงค์ และมันถูกทำลายด้วยความไม่ตั้งใจโดยคำสาปเพลิงปีศาจของวินเซ็นต์ แครบ ในขณะเดียวกันผู้เสพความตายอีกกลุ่มกำลังเข้าบุกปราสาท คอลิน ครีฟวีย์และเฟร็ด วีสลีย์ถูกสังหาร ลาเวนเดอร์ บราวน์ได้รับบาดเจ็บจากเฟนเรีย เกรย์แบ็ก และรีมัส ลูปินกับนิมฟาดอร่า ท็องส์ถูกสังหารตอนที่ต่อสู้กับแอนโทนิน โดโลฮอฟและเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ตามลำดับ โวลเดอมอร์ใช้นากินีฆ่าเซเวอร์รัส สเนป และเชื่อมั่นว่ามันจะทำให้เขากลายเป็นเจ้านายที่แท้จริงของไม้กายสิทธิ์เอลเดอร์ จอมมารยื่นคำขาดกับแฮร์รี่ว่า จะหันมาร่วมมือกับเขา หรือจะปล่อยให้ทุกคนในฮอกวอตส์ต้องถูกฆ่าตาย

เมื่อความจริงเปิดเผยว่าแฮร์รี่ได้บังเอิญเป็นฮอร์ครักซ์ เขาเต็มใจรับคำสาปพิฆาตจากโวลเดอมอร์เพื่อจะทำลายมัน แต่เพราะการเสียสละและความรักของลิลี่ พอตเตอร์ที่ยังคงดำรงอยู่ในเลือดของเขา ทำให้มันดูดกลืนเลือดของโวลเดอมอร์และนำมาฟื้นฟูร่างกาย ทำให้แฮร์รี่ฟื้นขึ้นมาได้ เขาพบว่าตัวเองกำลังอยู่ในระนาบระหว่างความเป็นและความตาย และได้รับทางเลือกที่จะก้าวต่อไป

เมื่อทุกคนเชื่อว่าแฮร์รี่เสียชีวิต กองกำลังผู้เสพความตายจึงบุกเข้ายึดปราสาทฮอกวอตส์ ในตอนนั้นเนวิลล์ ลองบัตท่อมได้ตัดหัวของนากินีด้วยดาบของกริฟฟินดอร์ และสุดท้ายฮอร์ครักซ์ก็ถูกทำลาย ผู้เสพความตายพ่ายแพ้ โดยแอนโทนิน โดโลฮอฟแพ้ให้กับ ฟิเลียส ฟลิตวิก และเบลลาทริกซ์ เลสแตรงจ์ถูกมอลลี่ วีสลีย์ สังหาร


ควันหลง

เมื่อกองกำลังผู้เสพความตายพ่ายแพ้ให้กับแฮร์รี่ พอตเตอร์ในสงครามฮอกวอตส์ เมื่อไม่มีเจ้าแห่งศาสตร์มืดผู้เสพความตายที่รอดชีวิตก็หมดสิ้นอำนาจ มีเพียงผู้เสพความตายไม่กี่คนที่ได้รับการอภัยโทษ เช่น ครอบครัวมัลฟอย ลูเซียส มัลฟอยได้ให้ข้อมูลมากมายเกี่ยวกับอดีตสหายของเขา และช่วยสำนักงานมือปราบมารในการจับกุม ส่งผลให้ผู้เสพความตายจำนวนมากถูกคุมขังอย่างถาวร หลังจากการตายของโวลเดอมอร์ รอยสลักสีดำบนท่อนแขนของผู้เสพความตายได้จางลงจนเหลือเพียงรอยแผลเป็น




รายนามผู้เสพความตาย และกลุ่มผู้สนับสนุน







ข้อมูลจาก Harry Potter Wiki

รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 29th March 2024 - 03:25 PM