IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Reply to this topicStart new topic
> ควิดดิชในยุคต่าง ๆ
Ian McMillan
โพสต์ Nov 21 2020, 10:33 PM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








Quidditch Through the Ages
ควิดดิชในยุคต่าง ๆ





ชื่อ : ควิดดิชในยุคต่าง ๆ (Quidditch Through the Ages)
ผู้เขียน : เคนนิลเวอร์ที วิสป์ (Kennilworthy Whisp)
วัน เดือน ปีที่ตีพิมพ์ : ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952
สำนักพิมพ์ : วิซซ์ฮาร์ดบุ๊คส์, บลูมส์บิวรี่ (ฉบับบริติช), อาเธอร์ เอ. เลอวีน บุ๊คส์ (ฉบับอเมริกา)
หมวดหมู่ : วิวัฒนาการของควิดดิช
สำเนา : ห้องสมุดฮอกวอตส์


ควิดดิชในยุคต่าง ๆ เป็นหนังสือที่รวบรวมประวัติความเป็นมาของไม้กวาด อธิบายวิวัฒนาการของควิดดิชในยุคต่าง ๆ รวมไปถึงกฎกติกาและการเล่นสมัยใหม่ เขียนโดย เคนนิลเวอร์ที วิสป์ และมีการจัดพิมพ์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 1952 (ราคาเล่มละ 14 ซิกเกิ้ล 3 คนุต) ควิดดิชในยุคต่าง ๆ ได้กลายมาเป็นหนังสือที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ในห้องสมุดของโรงเรียนคาถาพ่อมดแม่มดและเวทมนตร์ศาสตร์ฮอกวอตส์ โดยอัลบัส ดัมเบิลดอร์กล่าวไว้ว่า นี่คือหนังสือที่ควรค่าแก่การถูกยกย่องอีกเล่มหนึ่ง

หนังสือได้รับการเผยแพร่สู่โลกของมักเกิ้ลเพื่อระดมทุนต่อต้านความยากจน และช่วยเหลือเด็กและเยาวชนที่ประสบภัยพิบัติ มีคำบอกเล่าและคำปรารภของอัลบัส ดัมเบิลดอร์ ซึ่งเขาเน้นย้ำเหลือเกินว่าวิธีเดียวที่จะสามารถนำหนังสือมาจาก เออร์มา พินซ์ บรรณารักษ์ของห้องสมุดฮอกวอตส์ “ผมต้องใช้กำลังสุดแรงแกะนิ้วเธอ ออกจากสันหนังสือทีละนิ้วเลยทีเดียว”

หน้าแรกของหนังสือคล้ายว่าจะเป็นบันทึกการยืมของห้องสมุด ซึ่งมีชื่อผู้เล่นควิดดิชของฮอกวอตส์หลายคน และมีชื่อ เอช. เกรนเจอร์ อยู่บริเวณด้านล่างของแผ่นกระดาษ ในขณะที่เธอหยิบมันออกมาใน แฮร์รี่ พอตเตอร์กับศิลาอาถรรพ์ ก่อนเริ่มบทเรียนครั้งแรกของวิชาการบิน ชื่ออื่น ๆ ได้แก่ โอ. วู้ด, บี. ดันสแตน, เอ็ม. ฟลินท์, ซี. ดิกกอรี่, เอ. จอห์นสัน, อี. มักมิลลัน, ที. บู๊ต, เอส. ฟอว์เซ็ต, เค. บันดี้, เค. เบลล์, ซี. วอร์ริงตัน, เจ. ดอร์นีย์, ที. น็อต, เอส. แคปเปอร์, เอ็ม. บัลสโตรค, เอฟ. วีสลีย์ และ เอช. พอตเตอร์ ไม่มีวันที่ระบุแน่ชัด แต่เหมือนว่านักเรียนเหล่านี้จะทำการยืมหนังสือภายในช่วงฤดูร้อน อย่างไรก็ตาม ควิดดิชในยุคต่าง ๆ ฉบับของสหราชอาณาจักรในปี ค.ศ. 2009 ได้มีการเปลี่ยนแปลงวันที่และรายชื่อนักเรียนที่ยืมหนังสือจากห้องสมุด ตามลำดับเหล่านี้แทน อาร์. วีสลีย์, เอ็น. ลองบัตท่อม, เอส. โบนส์, เอช. เกรนเจอร์, ปัทมา พาติล, อี. มักมิลลัน, เอ็ม. บัลสโตรค, เอช. เกรนเจอร์ (อีกครั้ง) และ ดี. มัลฟอย


ในหน้าลิขสิทธิ์ (อยู่ด้านหลังหน้าปกใน) มีคำชมเชยเกี่ยวกับ ควิดดิชในยุคต่าง ๆ พร้อมคำโปรยโดยผู้วิเศษที่มีชื่อเสียง บาธิลดา แบ็กช็อต, บรูตัส สคริมเจียร์, กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต, ลูโด แบ็กแมน, ริต้า สกีตเตอร์ และบรรณาธิการนิตยสารไม้กวาดไหนดี



คำนิยม


“การค้นคว้าที่ใช้ความพยายามและระมัดระวังยิ่งของ เคนนิลเวอร์ที วิสป์ ช่วยเผยกรุขุมทรัพย์ของจริงเกี่ยวกับข้อมูลที่ไม่เคยรู้มาก่อนเรื่อง กีฬาของพ่อมดแม่มด เป็นหนังสือที่ควรอ่านมาก”

— บาธิลดา แบ็กช็อต ผู้เขียนประวัติศาสตร์เวทมนตร์


“วิสป์เขียนหนังสือที่อ่านสนุกตลอดทั้งเรื่องจริง ๆ แฟนควิดดิชต้องรู้สึกแน่นอนว่าหนังสือเล่มนี้ ให้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน”

— บรรณาธิการนิตยสารไม้กวาดไหนดี


“เป็นงานเกี่ยวกับต้นกำเนิดและประวัติศาสตร์ที่เด็ดขาดจริง ๆ สมควรอ่านอย่างยิ่ง”

— บรูตัส สคริมเจียร์ ผู้เขียนคัมภีร์ของบีตเตอร์


“คุณวิสป์ทำท่าจะไปได้ไกล ถ้าเขายังผลิตผลงานดี ๆ แบบนี้ออกมาเรื่อย ๆ ต่อไปสักวันหนึ่งเขาคงได้มาร่วมรายการถ่ายภาพโฆษณาหนังสือกับผม!”

— กิลเดอรอย ล็อกฮาร์ต ผู้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติ ผู้วิเศษ-ฉันเอง


“พนันเอาอะไรก็ได้ รับรองว่าหนังสือเล่มนี้ต้องเป็นเบสต์เซลเลอร์แน่นอน เอาน่า มาพนันกันหน่อย”

— ลูโดวิก แบ็กแมน บีตเตอร์ทีมชาติอังกฤษและทีมสโมสรวิมบอร์น วอพส์


“ดิฉันเคยอ่านเรื่องที่แย่กว่านี้ค่ะ”

— ริต้า สกีตเตอร์ หนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต




เกี่ยวกับผู้เขียน


เคนนิลเวอร์ที วิสป์ เป็นผู้เชี่ยวชาญกีฬาควิดดิชที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาก (และก็บอกอีกว่าตัวเขาเองนั้นคลั่งไคล้เกมนี้มากด้วย) เขาแต่งหนังสือเกี่ยวกับควิดดิชไว้หลายเล่ม ได้แก่ เรื่องมหัศจรรย์ของทีมวิกทาวน์วันเดอเรอส์, เขาบินราวคนบ้า (ชีวประวัติของได ลูเอนเลน ตัวอันตราย) และ สู้กับบลัดเจอร์: การศึกษาเรื่องยุทธวิธีป้องกันในกีฬาควิดดิช

นอกจากนี้ วิสป์มักแบ่งเวลาระหว่างอยู่ที่บ้านที่นอตติงแฮมเชอร์ และ ไปทุกแห่งที่ทีมวิกทาวน์วันเดอเรอส์ลงแข่งในสัปดาห์นั้น งานอดิเรกของเขาก็คือ การเล่นเกมแบกแกมมอน ทำอาหารเจ และสะสมไม้กวาดชั้นเยี่ยม




เนื้อหา


QUOTE



ข้อมูลจาก Harry Potter Wiki
และหนังสือ Quidditch Through the Ages

รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:30 AM
โพสต์ #2


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 1
วิวัฒนาการของไม้กวาดบิน




ไม่มีคาถาใดที่เสกให้พ่อมดแม่มดสามารถบินได้ในร่างของมนุษย์ โดยไม่ต้องใช้เครื่องช่วย มีพวกพ่อมดแม่มดแอนิเมไจน้อยคนที่สามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ปีกและบินได้ แต่ก็หาได้ยากมาก แม่มดหรือพ่อมดที่แปลงร่างเป็นค้างคาวได้นี้ พบว่าเธอหรือเขาบินเหินฟ้าได้ แต่กลับมีสมองเล็กเท่าค้างคาวไปด้วย แน่นอนที่พวกเขาก็เลยลืมสนิทว่าอยากบินไปที่ไหนทันทีที่เริ่มออกบิน การลอยตัวในอากาศเป็นเรื่องสามัญที่พ่อมดแม่มดทำกันได้อยู่แล้ว แต่บรรพบุรุษของพวกเราไม่พอใจแค่ลอยตัวสูงห้าฟุตเหนือพื้นดิน พวกเขาต้องการมากกว่านั้น พวกเขาต้องการบินให้ได้เหมือนนก แต่ไม่ต้องการยุ่งยากปลูกขนแบบขนนกทั่วตัว

ทุกวันนี้พวกเราเคยชินเสียแล้วกับเรื่องที่ว่า ครอบครัวพ่อมดแม่มดทุกครอบครัวในเกาะบริเตน ต่างมีไม้กวาดเหาะอย่างน้อยหนึ่งด้ามที่บ้าน พวกเราถึงไม่ค่อยหยุดคิดถามตัวเองว่าทำไมไม้กวาดที่ต่ำต้อยนี้ ถึงได้กลายเป็นวัตถุที่กฎหมายอนุญาตให้ใช้เป็นเครื่องมือ สำหรับการเดินทางของพ่อมดแม่มด ทำไมพวกเราในโลกตะวันตกถึงไม่ใช้พรมซึ่งเป็นที่นิยม ของเพื่อนพ้องของเราในโลกตะวันออก ทำไมพวกเราถึงไม่เลือกใช้ถังบิน เก้าอี้นวมเหาะ หรืออ่างอาบน้ำบิน ทำไมถึงต้องเป็นไม้กวาด
พวกพ่อมดแม่มดฉลาดพอที่จะรู้ว่า ถ้าเพื่อนบ้านมักเกิ้ลล่วงรู้ถึงอำนาจเวทมนตร์ของพวกเขา ก็คงจะหาทางเอารัดเอาเปรียบใช้ประโยชน์จากเวทมนตร์เต็มที่ ดังนั้นพ่อมดแม่มดจึงมักเก็บตัวเงียบ ไม่สังสรรค์กับเพื่อนบ้านมักเกิ้ลตั้งแต่ก่อนจะมีการประกาศใช้บทบัญญัติปกปิดความลับพ่อมดแม่มดนานาชาติ ถ้าพวกเขาต้องเก็บเครื่องมือช่วยบินไว้ในบ้าน เครื่องมือนั้นก็จำเป็นต้องเป็นสิ่งที่ไม่ผิดสังเกตและซ่อนได้ง่าย ๆ ไม้กวาดจึงเป็นเครื่องมือที่เหมาะสมที่สุด สำหรับจุดมุ่งหมายนี้ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ ไม่ต้องมีข้อแก้ตัวถ้าพวกมักเกิ้ลมาเจอไม้กวาดในบ้าน ทั้งยังขนไปไหนได้ง่ายและราคาไม่แพงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม้กวาดที่ถูกเสกให้บินได้อันแรก ๆ มีข้อด้อยอยู่บ้างบางประการ
มีหลักฐานระบุว่าพ่อมดแม่มดในยุโรปใช้ไม้กวาดบินตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 962 เอกสารภาษาเยอรมันประกอบภาพวาดจากในยุคนี้ แสดงภาพผู้มีอำนาจวิเศษสามคนกำลังลงจากไม้กวาด มีสีหน้าทุกข์ทรมานมาก กัดทรี ล็อกคริน พ่อมดชาวสกอตบันทึกไว้เมื่อปี ค.ศ. 1107 เล่าถึงสภาพของ ‘ก้นแตกเป็นลายและริดสีดวงกำเริบ’ ที่เขาต้องทนทรมานหลังจากใช้ไม้กวาดบินเป็นระยะทางสั้น ๆ ระหว่างเมืองมอนโทรสถึงเมืองอาร์โบรท

ไม้กวาดในยุคกลางที่แสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์ควิดดิชในกรุงลอนดอน ช่วยให้เราเข้าใจซาบซึ้งถึงความทุกข์ทรมานของล็อกคริน ไม้กวาดนั้นมีด้ามทำด้วยไม้แอชที่ตะปุ่มตะป่ำซึ่งไม่ได้ลงน้ำมัน ที่ปลายด้ามมีกิ่งไม้แฮเซิลผูกติดไว้ลวก ๆ ไม้กวาดนี้ทั้งนั่งไม่สบายและไม่ลู่ลมเลย คาถาที่เสกเป่าไม้กวาดก็เป็นคาถาพื้นฐานอย่างมาก แค่บินไปข้างหน้าได้ด้วยความเร็วระดับหนึ่งแล้วบินขึ้น บินลง และหยุดได้เท่านั้น
เนื่องจากในสมัยนั้น ครอบครัวที่มีพ่อมดแม่มดต่างผลิตไม้กวาดของตนเอง ไม้กวาดจึงมีความแตกต่างกันมากเรื่องอัตราความเร็ว ความสบาย และการเคลื่อนย้าย อย่างไรก็ตาม ราวคริสต์ศตวรรษที่ 12 พ่อมดเรียนรู้ที่จะแลกเปลี่ยนบริการสินค้าซึ่งกันและกัน ดังนั้นคนที่ชำนาญเรื่องการทำไม้กวาด สามารถแลกเปลี่ยนไม้กวาดกับน้ำยาที่เพื่อนบ้านของเขาอาจปรุงได้ดีกว่า เมื่อไม้กวาดเริ่มนั่งได้สบายขึ้นแล้ว พ่อมดแม่มดก็เริ่มใช้ไม้กวาดบินไปมาเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน แทนที่จะใช้เป็นเครื่องช่วยเดินทางจากจุด ก. ไปที่จุด ข. แต่อย่างเดียว


รูป ก




รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:32 AM
โพสต์ #3


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 2
การละเล่นด้วยไม้กวาดในสมัยโบราณ




กีฬาที่ใช้ไม้กวาดเริ่มขึ้นเกือบจะทันทีที่ไม้กวาดได้พัฒนา จนทำให้ผู้บินสามารถเลี้ยวโค้งและปรับอัตราความเร็วและความสูงได้ งานเขียนและภาพวาดของพ่อมดแม่มดในยุคต้น ๆ ช่วยให้เรารู้ว่ามีการละเล่นใดบ้างที่บรรพบุรุษของเราชอบเล่น และหลายอย่างได้พัฒนาต่อมาเป็นกีฬาที่เรารู้จักดีในปัจจุบัน

การแข่งไม้กวาดประจำปีที่มีชื่อเสียงมากของสวีเดน เริ่มต้นตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 10 ผู้เล่นแข่งกันบินจากเมืองคอพพาเบิร์กไปยังเมืองอาร์จีพล็อก ซึ่งเป็นระยะทางมากกว่าสามร้อยไมล์เล็กน้อย เส้นทางนั้นต้องผ่านบริเวณเขตสงวนของมังกร ถ้วยรางวัลทำด้วยเงินใบใหญ่ จึงทำเป็นรูปมังกรพันธุ์สวีเดนจมูกสั้น ทุกวันนี้การแข่งขันกลายเป็นงานระดับนานาชาติ พ่อมดแม่มดทุกเชื้อชาติจะมาชุมนุมกันที่คอพพาเบิร์ก เพื่อเชียร์ผู้แข่งขันที่จุดเริ่มต้นแล้วหายตัวไปยังเมืองอาร์จีพล็อก เพื่อแสดงความยินดีกับผู้ที่รอดมาได้

ภาพวาดที่มีชื่อเสียงชื่อ กุนเทอร์จอมรุนแรงเป็นผู้ชนะ (Gunther der Gewalttatige ist der Gewinner) ที่วาดเมื่อปี ค.ศ. 1105 แสดงถึงการละเล่นของเยอรมันในสมัยโบราณที่เรียกว่า สติชสต็อก (Stichstock) มีเสาสูงยี่สิบฟุตแขวนถุงกระเพาะปัสสาวะของมังกรที่เป่าลมไว้พอง ผู้เล่นคนหนึ่งที่ขี่อยู่บนไม้กวาด ได้รับมอบหมายให้เป็นคนป้องกันถุงกระเพาะปัสสาวะ คนเฝ้ารักษาถุงนี้มีเชือกผูกไว้ที่เอวพันไว้กับเสา ส่วนผู้เล่นคนอื่นก็ผลัดกันบินเข้ามาที่ถุงกระเพาะปัสสาวะ พยายามเจาะถุงให้แตกด้วยปลายด้ามไม้กวาดที่ฝนจนแหลมเป็นพิเศษ ผู้รักษาถุงกระเพาะปัสสาวะได้รับอนุญาตให้ใช้ไม้กายสิทธิ์สกัดกั้นการบุกรุกนี้ การเล่นจะยุติลงเมื่อถุงถูกเจาะแตก หรือเมื่อผู้รักษาถุงสามารถเสกคาถาใส่คู่ต่อสู้ ให้ออกไปจากการแข่งขันได้หมด หรือถ้าผู้รักษาถุงนั้นล้มพับลงเพราะหมดแรง เกมสติชสต็อกนี้เลิกไปในคริสต์ศตวรรษที่ 14

ในไอร์แลนด์มีการเล่นเกมที่เรียกว่า ไอน์จินเจน (Aigingein) เป็นที่นิยมกว้างขวางมีผู้แต่งเพลงโบราณเกี่ยวกับเกมนี้ไว้มากมายหลายเพลง (อ้างกันว่าฟิงกัลผู้ไร้ความกลัว พ่อมดที่มีชื่อเสียงเลื่องลือของไอร์แลนด์ เป็นแชมเปี้ยนเกมไอน์จินเจนนี้) วิธีการเล่นคือ ผู้เล่นแต่ละคนจะผลัดกันถือลูกบอลที่เรียกว่า ดอม (คือถุงน้ำดีของแพะนั่นเอง) บินเร็วจี๋ผ่านแถวถังไม้ที่มีไฟลุกโพลง ถังไม้ตั้งอยู่บนเสาสูงลิบลิ่วในอากาศ เมื่อถึงถังสุดท้าย ต้องโยนลูกดอมลงไปในถัง ผู้เล่นที่สามารถบินพาลูกดอมไปถึงถังสุดท้ายได้ในเวลาที่เร็วที่สุด โดยไม่ติดไฟลุกไหม้ระหว่างทางถือว่าเป็นผู้ชนะ

สกอตแลนด์เป็นแหล่งกำเนิดการเล่นไม้กวาดที่อาจอันตรายที่สุดก็ว่าได้ เกมนี้เรียกว่า ครีโอเชี่ยน (Creaothceann) เกมนี้มีกล่าวถึงในบทกลอนเศร้าบทหนึ่ง ในภาษาเกลิกที่ประพันธ์ไว้เมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 11 จากบทแรกเมื่อแปลแล้วมีใจความว่า
กลุ่มผู้เล่นสิบสองชายใจเริงร่า
หม้อใหญ่มารัดเทินหัวเตรียมตัวเหิน
เสียงแตรเป่าเขาทะยานสู่ฟ้าเพลิน
แต่เหลือเกินที่สิบชายต้องตายเอย

ผู้เล่นเกมนี้แต่ละคนจะมีหม้อใหญ่ผูกไว้บนหัว เมื่อเสียงเป่าแตรหรือเสียงกลองดังขึ้น ก้อนหินและหินก้อนใหญ่นับร้อยก้อนที่ถูกเสกให้ลอยอยู่ประมาณร้อยฟุตเหนือพื้นดิน จะเริ่มร่วงหล่นมาใส่พื้น ผู้เล่นเกมครีโอเชี่ยนต้องพุ่งทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า พยายามเก็บก้อนหินใส่หม้อบนหัวให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในยุคกลางเกมนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก เพราะพ่อมดชาวสกอตถือว่าเป็นสุดท้ายของการพิสูจน์ความกล้าหาญ และความเป็นลูกผู้ชาย แม้จะมีคนเสียชีวิตเพราะเกมนี้เป็นจำนวนมากก็ตาม เกมนี้ถูกประกาศให้เป็นการเล่นที่ผิดกฎหมายเมื่อปี ค.ศ. 1762 และแม้ว่า แมกนัส แมกโดนัลด์ (สมญานามแมกนัสหัวบุบ) จะเป็นหัวหอกเรียกร้องให้นำเกมครีโอเชี่ยนกลับมาเล่นใหม่เมื่อปี ค.ศ. 1960 แต่กระทรวงเวทมนตร์ก็ปฏิเสธที่จะยกเลิกการสั่งห้าม

ชันต์บัมส์ (Shuntbumps) เป็นเกมที่นิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายในเมืองเดวอน ประเทศอังกฤษ ลักษณะเหมือนการเล่นชนทวนของอัศวินยุคกลาง จุดมุ่งหมายของเกมมีเพียงอย่างเดียวนั่นก็คือ การชนให้ผู้เล่นคนอื่น ๆ ตกจากไม้กวาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ คนสุดท้ายที่ยังนั่งอยู่บนไม้กวาดถือเป็นผู้ชนะ

สวีฟเวินฮอดจ์ (Swivenhodge) เริ่มเล่นในเฮียฟอร์ดเชอร์ เกมนี้เหมือนเกมสติชสต็อกตรงที่ว่า เกมสวีฟเวินฮอดจ์ จะใช้ถุงกระเพาะปัสสาวะที่เป่าลมจนพอง แต่โดยส่วนมากมักเป็นกระเพาะหมูมากกว่า คนเล่นนั่งกลับหลังบนไม้กวาด ใช้กิ่งไม้ที่ปลายไม้กวาดตีถุงกระเพาะให้ลอยไปข้างหน้า หรือกลับหลังข้ามรั้วต้นไม้ ผู้เล่นคนแรกที่ตีพลาดเสียหนึ่งแต้มให้คู่ต่อสู้ ข้างที่ได้ห้าสิบแต้มก่อนคือผู้ชนะ
เกมสวีฟเวินฮอดจ์นี้ยังคงเล่นอยู่ในประเทศอังกฤษ แม้ว่าจะไม่ได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วก็ตาม ส่วนเกมชันต์บัมส์ ตอนนี้เป็นแค่เกมของพวกเด็ก ๆ อย่างไรก็ตาม ที่หนองน้ำชื่อเควียร์ดิตช์ การละเล่นอย่างหนึ่งเกิดขึ้น และวันหนึ่งจะกลายเป็นกีฬาสุดยอดนิยมในโลกของผู้วิเศษ



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:33 AM
โพสต์ #4


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 3
การละเล่นจากหนองน้ำเควียร์ดิตช์




เราเป็นหนี้ความรู้เรื่องการเริ่มต้นของเกมควิดดิชจากงานเขียนของแม่มดชื่อ เกอร์ตี้ เค็ดเดิล ผู้ซึ่งอาศัยอยู่ที่ริมหนองน้ำเควียร์ดิตช์ในคริสต์ศตวรรษที่ 11 โชคดีของเราที่เกอร์ตี้เขียนบันทึกประจำวันไว้ ปัจจุบันบันทึกนี้เก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ควิดดิชในกรุงลอนดอน ข้อความที่คัดมาข้างล่างนี้แปลมาจากต้นฉบับตัวจริงภาษาแซกซีที่สะกดผิด ๆ ถูก ๆ

“วันอังคาร ร้อนชะมัด พวกคนที่อยู่อีกฝั่งของหนองมาเล่นกันอีกแล้ว เล่นเกมโง่ ๆ บนไม้กวาด ลูกบอลหนังใบเบ้อเริ่มหล่นแหมะลงมาบนแปลงกะหล่ำปลีของฉัน ฉันเลยว่าคาถาใส่เจ้าคนที่มาเก็บลูกซะเลย ฉันอยากเห็นเจ้าคนนั้นบินด้วยหัวเข่าที่หมุนกลับหลังไปข้างหน้าจริง ๆ ไอ้หมูตอนอ้วนขนยาว”

“วันอังคาร เฉอะแฉะเป็นบ้า ออกไปริมหนองไปเก็บต้นเน็ตเทิล พวกปัญญาอ่อนบนไม้กวาดมาเล่นกันอีกตามเคย ฉันแอบดูอยู่ประเดี๋ยวหนึ่งที่หลังก้อนหิน พวกมันมีลูกบอลใบใหม่เล่นขว้างรับกัน แล้วพยายามขว้างลูกบอลไปให้ติดบนต้นไม้ที่ปลายใดปลายหนึ่งของหนอง เฮอะ! ไม่เห็นได้เรื่องได้ราวอะไรเลย”

“วันอังคาร ลมแรงจริง ๆ กวีนน็อกมาดื่มชาเน็ตเทิลกับฉัน แล้วชวนฉันออกไปเลี้ยงตอบแทนข้างนอก ลงท้ายนั่งดูเจ้าพวกกะโหลกทึบเล่นเกมที่หนอง ผู้วิเศษชาวสกอตตัวเบิ้มจากบนเขาก็มาเล่นกับเขาด้วย ตอนนี้พวกนั้นมีก้อนหินก้อนใหญ่และหนัก 2 ก้อนบินไปรอบ ๆ คอยชนคนเล่นให้ล้มตกจากไม้กวาด โชคไม่ดี ไม่มีใครตกจากไม้กวาดตอนที่ฉันดูอยู่ กวีนน็อกบอกฉันว่าเค้าเองก็เล่นเกมนี้บ่อย ๆ เฮอะ! กลับบ้านด้วยความสะอิดสะเอียนใจ”


ข้อความที่คัดมานี้ ให้ความรู้สึกกระจ่างแก่เรา มากกว่าที่ เกอร์ตี้ เค็ดเดิล จะคาดคิด นอกจากเรื่องว่าเธอรู้จักชื่อวันแค่วันเดียวในสัปดาห์แล้ว ความรู้ประการแรก คือ ลูกบอลที่หล่นลงมาในแปลงกะหล่ำปลีของเธอ ทำจากหนังเหมือนกับลูกควัฟเฟิลในปัจจุบันแน่นอน เพราะว่าในยุคนั้น ลูกบอลที่ทำจากถุงกระเพาะเป่าลมให้พองในเกมการเล่นด้วยไม้กวาดอื่น ๆ คงยากที่จะขว้างให้ได้แม่นยำ โดยเฉพาะเมื่อลมพัดแรงจัด ประการที่ 2 เกอร์ตี้ได้เล่าให้เราฟังว่า พวกคนเล่นพยายามขว้างลูกบอลไปให้ติดต้นไม้ที่ปลายใดปลายหนึ่งของหนอง เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการทำคะแนนในช่วงยุคต้น ๆ ประการที่ 3 เธอทำให้เราเห็นต้นกำเนิดของลูกบลัดเจอร์นิดหน่อย ที่น่าสนใจอย่างยิ่งคือ การที่ผู้วิเศษชาวสกอตตัวเบิ้มปรากฏตัวด้วย เป็นไปได้ไหมว่า เขาเป็นผู้เล่นเกมครีโอเชี่ยน เป็นความคิดของเขาหรือเปล่าที่เสกให้ก้อนหินขนาดใหญ่บินพุ่งเร็วจี๋ และอันตรายไปรอบสนาม โดยได้แรงบันดาลใจมาจากก้อนหินที่ใช้ในการเล่นประจำชาติของเขา
เราไม่พบหลักฐานอื่นที่กล่าวถึงกีฬาที่เล่นกันที่หนองน้ำเควียร์ดิตช์อีก จนกระทั่งหนึ่งศตวรรษต่อมา เมื่อพ่อมดชื่อ กู๊ดวิน นีน จับปากกาขนนกเขียนจดหมายถึงลูกพี่ลูกน้องชาวนอร์เวย์ที่ชื่อว่าโอลาฟ นีน ซึ่งอาศัยอยู่ที่ยอร์กเชอร์ จากจดหมายนี้แสดงให้เห็นว่ากีฬานี้ ได้เผยแพร่ไปเกาะบริเตนในช่วง 100 ปีหลังจากที่เกอร์ตี้ได้เห็นการเล่นนี้เป็นคนแรก จดหมายของนีน เก็บรักษาไว้ที่หอจดหมายเหตุของกระทรวงเวทมนตร์นอร์เวย์

โอลาฟที่รัก

เป็นไงบ้าง ฉันสบายดี แม้ว่ากันฮิลด้าจะเป็นโรคอีสุกอีใสมังกรนิดหน่อยก็ตาม

เราเล่นเกมควิดดิชกันสนุกสนานเมื่อคืนวันเสาร์ แม้ว่ากันฮิลด้าที่น่าสงสารจะเล่นเป็นแคตเชอร์ไม่ได้ และเราต้องให้ราดอล์ฟ ช่างตีเหล็กเป็นแทน ทีมจากอิลกลีเล่นได้ดี แต่ไม่ใช่คู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อกับทีมของเราหรอก เพราะเราซ้อมหนักมาตลอดทั้งเดือนและทำคะแนนได้ถึง 42 หนแน่ะ ราดอล์ฟถูกลูกบลัดเดอร์ฟาดหัวเอา เพราะตาแก่อุกก้าใช้กระบองได้ไม่เร็วพอ ถังไม้ที่ใช้ทำแต้มแบบใหม่นี้ใช้ได้ดีทีเดียว เราแขวนถังไม้ไว้ 3 ใบที่ปลายเสาสูง อูน่าจากโรงแรมเป็นคนให้ถังพวกนี้กับเรา เธอยังให้พวกเรากินเหล้ามี้ดได้ฟรีตลอดคืนด้วยแหละ เพราะพวกเราชนะ กันฮิลด้ายัวะนิดหน่อยที่ฉันกลับบ้านดึกมาก ฉันต้องมุดหลบคาถาร้าย ๆ ตั้งหลายคาถา แต่ยังไง ๆ ฉันก็ได้นิ้วมือกลับคืนมาครบแล้วละตอนนี้


ฉันส่งจดหมายนี้มากับนกฮูกตัวที่ดีที่สุดที่ฉันมี หวังว่ามันคงส่งได้สำเร็จนะ

จากญาติของนาย

กู๊ดวิน


ตอนนี้เราได้เห็นว่าในช่วงหนึ่งศตวรรษ กีฬาควิดดิชได้พัฒนาก้าวหน้าไปมากเพียงใด ภรรยาของกู๊ดวินควรมีหน้าที่เล่นเป็นแคตเชอร์ คำนี้น่าจะเป็นศัพท์เก่าที่หมายถึงเชสเซอร์ ลูกบลัดเดอร์ (ไม่ต้องสงสัยเลยคือลูกบลัดเจอร์นั่นเอง) ที่ชนราดอล์ฟช่างเหล็กน่าจะถูกอุกก้าปัดออกไป นั่นคือลูกสนิชสีทอง ลูกบอลลูนลูกที่ 4 ที่ใช้ในกีฬาควิดดิช ยังไม่ปรากฏโฉมในเกมนี้จนถึงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 13 และเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกมด้วยวิธีการแปลกประหลาดมากทีเดียว เห็นได้ชัดว่า อุกก้าเล่นเป็นบีตเตอร์เพราะถือกระบอง ต้นไม้ไม่ใช่ประตูอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นถังไม้ที่แขวนไว้บนปลายเสาสูง อย่างไรก็ตาม องค์ประกอบสำคัญมากอย่างใดอย่างหนึ่งในการเล่นนี้ยังขาดหาย



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:33 AM
โพสต์ #5


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 4
ลูกสนิชสีทองปรากฏโฉม




นับแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 12 เรื่อยมา การล่านกสนิดเจ็ต (ปัจจุบันเป็นนกที่ได้รับการคุ้มครอง) เป็นกีฬาที่นิยมมากในหมู่พ่อมดแม่มด เนื่องจากนกสนิดเจ็ตมีขนาดเล็กจิ๋ว ทั้งบินได้คล่องแคล่วว่องไวมาก และเก่งเป็นเยี่ยมเรื่องหลบหลีกสัตว์ที่ไล่ล่ามันเป็นอาหาร พ่อมดแม่มดที่จับนกนี้ได้จึงมีชื่อเสียงเป็นที่นับถือยิ่งนัก
การล่านกสนิดเจ็ตเป็นสิ่งที่น่าประณามในหลายกรณีด้วยกัน พ่อมดที่มีความคิดคงต้องสลดใจ กับการอ้างกีฬามาทำลายนกตัวน้อยที่รักสงบเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นการล่านกสนิดเจ็ตซึ่งมักทำกันกลางแจ้งตอนกลางวัน ทำให้พวกมักเกิ้ลมีโอกาสเห็นไม้กวาดบินได้ชัดเจนยิ่งกว่าการไล่ล่าสัตว์ชนิดอื่น อย่างไรก็ตาม สภาพ่อมดแม่มดในสมัยนั้น ไม่สามารถลดทอนความนิยมไล่ล่านกสนิดเจ็ตลงได้เลย และที่จริงดูเหมือนว่าสภาเองก็ไม่เห็นว่าการล่านี้จะผิดร้ายกาจตรงไหน


รูป ข

ในที่สุดการล่านกสนิดเจ็ตมาเกี่ยวโยงกับการเล่นควิดดิชเมื่อปี ค.ศ. 1269 ครั้งที่ บาร์เบรียส แบรกกี้ ประธานของสภาพ่อมด มาร่วมชมการแข่งขันควิดดิชด้วย และนำนกสนิดเจ็ตซึ่งถูกขังอยู่ในกรงมาที่การแข่งขัน และประกาศแก่ผู้เล่นที่ชุมนุมกันในสนามว่า เขาจะให้เงินจำนวน 150 เกลเลียน เป็นรางวัลสำหรับผู้เล่นที่จับนกสนิดเจ็ตได้ระหว่างการแข่งขัน ซึ่งทำให้ผู้เล่นทั้งหมดต่างมุ่งที่จะไล่ล่านกสนิดเจ็ต ก่อให้เกิดความสับสนวุ่นวายเป็นอันมาก
นับจากนั้นเป็นต้นมา นกสนิดเจ็ตสีทองก็ถูกปล่อยออกมาในการแข่งขันควิดดิชทุกครั้ง ผู้เล่นหนึ่งคนในแต่ละทีม หรือ ฮันเตอร์ มีหน้าที่เดียวคือไล่จับนกตัวนี้ให้ได้ เมื่อนกถูกฆ่าเกมก็จะยุติและทีมที่ฮันเตอร์คนนั้นอยู่ก็จะได้ 150 แต้มเพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษ (เพื่อระลึกถึงเงินจำนวน 150 เกลเลียน ที่ประธานแบรกกี้เคยสัญญาไว้) อย่างไรก็ตาม ประมาณกลางศตวรรษต่อมา นกสนิดเจ็ตสีทองลดจำนวนลงมาก จนกระทั่งสภาพ่อมดต้องประกาศให้เป็นสัตว์คุ้มครอง และห้ามทั้งฆ่าหรือใช้นกนี้ในเกมควิดดิชด้วย
ต้องยกความดีให้แก่พ่อมดชื่อ โบมัน ไรต์ แห่ง ก็อดดริกส์ โฮลโล่ ในการประดิษฐ์ลูกสนิชสีทอง มาใช้ในกีฬาควิดดิชแทนที่นกสนิดเจ็ต ไรต์ซึ่งเป็นนักเสกเป่าโลหะที่ชำนาญ กลับมาตั้งเป้าหมายกับตนเองว่า เขาจะประดิษฐ์ลูกบอลเลียนแบบพฤติกรรมนกสนิดเจ็ตให้ได้ ไรต์เรียกประดิษฐกรรมของเขาว่า สนิชสีทอง มันเป็นลูกบอลขนาดเท่าลูกวอลนัท มีน้ำหนักเท่านกสนิดเจ็ตพอดิบพอดี ปีกเงินทั้งสองข้างมีข้อต่อที่หมุนได้รอบเหมือนนกสนิดเจ็ต ทำให้ลูกบอลนี้เปลี่ยนทิศทางได้รวดเร็วดังสายฟ้า ทั้งเที่ยงตรง แม่นยำ เหนือนนกต้นแบบจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ลูกบอลนี้ถูกลงคาถาให้คงอยู่ในขอบเขตของสนามเสมอ อาจกล่าวได้ว่า การนำสนิชสีทองเข้ามาใช้ ทำให้กระบวนการพัฒนากีฬาควิดดิชซึ่งเริ่มมาเมื่อ 300 ปีก่อนที่หนองน้ำเควียร์ดิตช์สำเร็จเรียบร้อย และกีฬาควิดดิชได้ถือกำเนิดขึ้นมาอย่างแท้จริงแล้ว




รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:35 AM
โพสต์ #6


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 5
การเตรียมตัวสกัดกั้นพวกมักเกิ้ล




ในปี ค.ศ. 1398 พ่อมดนามว่า แซกคาเรียส มัมส์ ได้ลงมือเขียนคำอธิบายที่สมบูรณ์เกี่ยวกับกีฬาควิดดิชเป็นครั้งแรก เขาเริ่มต้นโดยเน้นความจำเป็นที่ต้องมี การรักษาความปลอดภัยจากพวกมักเกิ้ลระหว่างการแข่งขัน
“เลือกบริเวณทุ่งในที่ราบสูงที่เปลี่ยว ๆ ให้ไกลจากที่อยู่ของมักเกิ้ล และให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครเห็นเวลาที่บินขึ้นไปบนไม้กวาดแล้ว คาถาสกัดมักเกิ้ลมีประโยชน์ถ้าต้องการจัดตั้งสนามถาวร ขอแนะนำให้เล่นแต่ตอนกลางคืนด้วย”
เราพอสรุปได้ว่าคำแนะนำที่ดีเยี่ยมของมัมส์ไม่ได้มีคนทำตามเสมอไป เพราะเมื่อปี ค.ศ. 1362 สภาพ่อมดต้องประกาศว่าการแข่งขันควิดดิชใด ๆ ในเขต 50 ไมล์รอบ ๆ เมืองนั้นผิดกฎหมาย เห็นได้ชัดว่ากีฬานี้เป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างรวดเร็ว เพราะพอถึงปี ค.ศ. 1368 สภาฯ พบว่าจำเป็นต้องแก้ไขข้อห้ามนี้ และประกาศว่าการเล่นควิดดิชภายในเขต 100 ไมล์รอบเมืองนั้นผิดกฎหมาย ในปี ค.ศ. 1419 สภาฯ ได้ออกกฎหมายฉบับหนึ่งที่ขึ้นชื่อมากเรื่องการใช้คำได้เยี่ยมยอด โดยกฎหมายนี้ได้ระบุว่า
“ไม่ควรเล่นควิดดิชที่ไหนก็ตาม ที่อยู่ใกล้สถานที่ซึ่งแม้จะมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่มักเกิ้ลคนหนึ่งอาจมองเห็นได้ หรือมิฉะนั้นเราจะได้เห็นกันว่าคุณจะเล่นได้เก่งเพียงใด เมื่อถูกล่ามโซ่โยงไว้กับกำแพงคุกใต้ดิน”
ดังเช่นที่พ่อมดวัยเรียนทุกคนรู้ดี ข้อเท็จจริงที่ว่าเราบินได้ด้วยไม้กวาด น่าจะเป็นความลับของพ่อมดแม่มดที่เก็บรักษาไว้ได้แย่ที่สุด ไม่มีรูปวาดแม่มดของพวกมักเกิ้ลรูปไหนจะถือว่าสมบูรณ์ถ้าปราศจากไม้กวาด และแม้ว่ารูปวาดนั้นจะน่าหัวเราะเยาะแค่ไหนก็ตาม (เพราะว่าไม่มีไม้กวาดอันไหนเลย ที่พวกมักเกิ้ลวาดจะลอยนิ่งอยู่ในอากาศได้สัก 1 นาที) รูปเหล่านี้เตือนใจเราว่า พวกเรานั้นทำอะไรสะเพร่ามาหลายศตวรรษแล้ว ฉะนั้น จึงไม่ต้องประหลาดใจเลยที่ว่าไม้กวาดกับเวทมนตร์จะเป็นสิ่งที่เชื่อมโยงเกี่ยวพันกัน จนแยกจากกันไม่ออกในความคิดของมักเกิ้ล

มาตรการการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ ไม่ได้บังคับใช้จนกระทั่งบทบัญญัติปกปิดความลับพ่อมดแม่มดนานาชาติ ในปี ค.ศ. 1692 ออกมากำหนดให้กระทรวงเวทมนตร์ทุกแห่งรับผิดชอบโดยตรงกับผลใด ๆ ก็ตามที่เกิดจากการเล่นกีฬาเวทมนตร์ในอาณาเขตของตน กฎหมายนี้มีผลทำให้เกาะบริเตนมีการตั้งกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ขึ้น นับแต่นั้นมาทีมควิดดิชทีมใดที่ไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวง จะถูกบังคับให้ยุบเลิกทีม ตัวอย่างที่รู้กันดีคือ ทีมแบนโชลี่ แบงเกอส์ ของสกอตแลนด์ ที่ไม่ใช่มีชื่อเสียงเลื่องลือแค่เรื่องเล่นควิดดิชไม่เอาไหนเลยเท่านั้น ยังขึ้นชื่อเสียงเรื่องการจัดงานปาร์ตี้หลังการแข่งขันอีกด้วย หลังจากแข่งขันในปี ค.ศ. 1814 กับทีมแอปเปิลบี แอร์โรว์สแล้ว (ดูบทที่ 7 ทีมควิดดิชในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์) พวกแบงเกอส์ไม่เพียงแต่ปล่อยให้ลูกบลัดเจอร์เหาะหนีไปในคืนนั้น พวกเขายังออกไล่ล่ามังกรพันธุ์เฮบริเดียนสีดำ มาเป็นสัญลักษณ์นำโชคประจำทีมอีกด้วย ตัวแทนจากกระทรวงเวทมนตร์หลายคนไล่จับพวกเขาได้ขณะบินข้ามเมืองอิน เวอร์เนส และหลังจากนั้นทีมแบนโชลี่แบงเกอส์ก็ไม่เคยได้เล่นอีกเลย
ปัจจุบันนี้ ทีมควิดดิชไม่ได้เล่นในท้องถิ่นของตนเองอีกต่อไปแล้ว ทุกทีมต้องเดินทางไปเล่นตามสนามต่าง ๆ ที่ถูกกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์กำหนดไว้ ซึ่งที่นั่นจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยสกัดมักเกิ้ลไว้อย่างเหมาะสม ดังเช่นที่ แซกคาเรียส มันส์ แนะนำไว้อย่างถูกต้องเมื่อ 600 ปีก่อนว่า สนามควิดดิชที่ปลอดภัยที่สุดเป็นทุ่งในที่ราบสูงที่อยู่ห่างไกล



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:35 AM
โพสต์ #7


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 6
การเปลี่ยนแปลงในกีฬาควิดดิชตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่สิบสี่




สนาม

แซกคาเรียส มัมส์ บรรยายสภาพสนามในคริสต์ศตวรรษที่ 14 ว่าเป็นรูปไข่ มีความยาวห้าร้อยฟุตและกว้างหนึ่งร้อยแปดสิบฟุต มีวงกลมเล็ก ๆ ตรงกลางสนาม (เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณสองฟุต) มัมส์เล่าว่ากรรมการ (หรือที่เรียกกันในเวลานั้นว่า ควีจัดจ์) ถือลูกบอลสี่ลูกในวงกลมตรงกลางนี้ โดยที่มีผู้เล่นสิบสี่คนยืนอยู่รอบ ๆ ทันทีที่ลูกบอลถูกปล่อยให้ลอยขึ้นไป (กรรมการขว้างลูกควัฟเฟิล ดูเรื่อง ควัฟเฟิล ที่อยู่ถัดไป) ผู้เล่นจะแข่งกันบินขึ้นไปในอากาศ ในสมัยของมัมส์ประตูนั้นยังคงเป็นตะกร้าใบใหญ่แขวนบนเสาสูง
เมื่อปี ค.ศ. 1620 ควินตัส อัมฟราวิลล์เขียนหนังสือเรื่อง กีฬาชั้นสูงของผู้วิเศษ มีภาพแผนผังสนามในคริสต์ศตวรรษที่ 17 รวมอยู่ด้วย เราจะเห็นว่า มีการเพิ่มสิ่งที่เรารู้จักกันว่าเป็น ‘เขตทำคะแนน’ (ดูเรื่อง กติกา ในตอนต่อไป) ตะกร้าที่บนยอดเสานั้นเล็กและอยู่สูงกว่าในสมัยของมัมส์


รูป ค


ต่อมาเมื่อถึงปี ค.ศ. 1883 เลิกใช้ตะกร้าในการทำคะแนน และเปลี่ยนมาใช้เสาประตูดังเช่นที่ใช้กันทุกวันนี้ มีรายงานเรื่องประดิษฐกรรมใหม่นี้ใน หนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต สมัยนั้น สนามควิดดิชไม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกต่อไปนับตั้งแต่นั้นมา


รูป ง



เอาตะกร้าของเราคืนมา!

นี่เป็นเสียงร้องที่ได้ยินจากแฟนควิดดิชทั่วประเทศเมื่อคืนวานนี้ เมื่อเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ตัดสินให้เผาตะกร้าที่ใช้เป็นประตูเกมควิดดิชนับเป็นร้อย ๆ ปีทิ้งไป

‘เราไม่ได้เผาตะกร้าเสียหน่อย อย่าพูดให้มันเกินจริงไปสิ’ ผู้แทนกองฯ ที่มีสีหน้าหงุดหงิดเอ่ยเมื่อคืนวานนี้ เมื่อเขาถูกขอร้องให้ออกความเห็น ‘ตะกร้าน่ะ ก็อย่างที่พวกคุณเห็นมีตั้งหลายขนาด เราเห็นว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำให้ตะกร้ามีขนาดเท่า ๆ กัน เพื่อให้เสาประตูทั่วประเทศเท่ากันด้วย พวกคุณก็น่าจะเห็นชัดว่านี่เป็นเรื่องของความยุติธรรมนะคุณ ผมหมายความว่า มีทีมหนึ่งที่อยู่ใกล้เมืองบาร์นตัน พวกเขามีตะกร้าใบเล็กจิ๋วแขวนไว้บนเสาทีมฝ่ายตรงข้าม ตะกร้าน่ะเล็กจนกระทั่งคุณโยนลูกองุ่นไม่ลง และที่บนเสาฝ่ายตัวเองก็แขวนตะกร้าหวายใหญ่ เหมือนปากถ้ำแกว่งไปมา มันไม่ถูกต้องเลย เราถึงตกลงให้เป็นห่วงที่มีขนาดมาตรฐานกำหนดแน่นอน แล้วเป็นอันจบเรื่องทุกอย่าง คราวนี้ก็เรียบร้อยและยุติธรรม’

มาถึงตอนนี้ ผู้แทนของกองฯ ถูกแฟนควิดดิชที่ชุมนุมกันอยู่ในห้องประชุมขว้างตะกร้าใส่มากมายเหมือนลูกเห็บตก ถึงต้องหลบฉากไปก่อน แม้ว่าการจลาจลที่เกิดตามมาจะถูกกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของ พวกก๊อบลิน นักก่อความวุ่นวาย แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าแฟนควิดดิชทั่วเกาะบริเตนคืนนี้ ต่างก็เศร้าโศกเสียใจกับจุดจบของกีฬาที่เรารู้จัก

‘มันม่ายเหมือนเดิมหรอก ไม่มีตะกร้าเนี่ย’ พ่อมดแก่แก้มห้อยย้อยเหมือนลูกแอปเปิล พูดยานคางอย่างเศร้าใจ ‘ตาจำได้เมื่อตาเด็ก ๆ เราเผาตะกร้ากันระหว่างเกมให้ได้หัวร่อกันบ้าง แล้วจะทำอย่างนั้นกับประตูที่เป็นห่วงเหล็กไม่ได้หรอก เฮ้ออออ... หมดสนุกไปตั้งครึ่ง’


เดลี่พรอเฟ็ต วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 1883





ลูกบอล


ควัฟเฟิล


เรารู้จากบันทึกของ เกอร์ตี้ เค็ดเดิล ว่าลูกควัฟเฟิลในยุคแรกนั้นทำจากหนัง ในบรรดาลูกบอลทั้งสี่ลูกในเกมควิดดิช ควัฟเฟิลเป็นลูกบอลเดียวที่ไม่ได้ลงคาถาไว้ตั้งแต่ต้น เป็นเพียงลูกบอลที่ทำจากแผ่นหนังเย็บปะติดปะต่อกัน ส่วนมากมักมีสายหนังยื่นมาให้จับและขว้างได้ด้วยมือเดียว ลูกควัฟเฟิลสมัยโบราณมีรูให้สอดนิ้วเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อพบคาถาเกาะติดในปี ค.ศ. 1875 สายหนังและรูนิ้วมือก็ไม่จำเป็นอีกต่อไป ในเมื่อเชสเซอร์สามารถใช้มือข้างเดียวจับลูกหนังที่ลงคาถาได้ โดยไม่ต้องมีเครื่องช่วยอื่น ๆ
ควัฟเฟิลปัจจุบันมีเส้นผ่าศูนย์กลางสิบสองนิ้ว และไม่มีตะเข็บเลย ตอนแรกในการแข่งขันฤดูหนาวปี ค.ศ. 1711 ลูกควัฟเฟิลมีสีแดง หลังจากที่ฝนตกหนักมากทำให้สีของควัฟเฟิล ไม่ต่างจากสีโคลนในสนามทุกครั้งที่มันตกลงไป นอกจากนี้ พวกเชสเซอร์ยังหงุดหงิดมากที่ต้องบินดิ่งลงไปยังพื้นสนามอยู่เรื่อย ๆ เพื่อเก็บลูกควัฟเฟิลกลับมา ทุกครั้งที่ลูกควัฟเฟิลเปลี่ยนสี แม่มดชื่อ เดซี่ เพนนีโฟลด์ ก็เกิดความคิดเสกควัฟเฟิลว่า ถ้ามันตก ให้ค่อย ๆ ตกลงไปที่พื้นเหมือนกับว่ามันกำลังจมลงไปในน้ำ หมายความว่าเชสเซอร์สามารถบินลงไปคว้าควัฟเฟิลที่ตกลงมาได้กลางอากาศ ‘ควัฟเฟิลเพนนีโฟลด์’ ยังคงใช้กันอยู่จนทุกวันนี้


รูป จ



บลัดเจอร์


ในสมัยแรก อย่างที่เรารู้กัน บลัดเจอร์ (หรือบลัดเดอร์) คือก้อนหินบิน และในยุคของมัมส์ก็พัฒนาเป็นหินที่เกลาให้เป็นรูปลูกบอล อย่างไรก็ตาม บลัดเจอร์หินนี้มีข้อเสียที่สำคัญมากคือ มันแตกได้ถ้ามีบีตเตอร์ตีด้วยไม้ที่เพิ่มพลังเวทมนตร์ ซึ่งประดิษฐ์ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถ้าเป็นเช่นนี้ ผู้เล่นทุกคนต่างก็ต้องถูกกรวดบินไล่ตามตลอดเกมการแข่งขัน
คงจะเป็นด้วยเหตุผลนี้เอง ต้นศตวรรษที่ 16 ทีมควิดดิชบางทีมจึงเริ่มทดลองใช้ลูกบลัดเจอร์ทำจากโลหะแทน อากาธา ชับบ์ ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับประดิษฐกรรมเวทมนตร์โบราณ พบลูกบลัดเจอร์ทำด้วยตะกั่วไม่น้อยกว่าสิบสองลูก ที่มีอายุเก่าแก่ตั้งแต่ยุคนั้น โดยพบทั้งในหนองถ่านหินของไอร์แลนด์ และที่หนองน้ำในประเทศอังกฤษ เธอเขียนไว้ว่า ‘ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกนี้คือลูกบลัดเจอร์ มันไม่ใช่ลูกปืนใหญ่แน่นอน’
เราเห็นรอยจาง ๆ บนไม้ตีที่เพิ่มพลังด้วยเวทมนตร์ และเรายังเห็นร่องรอยที่เป็นเครื่องหมายบอกว่าผลิตโดยพ่อมดได้ชัดเจน (ตรงข้ามกับของที่ผลิตโดยมักเกิ้ล) คือ เส้นนั้นราบเรียบและมีส่วนสัดรับกันอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยสุดท้ายคือลูกตะกั่วเหล่านี้ทุกลูกบินหวือรอบ ๆ ห้องทำงานของข้าพเจ้า และพยายามพุ่งชนข้าพเจ้าให้ล้มกระแทกพื้นทันทีที่ปล่อยมันออกมาจากกล่อง
ในที่สุดก็พบว่าตะกั่วนั้นยังอ่อนเกินไปที่จะใช้ผลิตบลัดเจอร์ (รอยบุบเบี้ยวใด ๆ ที่ปรากฏอยู่บนบลัดเจอร์มีผลกระทบต่อความสามารถในการบินให้ตรงของบลัดเจอร์) ปัจจุบันนี้ บลัดเจอร์ทุกลูกทำด้วยเหล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวสิบนิ้ว นอกจากนี้ ลูกบลัดเจอร์ ยังถูกเสกให้ไล่ตามผู้เล่นที่อยู่ใกล้มันที่สุด จึงเป็นหน้าที่ของบีตเตอร์ ที่จะหวดไล่บลัดเจอร์ไปให้ไกลจากทีมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้


ลูกสนิชสีทอง


ลูกสนิชสีทองมีขนาดเท่าลูกวอลนัท เช่นเดียวกับนกสนิดเจ็ต ลูกสนิชสีทองถูกเสกให้หนีการไล่จับให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ มีเรื่องเล่ากันว่า ลูกสนิชสีทองลูกหนึ่งหนีการไล่จับอยู่นานถึงห้าเดือนที่ทุ่งโบ๊ตมินมัวร์ ในปี ค.ศ. 1884 ในที่สุด ทั้งสองทีมต่างยอมแพ้ เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับความไม่เอาไหนของซีกเกอร์ฝ่ายตน พ่อมดจากแคว้นคอร์นวอลที่คุ้นเคยกับบริเวณดังกล่าวยืนยันมาจนทุกวันนี้ว่า ลูกสนิชยังคงมีชีวิตอยู่ในทุ่งที่ราบสูงนั้น แต่ ข้าพเจ้าเองไม่สามารถหาหลักฐานมายืนยันได้ว่าเรื่องนี้เป็นความจริง



ผู้เล่น


คีปเปอร์


ตำแหน่งคีปเปอร์มีมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 อย่างแน่นอน (ดูบทที่ 4 ลูกสนิชสีทองปรากฏโฉม) แม้ว่าหน้าที่จะเปลี่ยนไปจากสมัยนั้นก็ตาม
ตามที่แซกคาเรียส มัมส์ เล่าไว้
คีปเปอร์ควรเป็นคนแรกที่ไปถึงตะกร้าที่เสาประตู เพราะเป็นหน้าที่ของเขาที่จะป้องกันไม่ให้ลูกควัฟเฟิลเข้าไปในตะกร้า คีปเปอร์ควรระวังตัวไม่ให้บินเข้าไปทางปลายสนามอีกด้านเกินไป เพราะว่าตะกร้าของเขาอาจถูกอีกฝ่ายบุกทำแต้มได้ในช่วงที่เขาไม่อยู่ใกล้ อย่างไรก็ตาม คีปเปอร์ที่บินได้เร็วอาจสามารถทำคะแนนให้ทีมของตนได้ และยังสามารถบินกลับไปที่ตะกร้าได้ทันเวลา ที่จะป้องกันทีมคู่ต่อสู้ไม่ให้ทำแต้มเสมอได้ นี่เป็นเรื่องความรู้สึกรับผิดชอบส่วนตัวของคีปเปอร์แต่ละคน
จากข้อความข้างต้นนี้เห็นได้ชัดว่าในสมัยของมัมส์ คีปเปอร์ทำหน้าที่เหมือนเชสเซอร์ แต่มีความรับผิดชอบพิเศษเพิ่มเติม พวกเขาได้รับอนุญาตให้บินไปได้ทั่วสนามและทำคะแนนได้ด้วย
แต่เมื่อถึงสมัยที่ ควินตัส อัมฟราวิลล์ เขียนเรื่อง กีฬาชั้นสูงของผู้วิเศษ เมื่อปี ค.ศ. 1620 หน้าที่ของคีปเปอร์ง่ายขึ้น มีการเพิ่มเขตทำคะแนนเข้ามาในสนาม และกำหนดให้คีปเปอร์อยู่ในบริเวณดังกล่าว คอยป้องกันตะกร้าของตน คีปเปอร์จะบินออกมาจากบริเวณนั้นได้ ในกรณีที่ต้องการข่มขวัญเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้าม หรือผลักดันให้เชสเซอร์บินหลบหลีกไปตั้งแต่เนิ่น ๆ



บีตเตอร์


ในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา หน้าที่ของบีตเตอร์เปลี่ยนแปลงไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตำแหน่งของบีตเตอร์นี้ น่าจะมีมาตั้งแต่เมื่อนำลูกบลัดเจอร์เข้ามาเล่นด้วย หน้าที่แรกของบีตเตอร์คือ ป้องกันสมาชิกจากลูกบลัดเจอร์ โดยมีไม้ตีเป็นเครื่องช่วย (ตอนแรกนั้นใช้กระบอง ให้ดูจดหมายของ กู๊ดวิน นีน ใน บทที่ 3 การละเล่นจากหนองน้ำเควียร์ดิตช์) พวกบีตเตอร์ไม่เคยเป็นผู้ทำประตูเลย และไม่เคยมีหลักฐานบ่งบอกว่าพวกเขาเคยรับส่งลูกควัฟเฟิลด้วย
ผู้ที่เป็นบีตเตอร์นั้น ร่างกายต้องแข็งแรงมาก เพื่อจัดการขับไล่ลูกบลัดเจอร์ให้ได้ อาจเป็นด้วยเหตุนี้ พวกพ่อมดแม่มดจึงจับจองเล่นตำแหน่งนี้มากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ ในกีฬาควิดดิช นอกจากนี้บีตเตอร์ยังต้องมีความสามารถเรื่องการทรงตัวอย่างดีเยี่ยม เพราะว่าหลายหนทีเดียวที่พวกเขาจำเป็นต้องปล่อยมือทั้งสองจากไม้กวาด เพื่อจะได้ฟาดลูกบลัดเจอร์ได้ด้วยท่าบุกสองมือ



เชสเซอร์


เชสเซอร์เป็นตำแหน่งที่เก่าแก่ที่สุดในกีฬาควิดดิช เพราะเกมนี้ครั้งหนึ่งมีแต่การเล่นทำคะแนนให้ได้ เชสเซอร์ขว้างควัฟเฟิลไปให้ผู้เล่นอื่น ๆ ในทีมเดียวกัน และจะได้สิบแต้มทุกครั้งที่โยนลูกควัฟเฟิลผ่านลงห่วงประตูห่วงใดห่วงหนึ่ง
การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอย่างเดียวในการเล่นของเชสเซอร์ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1884 หนึ่งปีหลังจากที่มีการใช้ห่วงประตูแทนตะกร้า กติกาใหม่ที่นำมาใช้ กำหนดว่าเฉพาะเชสเซอร์ที่ถือลูกควัฟเฟิลเท่านั้น ที่มีสิทธิ์เข้าไปในเขตทำคะแนน ถ้ามีเชสเซอร์มากไปกว่าหนึ่งคนเข้าไปในเขตดังกล่าว ให้ถือว่าประตูที่ทำได้เป็นโมฆะ กติกาข้อนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อยกเลิกกลยุทธ์การเล่นแบบ สตูจิ้ง (ดูเรื่อง ‘การเล่นผิดกติกา’ ที่อยู่ต่อจากนี้) การเล่นแบบนี้ เชสเซอร์สองคนจะเข้าไปในเขตทำคะแนน และช่วยกันกระแทก คีปเปอร์ ให้กระเด็นออกไป ทำให้บริเวณห่วงทำคะแนนนั้นไม่มีคนรักษา เป็นโอกาสให้เชสเซอร์คนที่สามทำแต้มได้ หนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต ที่ออกช่วงนั้นได้รายงานปฏิกิริยาต่อต้านกติกาใหม่ ไว้ดังนี้

เชสเซอร์ของเราไม่ได้โกง

คืนวานนี้แฟนควิดดิชมีอาการตกตะลึงมึนงงไปทั่วเกาะบริเตน เมื่อกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ประกาศว่า การเล่นแบบ ‘สตูจิ้ง’ นั้นผิดกติกา

‘การเล่นแบบสตูจิ้งเพิ่มขึ้นทุกที’ ผู้แทนของกองฯ ที่ดูอ่อนเพลียแถลงเมื่อคืนวาน ‘เรารู้สึกว่ากติกาใหม่นี้ จะช่วยลดการบาดเจ็บร้ายแรงของคีปเปอร์ที่เราเห็นอยู่เรื่อย ๆ นี้เสียที ตั้งแต่นี้ต่อไป เชสเซอร์คนเดียวจะพยายามเอาชนะคีปเปอร์แทนที่จะเป็นเชสเซอร์สามคนรุมคีปเปอร์คนเดียว อย่างแต่ก่อน ต่อไปนี้ทุกอย่างจะสะอาดขึ้นและยุติธรรมขึ้นด้วย’

ถึงตอนนี้ผู้แทนของกองฯ ก็ต้องล่าถอยเพราะฝูงชนที่โกรธจัดเริ่มกระหน่ำปาลูกควัฟเฟิลเข้าใส่ ฝูงชนขู่ว่าพวกเขาจะจัดการ ‘สตูจิ้ง’ รัฐมนตรีกระทรวงเวทมนตร์เองด้วย แต่พ่อมดจากกองบังคับใช้กฎหมายเวทมนตร์มาถึง และขับไล่ฝูงชนเหล่านี้ให้แตกกระเจิงไป

พ่อมดอายุหกขวบหน้าตกกระผละออกไปจากห้องประชุม น้ำตานองหน้า ‘ผมรักสตูจิ้ง’ พ่อหนูสะอื้นบอกกับเดลี่พรอเฟ็ต ‘ผมกับพ่อชอบดูคีปเปอร์แบนแต๊ดแต๋ ผมไม่อยากไปดูควิดดิชอีกแล้ว’


เดลี่พรอเฟ็ต วันที่ 22 มิถุนายน 1884




ซีกเกอร์


ปกติแล้ว ซีกเกอร์เป็นผู้เล่นที่ตัวเบาที่สุดและบินได้เร็วที่สุด นอกจากนี้ ซีกเกอร์ยังต้องมีทั้งตาที่ไวและสามารถบินได้โดยจับไม้กวาดด้วยมือเดียว หรือไม่จับเลย ตำแหน่งซีกเกอร์มีความสำคัญมากต่อผลการแข่งขันทั้งหมด เพราะบ่อยครั้งที่การจับสนิชได้ช่วยเปลี่ยนสภาพความพ่ายแพ้มาเป็นชัยชนะได้ ดังนั้น ซีกเกอร์จึงเป็นเหยื่อที่ผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามจ้องจับผิดกติกาด้วยมากที่สุด เมื่อดูกันจริง ๆ แล้ว ขณะที่ตำแหน่งซีกเกอร์นี้ มีเสน่ห์ดึงดูดใจมาก เพราะตามธรรมเนียมแล้วพวกเขาเป็นพ่อมดที่บินเก่งที่สุดในสนาม แต่ซีกเกอร์ก็มักเป็นผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงที่สุดด้วย ‘จัดการซีกเกอร์’ เป็นกฎข้อแรกในหนังสือเรื่อง คัมภีร์ของบีตเตอร์ โดย บรูตัส สคริมเจียร์



กติกา

กติกาต่อไปนี้เป็นกฎที่ กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์กำหนดไว้ เมื่อมีการก่อตั้งกองฯ ขึ้นในปี ค.ศ. 1750
  1. แม้ว่าจะไม่มีการจำกัดระดับความสูง ที่ผู้เล่นจะสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าระหว่างการแข่งขัน แต่ผู้เล่นไม่ว่าจะหญิงหรือชาย ต้องไม่บินเลยออกไปนอกเส้นกำหนดเขตสนาม ถ้าผู้เล่นบินข้ามเส้นเขตสนามไป ทีมของผู้เล่นคนนั้นต้องยกลูกควัฟเฟิลให้ทีมฝ่ายตรงข้าม
  2. กัปตันทีมสามารถขอเวลานอกได้โดยทำสัญญาณบอกกรรมการ นี่เป็นช่วงเวลาเดียวในระหว่างการแข่งขันที่อนุญาตให้เท้าของผู้เล่นแตะพื้นสนามได้ เวลานอกอาจยืดทำให้นานถึงสองชั่วโมง ถ้าการแข่งขันนั้นเล่นกันมานานกว่าสิบสองชั่วโมงแล้ว ถ้าทีมใดไม่กลับมาที่สนามภายในสองชั่วโมง ให้ตัดสิทธิ์ทีมนั้นทันที
  3. กรรมการสามารถลงโทษทีมผู้เล่นได้ เชสเซอร์ที่ได้ลูกโทษ จะบินจากวงกลมตรงกลางไปยังเขตทำคะแนน ผู้เล่นทั้งหมดยกเว้นคีปเปอร์ของทีมฝ่ายตรงข้าม ต้องอยู่ข้างหลังระหว่างที่มีการขว้างลูกโทษ
  4. สามารถแย่งลูกควัฟเฟิลจากมือของผู้เล่นอีกฝ่ายได้ แต่ห้ามผู้เล่นแตะต้องร่างกายไม่ว่าส่วนหนึ่งส่วนใดของผู้เล่นอีกฝ่าย ไม่ว่ากรณีใด ๆ
  5. ในกรณีที่ผู้เล่นบาดเจ็บ ไม่ให้มีผู้เล่นสำรองมาแทน ทีมต้องเล่นต่อไปโดยไม่มีผู้เล่นที่บาดเจ็บนั้น
  6. สามารถนำไม้กายสิทธิ์ติดตัวเข้าไปในสนามได้ แต่ไม่ว่ากรณีใด ๆ ก็ตาม ห้ามใช้ไม้กายสิทธิ์กับผู้เล่นฝ่ายตรงข้าม ห้ามใช้กับไม้กวาดของอีกฝ่าย และห้ามใช้กับกรรมการ ลูกบอล และคนดูด้วย
  7. เกมควิดดิชจะยุติได้ต่อเมื่อจับลูกสนิชสีทองได้ หรือด้วยความยินยอมพร้อมใจของกัปตันทีมทั้งสองฝ่าย




การทำผิดกติกา

แน่นอนกฎทั้งหลายก็ ‘มีไว้ให้ละเมิด’ รายการการทำผิดกติกาเจ็ดร้อยข้ออยู่ในบันทึกของ กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ การทำผิดกติกาทั้งหมดเป็นที่รู้กันว่าเกิดขึ้นใน การเล่นชิงชนะเลิศควิดดิชเวิลด์คัพครั้งแรก เมื่อปี ค.ศ. 1473 อย่างไรก็ตาม รายการที่เต็มรูปแบบของการทำผิดกติกานี้ ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณชนพ่อมดแม่มดเลย กองควบคุมฯ มีทัศนะว่า พ่อมดแม่มดที่ได้เห็นรายการนี้ ‘อาจเกิดความคิดที่จะนำไปใช้’
อย่างไรก็ตาม ข้าพเจ้าโชคดีที่มีโอกาสเห็นเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการทำผิดกติกานี้ ระหว่างที่ค้นคว้าเตรียมเขียนหนังสือเล่มนี้ และข้าพเจ้าสามารถยืนยันได้ว่า การจัดพิมพ์เผยแพร่รายการดังกล่าว ไม่มีผลดีอะไรต่อสังคมเลย นอกจากนี้ ร้อยละเก้าสิบของการทำผิดกติกานั้น จะทำไม่ได้เลย ตราบเท่าที่ยังบังคับใช้กฎหมายห้ามใช้ไม้กายสิทธิ์กับทีมคู่ต่อสู้ (การห้ามนี้ออกเป็นกฎหมายเมื่อปี ค.ศ. 1538) ส่วนอีกร้อยละสิบที่เหลือนั้น ข้าพเจ้าบอกได้ว่าคงไม่เกิดขึ้นแม้กับผู้เล่นที่เล่นสกปรกที่สุด ยกตัวอย่างเช่น ‘จุดไฟเผาปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม’ หรือ ‘ฟาดไม้กวาดฝ่ายตรงข้ามด้วยกระบอง’ หรือ ‘โจมตีคู่ต่อสู้ด้วยขวาน’ แต่ที่กล่าวมานี้ไม่ได้หมายความว่า ผู้เล่นเกมควิดดิชปัจจุบันจะไม่เคยทำผิดกฎ ต่อไปนี้คือรายการการทำผิดกติกาที่พบเสมอ ๆ สิบข้อ แถวแรกเป็นชื่ออย่างเป็นทางการ
การทำผิด ผู้ทำผิด ลักษณะของการทำผิด
  1. แบลกกิง (Blagging) ผู้เล่นทุกคน คว้าปลายไม้กวาดของฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้บินได้ช้า หรือขัดขวางการเล่น
  2. แบลทชิง (Blatching) ผู้เล่นทุกคน ตั้งใจบินเข้าไปชนอีกฝ่ายหนึ่ง
  3. เบลิร์ตติง (Blurting) ผู้เล่นทุกคน ใช้ไม้กวาดงัดไม้กวาดฝ่ายตรงข้าม ดันให้กระเด็นออกไปนอกทาง
  4. บัมฟิง (Bumphing) เฉพาะบีตเตอร์ หวดบลัดเจอร์ไปทางคนดูทำให้ต้องหยุดการแข่งชั่วขณะ เพราะเจ้าหน้าที่ต้องรีบไปดูแลปกป้องผู้ชม บางทีผู้เล่นที่ไร้มารยาทใช้วิธีนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามทำแต้มได้
  5. คอบบิง (Cobbing) ผู้เล่นทุกคน การใช้ศอกอย่างรุนแรงเกินไปกับฝ่ายตรงข้าม
  6. แฟลกกิง (Flacking) เฉพาะคีปเปอร์ ยื่นส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย ผ่านห่วงประตูเพื่อกระแทกลูกควัฟเฟิลออกจากห่วง คีปเปอร์มีหน้าที่ป้องกันห่วงประตูจากด้านหน้าไม่ใช่ด้านหลัง
  7. แฮเวอร์แซกกิง (Haversacking) เฉพาะเชสเซอร์ จับลูกควัฟเฟิลเข้าประตู (ต้องโยนควัฟเฟิลทำแต้ม)
  8. ควัฟเฟิลพอกกิง (Quafflepocking) เฉพาะเชสเซอร์ ทำตุกติกกับลูกควัฟเฟิล เช่น เจาะควัฟเฟิลให้เป็นรูจะได้หล่นลงพื้นเร็วขึ้น หรือทำให้ร่วงซิกแซกไปมา
  9. สนิชนิป (Snitchnip) ผู้เล่นทุกคน ยกเว้นซีกเกอร์ แตะหรือจับลูกสนิชสีทอง
  10. สตูจิ้ง (Stooging) เฉพาะตำแหน่งเชสเซอร์ เมื่อมีเชสเซอร์มากกว่าหนึ่งคนเข้าไปในเขตทำคะแนน




กรรมการ

การเป็นกรรมการในการแข่งขันควิดดิชนั้น แต่เดิมเป็นหน้าที่สำหรับพ่อมดแม่มดที่กล้าหาญที่สุดเท่านั้น แซกคาเรียส มัมส์ เล่าว่ากรรมการจากนอร์ฟอล์กคนหนึ่งชื่อ ไซเปรียน ยูเดิล เสียชีวิตในการแข่งขันฉันมิตรระหว่างพ่อมดแม่มดในบริเวณนั้นเมื่อปี ค.ศ. 1357 โดยไม่สามารถจับคนที่เป็นต้นตอสาปแช่งเขาได้ แต่เชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในหมู่คนดู แม้จะไม่มีการฆาตกรรมกรรมการที่พิสูจน์ได้อีกตั้งแต่นั้นมา แต่ก็มีเหตุการณ์ทำตุกติกกับไม้กวาดของกรรมการนับครั้งไม่ถ้วน ตลอดหลาย ๆ ศตวรรษที่ผ่านมานี้ ที่อันตรายมากที่สุดคือ การเปลี่ยนไม้กวาดของกรรมการให้เป็นกุญแจนำทาง เพื่อให้เขาหรือเธอถูกพาตัวออกไปจากการแข่งขัน ทั้ง ๆ ที่เพิ่งแข่งไปได้ครึ่งเดียว และต้องไปโผล่ในทะเลทรายซาฮาราอีกหลายเดือนหลังจากนั้น กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ได้ออกระเบียบที่เคร่งครัด เกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยสำหรับไม้กวาดของผู้เล่น โชคดีที่ปัจจุบันนี้เหตุการณ์ร้ายทำนองนี้ไม่ค่อยเกิดขึ้นแล้ว
กรรมการควิดดิชที่มีประสิทธิภาพ ต้องเป็นยิ่งกว่าพ่อมดบินที่ช่ำชอง เขาหรือเธอต้องคอยดูกระบวนท่าเล่นพลิกแพลงของผู้เล่นทั้งสิบสี่คนพร้อม ๆ กัน และผลก็คือ กรรรมการจะได้รับบาดเจ็บด้วยอาการคอเคล็ดอยู่เป็นประจำ ในการแข่งขันระหว่างทีมอาชีพ กรรมการจะมีผู้ช่วยคือเจ้าหน้าที่ซึ่งยืนอยู่รอบเส้นเขตสนาม เจ้าหน้าที่เหล่านี้จะคอยดูไม่ให้ผู้เล่นหรือลูกบอลลูกใดล้ำออกมานอกเส้น
ในเกาะบริเตน กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ เป็นผู้คัดเลือกกรรมการควิดดิช กรรมการต้องผ่านการทดสอบการบินที่เข้มงวดมาก และต้องผ่านการสอบข้อเขียนละเอียดยิบเรื่องกติกาควิดดิชต่าง ๆ นอกจากนั้น ยังต้องผ่านการทดสอบอีกมากมายหลายชุด เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาจะไม่เสกคาถาใส่ผู้เล่นที่ก้าวร้าว แม้ว่าจะอยู่ภายใต้ความกดดันรุนแรงมากเพียงใดก็ตาม



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:36 AM
โพสต์ #8


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 7
ทีมควิดดิชในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์




ความจำเป็นที่ต้องเก็บเรื่องกีฬาควิดดิชให้เป็นความลับจากพวกมักเกิ้ล ทำให้กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ต้องจำกัดจำนวนการแข่งขันในแต่ละปี ในขณะที่การแข่งขันระหว่างทีมสมัครเล่นได้รับอนุญาตให้มีได้ไม่จำกัด ตราบเท่าที่การเล่นเป็นไปตามข้อแนะนำที่เหมาะสม ทีมควิดดิชอาชีพถูกจำกัดจำนวนมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1674 เมื่อมีการจัดตั้งควิดดิชลีกขึ้น เวลานั้นทีมควิดดิชที่ดีที่สุด 13 ทีมในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์ ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมในลีก และทีมอื่น ๆ นอกจากนั้นถูกขอร้องให้ยุบเลิกไป ทั้ง 13 ทีมนี้ยังคงแข่งขันชิงถ้วยลีกกันทุก ๆ ปี



แอปเปิลบี้ แอร์โรว์ส (Applleby Arrows)

ทีมจากภาคเหนือของอังกฤษ ทีมนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1612 เสื้อคลุมประจำทีมเป็นสีน้ำเงินอ่อน และมีตรารูปลูกธนูสีเงินประดับไว้ แฟน ๆ ของแอร์โรว์สเห็นพ้องต้องกันว่าช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของทีม คือตอนที่พวกเขาเอาชนะ ทีมวรัตซ่า วัลเจอส์ แชมป์หลายสมัยของยุโรปได้เมื่อปี ค.ศ. 1932 การแข่งขันครั้งนั้นใช้เวลาถึง 16 วัน เล่นกันกลางฝนและหมอกหนาทึบ ผู้สนับสนุนสโมสรนี้มีธรรมเนียมเก่าแก่คือ ใช้ไม้กายสิทธิ์ยิงลูกธนูออกไปในอากาศทุกครั้งที่เชสเซอร์ฝ่ายเขาทำคะแนนได้ แต่ธรรมเนียมนี้ถูกกองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ห้ามไปในปี ค.ศ. 1894 เมื่อลูกธนูลูกหนึ่งแทงทะลุจมูกของกรรมการชื่อ นูเจ้นต์ พอตส์ ทีมแอร์โรว์สนี้เป็นคู่ปรับคู่อาฆาตกับทีมวิมบอร์น วอพส์มาต่อเนื่องยาวนาน



บัลลี่แคสเซิล แบตส์ (Ballycastle Bats)

ทีมควิดดิชที่มีชื่อเสียงที่สุดของไอร์แลนด์เหนือ ชนะถ้วยควิดดิชลีกนับถึงวันนี้ได้ทั้งหมด 27 ครั้ง ทำให้ทีมนี้เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงเป็นอันดับ 2 ในประวัติศาสตร์ของลีก พวกแบตส์ใส่เสื้อคลุมสีดำมีรูปค้างคาวสีแดงเข้มที่หน้าอก สัญลักษณ์ประจำทีมที่มีชื่อเสียงมากคือ บาร์นี่ ค้างคาวผลไม้ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะค้างคาวที่เล่นหนังโฆษณาบัตเตอร์เบียร์ (บาร์นี่บอกว่า “ผมคลั่งไคล้บัตเตอร์เบียร์”)



คาร์ฟิลลี่ แคททะพัลส์ (Caerphilly Catapults)

ทีมแคททะพัลส์จากแคว้นเวลส์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1402 นักกีฬาสวมเสื้อคลุมลายทางสีเขียวอ่อนสลับแดงเลือดหมู ประวัติที่เลื่องลือของทีมสโมสรนี้คือได้ถ้วยลีกถึง 18 ครั้ง และชัยชนะที่มีชื่อเสียงได้แก่ ครั้งที่คว้าแชมป์ยูโรเปี้ยนคัพในปี ค.ศ. 1956 โดยเอาชนะทีมคารัสจ็อก ไคตส์ จากนอร์เวย์ได้ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ผู้เล่นที่มีชื่อเสียงที่สุดของทีมคือ “ได ลูเอลเลน ตัวอันตราย” เขาถูกตัวไคมีร่ากัดจนบาดเจ็บสาหัสระหว่างพักผ่อนที่เกาะมิคานอส ประเทศกรีซ จากการตายของไดนี้เอง ส่งผลให้ทางการเวลส์กำหนดวันไว้อาลัยแห่งชาติ เพื่อให้พ่อมดแม่มดชาวเวลส์ทุกคนได้ระลึกถึงเขาจวบจนปัจจุบันนี้ เมื่อสิ้นสุดฤดูการแข่งขันของทุกปี จะมีการมอบเหรียญที่ระลึกถึง “ได ตัวอันตราย” เป็นรางวัลให้แก่ผู้เล่นในควิดดิชลีกที่เล่นได้ตื่นเต้น เร้าใจ และบ้าบิ่นเสี่ยงตายที่สุดในการแข่งขัน



ชัดลีย์ แคนนอนส์ (Chudley Cannons)

อาจกล่าวได้ว่าวันเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ของทีมชัดลีย์ แคนนอนส์ ได้ผ่านเลยไปเสียแล้ว แต่สำหรับแฟน ๆ ที่อุทิศตัวเหนียวแน่นให้แก่ทีมนั้น พวกเขายังมีความหวังว่าทีมจะมีโอกาสกลับมาเฟื่องฟูอีกหน ทีมแคนนอนส์ชนะเลิศถ้วยลีกถึง 20 ครั้ง แต่ครั้งสุดท้ายก็ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1892 และการเล่นของพวกเขาตลอดศตวรรษที่แล้วนั้นไม่เร้าใจเลย ผู้เล่นชัดลีย์ แคนนอนส์สวมเสื้อคลุมสีส้มสด มีตรารูปลูกปืนใหญ่กำลังพุ่งเร็วจี๋ ด้านหลังเป็นรูปตัวอักษร “ช” สีดำ 2 ตัว คำขวัญประจำสโมสรถูกเปลี่ยนเมื่อปี ค.ศ. 1972 จากเดิมที่ว่า “เราจะพิชิตอย่างแน่นอน” มาเป็น
“หวังว่าเราจะชนะ แต่ก็สุดแล้วแต่กรรมก็แล้วกัน”



ฟัลมัท ฟอลคอนส์ (Falmouth Falcons)

ผู้เล่นฟอลคอนส์สวมเสื้อคลุมสีเทาสลับขาว มีรูปหัวนกเหยี่ยวประดับที่หน้าอก ฟอลคอนส์ขึ้นชื่อว่าเล่นแรง ชื่อเสียงนี้ยิ่งเป็นที่เชื่อหนักแน่นมากขึ้น ด้วยฝีมือของบีตเตอร์ชื่อก้องโลกของทีม คือ เคลวิน และคาร์ล บรอดมัวร์ ซึ่งเล่นให้สโมสรระหว่างปี ค.ศ. 1958 ถึง 1969 กระบวนท่าเล่นพลิกแพลงของทั้งสอง ส่งผลให้กองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ต้องสั่งให้พวกเขาพักการเล่นไปน้อยกว่า 14 หน คำขวัญของสโมสรนี้คือ
“เอาชนะให้ได้ แต่ถ้าไม่ชนะ ก็ทำให้หัวแตกหลาย ๆ หัว”



โฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ (Holyhead Harpies)

ทีมโฮลี่เฮด ฮาร์ปีส์ เป็นทีมสโมรสรเก่าแก่มากของแคว้นเวลส์ (ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1203) แตกต่างจากทีมควิดดิชอื่น ๆ ทั่วโลก เพราะเป็นทีมเดียวที่จ้างแต่แม่มด เสื้อคลุมของฮาร์ปีส์นั้นเป็นสีเขียวแก่มีรูปเล็บสัตว์สีทองอยู่ที่หน้าอก ชัยชนะของทีมฮาร์ปีส์ต่อทีมไฮเดลเบิร์ก แฮเรียส์ เมื่อปี ค.ศ. 1953 เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่า เป็นการแข่งขันควิดดิชชั้นเยี่ยมเกมหนึ่งเท่าที่เคยมีการแข่งขันมา การแข่งขันครั้งนั้นใช้เวลาถึง 7 วัน และยุติลงเมื่อซีกเกอร์ของทีมฮาร์ปีส์ คือ กลินนิส กริฟฟิทส์ จับลูกสนิชได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ เมื่อสิ้นสุดการแข่งขัน แฮเรียส์ รูดอล์ฟ แบรนด์ กัปตันของทีมกระทำสิ่งที่เลื่องลือกันไปทั่ว เขากระโดดลงจากไม้กวาดและขอแต่งงานกับเกวนโดลิน มอร์แกน กัปตันทีมฝ่ายตรงข้าม แต่เธอใช้ไม้กวาดคลีนสวีปหมายเลข 5 ของเธอฟาดหัวเขาจนหมดสติไป



เคนแมร์ เคสเตรลส์ (Kenmare Kestrels)

ทีมสโมสรไอริช ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1291 และเป็นที่นิยมชมชื่นไปทั่วโลก จากการแสดงที่องอาจของบรรดาเลปริคอนตัวนำโชคประจำทีม และจากการเล่นพิณที่ไพเราะมากของพวกผู้สนับสนุนทีมทั้งหลาย ทีมเคสเตรลส์สวมเสื้อคลุมสีเขียวมรกตที่หน้าอกมีตัวอักษร ‘ค’ สีเหลือง 2 ตัวหันชนกัน ดาเรน โอแฮร์ คีปเปอร์ของเคสเตรลส์ระหว่างปี ค.ศ. 1947-1960 ได้เป็นกัปตันทีมชาติไอริช 3 หน และได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ประดิษฐ์ท่าหัวเหยี่ยวรุกฆาตสำหรับพวกเชสเซอร์ (ดูบทที่ 10 ควิดดิชในปัจจุบัน)



มอนโทรส แมกไพส์ (Montrose Magpies)

ทีมแมกไพส์เป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ควิดดิชลีกของเกาะบริเตนและไอร์แลนด์ เพราะชนะเลิศถึง 32 ครั้ง ทั้งยังเป็นแชมป์ยุโรป 2 สมัย ทีมแมกไพส์จึงมีแฟนอยู่รอบโลก ผู้เล่นที่เก่งกาจของทีมมีมากมาย รวมทั้งซีกเกอร์ ยูนิส มารี่ (ถึงแก่กรรมปี ค.ศ. 1942) ซึ่ง ครั้งหนึ่งเคยยื่นคำร้องขอให้ใช้ “ลูกสนิชที่เร็วกว่านี้ เพราะว่านี่มันง่ายเกินไป” และ แฮมมิช แมกฟาลัน (กัปตันช่วงปี ค.ศ. 1957-1968) ซึ่งเมื่อเลิกจากอาชีพควิดดิชที่ประสบความสำเร็จมากแล้ว ก็ไปทำงานที่มีชื่อเสียงเด่นพอกัน ในฐานะเป็นหัวหน้ากองควบคุมดูแลเกมและกีฬาเวทมนตร์ ทีมแมกไพส์สวมเสื้อคลุมสีดำขาว มีรูปนกแมกไพส์หรือนกกางเขนตัวหนึ่งที่หน้าอก และอีกตัวที่ด้านหลังเสื้อ



ไพรด์ ออฟ พอร์ตทรี (Pride of Portree)

ทีมนี้มาจากเกาะสกาย ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1292 พวกแฟน ๆ เรียกผู้เล่นทีมนี้ว่า “เดอะ ไพรดส์” พวกเขาสวมเสื้อสีม่วงเข้ม มีรูปดาวสีทองประดับที่หน้าอก เชสเซอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของทีมคือ คาทรีโอน่า แมกคอร์มิก เป็นกัปตันทีมที่ชนะเลิศถ้วยลีก 2 ครั้งในช่วงศตวรรษปี ค.ศ. 1960 และเล่นให้กับทีมชาติสกอตแลนด์ถึง 36 ครั้ง แม่กับลูกสาวของเธอปัจจุบันนี้เล่นเป็นคีปเปอร์ให้กับทีมนี้ (ส่วน เคอร์ลี่ ลูกชายนั้นเป็นมือกีตาร์นำให้กับวงพ่อมดที่เป็นที่นิยมมากคือ เดอะเวียร์ดซิสเตอร์ส)



พัดเดิลเมียร์ ยูไนเต็ด (Puddlemere United)

ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1163 พัดเดิลเมียร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่เก่าแก่ที่สุดในลีก พัดเดิลเมียร์ชนะเลิศถึง 22 ครั้ง และมีชัยชนะได้ครองยูโรเปี้ยนคัพ 2 ครั้ง เป็นเกียรติประวัติของทีม เพลงประจำสโมสรมีชื่อว่า “ตีบลัดเจอร์ไปให้ไกลสิหนุ่ม ๆ แล้วโยนสุ่มลูกควัฟเฟิลมาทางนี้” เซเลสทิน่า วาร์เบ็ก แม่มดสาวนักร้องเพิ่งอัดเพลงประจำทีมนี้ไปเมื่อไม่นานมานี้เอง เพื่อขายหารายได้ให้กองทุนโรงพยาบาลวิเศษเซนต์มังโกเพื่อผู้ป่วยและบาดเจ็บ ผู้เล่นของพัดเดิลเมียร์สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินแก่ มีตราประจำสโมสรรูปหญ้าแฝกสีทองสองมัดไขว้กัน



ทัดชิล ทอร์เนโดส์ (Tutshill Tornados)

ทีมทอร์เนโดส์สวมเสื้อคลุมสีฟ้า มีตัวอักษร “ท” สีน้ำเงินเข้ม 2 ตัวอยู่บนหน้าอกและข้างหลัง ทีมนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1520 แต่ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของทีมอยู่ระหว่างต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20 เมื่อซีกเกอร์ชื่อ รอดดริก พลัมป์ตัน เป็นกัปตันทีม พวกเขาชนะได้ถ้วยลีกถึง 5 ครั้งติดต่อกันเป็นประวัติศาสตร์ของทั้งเกาะบริเตนและไอร์แลนด์เลยทีเดียว รอดดริก พลัมป์ตัน เล่นเป็นซีกเกอร์ให้ทีมชาติอังกฤษ 22 ครั้ง และทำสถิติในประวัติศาสตร์ของเกาะบริเตน โดยจับลูกสนิชได้เร็วที่สุดเท่าที่เคยมีการแข่งขันกันมา (3 วินาทีครึ่ง แข่งขันกับทีมคาร์ฟิลลี่ แคททะพัลส์ ในปี ค.ศ. 1921)



วิกทาวน์ วันเดอเรอส์ (Wigtown Wanderers)

ทีมสโมสรที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนนี้ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ. 1422 โดยลูกทั้ง 7 คนของพ่อมดพ่อค้าเนื้อชื่อ วอลเตอร์ พาร์กิ้น ที่ใครต่างก็พากันกล่าวว่า ทีมของพี่น้องผู้ชาย 4 คน และผู้หญิง 3 คนนี้เป็นทีมที่น่าเกรงขามมาก และไม่ค่อยจะแพ้ใครเสียด้วย ทั้งนี้เล่ากันว่าส่วนหนึ่งเนื่องมาจากทีมคู่ต่อสู้รู้สึกหวาดหวั่น ที่เห็นคุณพ่อวอลเตอร์ยืนอยู่ข้างสนาม มือหนึ่งถือไม้กายสิทธิ์ อีกมือถือมีดปังตอแล่เนื้อ หลายศตวรรษที่ผ่านมา มีเชื้อสายของตระกูลพาร์กิ้นนี้เล่นอยู่ในทีมวิกทาวน์เสมอ ๆ และเพื่อระลึกถึงจุดเริ่มต้นของทีม ผู้เล่นจึงสวมเสื้อคลุมสีแดงเหมือนเลือด มีรูปมีดปังตอสีเงินที่หน้าอก



วิมบอร์น วอพส์ (Wimbourne Wasps)

วิมบอร์น วอพส์ สวมเสื้อคลุมลายขวางสีเหลืองสลับดำ มีรูปตัวต่ออยู่บนหน้าอก ทีมนี้ตั้งขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1312 ทีมวอพส์ชนะถ้วยลีก 18 ครั้ง และได้เข้ารอบรองชนะเลิศยูโรเปี้ยนคัพ 2 ครั้ง เชื่อกันว่าพวกเขาได้ชื่อนี้มาจากเหตุการณ์ร้ายกาจ ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างการแข่งขันกับทีมแอปเปิลบี้ แอร์โรว์ส ในกลางศตวรรษที่ 17 เมื่อบีตเตอร์ของทีมบินผ่านต้นไม้ที่อยู่ริมสนาม เขาสังเกตเห็นรังตัวต่ออยู่ท่ามกลางกิ่งไม้ จึงตีรังต่อนั้นไปทางซีกเกอร์ของทีมแอร์โรว์ส ซีกเกอร์คนนั้นถูกต่อต่อยปวดแสบปวดร้อนไปทั่วตัวจนต้องออกจากการแข่งขัน วิมบอร์นจึงชนะ และตั้งแต่นั้นมาก็รีบเอาตัวต่อมาเป็นตัวนำโชคของทีม เป็นประเพณีว่าแฟน ๆ ของทีมวอพส์ (รู้จักกันอีกชื่อว่า “สติงเกอร์”) จะทำเสียงหึ่ง ๆ ดังลั่น เพื่อก่อกวนสมาธิของเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามเมื่อกำลังจะโยนลูกโทษ




รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:36 AM
โพสต์ #9


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 8
การแพร่กระจายของกีฬาควิดดิชไปทั่วโลก






ยุโรป

กีฬาควิดดิชตั้งหลักฐานมั่นคงในไอร์แลนด์เมื่อราวคริสต์ศตวรรษที่ 14 พิสูจน์ได้จากบันทึกของแซกคาเรียส มัมส์ ที่เล่าเรื่องการแข่งขันเมื่อปี ค.ศ. 1385 ว่า ‘ทีมพ่อมดจากคอร์กบินมาแข่งถึงแลงคาเชอร์ และทำให้พ่อมดท้องถิ่นไม่พอใจมากเพราะปราบวีรบุรุษของพวกเขาเสียราบคาบ ผู้เล่นชาวไอริชได้รู้จักกลยุทธ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับลูกควัฟเฟิลที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในแลงคาเชอร์ และต้องหลบหนีออกจากหมู่บ้านเพราะกลัวเอาชีวิตไม่รอด เมื่อพวกคนดูชักไม้กายสิทธิ์ออกมาและวิ่งไล่พวกเขา’ แหล่งข้อมูลที่หลากหลายแสดงว่ากีฬานี้ ได้เผยแพร่ไปยังส่วนต่าง ๆ ของยุโรป ตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 เรารู้ว่านอร์เวย์เป็นประเทศแรก ๆ ที่รับกีฬานี้มาเล่น (เป็นไปได้ไหมว่าโอลาฟลูกพี่ลูกน้องของกู๊ดวิน นีน เป็นคนแรกที่นำกีฬานี้ไปเล่นที่นั่น) สืบเนื่องมาจากกวีนิพนธ์ที่ประพันธ์โดยกวีอินกลอฟ เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 15 มีใจความว่า
ตื่นเต้นนักหนาเมื่อล่าไล่
แหวกฟ้าไปสูงลิ่วในเวหน
ลูกสนิชเหนือหัวอยู่เบื้องบน
และสายลมโบกสะบัดพัดเส้นผม
เมื่อฉันบินล่าไล่เข้าไปใกล้
ฝูงคนดูเชียร์กันให้เสียงขรม
แต่ทันใดลูกบลัดเจอร์พุ่งเข้าชน
ฉันพลันล้มสลบหมดกำลัง

ในเวลาเดียวกันนั้น มัลเลอครี พ่อมดชาวฝรั่งเศสก็เขียนบทสนทนาต่อไปนี้ในบทละครเรื่อง อนิจจาฉันเสกคาถาแปลงร่างใส่เท้าของฉัน (Helas, Je me suis Transfigure Les Pieds) ความว่า
เกรอนุย : วันนี้ฉันไปตลาดกับเธอไม่ได้นะคราโปด์
คราโปด์ : แต่เกรอนุย ฉันแบกวัวไปคนเดียวไม่ไหวหรอกนะ
เกรอนุย : เธอก็รู้นี่ คราโปด์ ว่าฉันต้องเล่นเป็นคีปเปอร์เช้านี้ ใครจะหยุดลูกควัฟเฟิลล่ะ ถ้าไม่ใช่ฉัน

ในปี ค.ศ. 1473 มีการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพเป็นครั้งแรก แม้ว่าทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันจะมีแต่ชาติในยุโรปเท่านั้น เหตุที่ไม่มีทีมชาติที่อยู่ห่างไกลมาร่วมแข่งด้วย อาจเนื่องมาจากนกฮูกที่ส่งจดหมายเชิญนั้นหมดแรงเสียก่อนจะถึงที่หมาย หรืออาจเป็นไปได้ว่าชาติที่ได้รับเชิญไม่เต็มใจเดินทางไกลและลำบากลำบนเช่นนี้ หรือบางทีอาจมีเหตุผลง่าย ๆ คืออยากอยู่บ้านมากกว่า
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระหว่างทีมจากทรานซิลเวเนียและแฟนเดอส์นั้น ได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็นการแข่งขันที่รุนแรงที่สุดตลอดกาล และการเล่นผิดกติกาที่จดบันทึกไว้หลายอย่างก็ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนด้วย ตัวอย่างเช่น เปลี่ยนร่างเชสเซอร์คนหนึ่งให้เป็นพังพอน พยายามที่จะตัดหัวคีปเปอร์ด้วยดาบที่มีใบมีดกว้างใหญ่ และ กัปตันทีมทรานซิลเวเนียปล่อยค้างคาวดูดเลือดหนึ่งร้อยตัวออกมาจากใต้เสื้อคลุม หลังจากนั้นมีการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพกันทุกสี่ปี แม้ว่าก่อนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 จะไม่มีทีมอื่นนอกเหนือจากทีมยุโรปเข้าร่วมแข่งขันด้วยเลย ส่วนยูโรเปี้ยนคัพก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1652 และจัดให้มีการแข่งขันกันทุก ๆ สามปีนับแต่นั้นมา
ในบรรดาทีมสโมสรของยุโรปที่เก่งฉกาจฉกรรจ์ ทีมวรัตซ่า วัลเจอส์ (Vratsa Vultures) ของบัลแกเรียน่าจะมีชื่อเสียงที่สุด ครองถ้วยยูโรเปี้ยนคัพทั้งหมดเจ็ดครั้งด้วยกัน ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทีมวรัตซ่า วัลเจอส์เป็นทีมหนึ่งในบรรดาทีมที่เล่นได้ตื่นเต้นระทึกใจที่สุดในโลก เป็นผู้บุกเบิกการทำประตูระยะไกล (โยนลูกไกลนอกเขตทำคะแนน) และทีมนี้ยังเต็มใจเสมอที่จะให้โอกาสผู้เล่นหน้าใหม่ได้สร้างชื่อเสียง
สำหรับประเทศฝรั่งเศส ทีมสโมสรที่ชนะบ่อยครั้งคือควีเบอรอน ควัฟเฟิลพันเชอรส์ (Quiberon Quafflepunchers) ซึ่งมีชื่อเสียงเลื่องลือเรื่องการเล่นที่ร่าเริงพอ ๆ กัน กับเสื้อคลุมสีชมพูจัดจ้านของพวกเขา ในประเทศเยอรมนี เราพบทีมไฮด์เบิร์ก แฮร์เรียส์ (Heidelberg Harriers) ทีมนี้ ดาเรน โอแฮร์ กัปตันทีมชาติไอริชเคยให้คำชมที่มีชื่อเสียงว่า ‘ดุร้ายยิ่งกว่ามังกรและฉลาดกว่าเป็นสองเท่าด้วย’ ลักเซมเบิร์กเป็นชาติที่มีทีมควิดดิชแข็ง ๆ เสมอ ทีมเด่นที่ประเทศนี้มอบให้แก่พวกเราคือบิกอนวิลล์ บอมเบอส์ (Bigonville Bombers) ทีมนี้ขึ้นชื่อมากเรื่องยุทธวิธีการบุก และมักอยู่ในกลุ่มผู้ทำคะแนนได้สูง ส่วนทีมจากประเทศโปรตุเกสคือแบรกก้า บรูมฟลีต (Braga Broomfleet) เมื่อเร็ว ๆ นี้สามารถแหวกขึ้นมาอยู่อันดับต้น ๆ ของวงการควิดดิชได้ เป็นเพราะระบบจับติดบีตเตอร์ของทีมที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน นอกจากนี้เรายังมีซีกเกอร์ที่สามารถสร้างสรรค์กลยุทธ์ใหม่ ๆ ได้เก่งที่สุดในโลกโดยไม่มีข้อโต้แย้ง นั่นคือโจเซฟ รอนสกี้ จากทีมกรอดซิสก์ ก็อบลินส์ (Grodzisk Goblins) ของประเทศโปแลนด์



ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

มีผู้นำควิดดิชเข้าไปเผยแพร่ในนิวซีแลนด์เมื่อประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 17 เชื่อกันว่าเป็นทีมนักสมุนไพรศาสตร์ชาวยุโรปที่เดินทางไปค้นคว้าเรื่องพืช และเห็ดวิเศษต่าง ๆ มีเรื่องเล่าว่าหลังจากที่เก็บตัวอย่างพืชและเห็ดต่าง ๆ อย่างคร่ำเคร่งตลอดวันแล้ว พ่อมดแม่มดเหล่านี้ก็ผ่อนคลายความตึงเครียด ด้วยการเล่นควิดดิชภายใต้สายตางงงวยของชุมชนผู้วิเศษชาวพื้นเมือง กระทรวงเวทมนตร์แห่งนิวซีแลนด์ต้องเสียเงินและเวลามากมาย เพื่อป้องกันไม่ให้มักเกิ้ลได้งานศิลปะของชาวพื้นเมืองเมารีในยุคนั้นไปครอบครอง เพราะงานศิลปะเหล่านี้แสดงให้เห็นรูปพ่อมดผิวขาวเล่นควิดดิชอย่างชัดเจน (ภาพแกะสลักและภาพวาดเหล่านี้ปัจจุบันแสดงไว้ที่ กระทรวงเวทมนตร์ที่เมืองเวลลิงตัน)
การเผยแพร่ควิดดิชไปยังออสเตรเลียเชื่อว่าเกิดขึ้นเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 อาจกล่าวได้ว่าออสเตรเลียเป็นดินแดนในอุดมคติสำหรับการเล่นกีฬาควิดดิชทีเดียว เพราะว่ามีพื้นที่ที่อยู่ห่างไกลออกไปภายในทวีปกว้างใหญ่ไพศาล และไม่มีคนอยู่อาศัยเลย เหมาะสมที่จะจัดทำสนามควิดดิชได้มากมายหลายแห่ง
ทีมควิดดิชอีกมุมโลกที่ทำให้ผู้ชมชาวยุโรปตื่นเต้นเร้าใจได้เสมอ ด้วยความรวดเร็วและเล่ห์เหลี่ยมความสามารถของผู้เล่น ในบรรดาทีมดีเยี่ยม ได้แก่ ทีมมูโตโฮรา มาเคาส์ (Moutoohora Macaws) จากนิวซีแลนด์ มีเสื้อคลุมสีแดงเหลืองและน้ำเงินที่รู้จักกันดี รวมทั้งสปาร์กี้ นกฟีนิกซ์ประจำทีมทันเดอลาร่า ทันเดอเรอส์ (Thundelarra Thunderers) และลูลลองกอง วอร์ริเออส์ (Woollongong Warriors) สองทีมที่เก่งกาจเหนือกว่าทีมอื่น ๆ ในควิดดิชลีกของออสเตรเลีย เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษแล้ว การชิงดีชิงเด่นระหว่างทีมคู่อาฆาตสองทีมนี้ เป็นที่เลื่องลืออยู่ในชุมชนผู้วิเศษของออสเตรเลีย จนกระทั่งเวลามีคนคุยโวหรือโอ้อวดเรื่องที่เหลือเชื่อ จึงมีสำนวนตอบที่นิยมพูดกันแพร่หลายว่า
“เออใช่ และฉันว่าฉันก็จะอาสาสมัครไปเป็นกรรมการการแข่งขัน ระหว่างทีมทันเดอเรอส์กับทีมวอร์ริเออส์คราวหน้าด้วย”



แอฟริกา

ไม้กวาดน่าจะเข้าไปในแอฟริกาโดยพ่อมดและแม่มดชาวยุโรปที่เดินทางไปที่นั่น เพื่อค้นหาความรู้เกี่ยวกับการเล่นแร่แปรธาตุและดาราศาสตร์ ศาสตร์สองแขนงที่พ่อมดชาวแอฟริกันเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ แม้ว่าปัจจุบันกีฬาควิดดิชจะไม่ได้เล่นกันแพร่หลายเหมือนในยุโรป แต่กีฬานี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นทุกที่ทั่วทวีปแอฟริกา ปรากฏว่า ยูกันดาเป็นประเทศที่สนอกสนใจเล่นกีฬาควิดดิชมาก สโมสรที่มีชื่อมากที่สุดคือพาตองก้า พราวด์สติกส์ (Patonga Proudsticks) ทีมนี้สามารถเล่นเสมอกับทีมมอนโทรส แมกไพส์ ได้ในปี ค.ศ. 1986 ท่ามกลางความตกตะลึงของชาติส่วนใหญ่ในโลกของควิดดิช เมื่อเร็ว ๆ นี้ ผู้เล่นจากทีมพราวด์สติกส์ถึงหกคนได้เป็นตัวแทนไปเล่นในทีมชาติยูกันดา ในการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพ ถือเป็นจำนวนพ่อมดที่มากที่สุดที่มาจากสโมสรเดียวกัน และเข้าร่วมการแข่งขันในระดับทีมชาติ ส่วนทีมอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงจากแอฟริกา ได้แก่ ทีมซัมบ้า ชาร์มเมอส์ (Tchamba Charmers) จากโตโก เจ้าแห่งรีเวิร์สพาส หรือการส่งลูกกลับหลัง, ทีมจิมบี้ ไจแอนท์ สเลเยอส์ (Gimbi Giant-Slayers) จากเอทิโอเปีย ชนะการแข่งขันชิงแอฟริกาคัพถึงสองครั้ง และ ทีมซัมบาวันก้า ซันเรส์ (Sumbawanga Sunrays) จากแทนซาเนีย เป็นทีมที่ได้รับความนิยมสูงมาก และท่าบินตีลังการุกฆาตของทีมนี้สร้างความพึงพอใจให้ผู้ชมไปทั่วโลก



อเมริกาเหนือ

ควิดดิชไปถึงทวีปอเมริกาเหนือเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 17 แต่ทว่าการเผยแพร่เป็นไปอย่างเชื่องช้า เนื่องจากเคราะห์ไม่ดี ที่ความรู้สึกต่อต้านพ่อมดแม่มดมีความรุนแรงมากเป็นพิเศษจากยุโรป ได้ติดตามผู้อพยพไปด้วยในเวลาเดียวกัน พ่อมดแม่มดผู้ตั้งถิ่นฐานในยุคนั้นจึงต้องระแวดระวังตัวเป็นพิเศษ แม้ว่าพ่อมดแม่มดทั้งหลายคนเคยหวังว่าพวกเขาจะเจออคติน้อยลงในโลกใหม่ ด้วยความระวังนี้เอง จึงกำจัดความเผยแพร่ของกีฬานี้ในช่วงแรก
อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาแคนาดาสร้างทีมควิดดิชที่มีความสามารถสูงเยี่ยมระดับโลกสามทีม ได้แก่ มูส จอว์ มีทีโอไรตส์ (Moose Jaw Meteorites), เฮลลี่ เบอร์รี่ แฮมเมอส์ (Haileybury Hammers) และสโตนวอลล์ สตอร์มเมอส์ (Stonewall Stormers) ทีมมีทีโอไรตส์นั้น เฉียดฉิวจะถูกสั่งให้ยุบทีมเสียแล้วเมื่อศตวรรษที่ 1970 เนื่องจากยังคงดื้อดึงใช้ประเพณีฉลองชัยชนะไฟลุกโชติช่วงเป็นทางยาวจากปลายไม้กวาด ปัจจุบันทีมมีทีโอไรตส์นี้ ยอมจำกัดการฉลองตามประเพณีอยู่แต่ในสนามภายหลังการแข่งขัน ผลคือการแข่งขันของ ทีมมีทีโอไรตส์ ยังคงดึงดูดความสนใจพ่อมดแม่มดนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้อยู่
ประเทศสหรัฐอเมริกา ไม่ได้ผลิตทีมควิดดิชชนะระดับโลกหลายทีมเช่นชาติอื่น เพราะกีฬาควิดดิชต้องแข่งขันกับกีฬาไม้กวาดของอเมริกันเองที่ชื่อว่า ควอดพ็อต (Quodpot) กีฬาควอดพ็อตนี้แตกแขนงมาจากการเล่นควิดดิช ที่ประดิษฐ์โดยอับราฮัม พีสกู๊ด พ่อมดในคริสต์ศตวรรษที่ 18 เขานำลูกควัฟเฟิลติดตัวมาด้วยจากโลกเก่า และตั้งใจจะสมัครพรรคพวกมาตั้งแต่ทีมเล่นควิดดิช เล่ากันว่าลูกควัฟเฟิลของพีสกู๊ดนั้น เกิดพลั้งเผลอไปกระทบกับปลายไม้กายสิทธิ์ของเขาเมื่อตอนอยู่ในหีบเหล็ก ฉะนั้นในที่สุด เมื่อเขาหยิบเอาลูกควัฟเฟิลออกมา และเริ่มขว้างเล่นไปเรื่อย ๆ มันก็ระเบิดตูมใส่หน้าเขา พีสกู๊ดดูจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขันเหลือเฟือมาก เขาตั้งต้นผลิตลูกบอลที่เพิ่งได้ชื่อสดใหม่ว่า ควอด ในเกมควอดพ็อตนี้ แต่ละข้างมีผู้เล่นสิบเอ็ดคน พวกเขาโยนลูกควอดหรือควัฟเฟิลที่ถูกแก้ไขปรับปรุงแล้วนี้ จากผู้เล่นคนหนึ่งไปยังอีกคนในทีมเดียวกัน พยายามให้พาลูกเข้าไปอยู่ในหม้อที่ปลายสนามก่อนที่มันจะระเบิด ผู้เล่นคนไหนที่ครองลูกควอดอยู่เมื่อมันระเบิดต้องออกไปจากสนาม เมื่อลูกควอดปลอดภัยอยู่ในหม้อแล้ว (หม้อขนาดเล็กใส่น้ำป้องกันไม่ให้ลูกควอดระเบิด) ทีมของผู้ที่โยนลูกได้จะได้หนึ่งแต้ม แล้วนำลูกควอดลูกใหม่เข้ามาให้สนามแทน ควอดพ็อต ประสบความสำเร็จพอควรในยุโรป เป็นกีฬาที่มีกลุ่มคนจำนวนน้อยกลุ่มหนึ่งนิยมเล่น แต่พ่อมดแม่มดจำนวนมากมายมหาศาลยังคงซื่อสัตว์ต่อกีฬาควิดดิช
ในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าเสน่ห์ของเกมควอดพ็อตจะมีแรงดึงดูดแฟน ๆ มากอยู่ แต่กีฬาควิดดิชเองก็ได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่นานมานี้ มีสองทีมจากสหรัฐฯ ที่สามารถแหวกขึ้นมาอยู่ในระดับนานาชาติได้ นั่นคือ ทีมสวีตวอเตอร์ ออลสตาร์ส (Sweetwater All-Stars) จากเท็กซัส เป็นทีมที่มีชัยชนะอย่างสมศักดิ์ศรีเหนือทีมควีเบอรอน ควัฟเฟิลพันเชอร์ ในปี ค.ศ. 1993 หลังจากที่เล่นกันอย่างตื่นเต้นระทึกใจอยู่ห้าวัน อีกทีมหนึ่งคือ ฟิชเบิร์ก ฟินเชส (Fitchburg Finches) จากรัฐแมสซาชูเซตส์ ซึ่งชนะรางวัลสมาคมสหรัฐฯ ถึงเจ็ดหน และแมกซิมัส แบรนโควิชที่สาม ซีกเกอร์ของทีม เป็นกัปตันทีมชาติสหรัฐฯ ในการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพสองครั้งที่ผ่านมา



อเมริกาใต้

กีฬาควิดดิชเล่นกันตลอดทวีปอเมริกาใต้ แม้ว่าเกมนี้จะต้องแข่งขันกับกีฬาควอดพ็อต ที่เป็นที่นิยมกันมากในทวีปนี้เช่นเดียวกับทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อศตวรรษที่แล้ว อาร์เจนติน่าและบราซิล เป็นสองประเทศที่ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศในการแข่งขันควิดดิชเวิลด์คัพ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าชาติที่เชี่ยวชาญเรื่องควิดดิชมากที่สุดในอเมริกาใต้ คือ เปรู ซึ่งทายกันว่าจะเป็นชาติละตินชาติแรก ที่จะสามารถชนะครองถ้วยควิดดิชเวิลด์คัพได้ในอีกสิบปีข้างหน้า เชื่อกันว่าผู้วิเศษชาวเปรูได้ประสบการณ์การเผชิญหน้ากับกีฬาควิดดิชเป็นครั้งแรก จากพ่อมดชาวยุโรป ที่สหพันธ์พ่อมดนานาชาติส่งมาควบคุมตรวจตราจำนวนมังกรพันธุ์เปรูเขี้ยวพิษ ควิดดิชได้กลายเป็นความคลั่งไคล้ที่แท้จริงของชุมชนพ่อมดแม่มดที่นั่นตั้งแต่นั้นมา และทีมที่มีชื่อเสียงที่สุดของเปรูคือทาราพอตโต ทรีสกิมเมอส์ (Tarapoto Treeskimmers) เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ได้เดินทางไปเล่นทั่วยุโรปทำชื่อเสียงเป็นที่ยกย่องมาก



เอเชีย

ควิดดิชไม่บรรลุถึงความนิยมสุดยอดในดินแดนทางตะวันออก เพราะไม้กวาดบินเป็นของหายากในประเทศแถบนี้ ที่ยังคงนิยมใช้พรมเป็นเครื่องช่วยบินมากกว่า กระทรวงเวทมนตร์ของประเทศที่ยังคงส่งพรมเหาะเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ปากีสถาน, อินเดีย, บังกลาเทศ, อิหร่าน และมองโกเลีย ต่างก็เฝ้าจับตาดูกีฬาควิดดิชด้วยความหวาดระแวง อย่างไรก็ตาม กีฬานี้มีแฟน ๆ อยู่บ้างในกลุ่มพ่อมดทั่วไป
ประเทศที่เป็นข้อยกเว้นจากกฎทั่วไปนี้ คือ ญี่ปุ่น ควิดดิชได้รับความนิยมในญี่ปุ่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดช่วงศตวรรษที่แล้ว ทีมญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากคือทีมโตโยฮาชิ เทนกุ (Toyohashi Tengu) ที่เกือบเอาชนะ ทีมโกโรด็อก การ์กอยส์ (Gorodox Gargoyles) ของบัลแกเรียได้ในการแข่งขันเมื่อปี ค.ศ. 1994 อย่างไรก็ตาม ธรรมเนียมของญี่ปุ่นที่จุดไฟเผาไม้กวาดอย่างเป็นพิธีเมื่อแข่งแพ้ ถูกคณะกรรมการกีฬาควิดดิชในสหพันธ์พ่อมดนานาชาติจับตามองอย่างไม่สบอารมณ์ โดยตำหนิว่าเป็นการทำลายไม้กวาดดี ๆ ให้เสียเปล่า




รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:37 AM
โพสต์ #10


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 9
พัฒนาการของไม้กวาดแข่ง




ก่อนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 กีฬาควิดดิชเล่นกันโดยใช้ไม้กวาดประจำวันที่มีคุณสมบัติแตกต่างกันมาก ไม้กวาดเหล่านี้ที่จริงก็ได้พัฒนาไปไกลจากไม้กวาดในยุคกลางมามากแล้ว การประดิษฐ์คาถาเบาะรองนั่งโดย เอลเลียต สเม็ตวิก เมื่อปี ค.ศ. 1820 ช่วยทำให้ไม้กวาดนั่งสบายกว่าแต่ก่อนมาก อย่างไรก็ตาม ไม้กวาดทั่วไปในคริสต์ศตวรรษที่ 19 นั้นไม่สามารถบินขึ้นไปด้วยความเร็วสูงได้ และยิ่งยากที่จะควบคุมได้ดีเมื่อบินไปถึงระดับที่สูงมาก ไม้กวาดเหล่านี้มักจะประดิษฐ์ด้วยมือโดยช่างไม้กวาดแต่ละคน และแม้ว่าไม้กวาดพวกนี้จะเป็นที่นิยมชมชื่นกันในด้านรูปแบบและฝีมือ แต่สมรรถภาพของไม้กวาดนั้นมักจะไม่เท่าเทียมกับรูปร่างที่สวยงามเลย
ตัวอย่างของไม้กวาดประเภทนี้คือ ไม้กวาดโอ๊กชาฟต์ 79 (Oakshaft 79) ซึ่งตั้งชื่อนี้เพราะต้นแบบแรกนั้นสร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1879 ประดิษฐ์โดย อีไลอัส กริมสโตน ช่างทำไม้กวาดแห่งเมืองปอร์ตสมัท ไม้กวาดโอ๊กชาฟต์นี้สวยงามมาก ด้ามทำด้วยไม้โอ๊กหนา ออกแบบมาเพื่อให้บินได้นานและแข็งแรงพอจะต้านกระแสลมแรง ๆ ไม้กวาดโอ๊กชาฟต์ในปัจจุบัน ถือว่าเป็นไม้กวาดระดับชั้นเยี่ยม แต่ความพยายามที่จะใช้ไม้กวาดนี้ในการแข่งขันควิดดิชไม่เคยประสบความสำเร็จเลย เพราะมันอุ้ยอ้ายเกินกว่าจะเลี้ยวโค้งได้เมื่อบินมาด้วยความเร็วสูง ดังนั้นไม้กวาดโอ๊กชาฟต์จึงไม่เคยเป็นที่นิยมของพวกที่ถือความคล่องแคล่ว ว่องไว สำคัญเหนือกว่าความปลอดภัย



กระนั้นไม้กวาดนี้ก็เป็นที่จดจำระลึกถึงเสมอในฐานะไม้กวาดที่ โจคุนด้า ไซกส์ ใช้บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1935 (ก่อนหน้านั้นเมื่อต้องเดินทางระยะไกล พ่อมดแม่มดพอใจที่จะเดินทางด้วยเรือโดยสาร มากกว่าจะไว้ใจเดินทางด้วยไม้กวาด การหายตัวก็ไว้ใจไม่ได้ถ้าระยะทางไกลมาก และมีแต่พ่อมดแม่มดที่เชี่ยวชาญมาก ๆ เท่านั้นที่จะกล้าใช้วิธีการหายตัวข้ามทวีป)
ไม้กวาดมูนทริมเมอร์ (Moontrimmer) ซึ่งประดิษฐ์โดย กลาดีส บู๊ตบี้ ในปี ค.ศ. 1901 เป็นตัวแทนให้เห็นว่าวงการสร้างไม้กวาดก้าวกระโดดไปไกลมาก และเป็นเวลานานทีเดียวที่ไม้กวาดซึ่งทำจากไม้แอชรูปร่างเพรียวนี้ จะเป็นที่ต้องการอย่างสูงในฐานะไม้กวาดสำหรับเกมควิดดิช ข้อเด่นที่ทำให้ไม้กวาดมูนทริมเมอร์เหนือกว่าไม้กวาดประเภทอื่นคือ มันสามารถบินขึ้นไปได้สูงอย่างที่ไม่เคยมีไม้กวาดไหนทำได้มาก่อน (และที่สำคัญยังสามารถควบคุมได้ดีในระดับความสูงนั้น) กลาดีส บู๊ตบี้ ไม่สามารถผลิตไม้กวาดมูนทริมเมอร์ในจำนวนมาก เท่าที่ผู้เล่นควิดดิชทั้งหลายส่งเสียงเรียกร้องได้ ดังนั้นเมื่อมีการผลิตไม้กวาดใหม่ชื่อ ซิลเวอร์ แอร์โรว์ (Silver Arrow) ออกมา ผู้เล่นจึงรีบตอบรับทันที ไม้กวาดนี้ถือว่าเป็นไม้กวาดรุ่นบุกเบิกของไม้กวาดแข่ง มันบินได้เร็วกว่ามูนทริมเมอร์หรือโอ๊กชาฟต์มาก (เมื่อบินตามแรงส่งจากไม้กวาดอันหน้า จะมีความเร็วถึงเจ็ดสิบไมล์ต่อชั่วโมง) แต่นั่นแหละ ไม้กวาดนี้เป็นผลงานของพ่อมดคนเดียว (เลโอนาร์ด จุกส์) และความต้องการไม้กวาดก็มีมากเกินกว่าจะผลิตได้ทัน
ความก้าวหน้าในการผลิตไม้กวาดที่สำคัญยิ่งเกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1926 เมื่อสามพี่น้องบ๊อบ บิล และยาร์นาบี้ โอลเลอร์ตัน ตั้งบริษัทไม้กวาดคลีนสวีปขึ้น ไม้กวาดรุ่นแรก ไม้กวาดคลีนสวีปวัน (Cleansweep One) ผลิตขึ้นเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และจัดจำหน่ายในฐานะไม้กวาดแข่ง ที่ออกแบบเป็นพิเศษเฉพาะใช้ในเกมกีฬาเท่านั้น ไม้กวาดตระกูลคลีนสวีปประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายและรวดเร็วทันที มันสามารถเลี้ยวโค้งได้ดีอย่างที่ไม่เคยมีไม้กวาดไหนทำได้ และภายในปีเดียวกันนั้นเอง ทีมควิดดิชทุกทีมในประเทศก็ขึ้นขี่ไม้กวาดคลีนสวีปนี้
พี่น้องตระกูลโอลเลอร์ตัน ไม่ได้ถูกปล่อยให้ครอบครองตลาดไม้กวาดแข่งแต่เพียงผู้เดียวนานนัก ในปี ค.ศ. 1929 แรนดอลฟ คีต และ แบซิล ฮอร์ตัล ก่อตั้งบริษัทไม้กวาดเจ้าที่สองขึ้น ทั้งสองคนนี้เคยเป็นผู้เล่นในทีมฟัลมัท ฟอลคอนส์มาก่อน ไม้กวาดรุ่นแรกของบริษัทคอมเม็ตเทรตดิ้งนั้นคือ ไม้กวาดคอมเม็ต 140 (Comet 140) นี่เป็นหมายเลขของไม้กวาดตัวอย่างที่คีตและฮอร์ตันทดสอบ ก่อนที่จะผลิตออกจำหน่าย คาถาเบรกของฮอร์ตัน-คีต ที่ขึ้นทะเบียนลิขสิทธิ์แล้วนั้น มีความหมายว่าผู้เล่นควิดดิชจะบินข้ามประตู หรือบินออฟไซด์ไม่ได้ง่าย ๆ อย่างแต่ก่อน ปัจจุบันทีมควิดดิชหลายทีมในเกาะบริเตนและไอร์แลนด์จึงนิยมใช้ ไม้กวาดตระกูลคอมเม็ต
การแข่งขันระหว่างคลีนสวีปและคอมเม็ตดำเนินไปอย่างเข้มข้น ช่วงที่เด่น ๆ คือ การออกไม้กวาดคลีนสวีปรุ่น 1 และ 3 ที่ปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นในปี ค.ศ. 1934 และ 1937 ตามลำดับ ส่วนคอมเม็ต 180 ออกวางตลาดเมื่อปี ค.ศ. 1938 ในระหว่างนั้นก็มีบริษัทผลิตไม้กวาดแข่งอีกมากมายผุดขึ้นมาทั่วทวีปยุโรป
ไม้กวาดแข่งชื่อ ทินเดอร์บลาสต์ (Tinderblast) ออกสู่ตลาดเมื่อปี ค.ศ. 1940 ไม้กวาดนี้ผลิตโดยบริษัทจากบริเวณป่าดำในเยอรมนีชื่อ แอลเลอร์บี้แอนด์สปัดมอร์ ไม้กวาดทินเดอร์บลาสต์นี้ มีคุณสมบัติคืนตัวได้ดีมาก แม้ว่าจะไม่สามารถบินได้เร็วเท่าคลีนสวีปหรือคอมเม็ตก็ตาม เมื่อปี ค.ศ. 1952 บริษัทแอลเลอร์บี้แอนด์สปัดมอร์ นำไม้กวาดรุ่นใหม่ออกสู่ตลาดนั่นคือ ไม้กวาดสวิฟต์สติ๊ก (Swiftstick) ไม้กวาดนี้บินได้เร็วกว่าทินเดอร์บลาสต์ อย่างไรก็ตาม สวิฟต์สติ๊กมักจะสูญเสียความเร็วเมื่อบินขึ้นระดับสูง ดังนั้นทีมควิดดิชอาชีพจึงไม่เคยใช้ไม้กวาดนี้เลย
ในปี ค.ศ. 1955 บริษัทยูนิเวอร์ซัลบรูม จำกัด นำเสนอไม้กวาดใหม่ ชูตติ้งสตาร์ (Shooting Star) ซึ่งเป็นไม้กวาดแข่งที่ราคาถูกที่สุดจนทุกวันนี้ แต่โชคไม่ดี หลังจากที่ผู้คนแตกตื่นนิยมซื้อกันมากในตอนแรกที่วางตลาด ต่อมาพบว่าไม้กวาดชูตติ้งสตาร์นี้ เมื่อใช้งานไปนาน ๆ มักจะบินไม่ได้เร็วและสูงเท่าที่เคย บริษัทยูนิเวอร์ซัลบรูมจึงต้องเลิกกิจการไปเมื่อปี ค.ศ. 1978
เมื่อปี ค.ศ. 1967 โลกของไม้กวาดก็ถูกกระตุ้นให้คึกคักตื่นตัวขึ้นมาอีกหน เมื่อมีการก่อตั้งบริษัทนิมบัสเรสซิ่งบรูมขึ้น ไม่มีใครเคยเห็นไม้กวาดไหนที่เหมือนไม้กวาดนิมบัส 1000 มาก่อน ไม้กวาดนี้สามารถบินเร็วได้ถึงหนึ่งร้อยไมล์ต่อชั่วโมง สามารถหยุดกลางอากาศและหมุนได้สามร้อยหกสิบองศารอบตัว ไม้กวาดตระกูลนิมบัส (Nimbus) นำคุณสมบัติที่วางใจได้ของไม้กวาดรุ่นเก่า อย่าง ไม้กวาดโอ๊กชาฟต์ 79 มาผสมกับการใช้งานง่ายคล่องแคล่วของไม้กวาดคลีนสวีปรุ่นที่ดีที่สุด นิมบัสจึงกลายเป็นไม้กวาดที่ทีมควิดดิชอาชีพทั่วยุโรปเลือกใช้ทันที และไม้กวาดนิมบัสรุ่นต่อไป (รุ่น 1001, 1500 และรุ่น 1700) ทำให้บริษัทนิมบัสเรสซิ่งบรูมยังคงเป็นบริษัทอันดับหนึ่งในวงการไม้กวาดนี้
ไม้กวาดทวิกเกอร์ (Twigger 90) ผลิตขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1990 ผู้ผลิตคือ บริษัทไฟลต์แอนด์บาร์เกอร์ ตั้งใจว่าไม้กวาดนี้จะมาเป็นผู้นำเทรนด์ตลอดแทนไม้กวาดนิมบัส อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไม้กวาดนี้จะมีคุณสมบัติดีเด่นมาก รวมทั้งมีอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่หลอกล่อใจผู้ซื้อประกอบติดมากับไม้กวาดด้วยอีกหลายอย่าง เช่น มีนกหวีดให้สัญญาณเตือนอยู่ในตัว และมีหางที่ช่วยปรับการบินให้ตรงได้เอง แต่ไม้กวาดทวิกเกอร์นี้มักจะโค้งงอเหมือนบินด้วยความเร็วสูง และโชคร้ายที่ไม้กวาดนี้ได้ชื่อว่า ไม้กวาดที่พวกพ่อมดที่มีเงินมากกว่ามีสติมักใช้กัน



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post
Ian McMillan
โพสต์ Nov 22 2020, 06:37 AM
โพสต์ #11


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

****




กลุ่ม : นักเรียนบ้านฮัฟเฟิลพัฟ
โพสต์ : 595
เข้าร่วม : 31-July 20
หมายเลขสมาชิก : 38,498
สายเลือด : เลือดผสม
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: ไซคามอร์ | ยาว: 15"
แกนกลาง: ขนหางเธสตรอล
ความยืดหยุ่น: แข็ง

สัตว์เลี้ยง


ผู้พิทักษ์








บทที่ 10
ควิดดิชในปัจจุบัน




กีฬาควิดดิชยังคงทำให้แฟน ๆ ตื่นเต้นเร้าใจและคลั่งไคล้ไปทั่วโลก ปัจจุบันรับประกันได้ว่าคนที่ซื้อตั๋วดูการแข่งขันควิดดิชทุกคน จะได้เห็นการแข่งขันที่มีชั้นเชิงสูง ระหว่างผู้เล่นที่บินอย่างเชี่ยวชาญยิ่ง (แน่นอน ยกเว้นแต่ว่าจะจับลูกสนิชได้ในห้านาทีแรกของการแข่งขัน ถ้าเป็นเช่นนั้นพวกเราทุกคนคงรู้สึกว่าถูกโกงหน่อย ๆ เหมือนได้รับเงินทอนไม่ครบทำนองนั้น) ไม่มีอะไรจะพิสูจน์ความดีเด่นของเกมควิดดิชได้ดีไปกว่าท่าเล่นยาก ๆ ที่บรรดาผู้เล่นพ่อมดแม่มดทั้งหลาย สร้างสรรค์ขึ้นมาตลอดในประวัติศาสตร์อันยาวนานของกีฬานี้ พ่อมดแม่มดเหล่านี้กระตือรือร้นที่จะสร้างท่าเล่นยาก ๆ เพื่อผลักดันผู้เล่นและกีฬานี้ให้ดีขึ้นเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้ ต่อไปนี้คือ ท่าเล่นพิสดารบางท่าที่ยกมาเป็นตัวอย่าง


บลัดเจอร์ แบ็กบีต (Bludger Backbeat)

เป็นท่าที่บีตเตอร์ตีลูกบลัดเจอร์ด้วยไม้ตีในท่าแบ็กแฮนด์ ส่งลูกบลัดเจอร์ลอยไปข้างหลังเขาหรือเธอ แทนที่จะไปข้างหน้า ท่านี้ตีให้เที่ยงตรงแม่นยำได้ยาก แต่ดีเลิศในแง่ทำให้คู่ต่อสู้งุนงง



ด๊อปเปิ้ลบีตเตอร์ ดีเฟนซ์ (Dopplebeater Defence)

บีตเตอร์ทั้งสองคนใช้แรงมากเป็นพิเศษตีลูกบลัดเจอร์พร้อมกัน ผลคือในการรุกครั้งต่อไป ลูกบลัดเจอร์จะโจมตีอย่างดุเดือดรุนแรงมากขึ้นไปอีก



ดับเบิ้ล เอต ลูป (Double Eight Loop)

เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ ปกติมักใช้ป้องกันการโยนลูกโทษ คีปเปอร์จะบินเลี้ยวโค้งเป็นรูปเลขแปดไปรอบ ๆ ห่วงประตูทั้งสามห่วง ด้วยความเร็วสูงเพื่อคอยกันลูกควัฟเฟิล



ฮอกส์เฮด อะแทกกิ้ง ฟอร์เมชั่น (Hawkshead Attacking Formation)

เชสเซอร์มารวมตัวกันทำเป็นรูปหัวลูกศร บินไปพร้อม ๆ กันมุ่งไปที่เสาประตู ท่านี้ข่มขวัญทีมคู่ต่อสู้ได้มาก และมีประสิทธิภาพในการบังคับให้ผู้เล่นอื่นต้องบินหลบไปข้าง ๆ



พาร์กินส์ พินเชอร์ (Parkin's Pincer)

ตั้งชื่อตามผู้เล่นในทีมวิกทาวน์ วันเดอเรอส์ ที่ได้ชื่อว่าเป็นคนประดิษฐ์ท่านี้ขึ้นมา เชสเซอร์สองคนช่วยกันบินเข้าไปบีบเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามจากด้านซ้ายและขวา ขณะที่เชสเซอร์คนที่สามบินพุ่งตรงเข้าไปหาเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามนั้น



พลัมป์ตัน พาส (Plumpton Pass)

เป็นท่าเลี้ยวโค้งหมุนตัวที่ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจทำของซีกเกอร์ แต่สามารถคว้าจับลูกสนิชที่ลอยอยู่ที่แขนเสื้อไว้ได้ นับเป็นทีเด็ดอย่างหนึ่ง ตั้งชื่อตาม รอดดริก พลัมป์ตัน ซีกเกอร์ของทีมทัดชิล ทอร์เนโดส์ ที่ใช้ท่านี้ในการจับลูกสนิชที่โด่งดังในประวัติการณ์ในปี ค.ศ. 1921 แม้ว่านักวิจารณ์หลายคนจะกล่าวหาว่าที่เขาทำได้นั้นเป็นเรื่องบังเอิญ แต่พลัมป์ตันยืนกรานจวบจนเขาถึงแก่กรรมว่าเขาตั้งใจทำท่านั้นจับลูกสนิชจริง ๆ



พอร์สคอฟ พลอย (Porskoff Ploy)

เชสเซอร์ถือลูกควัฟเฟิลบินทะยานขึ้นไปในอากาศ ล่อให้เชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามเชื่อว่าเขาหรือเธอกำลังพยายามบินหนีไปทำคะแนน แต่แล้วก็โยนควัฟเฟิลลงมาข้างล่างให้เชสเซอร์ทีมเดียวกันที่คอยรับอยู่ เชสเซอร์ทั้งสองต้องกะจังหวะเวลาให้ตรงกันพอดี นี่เป็นหัวใจของท่านี้ ได้ชื่อมาจาก เพ็ตโทรว่า พอร์สคอฟ เชสเซอร์ชาวรัสเซีย



รีเวิร์ส พาส (Reverse Pass)

เชสเซอร์โยนลูกควัฟเฟิลข้ามไหล่ของตนไปให้ผู้เล่นทีมเดียวกันอีกคน การโยนให้ได้แม่นยำนั้นทำได้ยากมาก



สล็อท กริป โรลล์ (Sloth Grip Roll)

ห้อยกลับหัวจากไม้กวาด ยึดไม้กวาดไว้แน่นด้วยมือและเท้าสองข้างเพื่อหลบหลีกลูกบลัดเจอร์



สตาร์ฟิชแอนด์สติ๊ก (Starfish and Stick)

เป็นท่าป้องกันของคีปเปอร์ โดยคีปเปอร์ถือไม้กวาดในแนวนอน ใช้มือและเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวจับด้ามไม้กวาดแน่น ในขณะที่กางแขนและขาอีกข้างออกไปตรง ๆ ท่าปลาดาวแต่ไม่มีไม้นั้นไม่ควรลองทำอย่างยิ่ง

รูป ช



ทรานซิลเวเนียน แท็กเคิล (Transylvianian Tackle)

เป็นท่าต่อยหลอก ๆ เล็งไปที่จมูก ไม่ถือว่าผิดกติกาจนกว่าจะสัมผัสกันจริง ๆ แต่ก็หยุดได้ยากมาก เมื่อทั้งสองฝ่ายอยู่บนไม้กวาดที่มีความเร็วสูง ปรากฏครั้งแรกในควิดดิชเวิลด์คัพปี ค.ศ. 1473



วูลลองกอง ชิมมี่ (Woollongong Shimmy)

เป็นท่าที่ทีมวูลลองกอง วอร์ริเออส์ จากออสเตรเลียทำได้สมบูรณ์แบบมาก นี่เป็นท่าบินซิกแซ็กด้วยความเร็วสูง เพื่อสลัดเชสเซอร์ฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ติดตามได้



รอนสกี้ เฟนต์ (Wronski Feint)

ซีกเกอร์บินข้ามสิ่งกีดขวางไปที่พื้นสนามแล้วทำเป็นว่าเห็นลูกสนิช จากนั้นจึงเชิดหัวไม้กวาดขึ้นก่อนจะดิ่งลงไปกระแทกพื้น ท่านี้ตั้งใจหลอกให้ซีกเกอร์อีกฝ่ายทำตามจนดิ่งไปกระแทกพื้น ตั้งชื่อตาม โจเซฟ รอนสกี้ ซีกเกอร์ชาวโปแลนด์



ไม่มีข้อสงสัยเลยว่าควิดดิชได้เปลี่ยนไปมาก จากที่เคยได้รู้เมื่อครั้งที่ เกอร์ตี้ เค็ดเดิล เขียนบันทึกไว้ว่า ‘พวกกะโหลกทึบ’ เล่นกันที่หนองน้ำเควียร์ดิตช์ บางทีถ้าเกอร์ตี้มีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน เธอเองก็อาจจะตื่นเต้นเร้าใจไปกับบทกวีและพลังของเกมควิดดิชเหมือนกัน ขอให้กีฬานี้จงพัฒนาก้าวหน้าต่อไปอีกนานเท่านาน และขอให้พ่อมดแม่มดรุ่นต่อไปในอนาคต ได้สนุกสนานเพลิดเพลินกับกีฬาที่วิเศษที่สุดชั่วกาลนาน



รวบรวมโดย ฮอกวอตส์ไทย (http://hogwartsthai.com)
หากนำข้อมูลนี้หรือส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ กรุณาให้เครดิตฮอกวอตส์ไทยด้วย

Go to the top of the page
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 29th March 2024 - 02:23 AM