IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Closed TopicStart new topic
> [Fic Twilight] Love does not rust, Carlisle x Esme PG-13
HIDE.Dawn
โพสต์ Jan 28 2011, 11:54 PM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 1

*****




กลุ่ม : นักเรียนฮอกวอตส์
โพสต์ : 824
เข้าร่วม : 28-January 11
จาก : บนโลกใบนี้แหละ
หมายเลขสมาชิก : 12,348
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






ปฐมบทแห่งรัก
-------------------
--------------
----------
ปีศาจ... ไร้หัวใจ... เย็นชา... เยือกเย็น... ดุร้าย... โหดเหี้ยม... ว่องไว... ราชันย์ราตรี...

....แวมไพร์.... สัตว์ร้ายของโลกใบนี้... มันเป็นอมตะ มันไม่แก่ มันไม่มีรู้สึก...

และมัน...

กระหายโลหิตตลอดเวลา ไม่รู้จักพอ....

ข้ารังเกียจมัน !


ดังสวรรค์กลั่นแกล้งข้า ตัวข้า จงเกลียดจงชังพวกมัน พวกดูดเลือด ข้าได้ออกตามล่าพวกมันตามความปรารถนาของท่านพ่อ แต่เคราะห์ร้ายข้าโดนมัน "กัด" ตอนนี้ข้ารู้สึกทรมานอย่างบรรยายไม่ถูก เหมือนมีเปลวไฟแผดเผาไปทั่วร่าง สติสัมปชัญญะเริ่มเลอะเลือน ตอนนั้นข้ารู้แล้วว่า...

...ข้ากำลังจะเป็นแบบมัน...

มันเป็นเรื่องที่ข้ารับไม่ได้อย่างร้ายแรง ข้าหนี ข้าซ่อนตัว ข้าปฏิเสธที่จะดื่มโลหิต ปฏิเสธที่จะทำร้ายมนุษย์ แต่สัญชาติญาณดิบของมันนั้นรุนแรงยิ่งนัก ข้าเริ่มต่อต้านมันไม่ไหว ข้าหนีเข้าป่าลึกขึ้น..ลึกขึ้น

...ข้าหิวโหย และทรมาน...

ข้าไปเจอฝูงกวางกลุ่มหนึ่ง ตอนนั้นข้าไร้สติอย่างสิ้นเชิง ข้าวิ่งเข้าตะครุบกวางอย่างว่องไวตาม
สัญชาติญาณ เลือดของสัตว์ตัวนั้นทำให้ความกระหายของข้าลดลงแต่ไม่เพียงพอ แต่ข้าขอเลือกดื่มเลือดสัตว์ดีกว่าต้องอิ่มด้วยเลือดมนุษย์ ในเมื่อตายไม่ได้

...ข้าก็ต้องโดดเดี่ยวต่อไป...

ข้าเดินทางไปศึกษาทั่วยุโรป ศึกษาการแพทย์ การดนตรี ศิลปะ มากมาย แต่นั้นไม่เคยทำให้ข้ามีความสุขได้เลย เป็นเวลากว่า 200 ปีที่ข้าโดดเดี่ยว

...ข้ารู้สึกเหงาและเดี่ยวดาย...

จนกระทั่งข้าตัดสินใจหาผู้ร่วมอุดมคติ "ผู้ไม่ดื่มเลือดมนุษย์" จากการตัดสินใจครั้งนั้นทำให้ชีวิตข้าเปลี่ยนไป ข้าได้มีครอบครัว

...ข้าไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป...

และยิ่งสุขใจมากขึ้นข้าได้พบรัก... กับผู้หญิงคนหนึ่ง...
เธอเป็นผู้ชุบชีวิตที่ไร้สีสันให้สดใส
เธอขจัดความเหงาเพิ่มพูนความสุข
เธอคือผู้หญิงของข้า เอสเม่


------------------------------

ฟิคทไวไลท์อันแรกของชีวิต ส่วนตัวชอบคู่นั้นมากๆ น่ารักดีๆ เรื่องนี้ความยาวแค่ 2-3 ตอน ไม่ยาวมาก
ไม่ NC ใสๆสบายๆ หากผิดพลาดตรงไหนติได้นะไม่ว่ากัน ...

Love does not rust ชื่อฟิคแปลว่า ความรักไม่ขึ้นสนิม !! ลาวม่ะ ??
Carlisle x Esme บันชาย ย ยย !!! (รุ่นพ่อแม่ - -*)

*สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นคู่นี้ จิ้มที่ลิงค์ได้เลยนะ PIC
ติดตามอ่านกันด้วยนะ TT^TT จะพยายามไม่ดอง .....

------------------------------



Not a day goes by that I don't think of you.
ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ
Go to the top of the page
+Quote Post
HIDE.Dawn
โพสต์ Feb 2 2011, 09:10 PM
โพสต์ #2


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 1

*****




กลุ่ม : นักเรียนฮอกวอตส์
โพสต์ : 824
เข้าร่วม : 28-January 11
จาก : บนโลกใบนี้แหละ
หมายเลขสมาชิก : 12,348
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






CH 1
• คุณคือทุกสิ่ง •

การอยู่โดดเดี่ยวมายาวกว่า 200 ปี มันเป็นเรื่องที่ทรมานสุดฤทธิ์
บัดนี้ความรักเข้ามาขจัดความเหงาและความโดดเดี่ยว
ข้าต้องพยายามรักษาประคองมันไว้อย่างดี


.....ณ อเมริกา รัฐวอชิงตัน เมืองฟอร์ค นอกเมืองในป่าแทบคาบสมุทรโอลิมปิก ที่นี้มีสภาพอากาศที่แย่สุดๆ ฝนตกมากที่สุดในอเมริกา ชื้นตลอดเวลา หมอก เมฆหนาจนบางครั้งแสงทองของดวงตะวันไม่สามารถทอดลงสู่พื้นดินมอบความอบอุ่นให้ได้ นานๆครั้งจะเป็นวันที่อากาศดีและอบอุ่น



แต่มันไม่ได้แย่สำหรับทุคนยังมีครอบครัวหนึ่งที่พอใจกับสภาพอากาศที่นี้อย่างมาก พวกเขาไม่ชอบแสงอาทิตย์ที่สุด... พวกเขาทนได้ทุกสภาพอากาศ ไม่ว่าอากาศจะเป็นอย่างไรไม่มีผลต่อพวกเขา พวกเขาคือ

ครอบครัวคัลเลน...

บ้านของครอบครัวคัลเลนอยู่ในป่าลึก พวกเขาหลีกเลี่ยงที่ที่มีชุมชนแออัด เพราะเขาไม่เหมือนคนอื่น พวกเขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอสุรกาย ที่มีพลังกำลังมหาศาล ว่องไว ตัวเย็นยะเยือกประดุจหิมะเหมันต์ พวกเขาถูกขานนามไว้หลายหลากชื่อ หนึ่งในชื่อเรียกนั้นทุกคนจะคุ้นเคยกับชื่อนี้คือ แวมไพร์ ....

ในห้องทำงานของผู้เป็นเสาหลักของครอบครัวคัลเลน ห้องนั้นใหญ่โต กว้างขวาง และมีตู้หนังสือมากมาย ผนังห้องนี้รูปวาดแขวนอยู่สองสามชิ้นล้วนเป็นงานศิลปะฝีมือของเจ้าของห้องได้วาดไว้อ
ย่าง
วิจิตรงดงาม โทนสีห้องเป็นโทนสีน้ำตาลทำให้ดูทรงพลังอย่างบอกไม่ถูก ตรงกลางห้องมีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่พอควร บนโต๊ะเต็มไปด้วยกองหนังสือและกระดาษกองเอกสารที่ถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย

ตรงโต๊ะนั้นมีชายวัยกลางอายุราวๆ 20 ปลายๆนั่งอ่านหนังสือเล่มหนาอย่างสง่างาม ผมของเขาเป็นสีทองอ่อนเงาแวววาวดังผ้าไหมทองคำที่ถักทออย่างประณีต มันเข้ากันกับผิวกายของเขาที่ขาวซีดดังสีกระดาษ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาคมคายดังไม่ใช่มนุษย์บนโลก นัยน์ตาสีทองบุษราคัมกำลังไล่อ่านตัวหนังสืออย่างจดจอ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนฮึมฮัมอ่านเบาๆ

"คาร์ไลล์ค่ะ" เสียงที่อ่อนหวานดังมาจากด้านนอกห้องบริเวณหน้าประตู ทำให้เจ้าของห้องตื่นจากโลกส่วนตัว แน่นอนนั้นชื่อของเขา 'คาร์ไลล์ คัลเลน'

"เอสเม่หรอ" เขาเอ่ยอย่างอ่อนโยนเสียงของเขาได้ยินแล้วแทบจะทำให้หัวใจละลาย คาร์ไลล์สอดที่คาดหนังสือไว้แล้ววางหนังสือลง ลุกขึ้นจากเก้าอีแล้วเดินมาประตูให้แขก เขาใช้เวลาเพียบช่วงพริบตาดังหายตัวก็ถึงประตู

...ว่องไว... หนึ่งในพลังเหนือธรรมชาติที่แวมไพร์มีกันทุกตน

"มีอะไรหรือ ที่รัก" คาร์ไลล์เอ่ยพลางยิ้มให้กับภรรยาของเขาอย่างอบอุ่น

"เปล่าค่ะ เพียงแต่วันนี้ไม่เห็นคุณไปโรงพยาบาล ก็นึกคุณไม่สบาย" เธอเอ่ยอย่างเป็นห่วงเป็นใย เธอเดินเข้ามาในห้องแล้วมายืนที่กลางห้อง นัยน์สีทองบุษราคัมเฉกเช่นด้วยกับคาร์ไลล์มองไปที่ทำงานของเขา

"คุณคิดว่าผมไม่สบายเป็นหรอ?" คาร์ไลล์หัวเราะเบาๆ แล้วก็เดินตามเธอมาช้าๆ และตอนนี้เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอ

"หมกมุ่นอยู่กับหนังสืออีกแล้วนะ" เธอกล่าวพลางถอดหายใจ เธอหันไปหาคาร์ไลล์ แล้วรอยยิ้มเล็กๆเผยออกจากริมฝีปากสีแดงของเธอ

"ไปสูดอากาศข้างนอกกันหน่อยมั๊ย" เธอออกความคิดเห็น มือเรียวขาวซีดดังสีหิมะยกขึ้นพาดบ่ากว้างที่แข็งแรงของคาร์ไลล์

"เอสเม่ที่รักของผมวันนี้ นึกยังไงจะออกไปเดินเล่นเนี๊ยะ หือ?" คาร์ไลล์เอ่ยยอกล้อพลางประคองใบหน้าที่งดงามของภรรยาที่รักขึ้นช้าๆ เขาขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆแล้วส่ายศีรษะไปมา จมูกที่โด่งเป็นสันของเขาถูกกับปลายจมูกองเอสเม่สองสามที่แล้วถอยศีรษะออกมา หายใจเข้าสูดกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ

"แปลกมากรึไงคะ? คุณหมอคัลเลน" เอสเม่ผลักร่างสูงไปติดกับโต๊ะทำงาน คาร์ไลล์ยังยิ้มยกมุมปากแสดงท่าทีท้าทายลึกๆ เมื่อหลังติดโต๊ะทำให้คาร์ไลล์อยู่ในท่านั่งโดยอัตโนมัติ มือข้างหนึ่งเท้าโต๊ะไว้อีกข้างกำลังซุกซนเล่นเรือนผมสีน้ำตาลแวววาวของเอสเม่ มันลื่นและนุ่มเมื่อปุยนุ่นชั้นดีพร้อมมีกลิ่นหอมอ่อนที่ได้กลิ่นแล้วสดชื่น

..................

"เอสเม่เราแต่งงานกันมากี่ปีแล้ว คุณจำได้มั๊ย" คาร์ไลล์ตั้งคำถามขึ้น มือของเขาปัดปอยผมที่ปกหน้าของเอสเม่ออก เพื่อจะได้เห็นใบหน้าที่งดงามอย่างชัดเจน... เขาหลงรักใบหน้านี้ไม่เคยเสื่อยคลาย...

"ก็เกือบร้อยปีแล้วมั้ง ฉันจำไม่ได้เพราะว่าฉันไม่เคยจำ" เอสเม่ตอบอย่างนี้ทำเอาคาร์ไลล์คิ้วขมวดผูกกันเป็นโบว์ เอสเม่กั้นหัวเราะไม่อยู่เมื่อเห็นสีหน้าของสามีตัวเอง

"ไม่จำก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รักนิ ฉันแค่ไม่อยากจำเพราะฉันอยากให้รักของเราดูเก่าแก่เนิบนาน ฟังดูมันน่าเบื่อออก จริงมั๊ย?" เอสเม่ใช้นิ้วชี้ของเธอจิ้มไปที่คิ้วของคาร์ไลล์ เมื่อจะคลายปมโบว์ที่พันกันยุ่งออก

"ใจหายหมด แกล้งกันอยากนี้ต้องลงโทษ" คาร์ไลล์เอ่ย ตาของเขาจ้องเหมือนจะตะครุบกวางสาวที่น่าอร่อย ในชั่วพริบตาคาร์ไลล์ชิงหอมแก้มเอสเม่

"อ่ะ นี้คุณ !!" เอสเม่ขึ้นเสียง หน้าเธอแดงด้วยความเขินอาย คราวนี้คาร์ไลล์เป็นฝ่ายหัวเราะ

"อยู่กันมาตั้งหลายร้อยปี ยังเขินอีกหรอ ?" คาร์ไลล์เอ่ยน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความขี้เล่น มือใหญ่ที่ขาวซีดวางลงบนไหล่มนของเอสเม่แล้วถูขึ้นลงไปถึงต้นแขนที่ถูกห่มด้วยอาภรณ์
ชั้นดีอย่างช้าๆ มืออีกข้างคลอเคลียอยู่ที่แก้มนวลขาวอมชมพูจางๆด้วยเครื่องสำอาง

"ก็บอกแล้วไงฉันอยากให้รักเราดูใหม่เสมอ" เอสเม่กล่าวเสียวหวานเธอเงยหน้าขึ้นสบตาคาร์ไลล์ คาร์ไลล์ยิ้มตอบมือทั้งสองที่เย็นเยือกประคองหน้าที่งดงามไว้อีกครั้ง แล้วบรรจงจุมพิตลงบนริมฝีปากสีแดงอย่างช้าๆและถะนุถนอม จูบนี้ดำเนินไปอย่างเนิบนาน ลิ้นสากพันเกี้ยวอยู่ในช่องปากที่นิ่มนวล เสียงหายใจดังระถี่ขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็... ผลักออกจากกัน

..................

"คุณจะฆ่าฉันเป็นหนที่สองรึไง" เอสเม่หอบนิดๆ แม้เป็นแวมไพร์แต่ความเป็นมนุษย์ก็ยังหลงเหลือทำให้ทนไม่ได้ถ้าถูกจูบเป็นเวลานาน

"ไม่หรอก ผมไม่มีทางทำร้ายคุณหรอกที่รัก" เขากล่าวปลอบพร้อมส่งยิ้มที่อบอุ่นที่สุดในโลกให้เธอ วงแขนกว้างโอบกอดเธออย่างหลวมๆ อย่างระมัดระวังดังเธอเป็นแก้วที่เปราะง่าย

"คุณคือหัวใจของผม"

"ไม่มีวันที่ผมจะทำร้ายคุณ"

"รักคุณเอสเม่"

คุณไม่ใช่แค่ผู้หญิงธรรมดา
คุณเป็นแก้วตาของผม
คุณคือคนที่ทำให้ชีวิตอมตะของผมมีสีสด
คุณคือกำลังใจที่ทำให้ผมสู้ต่อไป
คุณคือสายน้ำที่หล่อเลี้ยงชีวิตผม
คุณคือทุกสิ่งสำหรับผม...เอสเม่


"ฉันก็รักคุณค่ะคาร์ไลล์"

....................TBC....................
(ยังไม่จบเดียวมาต่อ อีกบทส่งท้ายอีกนิดหน่อย)



Not a day goes by that I don't think of you.
ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ
Go to the top of the page
+Quote Post
HIDE.Dawn
โพสต์ Feb 13 2011, 10:39 AM
โพสต์ #3


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 1

*****




กลุ่ม : นักเรียนฮอกวอตส์
โพสต์ : 824
เข้าร่วม : 28-January 11
จาก : บนโลกใบนี้แหละ
หมายเลขสมาชิก : 12,348
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: -- | ยาว: --
แกนกลาง: --
ความยืดหยุ่น: --

สัตว์เลี้ยง






CH2
♦ ล่าสัตว์ ♦


ณ ทุ่งหญ้าสกว้างในป่าแทบเทือกเขาโอลิมปิก ที่แห่งนี้เป็นที่โล่งกว้าง ทุ่งหญ้าสเตปป์ ขึ้นสีเขียวขจี ด้วยอากาศที่หนาวเย็นและหมอกลงหนา ทำให้ปลายใบหญ้าประดับประดับไปด้วยหยาดน้ำค้างเม็ดใส นับร้อยที่แวววาวดังเพชรรัตน์ มีดอกหญ้าขึ้นเป็นย่อมๆ สร้างสีสันให้ทุ่งหญ้ากว้างนี้

ท้องฟ้าเป็นสีครามจางๆด้วยม่านหมอก มองเห็นแสงอาทิตย์เพียงเล็กน้อย อากาศหนาวเย็น ชวนให้รู้สึกขนลุกด้วยความกลัว บริเวณรอบทุ้งหญ้ามีแนวป่าสนหนาทึบ มอส ตะไคร่ ขึ้นตามลำต้นและกิ่งก้านสาขา สีเขียวเข้ม ยาวระโยงรยางค์เต็มไปหมด มีเฟิร์นขึ้นเป็นย่อมเตี้ยๆ ตามโขดหิน ตามซากไม้ที่โค่นล้ม ทำให้ป่านี้ดูมีเสน่ห์แบบประหลาด เป็นธรรมชาติที่สวยงามและหายากขึ้นทุกวัน และก็ยังดูลึกลับ น่าสะพรึงกลัว


พรึบ ! มีสิ่งชีวิตบางสิ่งกำลังวิ่งอยู่ในทุ้งหญ้า มันวิ่งไวแทบจะมองไม่ทัน... รูปร่างเหมือนจะเป็นมนุษย์มี 2 ร่าง แต่จะเป็นมนุษย์มิอาจใช่ เพราะมันว่องไวเหนือธรรมชาติ แต่ถ้ามันไม่ใช่แหละ...


ทั้งสองเหมือนกำลังวิ่งไล่จับกันอยู่โดยนี้ร่างที่เล็กเพรียวบาง มีเรือนผมยาวสยายสีน้ำตาล เรือนร่างถูกห่มด้วยอาภรณ์ที่มิดชิดสีดำ วิ่งนำหน้า น่าจะเป็นผู้หญิง และมีร่างสูงโปร่ง ท่าทางทะมัดทะแมง เรือนผมสีทองอำพันโดดเด่นสั้น สีผิวเปล่งประกายขาวซีดดังสีหิมะ


ความไวของผู้หญิงดูลดลงเรื่อยต่างกันอีกฝ่ายที่รวดเร็วอย่างเห็นได้ชัด... จนในที่สุด


หมับ ! ร่างเพรียวบางถูกจับได้ วงแขนที่แข็งแรงที่ร่างสูงโอบรัดตัวเธอไว้ ดูเป็นการกระทำที่รุนแรงแต่ ดูเธอไม่รู้สึกอะไรสักนิด


"จับได้แล้ว" เสียงห้าวที่เรียบนุ่มของเขากล่าวขึ้น วงแขนยังรัดร่างของเธอไว้ รอยยิ้มแสนขี้เล่นยิ้มไม่หุบ

"คาร์ไลล์แน่นเกินไปแล้วนะ" เธอกล่าวพลางหัวเราะอย่างสนุกสนาน ร่างสูงคลายกอดออกทันที แล้วทรุดตัวลงนอนบนพื้นหญ้าที่ชื้นนุ่ม ทำท่าแสร้งหมดแรง

"เอสเม่คุณนี้ไวขึ้นมากเลยนะเนี๊ยะ หรือผมแก่ลงก็ไม่รู้" คาร์ไลล์เอ่ยเสียงอ่อย แสดงบทบาทเหน็ดเหนื่อยอย่างแนบเนียนต่อไป

"ไม่ต้องทำเป็นเหนื่อยเลย คุณนั้นแหละไวขึ้น" เอสเม่นั่งค่อมลงบนตัวของคาร์ไลล์ช้าๆ มือเรียวบางที่เย็นเชียบของเธอกดอยู่ที่แผงอกแกร่งของสามีที่รักลงเบาๆ ดวงตาสีบุษราคัมเข้มที่งดงามแสนทรงเสน่ห์ของเธอสบกับดวงตาของคาร์ไลล์ที่มีสีเหมือนก
ันอย่างขี้เล่น เธอยิ้มเผยไรฟันขาว คาร์ไลล์เลิกคิ้วขึ้น


"มาพนันกันวันนี้ใครจะจับสิงโตภูเขาได้ก่อนกัน" เธอตั้งพนัน

"งั้นขอยอมแพ้ตั้งแต่ตอนนี้เลยแล้วกัน" คาร์ไลล์เอ่ย เขาขบกรามเม้มปากแน่น เพราะตัวเขานั้นเกลียดความรุนแรงและการฆ่าชีวิตของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่เพราะความอยู่รอดเขาก็ต้องทำใจทำ

"ไม่เอาน่า..." เอสม่าลากเสียงยาว เชิงวิงวอน

"ได้ออกมาล่าทั้งที เลิกผูกพันธะกับตัวเองแบบนี้สักครั้งเถอะ" ครั้งนี้เอสเม่เอ่ยอ้อนวอนอย่างชัดเจน เธอรู้สึกไม่ดีทุกครั้งที่สามีของเธอจะเคร่งเครียดทุกครั้งที่ออกล่า "อาหาร" ทั้งๆที่ลูกๆก็สนุกสนาน

"ผมไม่อยากดูเหมือนปีศาจร้ายคุณก็รู้ดี" คาร์ไลล์หันหน้าหนีสายตาของเธอ แววตาของคาร์ไลล์ฉายแววอ่อนล้า

"คาร์ไลล์" เอสเม่เน้นเสียง "เราล่าสัตว์ไม่ได้ล่ามนุษย์ คุณยังกลัวอีกหรอ การกระทำของเราต่างกับมันอย่างสิ้นเชิงนัก"เธอวางมือลงบนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขา อย่างอ่อนโยน "เลิกขังตัวเองเถอะนะ ขอวันหนึง" เอสเม่อ้อนเสียวหวาน สายตาวิงวอนที่แทบจะทำให้ใจละลาย ทำเอาคาร์ไลล์ถอนหายใจยอมแพ้

"ตกลงครับ ตกลง ถ้าผมทำอะไรน่ารังเกียจก็ช่วยเตือนสติผมด้วย" เขาเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ คาร์ไลล์เกลียดความรุนแรง เกลียดสีของโลหิต เกลียดที่มือต้องเปื้อนเลือดหรือเป็นผู้สังหารชีวิต พูดได้เลยว่าเขาอาจเป็นแวมไพร์ที่เมตตาที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนโลกใบนี้ ทั้งชีวิตของเขาไม่เคยดื่นเลือดมนุษย์และฆ่ามนุษย์สักคน เว้นแต่ฆ่าเพื่อช่วยชีวิต


เช่นการเปลี่ยนเอสม่า เขาเห็นเธอกำลังตาย... คาร์ไลล์ทนไม่ได้ที่จะให้เธอมาตายตรงหน้า เขาเปลี่ยนเธอให้เป็นอย่างเขา และคาร์ไลล์ได้มอบชีวิตใหม่ให้เอสม่า และมอบความรักที่บริสุทธิ์และแท้จริงให้เธออย่างหมดใจ ตอนนี้เขาและเธอก็ยังรักกันไม่เสื่อมคลาย ใช้ชีวิตเป็นมังสวิรัติ อยู่อย่างสันติร่วมกับมนุษย์อย่างกลมกลืน และทำหน้าที่เป็นพ่อแม่ที่ดีให้กับลูกๆ


"นับหนึ่งถึงสามนะ" เอสม่าลุกออกจากตัวคาร์ไลล์ ยืนเต็มความสูงเท้าเอวพร้อมยิ้มยิงฟันขาว คาร์ไลล์ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบในแบบองแวมไพร์เท่านั้นที่ทำได้
"ปล่อยตัวตามสบายๆ อย่างเครียดนักสิที่รัก" เอสเม่เอ่ยพลางขยับเข้ามาใกล้คาร์ไลล์ ใกล้มากขนาดรู้สึกถึงลมหายใจเย็นๆของกันและกัน เอสเม่เขย่งขึ้นเล็กน้อย เพื่อหอมแก้มสามีของเธอแล้วเธอก็กระซิบว่า..

"สาม..." แค่นั้นแหละ เสียงกระซิบจบเธอก็วิ่งแวบหายไปในป่าทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ

"ขี้โกงนิ" คาร์ไลล์พูดช้าไป เธอหายไปไหนแล้วไม่รู้ เขาย่องตัวลงแล้วออกวิ่งอย่างรวดเร็วตามสัญชาติญาณนักล่า เขาวิ่งไวมากจนภาพรอบๆตัวเขาเห็นเพียงภาพเขียวๆที่เรียงยาวรอบข้าม

เขาสูดอากาศเข้าปอดเพื่อหากลิ่นเหยื่อ ประสาทรับรู้กลิ่นของเขาไวมากและรับกลิ่นได้ไกลมากกว่ามนุษย์หลายเท่า...

ตอนนี้เขารู้ตำแหน่งของเอสเม่แล้วเธออยู่ห่างจากเขาแค่ 2 กิโลเมตร สำหรับพวกแวมไพร์แล้วมันใกล้เหมือน 2 เซนติเมตร ในตำแหน่งของเธอคาร์ไลล์ได้กลิ่งสิงโตภูเขาโชยมากับสายลมเช่นกัน คาร์ไลล์วิ่งไปตำแหน่งนั้นทันที

เขาเห็นเอสเม่กำลังจ้องตาอยู่กับสิงโตภูเขาตัวใหญ่ ขนของมันตั้งชัน หูของมันลู่ลง มันกรรโชกใส่เอสม่า เธอยืนย่องตัวต่ำๆ ตั้งท่าโจมตี และทั้งสองก็พุ่งเข้าหากัน เอสม่าพลาดจังหวะเธอถูกเจ้าสิงโตตะปบ แขนเสื้อของเธอขาดเป็นทางยาว แต่ผิวของเธอเหมือนหิน มันจึงไม่ทำให้เธอรู้สึกระคายเคืองสักนิด แต่สำหรับคาร์ไลล์ที่มองสถานการณ์อยู่ๆห่างอย่างห่วงๆนั้น รู้สึกเป็นกังวลทันที

เขาพุ่งไปที่ลานต่อสู้ มือใหญ่ที่แข็งแกร่งของเขาจับปากของเจ้าสิงโตไว้แล้วแหกปากมันจนกรามหลุดดังลั่น และหักคอมันซ้ำอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่ถึงนาที

เอสเม่ถูกแย่งเหยื่อไป ทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เธอมองไปที่ร่างของสิงโตอย่างเซ็งๆแล้วหันไปมองที่คาร์ไลล์ที่ยืนยิ้มฟันขาวจนน่าหมั
่นไส้


"ขี้โกง" เธอเอ่ยพลางทำปากเบ้ แล้วเดินไปที่ร่างสิงโตวางริมฝีปากลงเป็นคอของมันแล้วฝังเขี้ยวลงไปอย่างหนักหน่วงเพ
ื่อดื่มเลือด...

"คุณโกงผมก่อนนะ แล้วผมไม่ได้ทำอะไรผิด เพราะไม่มีกฎว่าห้ามแย่งเหยื่อกันนิ" คาร์ไลล์ยังยิ้มไม่หุบเขาไม่ได้สนุกเพราะล่าแต่สนุกเพราะได้แกล้ง

คาร์ไลล์ย่องตัวลง นั่งมองเอสเม่ดื่ม... ไม่ใช่เขาไม่อยากดื่ม แต่เพราะอยากให้เธอไปดื่มอย่างเต็มอิ่ม

"คุณไม่ดื่มหรอ?" เธอเงยหน้าขึ้นพลางเช็ดเลือดที่เละปากออก

"คุณดื่มให้อิ่มก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปหาใหม่" เขายิ้ม

"แต่นี้ของคุณนะ"

"ไม่เป็นไรหน่า" เขาเอ่ย เธอขี้เกียจเถียง เธอจึงดื่มต่อ คาร์ไลล์ก็ยังนั่งมองเธอต่อไป แล้วจู่ๆ

เอสเม่ก็เงยหน้าขึ้นแล้วกระโจนเข้าหาคาร์ไลล์อย่างว่องไวและสง่างาม ริมฝีปากแดงฉาดของเธอประจบลงบนริมฝีปากของคาร์ไลล์ ไม่ช่องปากนั้นเต็มไปด้วยโลหิต เธอถ่ายมันเข้าไปในปากคาร์ไลล์

คาร์ไลล์เบิกตากว้างอย่างตกใจ แล้วหรี่ลง เขารับองเหลวนั้นมากลืนมันลงไปทั้งหมด ลิ้นสากขวานหาโลหิตต่อในช่องปากของเอสม่า จนกลายเป็นจูบที่เร่าร้อน ทั้งสองกอดรัดกันแน่นขึ้น คาร์ไลล์เริ่มเลียหยดเลือดรอบริมฝีปากของเอสเม่ และเลียยาวจนคางขึ้นไปริมฝีปาก มือเรียวบางของเอสเม่โอบท้ายทอยของเขาไว้ หยดเลือดที่ไหลเปื้อนอยู่ที่คอ ถูกคาร์ไลล์เลียจนหมดสิ้น เขาพรมจูบซ้ำๆที่คอระหงนั้นเบาๆ ทั้งสองผลักออกจากกันช้าๆ เลือดที่หวยหานั้นก็หมดไป คาร์ไลล์ลูบไล้ใบหน้าของภรรยาเขาเบาๆ


"คุณนี้ร้ายจริงน่า..." เขายิ้มยกมุมปาก แล้วลุกขึ้นพร้อมพยุงตัวเอสม่าขึ้นด้วย

"ถ้าฉันเป็นมนุษย์เมื่อกี้เลือดคงหมดตัวไปแล้วแหละ ไหนบอกว่าไม่กระหายไงค่ะ?" เอสม่ากล่าวพลางผลักตัวคาร์ไลล์เบาๆ ให้แผ่นหลังพิงต้นไม้

"ผมบอกเมื่อไหร่ ?" คาร์ไลล์ยักไหล่ เขายิ้มโชว์ไรฟันขาว "คุณกระตุ้นผมเองนะ" เขาเอ่ยอีก

"ไปล่าต่อเถอะ ถ้าคุณบ้าคลั่งขึ้นมามีหวังบ้านแตก" เธอเอ่ยอย่างหงุดหงิด แล้วสะบัดตัวหันหลังให้คาร์ไลล์

"ถ้าผมคลั่งเมื่อไหร่...และฆ่าใครตาย" คาร์ไลล์เอ่ยอย่างเคร่งเครียด "ตอนนั้นคุณช่วยฆ่าผมได้มั๊ย" ประโยคนี้ของคาร์ไลล์ที่เอ่ยออกมาทำเอาเอสเม่ตัวแข็ง

"ถ้าวันนั้นเกิดขึ้นจริงฉันจะไม่ฆ่าคุณหรือทำร้ายคุณเด็ดขาด" เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

"ทำไม.."

"ถ้าคุณจากไป แล้วใครจะเคียงข้างฉัน" เอสม่าเอ่ยตัดพ้อ เธอหันมาสบตาคาร์ไลล์ แววตาของเธอตอนนี้ดูหดหู่ยิ่งนัก

"ฉันไม่อยากโดดเดี่ยวเป็นศตวรรษ และไม่อยากพังเสาหลักของครอบครัว" เสียงเธอเริ่มสั่น "คุณเลิกเกลียดตัวเองซะทีเถอะคะ" ถ้าเธอเป็นมนุษย์ตอนนี้น้ำตาคงอาบแก้มเป็นทางยาว "อภัยให้ตัวเอง แล้วอยู่อย่างมีความสุข ภูมิใจของชีวิตที่เป็นอยู่ ได้โปรดเถอะ"


เธอโผเข้าออกคาร์ไลล์ซุกหน้าไว้ที่หน้าอกของคาร์ไลล์


"ฉันเห็นคุณเป็นอย่างนี้มา 200 กว่าปี ฉันก็ทรมาน" เธอกระชับกอด "เลิกทำ เลิกคิดแบบนี้ซักทีเถอะ คุณไม่ใช่ปีศาจนะ คุณไม่ชะ" บทพูดของเธอถูกตัดด้วยริมฝีปากของคาร์ไลล์ เขาจุมพิตเธออย่างเนิบนาน...

คิ้วของคาร์ไลล์ขมวดเข้าเล็ก เขาจิบริมฝีปากตัวเอง เพราะเขารู้สึกผิดอย่างที่สุดทำเอสเม่เสียใจ

"ขอโทษที่รัก" คาร์ไลล์เอ่ยอย่างแผ่วเบา

"ผมจะเลิก..." เขาช้อนคางเธอขึ้น "เพื่อคุณและครอบครัว..."

"แต่..." เขาเอ่ยอย่างไม่มั่นใจ แน่นอนเขากำลังโกหก คาร์ไลล์ไม่มีทางอภัยให้ตัวเอง เขาเป็นอย่างนี้มา 362 ปีแล้ว ที่เขาโกหกเพราะความสบายของเอสเม่ ทุกวันๆเขาเป็นเหมือนนักแสดงที่สวมบทได้แนบเนียน แสดงบทคุณหมอและคุณพ่อผู้แสนดี และยิ้มแย้ม แต่ในใจลึกๆ ซ่อนใบหน้าอันขมขื่นเอาไว้อย่างแนบเนียนเช่นกัน

เขาเลือกที่ถูกพันธนาการขังตัวเอง... แม้ว่าเขาจะมีนางฟ้าที่รักข้างเคียง เธอก็ยังไม่สามารถปลดผลึกนั้นได้

ความแน่วแน่ที่ผิดทาง...

"ถ้าผมทำผิดจริงๆ คุณต้องช่วยผม สัญญานะว่าคุณจะเป็นคนทำ" เขาเอ่ย ทำเอาเอสเม่รู้สึกเหมือนมีก้อนหินปิดหลอดเสียง เธอไม่อยากเป็นคนปิดชีพคนรักของตัวเอง...

"ได้ฉันค่ะทำ" เธอเอ่ยออกมาอย่างยากเย็น

"แต่วันนั้นมันจะต้องไม่เกิดขึ้น เพราะคุณต้องอยู่กับฉันตลอดไป คุณเคยสัญญาไว้แล้ว"

"ใช่ ผมสัญญา" ชั่วนิรันดร์

...แม้ไม่โดดเดี่ยวอีกต่อไป...

และยิ่งสุขใจมากขึ้นที่ได้พบรัก... กับผู้หญิงคนหนึ่ง...
เธอเป็นผู้ชุบชีวิตที่ไร้สีสันให้สดใส
เธอขจัดความเหงาเพิ่มพูนความสุข
เธอคือผู้หญิงของข้า เอสเม่

...แต่ก็ไม่ได้หายจากการเป็นปีศาจ

คำสาปจากนรกยังดำเนินต่อไป
ชีวิตที่มีสีสันใช่ว่าจะเป็นสิ่งที่แท้จริง
ความเหงาที่แปรเปลี่ยนเป็นความสุข
หาใช่ความสุขตลอดไป
จิตใจข้ายังร้องไห้ ยังร่ำร้อง
ทางเดียวที่จะพบความสุขที่แท้จริงคือ
การได้กลับมาเป็นมนุษย์สามัญอีกครั้ง

แต่มันไม่มีโอกาสอีกแล้ว... หมดแล้วหนทาง

ยังต้องอยู่ต่อไป.. ยังต้องทนต่อไป
ชีวิตอมตะของปีศาจยังดำเนินต่อ
และคำสัญญาที่ให้ไว้จะคงไว้
ชั่วนิรันดร์... เพื่อเจ้า เอสเม่
เพราะข้ารักเจ้ามากกว่าตัวเอง
ข้ายอมทุกข์เพื่อความสุขเจ้า
อย่าร้องไห้อีกเลยนะที่รัก

"อย่าร้องไห้อีกเลยนะรัก" คาร์ไลล์เอ่ย แม้บนใบหน้าของเอสเม่จะไร้ซึ่งน้ำตาแต่เขารู้ว่าจิตใจกำลังร้องไห้

"คาร์ไลล์ คุณนี้พูดอะไรไร้สาระ น้ำตาฉันมันหมดไปเป็นร้อยปีแล้ว" เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยให้เสียงเรียบที่สุด รอยยิ้มแสนงดงามปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่แวววาวยังร่ำร้อง

"สำหรับผมน้ำตาของคุณไม่เคยเหินแห้ง" เขากระซิบ

"สำหรับฉันหัวใจของคุณไม่เคยหยุดเต้น" เธอย้อน

"ขอบคุณที่คุณเชื่ออย่างนั้น"

ขอบคุณที่รักกันมาตลอด...


....................END....................
(จบแล้ว สิ้นคิดสุดๆ จบได้น่ากระทืบมาก - -*)
แก้คำผิดแล้วนะ ขอโทษจริงๆ



Not a day goes by that I don't think of you.
ไม่มีวันไหนที่ฉันไม่คิดถึงคุณ
Go to the top of the page
+Quote Post

Closed TopicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 29th May 2024 - 03:05 PM