รูปแบบที่เหมาะสม

โพสต์โดย: Phonetica Gutenberg Dec 29 2016, 11:33 PM

กลุ่มดาวนายพราน เป็นกลุ่มดาวที่มีชื่อเสียง มีดาวฤกษ์สว่างหลายดวงเป็นสมาชิก และมีตำแหน่งอยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตรฟ้า ทำให้มองเห็นได้ทั่วโลก และอาจเป็นที่รู้จักกว้างขวางที่สุดในบรรดากลุ่มดาวบนท้องฟ้า ดาว 3 ดวงที่ประกอบกันเป็นเข็มขัดของนายพราน เป็นดาวที่มีความสว่างปานกลาง แต่ก็สามารถสังเกตเห็นได้ง่าย สำหรับผู้สังเกตการณ์ที่อยู่ในซีกโลกเหนือ จะสามารถมองเห็นกลุ่มดาวนี้ได้ตั้งแต่ช่วงเย็นของเดือนตุลาคมไปจนถึงเดือนมกราคม จากนั้นจะสามารถเห็นได้ในช่วงเช้ามืดตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน

ตำนานของอียิปต์

จากตำนานอันเก่าแก่ ซึ่งก็คือตำนานเทพแห่งอียิปต์ ได้ยกย่องให้เทพโอซีริส (Osiris) เป็นจ้าวแห่งชีวิตหลังความตาย แต่ในขณะที่เทพแห่งอาทิตย์ หรือ รา (Ra) เป็นจ้าวแห่งสิ่งมีชีวิต เนื่องจากในช่วงปลายของอาณาจักรอียิปต์โบราณ สังคมของอียิปต์โบราณได้ให้ความสำคัญกับชีวิตหลังการตายเป็นอย่างมาก การทำพีระมิด การทำมัมมี่ ล้วนเป็นการทำเพื่อรอการฟื้นคืนมาและรวมตัวกับเทพโอซีริส และเทพโอซีริสก็ได้รับการยกย่องให้มีอำนาจเหนือสุด ในยุคปลายแห่งอาณาจักรอียิปต์โบราณ ว่ากันว่าภาพฟาโรห์ของชาวอียิปต์โบราณ ที่เราเห็นกันคือ นุ่งผ้าที่มีชายเป็นสามเหลี่ยม และไหล่กว้าง เอวคอดนั้น มาจากการเลียนแบบรูปร่างของกลุ่มดาวนายพราน

เทพโอซีริส เป็นกษัตริย์ที่มีคุณธรรม เป็นที่รักใคร่ของประชาชน มีพระมเหสีชื่อว่า ไอสิส (Isis) พระนางไอสิสเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญทางการแพทย์เป็นอย่างมาก โอซีริสนั้นมีพระอนุชาหลายคน แต่คนรองจากโอซีริสนั้นเป็นคนที่ชอบริษยาอาฆาต จิตใจเหี้ยมโหด ไร้คุณธรรม ต้องการที่จะเป็นใหญ่ จึงออกอุบายที่จะฆ่าโอซีริส โดยสั่งให้ช่างทำโลงศพที่ประดับประดาได้อย่างเลิศหรูอลังการ แล้วก็แอบไปวัดขนาดตัวของโอซีริสเพื่อโลงนั้นจะได้มีขนาดพอดีกับโอซีริสคนเดียว หลังจากนั้นก็เชิญชวนเหล่าเชษฐามางานเลี้ยงของตนเพื่อที่จะชมโลงที่สุดสวยของตน แล้วก็ได้บอกกับทุกคนว่า ถ้าใครลงไปนอนในโลงได้พอดีกับตัวก็จะมอบโลงนั้นให้ไปเลย ทุกองค์ก็ลงไปนอน แต่ไม่มีใครที่จะมีขนาดพอดีกับโลงได้ จนถึงคิวของโอซิริส เมื่อโอซิริสลงไปนอน ก็ปรากฏว่ามีขนาดพอดีกับของโอซีริสพอดี หลังจากนั้นอนุชาของโอซีริสก็ปิดฝาโลง แล้วตอกตะปูยึดไว้ ทำให้โอซีริสออกมาจากโลงไม่ได้ และสิ้นใจตายในที่สุด

ฝ่ายพระนางไอสิส เมื่อกลับจากการเดินทาง พอทราบข่าวก็เศร้าโศกเสียใจเป็นอย่างมาก และพยายามที่ตามหาศพของสวามีกลับคืนมา แต่อนุชาของโอซีริสได้แบ่งศพออกเป็น 14 ท่อน แล้วโยนทิ้งกระจัดกระจายไปตามที่ต่าง ๆ พระนางไอสิสก็ตามไปหาเก็บรวบรวมมาไว้ได้หมด เหลืออยู่อย่างเดียว นั่นก็คือ อวัยวะเพศชาย พระนางหาไม่เจอเพราะมันถูกโยนลงแม่น้ำไนล์ และก็ถูกปลากินไป พระนางไอสิสจึงนำไม้สนซึ่งหายากมาก และตามตำนานได้ยกให้เป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ มาเหลาติดต่อให้เป็นเทวลึงค์ หลังจากนั้นก็พันพระศพด้วยผ้าลินิน พร้อมด้วยพิธีกรรมต่าง ๆ เสร็จแล้วพระนางก็เป่าลมหายใจวิเศษ หรือที่เรียกกันว่า บา เพื่อนำวิญญาณกลับสู่ร่างมัมมี่ โอซีริสก็ฟื้นขึ้น และลอยขึ้นไปสู่สรวงสวรรค์ ปกครองผืนฟ้าและเป็นจ้าวแห่งชีวิตหลังความตายต่อไป

ตำนานของไทย

กลุ่มดาวนายพรานใหญ่ เป็นกลุ่มดาวที่สะดุดตาและสวยงามที่สุดในท้องฟ้า คนไทยเห็นกลุ่มดาวนายพรานใหญ่เป็นกลุ่มดาวกลุ่มหนึ่ง คือ กลุ่มดาวเต่า และกลุ่มดาวไถ โดยเห็นดาวดาวที่เป็นหัวไหล่ ข้อเท้า และหัวเข่าของนายพราน เป็นขาเต่า 4 ขา และเห็นดาวเล็ก ๆ 3 ดวงติดกันตรงคอนายพราน เป็นหัวเต่า และเห็นดาว 3 ดวงซึ่งสว่างเท่า ๆ กัน อยู่ห่างเท่า ๆ กันตรงเข็มขัดนางพราน และส่วนมีดพกของนายพราน เป็นกลุ่มดาวไถ

ตำนานของกรีก I

โอไรออน (Orion) เป็นนายพรานที่มีความสามารถมากที่สุดในหมู่มนุษย์ด้วยกัน ด้วยความยโสโอหัง เขาอวดอ้างสรรพคุณทางยาของเขาว่า เขานั้นเก่ง ไม่มีสัตว์ตัวไหนทำร้ายเขาได้ และจะสังหารสัตว์ทั่วทั้งโลก ทางด้านเทพีแห่งโลก ไกอา หรือ กายยา หรือ จีอา (Gaia) ทรงโกรธเมื่อได้ทราบข่าวดังกล่าว จึงให้แมงป่องไปกำจัดโอไรออน เพื่อปกป้องสัตว์ป่าอันเป็นที่รักของตน โอไรออนถูกแมงป่องตัวกระจ้อยต่อยจนสิ้นใจ เทพีไกอาจึงให้โอไรออนขึ้นไปเกิดบนท้องฟ้า เป็นกลุ่มดาวนายพราน พร้อมกับแมงป่องน้อยตัวนั้นก็ไปเกิดเป็นกลุ่มดาวแมงป่อง แต่ให้อยู่กันคนละฟากฟ้า เพราะเป็นอริกันนั่นเอง ดังนั้นเวลาที่เราเห็นดาวนายพราน ก็จะไม่เห็นดาวแมงป่อง ถ้าเห็นดาวแมงป่อง ก็ไม่เห็นดาวนายพราน

ตำนานของกรีก II

ในตำนานของกรีกนั้นกล่าวว่า เทพีอาร์เทอมีส (Artemis) ทรงสาบานตนเป็นเทพีพรหมจารีย์ร่วมกับเฮสเทีย (Hestia) และมิเนอร์ว่า (Minerva) ต่อหน้าแม่น้ำสติกซ์ นางชิงชังชีวิตสมรส ความรัก และการยุ่งเกี่ยวกับผู้ชาย แต่สิ่งหนึ่งที่เทพีอาร์เทอมีสไม่ปฏิเสธ คือ การมีสหายเป็นชายที่รักการล่าสัตว์เช่นเดียวกับพระนาง สหายสนิทของเทพีอาร์เทอมีสมีนามว่าโอไรออน เขาเป็นนายพรานผู้ฉมังในการล่าสัตว์ มีสุนัขคู่ใจชื่อว่าซิริอุส ทุก ๆ วันเทพีอาร์เทอมีสและสหายจะร่วมกันล่าสัตว์ และพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังจากล่าสัตว์เสร็จ เทพีอาร์เทอมีสหลงรักนายพรานหนุ่ม และคิดที่จะสละความเป็นเทพีพรหมจารีย์เพื่อแต่งงานกับโอไรออน

เทพอพอลโล่รู้ถึงความคิดนี้เข้า และกลัวว่าอาร์เทอมีสจะต้องรับโทษจากการผิดคำสาบาน จึงวางแผนที่จะล้มเลิกความคิดของน้องสาวฝาแฝด เทพอพอลโล่สั่งให้โอไรออนเดินลุยน้ำทะเลไปยังเกาะแห่งหนึ่งกลางทะเล และเมื่อโอไรออนเดินไปถึงยังจุดที่ไกล จนมองจากเกาะดีลอสแล้ว จะเห็นเพียงศีรษะของโอไรออนที่มองดูเหมือนกับเกาะกลางน้ำ เทพอพอลโล่ก็ชวนเทพีฝาแฝดมาล่าสัตว์แข่งกัน และท้าพนันให้เทพีอาร์เทอมีสยิงธนูทะลุเกาะกลางทะเลที่ตนชี้ให้ดู เทพีอาร์เทอมีสตกหลุมพรางจึงเหนี่ยวสายธนูเต็มแรง จนลูกธนูทะลุศีรษะของโอไรออนถึงแก่ความตาย เมื่อเทพีอาร์เทอมีสทราบว่าตนได้ฆ่าชายที่รักลงด้วยน้ำมือของตนเองแล้ว พระนางก็ได้นำศพของโอไรออน และซิริอุสสุนัขคู่ใจขึ้นไปไว้บนท้องฟ้าในตำแหน่งของกลุ่มดาวนายพราน และดาวสุนัขใหญ่

ที่มาของข้อมูล : Vcharkarn และ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99
ที่มาของภาพ : http://teacheryada2.blogspot.com/2013/03/blog-post_8758.html, http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=chana&date=03-06-2007&group=3&gblog=5, http://www.thaigoodview.com/library/astro/1024size/low/myth/detail_myth_inc.php@id=3, Vcharkarn และ https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99