IPB

ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )


 
Reply to this topicStart new topic
> LOVE. DREAMS. STAR., เรื่องยาว : รักโรแมนติก
Gelato
โพสต์ Nov 7 2017, 12:31 AM
โพสต์ #1


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

***




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 169
เข้าร่วม : 15-August 15
หมายเลขสมาชิก : 27,475
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: แบล็กทอร์น | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: โก่งเล็กน้อย

สัตว์เลี้ยง









ความรัก ความฝัน ดวงดาว
------------------------------------------------------------------

หาก “ความรัก” คือสิ่งที่หัวใจปรารถนา
หาก “ความฝัน” คือสิ่งที่ชีวิตต้องการ
หาก “ดวงดาว” คือทางชีวิตที่ต้องเลือกเดิน

------------------------------------------------------------------

ฝากติดตามและเป็นกำลังใจให้ฟิคชั่นเรื่องนี้ด้วยนะคะ
อาจไม่ใช่ฟิคที่สนุกและลงแบบกระทันหันไป(ไม่)หน่อย
แต่ก็อยากขอฝากเอาไว้ให้ทุกท่านได้พิจารณา

สามารถคอมเม้นท์ติชม พูดคุย ให้กำลังใจ เพื่อการพัฒนาต่อไปได้ที่
ห้องวิจารณ์ผลงาน





/\ HOUSE OF IVANOV /\

. Not for God . Not for Us . But for Glory of Ivanov .
. ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของไอวานอฟ .





Go to the top of the page
+Quote Post
Gelato
โพสต์ Nov 7 2017, 03:23 AM
โพสต์ #2


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

***




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 169
เข้าร่วม : 15-August 15
หมายเลขสมาชิก : 27,475
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: แบล็กทอร์น | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: โก่งเล็กน้อย

สัตว์เลี้ยง







หมวด : เรื่องยาว , ประเภท : รักโรแมนติก
-----------------------------------
-01-

.....“ปล่อยไว้แบบนี้ จะดีเหรอ”

.....“. . .”

.....ไร้เสียงตอบรับ ดั่งเป็นคำตอบของคำถามเมื่อครู่ และผู้ถามเองก็ไม่ได้เซ้าซี้อะไรต่อ เป็นอันว่าเข้าใจดี ไม่มีการถามหาเหตุผลใดๆ เพิ่มเติมเพราะเชื่อเสมอว่าถ้าเจ้าตัวอยากบอก
ก็เลือกที่จะบอกโดยไม่ต้องรอให้ใครได้ถาม

.....ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงชั่วครู่ ร่างสูงจึงเลือกหันหลังให้กับภาพตรงหน้า แม้มันจะยากกับการหักห้ามใจไม่ให้เดินเข้าไปปลอบโยนคนที่กำลังร้องไห้ แต่เขาก็ต้องยอมใจร้าย
เพื่อปกป้องหัวใจตัวเอง

.....สายตาเหม่อมองประวัติคนไข้บนโต๊ะทำงานตัวกว้าง แต่ความคิดที่กำลังวิ่งวนในหัวกลับไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ภาพของหญิงสาวที่สะอื้นจนตัวโยนหน้าห้องผ่าตัดยังคงติดตรึงไม่จางหาย
ความทรงจำครั้งเก่าที่ถูกเก็บไว้ลึกสุดของหัวใจหลั่งไหลเข้ามาดั่งเขื่อนที่เก็บน้ำไว้ไม่อยู่ ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวจนเกรงว่ามันจะกลั่นหยดลงบนกระดาษขาว จึงเลือกปิดแฟ้มลงและหันหลังให้กับมัน
เปลี่ยนการโฟกัสสายตาไปยังเมฆขาวที่กำลังล่องลอยบนท้องฟ้านอกหน้าต่างบานใส

.....“เหม่ออะไรอยู่คะคุณหมอคนเก่ง” เสียงหวานปลุกคนเหม่อให้หลุดออกจากภวังค์ ไม่จำเป็นต้องเห็นหน้าก็รู้ว่าใครคือเจ้าของประโยคนี้

.....“คิดอะไรเรื่อยเปื่อยน่ะ” หมุนเก้าอี้กลับมาหาผู้มาเยือนพร้อมกับตอบกลับคำถามด้วยรอยยิ้มนิดๆ ตามแบบฉบับของตน

.....“อือฮึ” พยักหน้าหงึกหงัก แม้จะรู้ดีว่าคู่สนทนาคงมีเรื่องหนักใจถึงได้จมอยู่ในห้วงความคิดแบบนั้น และดูท่าคงจมลึกเสียด้วยสิ ขนาดว่าเธอเคาะประตูจนมือแดง กระทั่งเปิดเข้ามาก็แล้ว
เจ้าของห้องก็ยังไม่รู้สึกตัว -*-

.....“แล้วว่างหรือไง วันนี้มีงานไม่ใช่เหรอ” เหล่มองดูนาฬิกาบนผนังสีขาว เวลานี้เจ้าหล่อนควรทำงานอยู่สิ แต่ทำไมถึงได้มานั่งกวนใจเขาอยู่ตรงนี้ได้

.....“เสร็จแล้ว วันนี้เสร็จเร็ว” ยิ้มหวานตบท้ายคำตอบไปหนึ่งที ทำเอาคนถามถึงกับไปไม่เป็น ต้องขยับปรับท่านั่งแก้อาการประหม่า กระแอมตอบรับในลำคอบางเบาพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย

.....“อะ.. อืม”

.....“นี่ๆๆ แถวที่เค้าไปถ่ายงานมีร้านขนมท่าทางน่ากิน เค้าเลยซื้อมาฝาก” แกล้งให้คนพี่เขินเล่นจนพอใจ จึงได้ยกถุงพลาสติกใสที่ภายในบรรจุเค้กและพายหลายชิ้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ

.....“หืมมมม ซื้อมาฝากพี่? —” เท้าแขนสองข้างกับโต๊ะไม้ตัวสวย ยกสองมือประสานไว้ใต้คาง สายตาไล่พิจารณาของหวานหลากสีที่คนใจดีอุตส่าห์ซื้อมาฝาก คิ้วเข้มอดจะเลิกขึ้นไม่ได้
เมื่อดูยังไงก็เหมือนว่าเจ้าตัวซื้อมากินเองมากกว่าจะซื้อมาฝากเขา “—แต่มีแต่ของโปรดเธออ่ะนะ”

.....“ก็พี่ไม่มีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษนี่นา” มุ่ยหน้าใส่ไปเสียหนึ่งที ว่าเธอไม่ได้หรอกนะในเมื่อเขาเป็นประเภทอยู่ง่ายกินง่ายเกินเหตุ กินอะไรก็ได้ซึ่งอะไรก็ได้นั่นมีเป็นล้านแปดอย่าง
ตัดปัญหาด้วยการซื้อของที่เธอชอบมาซะเลย ตราบใดที่เจ้าตัวเขายังไม่บ่นว่าเบื่อ เธอก็จะซื้อให้กินเรื่อยๆ แบบนี้นั่นแหละ อีกอย่าง..เวลาที่เขาทานของพวกนี้ เขาจะได้คิดถึงเธอยังไงล่ะ

.....“...” ยิ้มแล้วส่ายหัวให้คนตรงหน้า ก่อนจะเอื้อมมือไปขยี้ผมด้วยความเอ็นดู ให้คนน้องต้องโวยวายและประเคนฝ่ามือเล็กนั่นใส่เบาๆ แบบไม่ออมแรง(?)

.....“พี่มิน! ผมเค้ายุ่งหมดแล้วนะ อุตส่าห์ทำมาสวยๆ”

.....เพี๊ยะ!!

.....“โอ้ย นี่เจ็บนะ” แกล้งโอดโอยไปงั้น คิดเหรอว่ามือบางๆ เล็กๆ นี่จะทำให้เจ็บได้จริงๆ น่ะ ว่าก็ว่าเถอะ มดกัดยังเจ็บกว่า

.....“ก็ตีให้เจ็บ คนนิสัยไม่ดี”

.....“ฮ่า ฮ่า ฮ่า อะ... —” อดขำไม่ได้ที่เห็นอีกฝ่ายทำหน้างอขนาดนั้น “—โอ๋เอ๋เด็กน้อย~ ไม่งอนพี่นะคะ”

.....“ชิ!” กอดอกสะบัดหน้าหนีบอกให้รู้ว่าเธองอนอยู่นะ แต่ความจริงแค่งอนเล่นๆ ให้คนพี่ง้อก็เท่านั้น

.....“พี่ต้องไปราวน์คนไข้แล้ว นอนเล่นรอไปก่อน เดี๋ยวพี่ไปส่ง” แม้จะอยากง้อคนขี้งอนให้มากกว่านี้แต่เมื่อมองนาฬิกาก็เห็นว่าได้เวลาแล้ว ชีวิตหมอเช่นเขาหน้าที่ต้องมาก่อนเสมอ

.....“เค้าบอกเหรอว่าจะให้ไปส่ง”

.....“อ้าว ไม่อยากให้พี่ไปส่งหรอกเหรอ ว๊า แย่จัง ว่าจะพาไปหาอะไรอร่อยๆกิน” แสร้งทำเสียงเสียดายแต่หน้าตาและท่าทางนั้นยียวนชวนเปิดศึกเหลือเกิน ถ้าไม่ติดว่าคุณหมอหนุ่มรูปหล่อต้องไปทำงาน
คนน้องคงได้เปิดศึกขนาดย่อมอีกเป็นแน่

.....“รีบไปเลย คนไข้จะรอนาน เสร็จแล้วมาปลุกด้วย”

.....“จ้า”


.....ร่างสูงเดินจากห้องทำงานด้วยอารมณ์ที่อยู่ในระดับดีมาก แม้จะเก็บรอยยิ้มไว้ได้ หากแต่เก็บสีหน้าที่เบิกบานเอาไว้ไม่ได้ จนเพื่อนรักที่เดินมาหาเกิดอาการสงสัยว่าอะไรกันนะทำให้
คุณหมอหนุ่มผู้เฉยชามีท่าทีเบิกบานใจจนเก็บเอาไว้ไม่มิดแบบนี้

.....“ให้ตาย! คุณหมอมนัสวินอารมณ์ดีขนาดนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรดีๆ เหรอครับ”

.....“ยุ่งน่า! ถ้าว่างขนาดมาใส่ใจเรื่องเพื่อน ก็เอาเวลาไปดูแลคนไข้เถอะครับคุณหมอคมกฤษณ์”

.....ตอบกลับเพื่อนสนิทด้วยเสียงเรียบและหน้าตาที่พยายามจะเฉยชาให้ได้มากที่สุด ปรายตามองคนข้างๆ ก่อนจะสาวเท้าให้เร็วขึ้น ทิ้งให้คนถาม งง เป็นไก่ตาแตก

.....“อะไรของมันวะ เมื่อกลางวันยังดูเศร้าๆ อยู่เลย”


.....ใช้เวลาเพียงไม่นาน หน้าที่ในช่วงบ่ายก็เสร็จสิ้นลง เนื่องด้วยที่แห่งนี้คือโรงพยาบาลเอกชนที่ติดอับดับความหรูและแพงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ จึงทำให้มีคนไข้ค่อนข้างน้อย
และรักษาในโรคเฉพาะทางเสียมากกว่า

.....สองขายาวพาตัวเองลงไปยังชั้นล่างสุดแทนที่จะกลับห้องทำงานของตัวเองไปหาใครที่รออยู่


.....‘แผนกเวชระเบียน’


.....“ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่าศพของคุณอมร จิระวรการ ทางญาติได้รับศพไปหรือยังครับ”

.....“สักครู่นะคะ—” เจ้าหน้าที่สาวก้มลงคีย์ข้อมูลในคอมพิวเตอร์เพียงชั่วครู่ คำตอบก็ปรากฏแก่สายตา “—ญาติรับศพไปแล้วค่ะ คุณหมอมีอะไรหรือเปล่าคะ”

.....“ไม่มีครับ ขอบคุณมากนะครับ”

.....เอ่ยขอบคุณเมื่อได้รับคำตอบที่ต้องการ ร่างสูงรีบกลับขึ้นห้องทำงานส่วนตัวทันที ทิ้งไว้เพียงสายตาหลงใหลจากเหล่าพยาบาล เจ้าหน้าที่ รวมไปถึงคนไข้และญาติที่อยู่บริเวณนั้นให้ต้องไปเพ้อฝัน
โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่เวชระเบียนที่ได้รับรอยยิ้มตบท้ายคำขอบคุณนั้น บัดนี้..วิญญาณได้หลุดลอยตามคุณหมอหนุ่มไปแล้ว

.....หมอมิน - นายแพทย์มนัสวิน โรจน์สุวรรณ ศัลยแพทย์ระบบปราสาทหนุ่มไฟแรง ที่เพิ่งจบเฉพาะทางประสาทศัลยศาสตร์มาได้ไม่ถึงปี แต่กลับได้รับความไว้วางใจให้ดูแลเคสสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง ด้วยพรสวรรค์ที่เข้าขั้นอัจฉริยะแห่งวงการแพทย์ระบบประสาท รวมไปถึงหน้าตาและบุคลิกที่เรียกได้ว่าระดับพระเอกหนังยังต้องยอม ทำให้เขาเป็นผู้ชายในฝันของหญิงสาวหลายๆ คน ใครๆ ก็อยากเป็นคนไข้ในความดูแลของหมอหนุ่ม แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อเขาดูแลเพียงโรคเฉพาะทางของเขาเท่านั้น


.....แอ๊ดดด ~

.....เจ้าของห้องเปิดประตูเบามือและย่องเดินอย่างเงียบเชียบที่สุดเพราะกลัวว่าจะเป็นรบกวนการนอนของแขกที่มาจับจองโซฟาตัวยาวเป็นที่พักสายตา ยิ้มมองคนหลับด้วยสายตาอ่อนโยน
อย่างที่ถ้าเจ้าตัวตื่นมาเห็นต้องหน้าแดงแจ๋และไล่ตีเขาแน่ๆ

.....ถอดเสื้อกาวน์ตัวยาวแขวนไว้ที่เสาไม้สำหรับแขวนเสื้อที่อยู่ตรงมุมห้อง คลายเนคไทออกก่อนจะปลดกระดุมแขนเสื้อแล้วพับขึ้นอย่างลวกๆ นั่งลงบนเก้าอี้สีดำตัวหรู ไม่มีความจำเป็นต้องปลุก
คนที่กำลังวิ่งเล่นในห้วงนิทราเวลานี้ เพราะเขาอยากจะให้เจ้าหล่อนได้พักผ่อนอีกสักหน่อย ส่วนเขาก็จะเคลียร์เคสคนไข้อีกสักนิด


.....ผักชี – ชิษณุชา พันจินดานฤเวทย์ นางแบบสาวดีกรีอดีตรองนางงามเวทีใหญ่ ที่มีผลงานซีรี่ย์ให้เห็นบ้างประปราย ต่อหน้าสื่อเธอคือหญิงสาวผู้เพียบพร้อมไปด้วยหน้าตา รูปร่าง ฐานะ
และการศึกษาถึงระดับปริญญาโท แต่เบื้องหลังเธอเป็นเพียง‘น้องผักชี’ผู้น่ารักของครอบครัว เพื่อนสนิท และพี่หมอมิน พี่ชายข้างบ้านผู้แสนดี

.....ผักชีกับหมอมินรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ด้วยอายุที่ห่างกันถึง 7 ปี ทำให้มนัสวินดูแลเธออย่างเจ้าหญิงตัวน้อยมาตลอด เขาเป็นลูกเล็กที่มีความใฝ่ฝันอยากมีน้องสาว จนวันที่คุณอาข้างบ้านที่สนิทกัน
ได้ให้กำเนิดเด็กหญิง เขาจึงรีบไปขอเป็นพี่ชายและคอยดูแลเธอทันที ไม่ว่าจะทำอะไรเขาก็มักจะให้น้องสาวเป็นที่หนึ่งเสมอ ทุกเรื่อง แม้จะมีแฟนเป็นตัวเป็นตนแต่เขาก็ยังให้เธอสำคัญที่สุดอยู่ดี


.....“อื้ออออ ~”

.....เสียงครางเบาๆ ของเจ้าหญิงนิทราเรียกสายตาภายใต้กรอบแว่นสีดำนั้นเป็นอย่างดี ดูท่าว่าเจ้าหล่อนคงจะพอใจในการนอนแล้วล่ะนะ

.....แพขนตางอนกระพริบถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้คุ้นชินกับแสงไฟ ลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังสะลึมสะลือไม่หาย มือเล็กที่ยกขึ้นมาขยี้ตาประกอบกับการหาวเล็กๆ และผมที่ยุ่งหน่อยๆ กลายเป็นภาพสุดน่ารัก
ในสายตาของคนที่กำลังมองอยู่

.....ไม่รู้ว่าชายหนุ่มนิ่งมองนานเท่าไหร่ รู้แค่ละสายตาไปไหนไม่ได้เลย จนกระทั่ง...

.....ก๊อก ๆ ๆ

.....“ไอ้คุณหมอมิน เย็นนี้... —” ไม่รอให้เจ้าของห้องได้อนุญาต ผู้มาเยือนก็ถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาและทักทายเจ้าของห้องทันที แต่ไม่ทันได้พูดจบประโยคก็ต้องรีบเงียบเมื่อเห็นว่าในห้องนั้น
มีแขกคนสำคัญ(มาก)อยู่ด้วย “—เอ่อ ขอโทษครับ พี่ไม่รู้ว่าน้องผักชีอยู่ด้วย แฮะๆ”

.....เอ่ยขอโทษหญิงสาวหนึ่งเดียวในห้องแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าของห้องทันที

.....“นี่ใช่มั้ย สาเหตุที่แกอารมณ์ดีตอนราวน์รอบบ่าย” กระซิบถามเพื่อนรักพร้อมหรี่สายตาจับผิด อยากจะรู้ว่าจะบ่ายเบี่ยงยังไง

.....“ยุ่งจริง!” กัดฟัน ถลึงตาใส่จอมจุ้นทีหนึ่งที ก่อนจะเหลือบสายตาไปมองบุคลที่สามที่ถูกพาดพิงถึง เมื่อเห็นว่าเจ้าตัวนั่งเล่นโทรศัพท์ไม่มีทีท่าสนใจอะไรจึงดึงสายตาตัวเองกลับมาจ้อง
หน้าเพื่อนสนิทแล้วปรับเสียงให้เป็นปกติ “มาหาถึงห้องนี่มีธุระอะไร”

.....“โอ้โห เดี๋ยวนี้เพื่อนจะมาหานายแพทย์มนัสวินต้องมีธุระด้วยเหรอครับ” แสร้งทำเสียงตื่นเต้นชวนให้คู่สนทนาแจกเบอร์รองเท้าเสียเหลือเกิน

.....“กวน...” ละการออกเสียงพยางค์สุดท้าย แต่จากรูปปากแล้วเดาไม่ยากว่ามันคืออะไร

.....“ฮ่า ๆ ๆ ไม่มีอะไรหรอก ว่าจะชวนไปหาอะไรกินแล้วนั่งชิลที่ลานเบียร์สักหน่อย แต่วันนี้ท่าทางจะไม่สะดวกแล้ว”

.....“ชิลบ้าชิลบออะไร พรุ่งนี้ทำงาน”

.....“เกี่ยวด้วยเร้อ ปกติเห็นอยากชิลวันไหนก็ไปวันนั้น ไม่สนว่าวันต่อไปต้องทำงาน” อดหมั่นไส้เพื่อนตัวเองไม่ได้ ทีแบบนี้ล่ะขยันทำงานขึ้นมาเลยเชียวนะ

.....“พรุ่งนี้ฉันมีเคสผ่าตัดช่วงเช้า”

.....“ออ อืม เค้ ไปคนเดียวก็ได้” แสร้งเสียดายด้วยท่าทางที่กวนที่สุดในโลก

.....“อะไรกัน แฟนเพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านวันเดียว เหงาซะแล้วเหรอ”

.....“คนโสดจะไปเข้าใจอะไร ไปดีกว่า บายเพื่อนรัก—” โบกมือลาพร้อมขยิบตาให้เพื่อนรักไปหนึ่งที ก่อนจะหันไปลาใครอีกคนที่นั่งอยู่ในห้องด้วย “—พี่ไปแล้วนะครับน้องผักชี บายครับ”

.....“บายค่ะพี่กฤษ”

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
*นายแพทย์มนัสวิน โรจน์สุวรรณ อายุ 32 ปีนะคะ ตามหลักการเรียนแพทย์คือ เรียนแพทย์ 6 ปี ใช้ทุน 3 ปี และต่อเฉพาะทางอีก 5 ปี
ส่วนบรรยายกาศโรงพยาบาล และห้องทำงาน อิงมาจากซีรี่ย์เกาหลีเรื่อง 3rd Hospital




/\ HOUSE OF IVANOV /\

. Not for God . Not for Us . But for Glory of Ivanov .
. ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของไอวานอฟ .





Go to the top of the page
+Quote Post
Gelato
โพสต์ Nov 8 2017, 01:50 AM
โพสต์ #3


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

***




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 169
เข้าร่วม : 15-August 15
หมายเลขสมาชิก : 27,475
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: แบล็กทอร์น | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: โก่งเล็กน้อย

สัตว์เลี้ยง






-02-

.....ฝนหลงฤดูตกโปรยปรายให้อากาศเย็นชุ่มช่ำ กลางเดือนสิบเอ็ดเป็นช่วงที่ลมหนาวเริ่มมาเยือนแล้ว ปีนี้ดูเหมือนว่าอากาศจะหนาวกว่าทุกปี ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่คนเมืองหลวงจะได้สัมผัสกับความหนาวเย็นของธรรมชาติเสียบ้าง หลังจากที่ต้องเผชิญกับความขยันขันแข็งของดวงอาทิตย์มาหลายเดือน

.....นิ้วชี้เคาะพวงมาลัยสีดำตามจังหวะดนตรีที่เปิดคลอเพื่อไม่ให้ในรถเงียบเกินไป ไฟสีแดงจากรถคันหน้าสว่างจนต้องเลี่ยงสายตาหนี ป้าย LED ขนาดใหญ่แข่งกันฉายโฆษณาจนทั่วบริเวณนั้นจ้าไปหมด กว่าครึ่งชั่วโมงที่หมดไปกับการติดแหง็กบนท้องถนน มันช่างเป็นอะไรที่น่าเบื่อมากมายอยากจะหลับรอให้รู้แล้วรู้รอดไป

.....“พี่คะ มีข่าวว่าคุณอมรเสียชีวิตแล้ว”

.....หลังจากปล่อยให้คนขับต้องเหงามีเพลงคลอเป็นเพื่อน ผู้โดยสารหนึ่งเดียวก็เปิดบทสนทนาเกี่ยวกับหัวข้อที่กำลังเป็นประเด็นในโลกโซเชียลอยู่ในขณะนี้ อมร จิระวรการ ถือเป็นไฮโซหนุ่มที่คนในวงการรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าวอยู่เสมอ โดยเฉพาะการเข้าสู่ประตูวิวาห์กับนางเอกสาวชื่อดัง รัน – ยศนันท์ นาโอภาส เมื่อ 5 ปีก่อน ที่กลายเป็นข่าวซุบซิบอยู่ช่วงหนึ่งว่าที่ต้องแต่งงานกันเพราะฝ่ายหญิงนั้นท้อง

.....“อืม เมื่อเที่ยงน่ะ”

.....“สงสารพี่รันนะคะ ไม่รู้ว่าป่านนี้เป็นยังไงบ้าง”

.....“ไม่รู้สิ ก็คง —” ช่วยไม่ได้ที่ภาพเมื่อกลางวันจะหวนเข้ามาอีกครั้งทั้งที่ไม่อยากจดจำสักเท่าไหร่ ภาพหญิงสาวที่ร่ำไห้ปานจะขาดใจตรงหน้าห้องผ่าตัดหลังจากที่แพทย์เดินออกมาแจ้งข่าวว่าไม่สามารถยื้อชีวิตชายที่เธอรักเอาไว้ได้ “— เสียใจมากนั่นแหละ”

.....“แล้วพี่ได้โทรหาพี่รันหรือยังคะ”

.....“ยัง แต่ไม่จำเป็นหรอก”

.....ไม่มีใครพูดอะไรต่อ ปล่อยให้ทั้งรถมีแต่เสียงเพลงที่เปิดคลออีกครั้ง จับจากน้ำเสียงที่ราบเรียบเมื่อครู่ก็พอจะบอกได้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้พูดถึงเรื่องนี้อีก จะด้วยเพราะเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ชิษณุชาไม่คิดจะหาคำตอบ ยอมรับว่าเธอกลัว..กลัวที่จะต้องรู้ว่าผู้หญิงคนนั้น ยังคงมีอิทธิพลต่อชายหนุ่มด้านข้างเธอเสมอ

------------------------------------------------------------------------------------------

.....ร่างเพรียวระหงในชุดเดรสสีน้ำเงินเข้มช่วยขลับผิวสีน้ำนมให้ดูเด่น ประกอบกับส้นสูงสีเงินประกายช่วยเสริมให้ดูสง่า ผมดำขลับปล่อยสยายตามแผ่นหลังทิ้งตัวไปตามแรงโน้มถ่วง บางส่วนถูกปัดมาให้พาดบนไหล่มน ริมฝีปากบางถูกเคลือบด้วยลิปสติกสีชมพูอ่อนกำลังยิ้มแย้มจนคนที่เห็นต้องมองค้างลืมก
ระพริบตา

.....ขาเรียวพาตัวเองเดินไปตามทางคุ้นเคยที่ไม่ได้มาเกือบเดือน เพราะกิจธุระรัดตัวจนแทบไม่มีเวลาหายใจ อันที่จริงก็ใช่ว่าเธอจะว่างในวันนี้ แต่เห็นว่ายังพอมีเวลาเหลืออยู่ จึงไม่รีรอที่จะรีบมาหาใครบางคนที่ป่านนี้คงจะงอนเธอไปแล้ว

.....“สวัสดีค่ะคุณแชน หายไปนานเลยนะคะ” พยาบาลประจำเคาน์เตอร์เอ่ยทักทายทันทีที่เห็นร่างบางเดินเข้ามาใน ‘ศูนย์ผู้ป่วยมะเร็ง’

.....“วุ่นๆ เรื่องโปรเจคจบน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ” ตอบกลับและขอตัวด้วยความสุภาพจนผู้ถามอดที่จะปลื้มในกิริยาอันงดงามนี้ไม่ได้

.....แชน – ชลฤดี สุทธิเวชการ นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจปีสุดท้าย ว่าที่ผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ ไม่แปลกที่เธอจะได้รับความเคารพมากเป็นพิเศษจากเจ้าหน้าที่ที่นี่ แม้ในช่วงแรกจะรู้สึกเก้อเขินไปบ้างแต่ตอนนี้เธอชินเสียแล้ว ตั้งแต่ก้าวเข้ามาเธอต้องทักทายผู้คนตลอดทาง ความมีมารยาท การให้เกียรติผู้อื่นช่วยส่งให้เธอเป็นคนชื่นชอบและชื่นชมในวงกว้าง ไหนจะหน้าตาที่สะสวยหมดจด ทำให้เธอเป็นที่หมายปองของหลายตระกูลที่อยากจะให้ลูกหลานได้สานสัมพันธ์


.....ห้องสุดท้ายในโซน VIP คือจุดหมายปลายทาง ห้องที่แปลกกว่าห้องอื่นๆ ตั้งแต่หน้าประตูสีขาวที่มีป้ายหน้าห้องเป็นรูปฮีโร่เกราะสีแดงและลายมืออันเป็นเอกลักษณ์ ‘อาณาจักรแห่งเซธ’ หน้าห้องไม่เหมือนใครก็อย่าคิดว่าภายในจะมีใครเหมือน ทั้งห้องถูกตกแต่งจนต้องกลับมาคิดว่าที่นี่ใช่ห้องผู้ป่วยในโรงพยาบาลจริงหรือ? แต่เตียงผู้ป่วยและอุปกรณ์ทางการแพทย์นั้นช่วยตอกย้ำว่า นี่คือห้องผู้ป่วยจริงๆ

.....มือบางเปิดประตู แทรกตัวผ่านประตูเข้ามาในห้อง กวาดสายตามองหาคนที่น่าจะอยู่ในนี้ ไม่มี ก่อนที่จะถูกความคิดร้ายๆ เข้าจู่โจม หางตาก็เหลือบไปเห็นเงาตรงระเบียงเข้าพอดี ถอนหายใจเล็กน้อยพลางส่ายหัวไล่ความคิดที่ไม่เข้าท่า เดินตรงไปแหวกผ้าม่านออก ผู้ป่วยที่ไม่เหมือนคนป่วยใส่แว่นดำนั่งฟังเพลงอย่างสบายอารมณ์ บนโต๊ะมีน้ำผลไม้ที่โปรดปรานวางอยู่

.....‘ให้ตายสิ คิดว่าเท่นักรึไง’ แอบบ่นคนวางท่าดั่งนั่งชิลริมทะเล ทั้งๆ ที่ลมก็แรงแบบนี้ มันน่าจับขังซะให้เข็ด

.....“มีความสุขมากไหมคะคุณเซธ” ดึงหูฟังออกแล้วทักทายด้วยเสียงหวานที่แฝงไอเย็นไปหนึ่งที จนคนที่กำลังทอดอารมณ์สะดุ้งโหยง แต่เมื่อหันไปเห็นว่าเป็นใครก็แกล้งสะบัดหน้าแสร้งทำเป็นไม่สนใจทันที

.....“...”

.....“จะไม่สนใจกันหน่อยหรือไง วันนี้มีเวลาอยู่ด้วยแป๊ปเดียวเองนะ” กอดอกมองคนขี้น้อยใจที่งอนได้น่าตีที่สุดในโลก

.....“...”

.....“โอเค้ งั้นไปดีกว่า” เมื่ออีกฝ่ายยังนิ่งเฉย ก็คงต้องงัดไม้ตายสุดท้ายมาใช้ และก็ได้ผลเมื่ออีกฝ่ายรีบคว้าข้อมือเธอไว้ทันที

.....“ดะ.. เดี๋ยวสิ”

.....อมยิ้มเย้าคนขี้เก็กที่กำข้อมือเธอซะแน่นเชียว ทีเมื่อกี๊ยังทำเป็นไม่สนใจอยู่เลย

.....“เข้าข้างในกันนะ ข้างนอกลมแรง”

.....“อื้อ”

.....พาคนป่วยขึ้นไปนั่งห้อยขาบนเตียง ส่วนตัวเองก็ลากเก้าอี้มานั่งตรงหน้า ไล่สายตาพิจารณาร่างเล็กที่ไม่เจอกันหลายวัน ดูเหมือนว่าเขาจะผอมลงไปอีกแล้ว ช่วงที่เธอไม่ว่างมาคงเป็นช่วงที่เขามีอาการแย่แต่ไม่ยอมบอกให้เธอรู้

.....“ผอมลงใช่ไหมเนี่ย ไม่กินข้าวล่ะสิ”

.....“ตาฝาดแล้ว อีกนิดจะเป็นหมูแล้วเนี่ย” ไม่สบตาคนถามเอาแต่มองมือที่กำลังเขี่ยเล่น ถึงจะโกหกออกไปคนตรงหน้าก็รู้อยู่ดี แต่เลือกไม่บอกความจริงเพราะความสบายใจของตัวเองมากกว่า

.....“นั่นสินะ เค้าคงตาฝาดไปจริงๆ” เมื่ออีกฝ่ายบอกแบบนี้ เธอก็ยอมเชื่อเพื่อความสบายใจของเขา ก่อนจะเลือกเปลี่ยนเรื่องคุยเมื่อเห็นคนป่วยก้มหน้างุดขนาดนี้ “แล้วไปตากลมที่ระเบียงทำไม”

.....“ฟังเพลง”

.....“ในห้องก็ฟังได้”

.....“ก็อยากฟังนอกห้อง”

.....เรื่องเถียงไม่ยอมแพ้ต้องยกให้เขาเลยจริงๆ ขี้งอนอันดับหนึ่ง เอาแต่ใจเป็นที่สุด แต่ไม่รู้ว่าทำไมเธอกลับมองว่ามัน ‘น่ารัก’ ถ้าตัดเรื่องความป่วยออกไป เขาเป็นคนหนึ่งที่สดใสมากๆ มีความคิดในแง่บวกเสมอ คอยเป็นกำลังใจให้กับทุกคน ทั้งผู้ป่วยในแผนกเดียวกัน ผู้ป่วยต่างแผนก รวมไปถึงญาติผู้ป่วยที่กำลังเศร้า หรือแม้แต่แฟนเพจในโซเชียลที่เขาสร้างขึ้นเพื่อให้กำลังใจคนที่ท้อแท้ สิ้นหวัง

.....เธอเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับกำลังใจจากเขามากมายจนทำให้ได้รู้จักและสนิทกัน ถ้าไม่เห็นด้วยตาเธอคงไม่เชื่อว่าเขาคือคนป่วยโรคร้ายแรง เซธ – เจณฑ์ภัทร คิ้มเจริญ ผู้ป่วยระดับ Super VIP ไม่ใช่เพราะความร่ำรวยในตระกูลใหญ่ เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้าตัวเล็กๆ ที่มีความดีเป็นดั่งอาวุธ ทำให้หลายคนนั้นเอ็นดู เจณฑ์ภัทรถูกตรวจพบว่าเป็นลูคีเมียเมื่ออายุ 17 ปี ในยามที่มืดมน ก็มีแสงสว่างคอยส่องทางให้ เมื่อนพ.มนัสวิน ที่ตอนนั้นเป็นเพียงแพทย์ประจำบ้านของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ได้ขอให้ครอบครัวเป็นผู้อุปการะผู้ป่วยรายนี้ เขาจึงได้มีโอกาสรักษาในโรงพยาบาลที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ

.....แม้จะเกรงใจและลำบากใจที่จะรับความช่วยเหลือ แต่สุดท้ายก็ยอมรับแต่โดยดี ตั้งแต่นั้นมาเขาก็รักษาตัวในโรงพยาบาลมาตลอด ที่นี่คือบ้านหลังใหม่ และทุกคนที่นี่คือครอบครัวใหม่ ในช่วงที่อาการอยู่ในระดับดี เซธมักจะคอยช่วยงานเจ้าหน้าที่เสมอเท่าที่จะทำได้ จนเป็นที่รักใคร่ของทุกคนตั้งแต่รปภ. แม่บ้าน จนผู้บริหารของโรงพยาบาล


.....“ทำไมวันนี้แต่งตัวสวย” เพิ่งจะสังเกตว่าคนตรงหน้าแต่งตัวสวยผิดปกติก็ตอนที่ยอมละสายตาจากมือบางมองอีกฝ่ายเต็มๆ ตานั่นแหละ

.....“มีงานบายเนียร์ไง บอกแล้วนี่”

.....“จำเป็นต้องสวยขนาดนี้เลยเหรอ”

.....“ไม่จำเป็น แต่พอดีว่าเป็นคนสวยมากอยู่แล้ว”

.....เบ้ปากใส่คนหลงตัวเองไปเสียหนึ่งที แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวันนี้เจ้าหล่อนสวยมากจริงๆ ไล่ตั้งแต่การแต่งหน้าจนเสื้อผ้าที่ใส่ จากที่ปกติจะแต่งแบบสบายๆ มากกว่า

.....ไม่จำเป็นต้องมีบทสนทนาอะไรมากมาย แค่อยู่ด้วยกันก็พอแล้ว ความคิดถึงถูกแสดงออกผ่านมือที่เกาะเกี่ยวกันไม่ยอมปล่อย ช่วงที่ไม่ได้เจอกันยังพอได้ยินเสียงอยู่บ้างให้คลายเหงา แต่การได้พบหน้าแบบนี้คือสิ่งที่ดีที่สุดแล้วจริงๆ


.....“เค้าต้องไปแล้วนะ” เมื่อเห็นว่าได้เวลาที่จะต้องไปร่วมงานของคณะ ชลฤดีจึงลุกขึ้นบอกลาอีกฝ่ายและเตรียมตัวจะไปทันที แต่ก็ทำไม่ได้เมื่อมือเล็กยังจับมือเธอแน่นไม่ยอมปล่อยอยู่แบบนี้ และเพราะคนป่วยเอาแต่ก้มหน้าไม่สบตากัน เธอจึงต้องย่อตัวเพื่อมองใบหน้าง้ำงอนั้นแล้วส่งยิ้มหวานๆ ให้คนขี้งอนต้องหน้าแดง “เดี๋ยวเค้ามาใหม่ ไม่งอแงนะคะ”

.....“อีกหลายวันหรือเปล่า” ไม่ได้อยากงอแง เพียงแต่ว่ามันคิดถึงและอยากใช้เวลากับคนนี้ให้นานที่สุด มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ก่อนจะไม่มีโอกาส

.....“พรุ่งนี้” บอกข่าวดีที่คิดว่าคนตัวเล็กต้องดีใจจนแทบอยากจะกระโดดโลดเต้น อย่าว่าแต่เขาเลยที่คิดถึงเธอมาก เธอเองก็คิดถึงเขาไม่ต่างกันนั่นแหละ ไม่งั้นคงไม่ปลีกตัวมาหาก่อนไปร่วมงานแบบนี้หรอก “โปรเจคเค้าเสร็จแล้ว ว่างแล้ว”

.....“เย้ๆๆ”

.....ท่าทางดีใจอย่างกับเด็กได้ของเล่นใหม่ บอกไปใครจะเชื่อว่าเขาอายุ 22 เข้าให้แล้ว ยิ่งเห็นท่าทางแบบนี้ยิ่งทำให้เธออยากหยิกแก้มเขาแรงๆ สักที แต่ต้องห้ามใจไว้เพราะไม่อยากให้เขาต้องเจ็บโดยไม่จำเป็น

.....จุ๊บ ~

.....อดใจไม่ไหวจนต้องจุ๊บแก้มที่กำลังจะแตกจากการยิ้มนั่นไปหนึ่งที คนป่วยที่ปกติผิวซีดบัดนี้แก้มแดงระเรื่อ ไม่ต่างจากคนกระทำที่ยกมือพัดหน้าที่ร้อนผ่าว ต่างฝ่ายต่างหลบสายตา หัวใจเต้นแรงเกรงว่ามันจะหลุดออกมาจากอก

.....“ไปแล้วนะ” ตัดปัญหาความเขินอายโดยการขอตัวลาแล้วออกไปทันที ส่วนคนที่ยังอยู่ในห้องก็มุดหน้ากรี๊ดกับหมอนไปแล้ว




/\ HOUSE OF IVANOV /\

. Not for God . Not for Us . But for Glory of Ivanov .
. ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของไอวานอฟ .





Go to the top of the page
+Quote Post
Gelato
โพสต์ Nov 9 2017, 11:19 PM
โพสต์ #4


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

***




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 169
เข้าร่วม : 15-August 15
หมายเลขสมาชิก : 27,475
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: แบล็กทอร์น | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: โก่งเล็กน้อย

สัตว์เลี้ยง






-03-

.....บรรยากาศหมองเศร้าในงานที่ไม่มีใครอยากจะจัด ผู้คนสวมชุดดำสุภาพเพื่อร่วมไว้อาลัยและให้เกียรติแด่เจ้าของงาน ร่างสูงในชุดสูทสีดำเดินเข้ามาในบริเวณงานพร้อมเพื่อนสนิท สายตาคมมองหาเก้าอี้ว่างแถวหลังสุดก่อนจะเดินไปนั่งอย่างเงียบเชียบ ไร้การต้อนรับจากเจ้าภาพเนื่องด้วยเวลานี้ทุกคนตั้งใจฟังบทสวดจากพระสงฆ์ทั้งสิบรูป

.....เสร็จสิ้นพิธีกรรมทางศาสนา สองหนุ่มจึงได้เข้าไปทักทายเจ้าภาพและเคารพศพตามมารยาทที่พึงกระทำ สีหน้าอ่อนล้า เศร้าหมองทำเอาคนที่เห็นอดเป็นห่วงไม่ได้ พูดคุยเพียงเล็กน้อยมนัสวินกับยศนันท์จึงแยกตัวออกไปอีกด้านหนึ่งตามลำพัง เพื่อต้องการความเป็นส่วนตัว

.....“เสียใจด้วยนะรัน”

.....ไม่มีการตอบรับนอกจากการก้มหน้าร้องไห้ ความเข้มแข็งที่มีเสมอมาพังลงเมื่อได้อยู่กับคนเคยคุ้น จนชายหนุ่มต้องดึงเธอเข้าไปกอดปลอบประโลม เพียงเท่านั้นความอ่อนแอก็จู่โจมอีกระลอกใหญ่

.....ให้สาวเจ้าปล่อยน้ำตาจนพอใจ ถึงได้ผละออกจากกัน โชคดีที่ไม่มีใครผ่านมาบริเวณนี้จึงไม่ต้องกลัวถูกเอาไปนินทา ยื่นมือส่งผ้าเช็ดหน้าสีเข้มให้คนตรงหน้าที่รับไปโดยง่าย

.....“เข้มแข็งนะรัน อย่างน้อยๆ ก็เพื่อลูกของคุณ”

.....“มินช่วยอยู่เคียงข้างรันได้ไหมคะ” อาจดูน่าไม่อายที่ร่างของสามียังนอนอยู่ในศาลาแต่ตัวเองกลับมาขอร้องคนรักเก่าให้อยู่เคียงข้างแบบนี้ แต่เธอไร้ที่พึ่งแล้วจริงๆ ครอบครัวสามีใช่ว่าจะรักเธอดั่งที่ใครต่อใครเห็น

.....“ผมให้กำลังใจคุณได้เสมอ—” แม้อยากจะเย็นชา ใจร้ายสักเพียงไหน ในสถานการณ์แบบนี้เขาคงทำมันไม่ลง แต่คงต้องรักษาระยะระหว่างเรา “—จากตรงนี้”

.....“รันเข้าใจค่ะ แต่คุณจะไม่ทิ้งรันไปไหนใช่มั้ย”

.....มนัสวินไม่ตอบอะไรนอกจากพยักหน้าเบาๆ เขาเข้าใจดี เธอก็เป็นเพียงผู้หญิงอ่อนแอที่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งคนหนึ่ง อย่างน้อยขอให้มีที่พักพิงใจบ้าง และก็คงไม่ผิดถ้าเขาจะเป็นคนนั้นให้เธอ ในฐานะ..เพื่อน


.....ว่ากันว่ายามที่คนเราอยู่ในที่เงียบๆ เพียงลำพัง เรามักจะจมอยู่ในห้วงอารมณ์ ความคิดได้ลึกที่สุด

.....ในห้องที่มีแสงไฟสลัว ตั้งแต่กลับจากวัดร่างสูงก็เอาแต่นอนเหยียดยาวเอาแขนก่ายหน้าผากบนโซฟาสีเทาเช่นนี้ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ที่เขาเหม่อมองเพดานปล่อยให้ภาพอดีตไหลวนเข้ามาอีกครั้ง ช่วยไม่ได้ที่น้ำตาจะรื้นขึ้นมาในเมื่อหัวใจยังคงรู้สึกเจ็บ

.....ยศนันท์เป็นรักแรก แฟนคนแรกละคนเดียวของมนัสวินที่คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย ตามประสาของคู่รักย่อมมีกระทบกระทั่งเป็นธรรมดาแต่นั่นก็ทำให้ความรักของทั้งคู่แน่นแฟ้นขึ้น แม้ครอบครัวของหมอหนุ่มจะไม่เห็นด้วยเพราะอยากให้ลูกชายคบกับคนที่ฐานะเทียมกันมากกว่า แต่เขาและเธอก็ผ่านอุปสรรคนั้นมาได้ ความรักอันสวยงามที่ควรจะจบด้วยการควงแขนกันเข้าสู่ประตูวิวาห์ก็เป็นอันล่ม เมื่อปีสุดท้ายของการเป็นนักศึกษาแพทย์นั้นยุ่งเสียจนแทบไม่มีเวลาหายใจ ประกอบกับความดังของนางเอกหน้าใหม่แห่งวงการทำให้มีแต่คนเข้าหา ความห่างเหินจากการไม่มีเวลาให้กันทำให้ความสัมพันธ์ถูกแทรกแซงง่ายง่ายดาย ผลสุดท้ายก็จบลงที่การร้างลาแบบที่หัวใจแตกสลายย่อยยับ

.....กว่าจะฟื้นจากความเจ็บปวดที่กรีดลึกลงกลางใจก็เกือบเสียผู้เสียคน โชคดีที่มีเพื่อนสนิทและน้องสาวคนสำคัญคอยอยู่เคียงข้างให้ผ่านคืนวันอันเลวร้าย เมื่อตั้งหลักได้ก็ดูเหมือนจะขยาดกับความรักอย่างสิ้นเชิง กลายเป็นคนไร้หัวใจและไม่กล้าเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใครอีกเลย

.....วันเวลาที่ผันผ่านทำให้วันวานกลายเป็นเพียงความทรงจำ ใช้ชีวิตตามปกติอย่างที่ควรจะเป็น ไม่พยายามลืม ไม่หลอกตัวเองว่าไม่คิดถึง ทำเพียงยอมรับกับความรู้สึกที่ยังเกิดขึ้น เฉกเช่นตอนนี้


.....Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr

.....แรงสั่นสะเทือนจากโทรศัพท์เครื่องหรูในกระเป๋ากางเกงดั่งเป็นสัญญาณเรียกสติกลับมา หยิบขึ้นมาดูพร้อมกันดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ชื่อที่แสดงอยู่เรียกรอยยิ้มนิดๆ จากคนที่กำลังมอง เสสายตาดูเวลาจากนาฬิกาดิจิตอลที่ตั้งข้างทีวี แสงสีแดงสะท้อนบอกเวลาที่ใกล้จะเข้าสู่วันใหม่เต็มที ทุกครั้งที่กำลังรู้สึกแย่ คนๆ นี้มักจะชะล้างความรู้สึกเหล่านั้นเสมอ

.....“โทรมาซะดึกเชียวนะ”

.....[ถ่ายเสร็จดึก แต่ตอนนี้อาบน้ำแล้ว กำลังจะนอน เลยโทรมาหาก่อน]

.....คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ มองนาฬิกาอีกหน ยอมรับว่าไม่ค่อยชอบที่อีกฝ่ายต้องทำงานจนดึกแบบนี้ แต่จะให้ไปบังคบก็ดูจะเป็นการก้าวก่ายอีกฝ่ายไปหน่อย แม้จะรู้ว่าเพียงแค่เอ่ยปาก เธอก็พร้อมจะทำตามอย่างว่าง่าย

.....“นอนเลยก็ได้นี่ โทรมาทำไม”

.....[ก็.. พี่มินเคยบอกว่าได้ยินเสียงเค้าแล้วสบายใจ]

.....“หื้มมมมมมม” คิ้วที่เคยผูกกันเป็นโบว์พลันเลิกขึ้น เมื่อได้ยินปลายสายว่าเช่นนั้น จะว่าแปลกใจก็คงได้ เขาเคยบอกแบบนั้นก็จริง แต่ตอนนี้เธอรู้ได้ยังไงว่าเขากำลังรู้สึกไม่สบายใจ

.....[ตอนนี้กำลังรู้สึกไม่ค่อยดีไม่ใช่เหรอ]

.....“อ่า รู้ดีจริงนะ”

.....[เก่งไง งั้นแค่นี้นะคะ ตาจะปิดแล้ว]

.....หัวเราะในลำคอเบาๆ ฟังจากเสียงงุ้งงิ้งนั่นก็พอจะเดาได้ เหนื่อยมากสินะ แต่ก็ยังอุตส่าห์เป็นห่วงเขา ช่างเป็นน้องสาวที่น่ารักมากจริงๆ

.....“ฝันดีนะคะตัวยุ่ง”

.....[ไนท์ค่ะพี่มิน]

.....ปลายสายวางไปแล้ว แต่รอยยิ้มบนหน้ารอยังไม่จางหายไปไหน สายตายังคงอยู่จ้องหน้าจอที่ดับสนิท เขารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นไบโพล่าเสียอย่างนั้น เดี๋ยวเศร้าเดี๋ยวสุข ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องรู้สึกดีกับการกระทำของน้องสาวข้างบ้านขนาดนี้ อาจเป็นเพราะความผูกพันที่มีมายาวนานและแน่นแฟ้น อาจเพราะเขาไม่ได้รู้สึกว่าถูกลดความสำคัญแม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน อาจเป็นเพราะว่าเขายังคงเป็นพี่ชายที่สำคัญที่สุดของเธอเสมอ เช่นกัน เธอก็คือน้องสาวที่สำคัญที่สุดตลอดมา และคงจะเป็นแบบนี้ตลอดไป

------------------------------------------------------------------------------------------

.....เสร็จสิ้นทุกอย่างก็มีเวลาว่างเหลือเฟือที่จะอยู่กับใครบางคนให้เบื่อกันไปข้าง เอกสารสามถึงสี่แฟ้มสำหรับการศึกษาข้อมูลของโรงพยาบาลในเครือทั้งหมดถูกวางทิ้งบนโซฟาตัวยาวไว้โดยที่ไม่มีใครสนใจมัน นี่คือช่วงพักผ่อนหลังจากที่ต้องเครียดมาอย่างยาวนานกับการฝึกงานและโปรเจคอันยุ่งยาก ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งศึกษาข้อมูลต่างๆ นาๆ แม้ผู้เป็นพ่อจะอยากให้เริ่มงานอย่างรวดเร็วก็ตามที

.....“ไหนดูซิ หมวก ผ้าพันคอ โอเค เรียบร้อย” ตรวจความเรียบร้อยของคนตัวเล็กครั้งสุดท้ายว่าทุกอย่างอยู่ในแบบที่ควรจะอยู่

.....“ทำไมต้องแต่งขนาดนี้ คนมองแย่” จับปลายผ้าพันคอสีหวาน ก้มมองชุดตัวเองก็ได้แต่แอบถอนหายใจ เข้าใจว่าเข้าช่วงหน้าหนาวแล้ว แต่ใช่ว่าอากาศประเทศไทยจะหนาวจนต้องแต่งตัวจัดเต็มขนาดนี้เสียเมื่อไหร่

.....“ไม่ได้หรอก ถ้าไม่สบายเพิ่มจะทำไง—” น้ำเสียงติดอ้อนเล็กๆ ถูกมาใช้เมื่ออยากให้อีกฝ่ายใจอ่อนแต่โดยดี ดวงตาคู่สวยที่เต็มเปี่ยมไปความห่วงใยทำเอาคนป่วยอยากหาอะไรมาปิดไว้ ไม่ใช่ไม่ต้องการเห็น แต่เพราะไม่อยากตกหลุมรักดวงตาคู่นี้มากไปกว่านี้แล้ว “—เดี๋ยวพี่หมอก็ดุอีก”

.....คนป่วยที่มักจะน่ารักกับคนอื่นเสมอ กับเธอเขาคือคนดื้อและเอาแต่ใจเหมือนเด็กทั้งที่อายุอานามก็เท่ากัน เขาไม่อยากเป็นคนป่วยที่เหมือนคนป่วย เขาอยากเป็นคนป่วยที่เหมือนคนธรรมดา ซึ่งข้อนี้เธอเข้าใจดี แต่ด้วยข้อจำกัดของร่างกายเขานั่นแหละนะที่ทำให้เธอตามใจเขาไม่ได้ สำหรับคนที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคแทรกซ้อนและติดเชื้อง่ายแบบเขา การจะออกไปข้างนอกแต่ละครั้งนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องเซฟเขาให้มากที่สุด

.....อุโมงค์ใสทอดยาวมีปลาหลากชนิดกำลังแหวกว่ายไปมาสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชม ‘Sea Life Bangkok Ocean World’ อุทยานสัตว์น้ำที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ใครๆ ก็ใฝ่ฝันที่จะได้มาเยี่ยมชมสักครั้ง ไม่ใช่เพราะแค่การจัดแสดงสัตว์น้ำกว่า 400 ชนิดมากถึง 30,000 ตัว แต่ยังมีสัตว์น้ำหายากให้ดูอีกด้วย

.....ช่วงกลางวันของวันธรรมดาแบบนี้ ผู้คนค่อนข้างบางตา มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวต่างชาติและชาวไทยไม่กี่ครอบครัวในที่นี่ เธอจึงเลือกพาเขามา ท่าทางจะชอบไม่น้อยจากการที่วิ่งไปตรงนั้นทีตรงนี้ทีอย่างกับเด็กๆ ให้เธอต้องเอ่ยปากดุ

.....“อ๊า แชนดูฉลามมมมม”

.....“แชนๆๆ ปลากระเบนตัวใหญ่มากกกกกก”

.....“แชนนนนน ดูปลาฝูงนี้สิ”

.....นี่แหละ เด็กที่มีอายุ 22 ปี...


.....ปล่อยให้ดูนั่นดูนี่จนหนำใจก็ได้เวลาพาเด็กน้อย(?)มานั่งพักก่อนจะได้พาเขากลับบ้าน อาการเหนื่อยมีให้เห็นบ้างแต่สีหน้ามีความสุขนั้นมีมากกว่า พลอยทำให้คนที่มานั้นมีความสุขไปด้วย การแต่งตัวที่จัดเต็มทั้งหมวกไหมพรม ผ้าพันคอและเสื้อกันหนาวตัวหนาเรียกสายตาคนที่ผ่านไปผ่านมาได้อย่างดี บางคนอาจสงสัย บางคนอาจเอาไปเป็นหัวข้อขำขันบนอินเทอร์เน็ตอย่างที่เธอเคยเห็น นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเธอ แต่ไม่ใช่กับอีกคน โชคดีที่เขามัวแต่จดจ่อกับขวดน้ำและของว่างทำให้ไม่ต้องเห็นว่ามีใครมอง เพราะถ้าเขาเห็นว่ามีใครมองเขา เขาก็จะมองตัวเอง และย้ำว่าตัวเอง...ช่างอ่อนแอ

.....นับเป็นจุดอ่อนของคนๆ นี้เลยก็ว่าได้ คนที่มองโลกในแง่ดี ให้กำลังใจผู้อื่นเสมอ เขาไม่ชอบความอ่อนแกของตัวเอง ไม่ชอบการตอกย้ำว่าเขาเป็นเพียงคนป่วยที่รอวันตาย เขาจึงทำทุกอย่างเหมือนคนปกติจนบางครั้งก็ลืมนึกถึงข้อจำกัดของร่างกายตัวเอง

.....“กลับกันเนาะ จะเย็นแล้ว”

.....ไม่มีเสียงตอบรับเนื่องจากในปากเล็กนั้นอัดแน่นด้วยผลไม้ แต่เจ้าตัวก็สู้อุตส่าห์พยักหน้ารัวๆ เป็นคำตอบให้อย่างดี แม้ใจอยากจะอยู่เที่ยวต่อเพราะนานๆ ครั้งจะได้ออกจากบริเวณโรงพยาบาล แต่ก็รู้สึกเกรงใจอีกฝ่ายไม่น้อย แค่นี้ก็เพียงพอแล้วจริงๆ

.....ขึ้นรถได้ปุ๊บเจณฑ์ภัทรก็ทำการชัตดาวน์ตัวเองทันที อาศัยไหล่คนด้านข้างเป็นที่พิง ส่วนหมอนอิงจำเป็นก็ทำเพียงนั่งนิ่งๆ และเอ่ยปากบอกคนขับรถให้ขับอย่างนุ่มนวลที่สุด มือกุมกันไว้ไม่ยอมปล่อยตั้งแต่ในห้างจนกระทั่งบัดนี้ ชลฤดีเสหน้ามองไปนอกหน้าต่างกับรอยยิ้มที่แต่งแต้มทั่วไปหน้าสวย หากแต่มันไม่ใช่รอยยิ้มของความสุข

.....จุดที่อ่อนแอที่สุดของคนเรานั่นคือ ‘ความคิด’ ไม่มีอะไรจะทำร้ายเราได้มากไปกว่าความคิดแย่ๆ ที่ตัวเราสร้างขึ้นมา เมื่อคิดแย่ความรู้สึกก็แย่ตามไปด้วย อย่างที่หญิงสาวเป็นอยู่ในตอนนี้ การได้อยู่กับคนข้างๆ มีความสุขเสมอแต่มันก็แฝงไปด้วยความเศร้า

.....เศร้าที่ไม่รู้ว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันอีกนานแค่ไหน

.....เศร้าที่ไม่รู้ว่าความสุขแบบนี้จะหมดลงเมื่อไหร่

.....เศร้าที่ต้องรู้ว่า วันนึง..เขาจะต้อง จากไป

........แต่ถึงอย่างนั้น เราก็ยังอยากอยู่เคียงกันอยู่ดี





/\ HOUSE OF IVANOV /\

. Not for God . Not for Us . But for Glory of Ivanov .
. ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของไอวานอฟ .





Go to the top of the page
+Quote Post
Gelato
โพสต์ Nov 10 2017, 11:20 PM
โพสต์ #5


นักเรียนฮอกวอตส์ปี 2

***




กลุ่ม : นักเรียนบ้านสลิธีริน
โพสต์ : 169
เข้าร่วม : 15-August 15
หมายเลขสมาชิก : 27,475
สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์
เหรียญตรา


หีบสัมภาระ

ไม้กายสิทธิ์
ไม้: แบล็กทอร์น | ยาว: 10"
แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร
ความยืดหยุ่น: โก่งเล็กน้อย

สัตว์เลี้ยง






-04-


.....ชีวิตคืออะไร? คำถามที่ถ้าลองเอาไปค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็คงจะได้รับคำตอบสวยหรูดูดี แต่นั่นใช่คำตอบของคำถามนี้จริงๆ หรือ

.....ฉากเด็ดในละครที่พระเอกเป็นทายาทมหาเศรษฐี คงหนีไม่พ้นฉากกินข้าวที่สุดแสนจะมึนตึง ระหว่างพ่อกับลูกชายที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ และแน่นอนเมื่อคนเป็นพ่อเปิดปากพูดก่อน ก็เดาได้เลยว่าคงจะเป็นประโยคที่มีแต่ความประชดประชัน

.....“ถ้าฉันไม่บอกว่ามีเรื่องสำคัญมากจะคุย แกคงไม่กลับบ้านสินะ”

.....เดาผิดซะที่ไหนล่ะ

.....“ผมยุ่งครับ”

.....“คนไข้ที่โรงพยาบาลไม่เยอะขนาดนั้นนี่ เสาร์-อาทิตย์แกก็ได้หยุด สบายกว่าหมอคนอื่นด้วยซ้ำไป”

.....ใช่... การเป็นแพทย์เฉพาะทางของโรงพยาบาลที่ค่ารักษาสุดแสนจะแพงนั้นเป็นงานที่เรียกได้ว่าส
บายที่สุดเมื่อเทียบกับเพื่อนร่วมอาชีพที่อยู่โรงพยาบาลอื่น คนไข้ต่อวันไม่กี่คน มีวันหยุดให้พักผ่อนทุกสัปดาห์ แต่เพราะความเป็นหมอทำให้มนัสวินเลือกที่จะใช้วันหยุดเหล่านั้นเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นเป็นกรณีพิเศษ

.....“แต่วันหยุดผมต้องลงไปช่วยเคสที่โรงพยาบาลรัฐ”

.....“ใช่ธุระของแกเหรอ”

.....“แต่ผมเป็นหมอ”

.....“งั้นเอาวันหยุดไปเปิดคลินิกซะสิ”

.....ความคิดของนักธุรกิจที่มีเพียงผลกำไร กับความคิดของคุณหมอผู้อยากช่วยเหลือคนอื่นบ้างย่อมไปกันไม่ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่านักธุรกิจนั้นช่วยเหลือสังคมไม่เป็น หมายถึงการสนับสนุนกิจกรรมหรือโครงการหนึ่งๆ นั้น มีการวางแผนไว้หมดแล้วว่าจะเกิดผลดีต่อธุรกิจนั้นทั้งทางตรงและทางอ้อมอย่างไร ไม่มีใครทำอะไรโดยไม่หวังผลประโยชน์

.....“คลินิกมีเยอะแล้ว ผมไปช่วยโรงพยาบาลรัฐที่หมอไม่พอจะดีกว่า”

.....ตึ้ง!!

.....ผู้นำครอบครัวตบโต๊ะเสียงดัง ทำให้ผู้ร่วมโต๊ะอีก 8 คนต้องสะดุ้งโหยง บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเมื่อไม่มีใครยอมใคร จนนายหญิงของบ้านต้องส่งสายตาให้แม่บ้านพาเด็กๆ ออกไปก่อน

.....“คุณคะ —” แตะแขนสามีเบาๆ เพื่อเตือนสติให้ใจเย็น ก่อนจะหันมาเอ็ดลูกชายที่ดูจะอารมณ์ร้อนไม่ต่าง “— เราก็เหมือนกันตามิน จะเถียงพ่อเค้าให้ได้อะไรขึ้นมา”

.....คนโตกว่าหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ เขาไม่อยากจะให้เสียเรื่องตอนนี้ เพราะยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องคุยกับอีกฝ่าย ส่วนคนที่เด็กกว่าเมื่อได้ยินแม่ตัวเองปรามไว้ ก็ได้แต่ถอนหายใจเฮือก ทิ้งตัวกับพนักเก้าอี้อย่างไม่กลัวว่าจะเป็นการเสียมารยาท

.....“เอาล่ะ ที่ฉันเรียกแกมาไม่ใช่เพื่อให้มาเถียงอะไรไร้สาระแบบนี้”

.....“ถ้างั้นคุณพ่อรีบๆ พูดธุระมาเถอะครับ ผมไม่อยากถึงคอนโดดึก”

.....เวลานี้อาหารบนโต๊ะที่ดูน่ารับประทานก็ไม่อร่อยอีกต่อไป ยิ่งอยู่นานยิ่งอึดอัดและคงจะได้มีการระเบิดอารมณ์ใส่กันอีกเป็นแน่ ดังนั้นการเร่งรัดให้เข้าประเด็กหลักดูจะเป็นทางเลือกได้ดีที่สุด

.....“แกก็สามสิบแล้วนะ เมื่อไหร่จะแต่งงาน”

.....เป็นเรื่องสำคัญที่บอกว่าจะคิดไม่ผิดก็ว่าได้ ในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มนัสวินถูกถามถึง อันที่จริงตั้งแต่เลิกรากับสรินตาไปเขาก็ถูกผู้เป็นพ่อถามถึงเรื่องแต่งงานมาตลอด เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่ถึงขั้นบีบคั้นอะไร และหวังว่าครั้งนี้จะเป็นเพียงแค่การถามถึงเหมือนอย่างเคย

.....“ผมยังไม่พร้อม อยากเรียนปริญญาเอกก่อน”

.....“ไม่มีกฎข้อไหนที่ห้ามคนแต่งงานแล้วเรียนต่อ”

.....“ผมไม่อยากคิดเรื่องอื่น”

.....“คิดซะ อย่าให้เวลานานไปมากกว่านี้”

.....ถ้าเปรียบบทสนทนานี้เป็นเกมกีฬา ก็คงเป็นแบตมินตันคู่ชิงชนะเลิศ โต้กันอย่างไม่มีใครยอมใคร หนึ่งตั้งเกมรุกใส่ อีกคนทำเกมรับอย่างเหนียวแน่น หากจะมีฝ่ายแพ้ ก็คงเป็นเพราะพลาดเอง

.....“ผมยังไม่ได้คบใคร คงคิดเรื่องแต่งงานตอนนี้ไม่ได้”

.....“เหอะ! มัวแต่ปักใจกับความรักครั้งเก่าอันงี่เง่าของแกน่ะสิ”

.....ในชีวิตของผู้ชายที่รักตัวเองยิ่งกว่าใครอย่างวศิน โรจน์สุวรรณ นักธุรกิจที่ได้ชื่อว่าหน้าเงินสุดๆ ทุกอย่างที่ทำเงินไม่ได้ล้วนเป็นสิ่งงี่เง่าและไร้ค่าสิ้นดี ไม่สนความรู้สึกใคร ไม่สนว่านั่นจะเป็นชีวิตใคร

.....แกร๊ง

.....ปล่อยช้อนให้ร่วงลงกระทบจาน เหมือนโดนจี้ใจดำเข้าอย่างจัง งี่เง่าเหรอ!! ความรักของเขามันคือสิ่งที่งี่เง่างั้นเหรอ ขบกรามแน่นเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์กำลังพุ่งสูง ไม่อยากเป็นลูกอกตัญญูที่ตวาดใส่บุพการี แต่บางครั้งก็ไม่รู้จะทนไปเพื่ออะไร

.....“ผมจะปักหรือไม่ปัก ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อ!!!”

.....“ตามิน!” ผู้เป็นแม่ผวาจับแขนลูกชายพร้อมบีบแน่นให้ลูกรู้สึกตัวว่ากำลังทำตัวไม่ดีใส่บิดาอยู่ เธอเคร่งครัดเสมอในเรื่องความเคารพผู้ใหญ่ เด็กไม่ควรก้าวร้าวใส่ผู้ใหญ่เช่นนี้โดยเฉพาะคนๆ นั้นได้ชื่อว่าเป็นบุพการี

.....“อวดดีนักนะ” แม้จะแอบตกใจ แต่คนที่ผ่านโลกมานานแบบเขาก็รู้สึกเก็บอาการ แอบยอมรับว่าเมื่อไหร่ที่ลูกชายคนเล็กอดทนจนถึงขีดสุด เมื่อนั้นจะระเบิดอารมณ์อันน่ากลัวออกมาเสมอ แต่ความเอาชนะของเขามีมากกว่า และเขามีวิธีเอาชนะเด็กคนนี้ได้อย่างมีชั้นเชิงกว่าทำให้ไม่ว่าเกมไหนๆ เขาก็จะเป็นผู้ชนะอยู่ร่ำไป

.....“เอาเถอะ ถ้าแกยังไม่คบใครก็ดีแล้ว หนูชลฤดี -”

.....“ไม่ครับ ผมกับน้องห่างกันมากเกินไป” ไม่ต้องรอให้จบประโยคก็รู้จุดประสงค์ของคนเป็นพ่อแล้วรีบเอ่ยปฏิเสธทันที เขาจะไม่มีทางยอมรับเรื่องบ้าๆ แบบนี้เด็ดขาด จะ 2018 แล้ว การคลุมถุงชนควรหมดไปจากโลกนี้เสียที

.....“ไม่เกี่ยวกับอายุหรอกมั้ง ดูพี่ชายแกสิ” ยกตัวอย่างพี่ชายคนโตที่อายุห่างจากภรรยาหลายปี ให้คู่สนทนาต้องมองตาม ดูจากอาการแล้ว ผู้ชนะในเกมนี้คงหนีไม่พ้นคนที่มีอายุมากกว่าเช่นเคย

.....“แต่ผมไม่ได้กับน้องขนาดนั้น เจอกันก็นับครั้งได้” เป็นความจริงที่เขากับเด็กสาวคนนั้นไม่ค่อยได้พบเจอกัน แม้เธอจะเป็นว่าที่ผู้บริหารโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ก็ตาม เรียกได้ว่ารู้จักกันอย่างผิวเผินเท่านั้น

.....“ก็ไปสนิทกับน้องซะสิ”

.....“อย่าใช้ผมเป็นเครื่องมือทางธุรกิจของพ่อกับเพื่อน”

.....เหตุผลเดียวที่คนสองคนถูกบังคับแต่งงานกันก็คือ เหตุผลทางธุรกิจระหว่างสองครอบครัว ก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องอยากมี อยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองอีก ทุกวันนี้ที่มีก็ใช้ได้สบายไปทั้งชาติแล้ว

.....“อยู่ไปก็รักกันเอง” พิงเก้าอี้สบายๆ เมื่อรู้สึกว่าไม่มีอะไรต้องเครียดอีก สิ่งที่เอ่ยออกมาไม่ใช่การแนะแนวทางที่ควรทำ แต่มันคือการบังคับว่าต้องทำ วันนี้แค่เรียกมาเพื่อบอกให้เตรียมตัวก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าเขาจะเอาจริงเมื่อไหร่ ยังไงซะอีกฝ่ายก็ต้องยอมโดยไม่มีข้อแม้ “อ้อ แล้วก็กับหนูผักชีน่ะ ห่างๆ กันบ้าง”

.....“พ่อครับ!!!” ผลุดลุกขึ้นยืนจนเก้าอี้แทบหงายล้ม นี่มันมากไปแล้วจริงๆ กับการสั่งให้ห่างน้องสาวที่เขารักอย่างกับอะไรดี ไม่อยากจะอยู่ตรงนี้อีกต่อไปแล้ว ร่างสูงหันตัวเดินออกไปทันที แต่ยังไม่ทันจะพ้นประตูห้องอาหาร ก็ต้องหยุดชะงักและกำหมัดแน่นเมื่อได้ยินผู้เป็นพ่อเอ่ยประโยคสุดท้ายที่ทำให้เขาต้องหนักใจเข้าไปอีก

.....“กลับไปคิดให้ดีๆ เผื่อโครงการทั้งหลายของแกฉันจะได้รู้สึกอยากสนับสนุนบ้าง รวมถึงเด็กนั่นด้วย”


.....ตระกูลโรจน์สุวรรณผู้คุมธุรกิจผลิตและนำเข้าอุปกรณ์ทางการแพทย์รายใหญ่ของประเทศ นอกจากนั้นยังเป็นผู้ถือหุ้นในเครือธุรกิจสุทธิเวชการ ที่ประกอบด้วยโรงพยาบาล ธนาคาร และธุรกิจเกี่ยวกับยา จึงไม่แปลกที่หัวหน้าตระกูลอย่าง วศิน โรจน์สุวรรณ อยากจะให้ลูกชายคนเล็กได้เกี่ยวดองกับตระกูลเพื่อนสนิท การควบรวมธุรกิจจะได้เป็นไปได้ง่ายตามอย่างที่เขาคิดไว้ ลูกชายคนโตและคนรองเองก็แต่งงานกับทายาทครอบครัวผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เข้าสำนวนที่ว่า เรือล่มในหนองทองจะไปไหน

.....คนที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า แน่นอนว่าไม่เคยสนใจอะไรนอกจากผลประโยชน์ของตัวเองอยู่แล้ว กับคำพูดสวยหรูที่บอกว่า ‘ทำเพื่อครอบครัว’ แท้จริงแล้วนั้นเพื่อตอบสนองตัวเองทั้งสิ้น การเกิดในตระกูลมหาเศรษฐีที่มีพร้อมทุกอย่างย่อมเป็นที่อิจฉา แต่เชื่อเถอะว่า ถ้าเลือกเกิดได้ คงขอไปเกิดในครอบครัวที่เป็นครอบครัวจริงๆ ยังจะดีกว่า


.....BMW 5-series G30 สีดำสนิท ทะยานไปบนท้องถนนที่ค่อนข้างโล่ง ความเร็วกว่า 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงบ่งบอกให้รู้ว่าอารมณ์ของผู้ขับนั้นไม่ดีเท่าไหร่นัก จากเส้นทางที่กำลังไปไม่ใช่ทางกลับที่พักอย่างที่ควรจะเป็น หากแต่จุดหมายปลายทางนั้นอยู่ที่ภาคตะวันออก ชายหาดที่เงียบสงบที่ชายหนุ่มมักจะใช้เป็นที่ผ่อนคลาย ทะเลแห่งหนึ่งในจังหวัดชลบุรี

.....หักพวงมาลัยเข้าข้างทางเมื่อถึงที่หมายแล้ว หยิบเบียร์ยี่ห้อดังที่แวะซื้อติดมือมาด้วยก่อนจะลงจากรถคันหรูไป ที่นี่ไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวทำให้เงียบสงบกว่าที่อื่นๆ มีเพียงแสงไฟจากถนนเท่านั้นที่ให้ความสว่างในเวลานี้

.....นั่งทอดอารมณ์มองคลื่นที่ซัดเข้าฝั่ง ความมืดทำให้มองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน เขาชื่นชอบท้องฟ้าในคืนฤดูหนาวมากที่สุด เพราะเขารู้สึกว่ามันสวยดี ทั้งๆ ที่จริงแล้วมันก็สวยทุกฤดูในคืนที่ไม่มีเมฆคอยบดบัง

.....หยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมา หน้าจอปรากฏมิสคอลหลายสิบสาย ทั้งจากครอบครัว เพื่อนสนิท คนรักเก่า รวมถึงคนที่เป็นรอยยิ้มของเขา

.....เวลาแบบนี้หากจะต้องโทรกลับหาใครสักคนคงหนีไม่พ้นน้องสาวคนสนิท การที่ได้ยินเสียง ได้พูดคุย ได้ฟังเจ้าตัวเล่าเรื่องราวที่ได้พบเจอในแต่ละวันนั้นทำให้เขารู้สึกได้รับการเยียวยา

.....หากว่าบ้านคือสถานที่ที่ให้เรากลับไปในยามที่เหนื่อยล้า สถานที่ที่มีกำลังใจให้เสมอ เธอก็เป็นดั่งบ้านของเขา บ้านที่เขาจะอยู่ตลอดไป บ้านเพียงหลังเดียวที่เขาจะมี เขาไม่ต้องการคนรัก ไม่มีต้องการแต่งงาน ไม่ต้องการมีครอบครัวที่ไหนอีกแล้ว แค่มีเธอที่อยู่กับเขาเรื่อยไปแบบนี้ก็เพียงพอ


.....แต่บางทีชายหนุ่มก็อาจจะลืมคิดไป
.....ในวันหนึ่ง...น้องสาวของเขาจะต้องเดินในเส้นทางที่ต่างออกไป
.....ในวันหนึ่ง...น้องสาวของเขาจะต้องมีใครสักคนเคียงข้าง
.....ในวันหนึ่ง...น้องสาวของเขาจะต้องเป็นบ้านให้ใครอีกคน

.....…ถ้าหากเขา ยังไม่รู้และยอมรับหัวใจของตัวเอง




/\ HOUSE OF IVANOV /\

. Not for God . Not for Us . But for Glory of Ivanov .
. ไม่ใช่เพื่อพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อเรา แต่เพื่อความรุ่งโรจน์ของไอวานอฟ .





Go to the top of the page
+Quote Post

Reply to this topicStart new topic

 



RSS Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว เวลาในขณะนี้: 28th April 2024 - 02:02 AM