[RPG] Diagon Alley | ตรอกไดแอกอน |
ยินดีต้อนรับ ( เข้าสู่ระบบ | สมัครสมาชิก )
[RPG] Diagon Alley | ตรอกไดแอกอน |
Aug 21 2023, 01:00 AM
โพสต์
#1
|
|
นักจัดกิจกรรมโรลเพลย์ กลุ่ม : พ่อมดแม่มด โพสต์ : 186 เข้าร่วม : 8-May 11 จาก : Hogwarts :.The Story of Magic หมายเลขสมาชิก : 13,666 สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์ เหรียญตรา หีบสัมภาระ ไม้กายสิทธิ์ ไม้: -- | ยาว: -- แกนกลาง: -- ความยืดหยุ่น: -- สัตว์เลี้ยง ผู้พิทักษ์ |
Diagon Alley หากกล่าวถึงแหล่งช็อปปิ้งที่ดีที่สุดของเหล่าผู้วิเศษ คงไม่พ้นจากตรอกไดแอกอน ตรอกเก่าแก่ที่ถูกซ่อนไว้อยู่ด้านหลังของร้านหม้อใหญ่รั่ว บนถนนชาริงครอสของกรุงลอนดอน ย่านการค้าที่สำคัญของโลกเวทมนตร์อันมากไปด้วยร้านค้าตั้งติดกันหลายช่วงตึก พื้นถนนถูกปูด้วยบล็อกหินเก่า ผู้วิเศษจอแจพลุกพล่านย่างเข้ามาจับจ่ายใช้สอยและร้านรวงที่เปิดตลอดทั้งวันทั้งคืน จึงทำให้ตรอกการค้าแห่งนี้เต็มไปด้วยความครึกครื้นอยู่เสมอ ร้านค้าในตรอกไดแอกอนฝั่งเหนือ
ร้านค้าในตรอกไดแอกอนฝั่งใต้
กติกา
เปิดให้โรลเพลย์ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ⟵ ร้านหม้อใหญ่รั่ว ร้านสัตว์วิเศษ |
|
|
Oct 12 2023, 02:00 PM
โพสต์
#2
|
|
พ่อมด กลุ่ม : พ่อมดแม่มด โพสต์ : 6,442 เข้าร่วม : 22-January 09 จาก : 서울특별시 หมายเลขสมาชิก : 1,758 สายเลือด : เลือดบริสุทธิ์ เหรียญตรา หีบสัมภาระ ไม้กายสิทธิ์ ไม้: ไพน์ | ยาว: 11" แกนกลาง: เอ็นหัวใจมังกร ความยืดหยุ่น: ดีดตัว สัตว์เลี้ยง ผู้พิทักษ์ |
● THE ALMAECIOUS ● Erekia Seere Almaecious Mission ...? !!!! แต่งจนจบแล้วเพิ่งเห็นว่ายังไม่ได้ทำมิชชั่น ตรอกไดแอกอน อีกฝ่ายรู้ตัวเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้มากสมกับเป็นผู้ติดตามที่ เอียน โดโนแวน อัลแมเชียส ไว้ใจ เจ้าของความสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนฯ เศษ รูปร่างกำยำสูงใหญ่ภายใต้ชุดสูทสีดำสนิท ทำให้อารากอนดูโดดเด่นกว่าผู้วิเศษคนใดในย่านนี้ ซึ่งมันช่วยให้เอเรเคียมองเห็นอีกฝ่ายได้ตั้งแต่อยู่ไกล ๆ เพราะความได้เปรียบทางรูปร่างที่คล่องตัวกว่า ชั่วอึดใจเดียวทายาทแห่งโลหิตธาตุก็เดินฝ่าผู้คนมาถึงกลางตรอก สายตามองร้านรวงไปตลอดสองข้างทาง แต่ไม่มีร้านใดน่าสนใจไปกว่าความสนุกในการเล่นวิ่งไล่จับกับผู้ติดตามหนุ่ม อุปสรรคใหญ่หลวงคือผู้คนจำนวนมากมายต่างเดินสวนกันขวักไขว่น่าเวียนหัว แม้สายตามองเห็นผู้เป็นนายอยู่เบื้องหน้า ทว่าก็มิอาจพาตัวเองให้ไปถึงดั่งใจนึก เพราะมัวแต่ยกความสนใจทั้งหมดอยู่ที่เอเรเคียอารากอนจึงไม่ทันระวัง เผลอเดินชนสตรีรายหนึ่งที่กำลังเดินสวนมา "ตาบอดรึไงยะ! เกิดฉันล้มแข้งขาหักขึ้นมาจะทำยังไง รุ่นนี้ยิ่งไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยนอยู่ด้วย"หญิงวัยกลางคนในชุดเสื้อคลุมสีน้ำเงินสดใส ส่งเสียงแหวทันทีที่ถูกคนร่างสูงชนเข้าอย่างจัง "ขอโทษครับคุณผู้หญิง"อารากอนค้อมศีรษะพร้อมกับกล่าวคำขอโทษ เพียงได้พบประสบพักตร์ชายหนุ่มเต็มสองตา เจ้าหล่อนถึงกับเผลอครางเสียงเบาหวิว "อื้อฮือ ...หล่อจัง!" "บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ" "ทางกายน่ะไม่เท่าไหร่ แต่มันเจ็บตรงที่ใจอ่ะจ๊ะ แบบว่าความหล่อมันบาดใจ"หล่อนว่าพร้อมกับชม้อยชะม้ายชายตาไปยังผู้ติดตามหนุ่ม บิดกายขวยเขินประหนึ่งดรุณีพบรักครั้งแรก "..."คนที่ไปต่อไม่เป็นเห็นจะเป็นอารากอน เมื่อแน่ใจว่าถูกสตรีวัยเดียวกับแม่จู่โจมชนิดไม่ทันตั้งตัว ก็ถึงกับต้องมองหาทางหนีทีไล่ แม้มีตำแหน่งเป็นถึงผู้ติดตามแห่งอัลแมเชียสที่ผ่านการฝึกฝนมาอย่างโชกโชน จิตใจแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้า ทว่าชายหนุ่มไม่เคยถูกฝึกให้รับมือกับสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า 'ผู้หญิง' โดยเฉพาะมารยาหญิงนั้นสามารถทลายใจชายให้อ่อนยวบราวกับขี้ผึ้งลนไฟได้เลยทีเดียว คนที่ยืนมองดูเหตุการณ์มาตั้งแต่ต้นอย่างเอเรเคีย ถึงกับกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ตั้งแต่รู้จักกันมาเขาไม่เคยเห็นอารากอนเสียอาการเท่านี้มาก่อน มือเรียวล้วงมือถือขึ้นบันทึกภาพ ขณะที่หญิงวัยกลางคนรายนั้นโถมกายเซถลาไปยังผู้ติดตามหนุ่ม ทำให้ดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังตระกองกอดกัน ราวกับพระเอกนางเอกในซีรีส์เกาหลีโรแมนติกน้ำเน่ายุงบินชุม "อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกหน้ามืด สงสัยความดันจะตก ขืนเดินกลับเองคนเดียวคงไม่พ้นต้องเป็นลมล้มหัวฟาดพื้นเป็นผีเฝ้าตรอกแน่ ๆ วานพ่อหนุ่มช่วยพยุงพาไปที่ร้านได้มั้ยจ๊ะ เดินถัดจากนี่ไปอีกหน่อยก็ถึงแล้วล่ะ"หล่อนว่าเสียงออดอ้อนขุดจริตมารยาหญิงร้อยแปดกระบวนท่า หวังพิชิตชายตรงหน้าไม่มากก็น้อย พลางชี้นิ้วไปยังร้านเป้าหมายที่ตั้งอยู่ไม่ไกล เพียงละสายตาจากเอเรเคียไม่ถึงสองนาที ครั้นเมื่อหันกลับไปมองอีกครั้งก็พบว่าผู้เป็นนายหายไปกับฝูงชนเสียแล้ว ท้ายที่สุดอารากอนจำต้องช่วยพยุงพาสตรีนางนั้นเดินทางกลับร้านตามคำขออย่างรีบเร่ง เพราะหน้าที่ที่สำคัญของเขาคือการติดตามบุตรชายคนโตของนายเหนือชีวิต ที่บัดนี้หลบลี้หนีหายไปจากสายตา ซึ่งคาดว่าคงยังไปไหนได้ไม่ไกลนัก ร้านขายของทิ้งแล้ว เสียงกระดิ่งหน้าร้าน ปลุกให้ชายชราที่กำลังนั่งสัปหงกอยู่หลังเคาน์เตอร์สะดุ้งตื่น มือเหี่ยวย่นรีบกวาดหนังสือสำหรับผู้ใหญ่ ที่เปิดค้างไว้ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนไปให้พ้นจากสายตาผู้มาเยือน ก่อนจะฉีกยิ้มมองเห็นฟันไม่กี่ซี่ในปาก "โอ้! ลูกค้าคนแรกของวัน The Junk Shop ยินดีต้อนรับพ่อหนุ่ม"ชายชราเอ่ยเชื้อเชิญด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ดวงตาฝ้าฟางตามวัยไล่มองลูกค้ารายแรกตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างพินิจพิเคราะห์ การแต่งตัวแม้เรียบง่าย แต่บ่งบอกถึงรสนิยมของผู้สวมใส่ อีกทั้งผิวพรรณสว่างสดใสราวกับว่าทั้งชีวิตไม่เคยเจอแสงแดด รอยยิ้มเล็ก ๆ ปรากฏบนวงหน้าของผู้มาเยือนแทนคำพูดตอบรับ ขัดกับท่าทางถือตัวอยู่ในที หลังทักทายกันตามมารยาท ชายชราเจ้าของร้านจึงปล่อยให้ลูกค้าเดินชมสิ่งที่น่าสนใจตามอัธยาศัย ด้วยของภายในร้านไม่มีค่ามีราคาอะไรมากนัก ไม่จำเป็นต้องเดินตามประกบเฉกเช่นร้านอื่น ๆ จึงมีเวลาให้ได้ทำเรื่องส่วนตัวอย่างการหยิบหนังสือเล่มเดิม ที่เปิดค้างไว้ขึ้นมาอ่าน สลับกับส่งสายตาจับจ้องไปที่ลูกค้าหนุ่มเป็นครั้งคราว ไม่บ่อยนักที่จะมีลูกคุณหนูผู้ลากมากดีจากตระกูลใดสักตระกูล ให้เกียรติเหยียบเข้าร้าน เพราะส่วนใหญ่แล้วร้านของชายชรามักเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่คนจะเลือกเดิน หากไม่ใช่ผู้ที่ชื่นชอบของทิ้งแล้ว หรือต้องการตามหาอะไรสักอย่าง ก็มักเป็นคนนำของนั้นมาขายให้กับเขาสียเอง สิ่งของมากมายกองสุมรวมกันอย่างง่าย ๆ แยกเป็นประเภทมากบ้างน้อยบ้าง ดูคล้ายกับกองขยะขนาดย่อม ระหว่างสาวเท้าก้าวเดินไปยังด้านหนึ่งของร้าน พลันสายตาเอเรเคียเห็นวัตถุอะไรบางอย่างวางอยู่ท่ามกลางกองหนังสือ สะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่กำลังส่องทะลุบานหน้าต่างสว่างเรื่อเรือง คิ้วเรียวเลิกขึ้นด้วยความสงสัย พร้อมกับเหลียวกายบ่ายหน้าไปยังสิ่งนั้นราวกับถูกชักนำจากอำนาจบางอย่าง มันคืออาวุธชนิดหนึ่งที่เรียกกันว่า กริช จากด้ามจรดปลายคะเนจากสายตายาวประมาณหนึ่งฟุตเห็นจะได้ ตัวฝักและด้ามจับมีสีเงินสะท้อนแสงอาทิตย์มันปลาบ ประดับด้วยทองคำสีสุกปลั่งสลักลวดลายวิจิตรบรรจงเป็นรูปขนนกซ้อนทับกัน ทันทีที่มือของเขาสัมผัสเจ้าสิ่งนั้น เอเรเคียก็รับรู้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังไหลเวียนอย่างรุนแรง ก่อนที่มือของเขาจะถูกแผดเผาด้วยพลังที่ซ่อนอยู่ในกริช ไวเท่าความคิดมือเรียวชักไม้กายสิทธิ์พร้อมกับเอ่ยคาถาเฉพาะในตระกูล มันเป็นคาถาหักล้างอำนาจเทวะที่ยังหลงเหลืออยู่ สิ้นคำร่ายลำแสงสีดำสนิทก็พุ่งตรงไปยังกริช ผลของคาถาบันดาลให้สิ่งของที่อยู่รอบบริเวณนั้นลอยเคว้ง ก่อนจะถูกเหวี่ยงไปมาราวกับพายุโหมกระหน่ำ หนังสือเล่มหนาหลายกองถูกฉีกกระชากออกจากกันเป็นเพียงเศษกระดาษปลิวว่อน รวมทั้งบรรดาสิ่งของต่าง ๆ บัดนี้ไม่เหลือเค้าของเดิม จากสิ่งที่เกือบคล้ายขยะได้แปรสภาพเป็นเศษขยะอย่างสมบูรณ์ เสียงอื้ออึงจากแรงลม และบรรดาข้าวของพัดกระจุยกระจายจากทางด้านหนึ่งของร้าน ปลุกให้คนที่กำลังนั่งสัปหงกเป็นรอบที่สองของวันสะดุ้งตื่นอีกครั้ง "หมดกันร้านฉัน! พินาศหมดแล้ว!"ชายชราหายง่วงเป็นปลิดทิ้งพลางส่งเสียงโหวกเหวกหน้าตาตื่น ก่อนจะพาร่างอันผ่ายผอมเดินกระย่องกระแย่งจากเคาน์เตอร์ มายังจุดเกิดเหตุด้วยความตกใจ ไม่ทันที่เจ้าของร้านจะได้อ้าปากพูดประโยคต่อไป บรรดาเศษสิ่งของภายในร้านที่ย่อยยับจากน้ำมือเอเรเคียก็ค่อย ๆ ประกอบคืนเป็นรูปร่างดังเดิม มือเรียวคว้ากริชชูขึ้นข้างตัว ยิงคำถามไปยังเจ้าของผมสีดอกเลาทันที "คุณได้เจ้านี่มาจากไหน ? ใครขายมันให้คุณ! ?" ชายชราเจ้าของร้านเลิกคิ้ว มือหยาบกร้านคว้ากริชจากมือลูกค้าหนุ่มขึ้นพิจารณาอย่างถี่ถ้วน "ถึงร้านฉันมีของกองเป็นพะเนิน แต่ฉันก็จดจำพวกมันได้ทุกชิ้น ฉันมั่นใจว่าไม่เคยมีกริชเล่มนี้อยู่ในร้าน โดยเฉพาะของมีค่า โอ้! ดูนี่สิ ตัวฝักจรดปลายด้ามทำด้วยทองคำกับทองคำขาวทั้งเล่มสินะ ลวดลายงดงามอย่างกับไม่ใช่ฝีมือมนุษย์สร้างแหน่ะ ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ"ชายชราตาลุกวาว รู้สึกทึ่งกับอาวุธปริศนาที่อยู่ในมือ พยายามชักกริชออกจากฝักเพื่อดูเนื้อมีดภายใน ทว่าออกแรงดึงเท่าไรก็ไม่เป็นผล จึงถอดใจยอมแพ้ "แล้วมันอยู่ในร้านคุณได้ยังไง ?"เอเรเคียถามเสียงเครียด การพบของของฝ่ายศัตรูทำให้เขาเริ่มไม่ไว้ใจ แม้กระทั่งคนตรงหน้า หากแต่ความรู้สึกเบื้องลึกก็ได้บอกเขาว่าชายผู้นี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา "ฉันไม่รู้ อาจจะเป็นของลูกค้าคนใดลืมไว้ก็ได้" "ใคร!!!?" "ก็บอกว่าไม่รู้ไง" จากพลังงานมหาศาลที่แผ่ออกมา เอเรเคียมั่นใจว่ากริชเล่มนี้จะต้องเป็นของอัครเทวะคนใดคนหนึ่ง และของสำคัญขนาดนี้ คงไม่มีใครหลงลืมทิ้งไว้ ยกเว้นเพียงแต่อีกฝ่ายจงใจทิ้งมัน นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มกวาดสำรวจทั้งด้านในและด้านนอกของร้าน เพื่อจับสัมผัสกลิ่นอายของอะไรบางอย่าง เวลาผ่านไปราวครึ่งนาทีสิ่งที่เขาสัมผัสได้มีแต่ความว่างเปล่า น่าแปลก ไม่มีการเคลื่อนไหวของพวกมันแม้เพียงสักคน "เฮ้! นั่นมันของในร้านฉัน คิดจะขโมยกันรึไง"เจ้าของร้านวัยชราร้องห้าม เมื่อเห็นว่าเอเรเคียคว้ากริชจากมือกำลังจะยัดมันลงกระเป๋าขยายขนาด มือเหี่ยวยื้อแย่งอาวุธมีค่ากลับมาอยู่กับตัวอีกครั้ง "คุณบอกเองว่าลูกค้าลืมไว้ มันเป็นการขโมยตรงไหนไม่ทราบ"ร่างโปร่งสวนกลับทันทีอย่างคนหัวเสีย ชายชรานิ่งไปเล็กน้อย ทำท่าครุ่นคิดสักพักพลางเผยรอยยิ้ม "ก่อนหน้านั้นมันเป็นของใครฉันไม่สน แต่ตอนนี้มันอยู่ในร้านฉัน ฉันเป็นเจ้าของมัน อยากได้ก็เอาเงินมาแลก ห้าพันเกลเลียนสำหรับงานปราณีตที่หาได้ยากในยุคนี้"คนเจ้าเล่ห์ฉีกยิ้มเห็นเหงือกประดับฟันสองสามสี่ พลางคิดกระหยิ่มในใจเดาจากอาการคนตรงหน้าคงต้องยอมจ่ายอย่างไม่มีข้อกังขา เอเรเคียจ้องมองกริชสลับกับหน้าชายชราอยู่ชั่วครู่ "แค่มีดปอกผลไม้โง่ ๆ เล่มเดียวคิดตั้งห้าพัน เชิญเก็บไว้ปาดคอรีดเลือดตัวเองเถอะ"ไม่ใช่เขาไม่มีปัญญาจ่าย หากแต่รู้สึกไม่พอใจอีกฝ่ายที่แสดงอาการโลภอย่างออกหน้าออกตา เอเรเคียทำท่าหันหลังเตรียมออกจากร้าน จากคนที่ดูเป็นต่อเริ่มตกเป็นรอง ชายชราท่าทางร้อนรนกังวลว่าเงินจำนวนมากกำลังจะปลิวไปจากมือ "เดี๋ยวก่อน!"เจ้าของร้านทัก เรียกให้ผู้กำลังเดินจากไปต้องเหลียวกายกลับมาอีกครั้ง "ในฐานะลูกค้าคนแรก ฉันจะลดราคาให้เป็นพิเศษแล้วกัน" "สามพัน-"ยังไม่ทันที่ชายชราพูดจบ เอเรเคียก็ชิงตัดบทขึ้นมาเสียก่อน "พันห้า" "ของมูลค่าขนาดนี้เทียบกันตามท้องตลาดถือว่าถูกซะยิ่งกว่าถูก ฉันให้ได้แค่สามพันถ้วนเท่านั้น"ชายชราแย้งประหนึ่งเสียผลประโยชน์จากการค้าครั้งนี้ ทั้งที่ตัวเองมีแต่ได้กับได้ เอเรเคียไม่พูดอะไรเตรียมหันหลังกลับเป็นครั้งที่สอง "ดะ..ได้ พันห้าก็พันห้า" "ตกลง"ทายาทแห่งโลหิตธาตุกระตุกยิ้มที่มุมปาก "ขอตัวไปถอนเงินที่กริงกอตส์สักครู่" . . . . . ถุงบรรจุเงินจำนวนหนึ่งพันห้าร้อยเกลเลียน ถูกส่งให้กับเจ้าของใหม่ของมัน ชายชรายิ้มรับด้วยความลิงโลด แต่คนที่ยิ้มกว้างมากกว่าเห็นจะเป็นเอเรเคีย เงินทุกเหรียญต้องคำสาปหากสัมผัสโดนมันแม้เพียงปลายนิ้ว คำสาปก็จะสัมฤทธิ์ผลภายในไม่กี่นาที การแก้ไขมีทางเดียวซึ่งเขาได้เมตตาเขียนวิธีการแก้คำสาปไว้ที่ใต้ถุงเงิน ยินดีด้วย! คุณได้รับสิทธิ์ต้องคำสาป ไม่ต้องตกใจไป ทุกปัญหามีทางออก เพียงแค่คุณแก้ผ้าวิ่งรอบตรอกไดแอกอนจากฝั่งใต้จรดฝั่งเหนือครบจำนวนสามรอบ คำสาปจะคลายฤทธิ์ทันที เห็นไหม...ไม่ต้องเสียเงินรักษาสักเกลเลียนเดียว แถมได้สุขภาพดีอีกด้วย คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม อ้อ! คุณมีเวลาตัดสินใจภายในสิบห้านาทีนี้เท่านั้น อย่ามัวยึกยักชักช้า เวลาของคุณมีไม่มากแล้ว อยากอยู่โลกนี้หรือไปต่อโลกหน้าก็เลือกเอา คำเตือน : การเล่นตุกติกไม่ช่วยให้ฤทธิ์คำสาปสลายไป อนุญาตให้นุ่งชั้นในระหว่างปฏิบัติภารกิจได้เพียงตัวเดียวเท่านั้น "ขอบคุณพ่อหนุ่ม โอกาสหน้าเชิญแวะมาใหม่อีกนะ"เสียงของชายชราเจ้าของร้านดังไล่หลังผู้ที่กำลังเดินล้วงกระเป๋ากางเกง ก้าวออกจากร้านด้วยสีหน้าแช่มชื่น เอเรเคียแสร้งกุเรื่องถอนเงินที่กริงกอตส์ ความจริงแล้วเขาหายไปร่ายคำสาปบวกกับเขียนข้อความส่งถึงตาแก่หน้าเงินนั่นต่างหาก ร่างโปร่งพาตัวเองเดินเรื่อยไปตามถนนพลางมองหาที่เหมาะ ๆ เพื่อรอชมการแสดงอันน่าตื่นตาจากเจ้าของร้าน The Junk Shop ที่กำลังเกิดขึ้นในอีกไม่ช้า . . . . . ภาพของชายชราสวมชั้นในตัวเดียวกำลังวิ่งโขยกเขยกไปตามทางสายหลัก บนตัวเต็มไปด้วยปุ่มปมคล้ายฝีหนองพุพองไปทั่วมองดูน่าสยดสยองปนขยะแขยง เรียกเสียงหวีดร้องตกใจให้กับผู้พบเห็นไปตลอดทาง ไม่รู้ตกใจที่เห็นคนแก้ผ้าวิ่งโทง ๆ หรือเห็นร่างกายที่เต็มไปด้วยแผลเน่าเฟะของตาแก่นั่นกันแน่ "ทำกันแสบมาก อย่าให้ฉันเจอหน้าแกอีกนะไอ้เด็กเวร! พ่อจะสาปให้เป็นกิ้งกือไส้เดือนไปตลอดชีวิตเลยทีเดียว นี่ก็อีกคนยืนเกะกะขวางทางอยู่ได้ หลบไป!"ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคียดแค้น และพาลไปถึงคนรอบข้างที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ สองขาพาร่างกายที่ไม่สมประกอบวิ่งมุ่งหน้าไปยังทิศเหนืออย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย เหนือขึ้นไปบนหลังคาร้านค้าแห่งหนึ่ง เป็นที่เอเรเคียอาศัยนั่งชมภาพการวิ่งแก้คำสาป มองดูแล้วตลกปนน่าสมเพชในสายตา หลังนั่งดูชายชราวิ่งผ่านหน้าไปมาจนครบรอบที่กำหนด เอเรเคียจึงลุกขึ้นยืนสูดอากาศหายใจเข้าจนเต็มปอด พลางบิดขี้เกียจเพื่อขับไล่ความเมื่อยขบ ครั้นหันหลังเหลียวกายใบหน้าเนียนก็ปะทะเข้ากับอะไรบางอย่าง มันเป็นร่างของคนที่เขาเพิ่งสลัดหลุดไปเมื่อชั่วโมงก่อนนั่นเอง "ได้เวลากลับแล้วขอรับ"น้ำเสียงนุ่มทุ้มดังมาจากปากเจ้าของร่างสูงใหญ่ กว่าจะพาตัวเองหลุดพ้นจากสตรีวัยกลางคนรุ่นเพื่อนแม่ได้ ก็ทำเสียเวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง ครั้นเดินตามหาผู้เป็นนายอยู่สักพักเห็นอีกฝ่ายกำลังย้ายตัวเอง ขึ้นมานั่งชมบรรยากาศอยู่บนหลังคา ชายหนุ่มจึงปล่อยให้เอเรเคียได้ดื่มด่ำกับภาพตรงหน้าได้ตามที่ต้องการ โดยมีสายตาคู่คมเฝ้ามองอยู่ไม่ห่าง จวบจนถึงแก่เวลาต้องเดินทางกลับสู่ราชบัลลังก์นิรยภูมิ ร่างสูงจึงได้ปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าผู้เป็นนาย สังเกตว่าสีหน้าเอเรเคียดูผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด "รถม้าที่กำลังมารับประสบอุบัติเหตุระหว่างทาง คาดว่าต้องใช้เวลาในการซ่อมแซมสักพักใหญ่ อาจทำให้นายท่านต้องเสียเวลาคอยนานโดยเปล่าประโยชน์ ฉะนั้น "เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลค้อมศีรษะลงเล็กน้อย "ขออนุญาตขอรับ"สิ้นคำพูด แขนแกร่งทำหน้าที่โอบร่างผู้เป็นนายแนบชิดกับตนเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้เกิดช่องว่างระหว่างกันน้อยที่สุด และเพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่ทำเอเรเคียหล่นหายระหว่างทาง มันเป็นวิธีเฉพาะที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับผู้ติดตามในการเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ โดยไม่ต้องพึ่งผงฟลู หรือกุญแจนำทางที่น่าเวียนหัว มือที่ว่างอีกข้างล้วงไม้กายสิทธิ์ชูขึ้นเหนือศีรษะพลางเอ่ยคาถาในใจ เพียงสิ้นคำร่ายพยางค์สุดท้ายก็เกิดควันสีดำพวยพุ่งจากปลายไม้ฯ พร้อมกับร่างทั้งสองหายวับไปในพริบตา เหลือเพียงหลังคาที่ว่างเปล่าและเสียงจอแจจากผู้คนเดินสวนกันไปมาอยู่เบื้องล่าง #990000 / Erekia Seere Almaecious Aragon หญิงวัยกลางคนเจ้าของร้านรับตัดเย็บเสื้อผ้าสตรี ชายชราเจ้าของร้านขายของทิ้งแล้ว (เรื่องจริงใครขายไม่รู้ แต่เรื่องนี้มโนตัวละครขึ้นเอง 100%) Photo : Lucifer appeals for permission to return to heaven, Midjourney by SimpCommando , @JHANA |
|
|
Lo-Fi ; ประหยัดแบนวิธ,โหลดเร็ว | เวลาในขณะนี้: 8th June 2024 - 12:28 AM |